เรื่องมันเศร้า... - เรื่องมันเศร้า... นิยาย เรื่องมันเศร้า... : Dek-D.com - Writer

    เรื่องมันเศร้า...

    อันนี้เขียนเพื่อตอบที่เพื่อนเขียนมาถามนะครับว่า "บีบเรื่องไงให้เศร้า" ถ้าไม่สนใจไม่ต้องอ่านนะครับ ไม่ใช่เรื่องผีเหมือนทุกทีหรอกนะ

    ผู้เข้าชมรวม

    520

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    6

    ผู้เข้าชมรวม


    520

    ความคิดเห็น


    11

    คนติดตาม


    0
    หมวด :  นิยายวาย
    เรื่องสั้น
    อัปเดตล่าสุด :  3 มี.ค. 55 / 08:16 น.


    ข้อมูลเบื้องต้น
    ผมก็แค่มือสมัครเล่น เลยไม่ค่อยมั่นใจว่าจะแนะนำได้มากแค่ไหนนะ เอาเป็นว่าผมเขียนจากความคิดเห็นของตัวเองละกัน ถ้ามันจะช่วยคุณได้บ้างก็จะดีใจมาก บอกตามตรงว่าคิดจะเขียนสั้นๆ แต่มันดันยาวได้ไงก็ไม่รู้ เลยต้องเอามาใส่ให้อ่านในนี้แทนที่จะโพสต์ตอบตามปกติ โปรดช่วยอภัยให้ลูกช้างด้วยนะครับ
    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ

      ต้องยอมรับสารภาพว่าผมไม่ถนัดเขียนเรื่องเศร้าแต่ถนัดเขียนเรื่องเล่ามากกว่า ( ฮา ) โดยวิธีการเขียนของผมก็จะย่อยสลายความคิดของตัวเองก่อน ก่อนจะตกตะกอนออกมาเป็นส่วนๆ ประมาณ 4 ส่วนดังนี้ 1. โครงเรื่อง ( Plot ) อันนี้สำหรับผมจะค่อนข้างง่ายเนื่องจากเขียนจากประสบการณ์จริงไม่ต้องนั่งปั้นแต่งเรื่องว่าจะให้มันเป็นยังไง  แค่ต้องพยายามนึกให้ออกเท่านั้น ( ระยะหลังๆ ยิ่งนึกยิ่งหูลายตาลายคล้ายจะเป็นอัลไซเมอร์ ToT ) 2.ชื่อตัวละครและชื่อสถานที่ อันนี้สำหรับผมเป็นเรื่องยุ่งยากมากเพราะเขียนจากเรื่องจริง ดังนั้นการจะเปลี่ยนชื่อไปใช้ชื่ออื่นมันจะเกิดความขัดแย้งกับความเป็นจริง จริงๆ ได้ แถมชื่อจริงของบางคนก็เพราะมากจนไม่อยากเปลี่ยนให้เป็นอย่างอื่น การตั้งชื่อตัวละครนั้นสำคัญมากหากตั้งชื่อไม่เข้ากับเนื้อเรื่องละก็ จะทำให้รู้สึกต่อต้านจากคนอ่านเอาง่ายๆ ขออนุญาตยกตัวอย่าง ถ้าตัวละครเกาหลีมีชื่อเป็นฝรั่ง อันนี้ไม่ค่อยแปลก แต่... ถ้าตัวละครเป็นฝรั่งแต่ชื่อเป็นเกาหลี ผมเชื่อว่ามีฝรั่งชื่อเกาหลีนะ แต่มันจะทำให้ผู้อ่านรู้สึกขัดๆ ได้ หรือเล่าเรื่องไทยย้อยยุคแต่ชื่อ เมทินี อะไรประมาณนี้ก็ไม่ไหวนะ 3. ฉากหลัง ถ้าอ้างจากสถานที่จริงต้องไม่มั่ว ถ้าไม่เคยเห็นต้องศึกษา ถ้าบรรยายผิดมันจะไม่ฮา แต่จะโดนด่าแทน เนื่องจากยุคนี้มันเป็นโลกของWWW. อย่าคิดเด็ดขาดว่าผู้อ่านเรามีน้อยหรือเฉพาะกลุ่ม จงจำไว้ให้มั่นผู้อ่านเรามีทั่วโลกครับ ที่ๆ ที่เราเซตไว้เป็นฉากของเรื่องมันต้องมีคนไปเห็นของจริงมาแล้วเป็นร้อยเป็นพันครั้งหรืออาจจะมากกว่านั้น ถ้า... เป็นโลกจินตนาการต้องไม่ขัดแย้งกันเองเช่นอยู่ในโลกออนไลน์ใช้แบล็กเบอรี่อะไรงี้อ่ะ ขอเห้อะ.. ไม่ใช่มีไม่ได้แต่น่าจะใช้อย่างอื่นติดต่อสื่อสารกันมากกว่าของในโลกจริง ไหนๆ ก็เป็นโลกจินตนาการแล้วนี่เอาให้บรรเจิดในจิตนาการหน่อยน่าจะดี ยกเว้นแต่จะแสดงให้ผู้อ่านเห็นว่าตั้งใจให้มีของแบบนั้นในโลกนิยายก็แล้วไป 4.สุดท้ายการบรรยายครับ การบรรยายผมจะไม่ใช้ความพยายามครับ จะให้มานั่งนึกว่าจะบรรยายยังไงดีนั้นผมไม่ทำ แต่จะใช้วิธีการแบบว่า พอเราเขียนไป อ่านไป ทำงานอย่างอื่นไปมันมีนะครับบางครั้งเราจะนึกขึ้นได้เอง ( ปิ๊งๆ วิ้ง ๆ 555 ) ถ้าเราเขียนในช่วงนั้นได้นะครับอารมณ์อะไรๆ มันจะไหลลื่นดีมาก แต่เขียนทันทีนะครับไม่ใช่    อืม.... เดี๋ยวเราจะเขียนแบบนี้นะตามที่นึกได้นี่แหละ! ไม่ได้ผลหรอกครับ ถ้าไม่เขียนในทันทีอารมณ์ในการเขียนมันจะเปลี่ยน ยิ่งจะมาคิดเขียนเอาช่วงว่างๆ หัวมันจะตันเอา ถ้ามัน ปิ๊งขึ้นมาในหัวหาอะไรจดทันที ผมใช้วิธีนี้แหละครับ ( ถามเรื่องบีบเรื่องยังไงให้ฮา ...เอ้ยเศร้า ดันเล่าเรื่องวิธีเขียนของตัวเองซะนี่ เอาละๆ สิ่งที่เขียนข้างล่างนี้เป็นความคิดเห็นส่วนตัวที่เค้นจากสมองไอ้ปัฐซะจนระบม ถือว่ามาเล่าให้กันฟังละกันนะครับ ไม่ถือเป็นเคล็ดลับอะไรหรอก และกรุณาใช้วิจารณญาณในการอ่านด้วยจะดียิ่ง ( ฮา ) )

      โดยปกติความเศร้ามักจะเกิดจากความสูญเสีย ยิ่งเป็นสิ่งที่สำคัญมากเท่าไรยิ่งทำให้เศร้าได้มากเท่านั้น แต่ กระนั้นความเศร้าก็มีหลายรูปแบบ ถ้าคิดจะเขียนเรื่องเศร้าก็ต้องย่อยสลายความคิดออกมาก่อนว่าจะเขียนเรื่องเศร้าในแนวไหน เช่นเรื่องเศร้าที่เกิดจากความรันทดในชีวิตชีวาวาด อเน็จอนาจวาสนา  ขออนุญาตยกตัวอย่างสักนิดนะครับ

      “ เด็กสาวผู้สูญเสียดวงตาอย่างถาวรตั้งแต่กำเนิด ด้วยตาด้านขวาบอดกลวงลึกลงไปในเบ้า แล้วตาซ้ายยังหลุบแนบติดกันจนแทบมองไม่เห็น เอื้อมมือดึงตัวขึ้นเกาะราวไม้ไผ่หน้าบ้านริมคลองซึ่งเธอเคยอยู่ 2 คนกับแม่ซึ่งทนความลำบากไม่ไหวและทิ้งเธอไปได้หลายปีมาแล้ว สองขาลีบเล็กไม่ต่างจากแขนอันเกิดขึ้นจากอาหารซึ่งไม่เคยพอเพียงในแต่ละมื้อ รวมถึงบางทีก็ไม่มีอะไรตกถึงท้องเลยร่วมหลายวัน ทำให้ร่างกายนั้นเคลื่อนไหวไม่สะดวกเอาเสียเลย ขยับตัวที ต้องคอยช่วยกันพยุงทั้งแขนขา แต่ก็ยังไม่ละความพยายามที่จะมุ่งหน้าไปที่กองขยะเพื่อหาบางอย่างแลกเป็นเงินอันเล็กน้อยมาพอเลี้ยงตัวให้ผ่านพ้นไปวันๆ “

      เศร้าพอไหมครับสำหรับผมแล้วนี่เศร้าจนไม่อยากเขียนต่อเลยทีเดียวและผมเองก็ไม่ค่อยชอบเขียนเรื่องแบบนี้เท่าไรนักชอบเขียนเรื่องที่สบายๆ มากกว่า เรื่องเศร้าอีกประเภทหนึ่งนะครับก็คือความเศร้าจากการสูญเสียคนหรือสัตว์,สิ่งของอันเป็นที่รักไม่ว่าทั้งพ่อแม่ผู้สูญเสียลูก, หญิงสาวผู้เสียชายอันเป็นที่รักไป นี่คงไม่ต้องยกตัวอย่างนะ เรื่องมันเศร้า!  ส่วนอีกประเภทก็เป็นเรื่องเศร้าที่เกิดจากความไม่สมหวังไม่ว่าจะเป็นการเรียน การงาน หรือแม้แต่รักที่ไม่สมหวัง ยกตัวอย่างเช่น

      “ ผมไม่รู้เหมือนกันว่าความรู้สึกนี้มันเกิดขึ้นตั้งแต่ตอนไหน ระยะห่างระหว่างเราที่ใกล้กัน.. มากจนเกินไป ผมคงบอกความรู้สึกนี้ออกไปไม่ได้ เพราะไม่ว่ายังไงเธอต้องปฏิเสธมันอยู่ดี แค่รู้สึกดีก็เกินพอแล้วล่ะ แค่เก็บมันไว้ในใจ  ...แต่ความจริงแล้วผมก็หวังไว้.. ถ้าเธอคิดเหมือนกัน .. ไม่ว่าจะเป็นพ่อแม่.. เพื่อน.. หรืออนาคต.. แม้แต่ทุกสิ่งทุกอย่าง ผมก็พร้อมจะทิ้งเพื่อเธอ  ผมรักเธอมากจริงๆ !!  ทำไม ? พี่ถึงต้องกลายเป็นเพียงคนเดียว ที่ไม่มีสิทธิ์ครอบครองเธอ ทั้งๆ ที่อยู่ใกล้เธอมากกว่าใครๆ ...พี่พร้อมจะทิ้งทุกสิ่งเพื่อให้ได้เธอมา จนแม้ถึงตอนนี้ผมก็ยังคิดแบบนั้น  

      ผมเขียนเรื่องเศร้าไม่เก่งอ่ะถ้าไม่เศร้าก็อย่าว่ากันนะ แต่ก็ประมาณนี้ละมั้ง ตอนแรกก็ต้องมีพลอตหรือโครงเรื่องที่แข็งแรงสมเหตุสมผลก่อนว่าจะให้ออกมาเป็นเรื่องเศร้าแนวไหน แล้วบีบให้เศร้าขึ้นไปได้อีก โดยการเพิ่มความรู้สึก “ ดี “ของตัวละครเข้าไป ยิ่งความรู้สึกดีและมีความสุขกับเรื่องมากแค่ไหนเมื่อต้องสูญเสียความสุขนั้นไปก็จะยิ่งเศร้ามากเท่านั้น

      ยกตัวอย่างเปรียบเทียบ ระหว่างหญิงสาวที่มีพร้อมทุกอย่างไม่ว่าสมบัติรูปโฉมโนมพรรณ ครอบครัว คนรัก ถ้าเธอต้องสูญเสียทุกอย่างที่ว่ามาคิดว่าจะเศร้าได้แค่ไหน และ เมื่อเทียบกับอีกหนึ่งสาวที่ไม่มีอะไรเลยนอกไปจากเพื่อนวัยเด็กซึ่งอยู่เคียงข้างเธอเสมอมาไม่ว่าเมื่อไรเมื่อมองออกไปเธอต้องเห็นเขาอยู่เสมอ แล้ววันหนึ่งเธอก็สูญเสียเขาไป เรื่องไหนจะเศร้ามากกว่ากัน โดยส่วนตัวผมคิดว่าการสูญเสียหลายๆ อย่างในชีวิตมันไม่เศร้าเท่ากับการเสียสิ่งๆ เดียวที่เคยมีอยู่ในชีวิตไปได้ เพราะการสูญเสียหลายๆ อย่างนั่นจะกระจายความเสียใจไปให้กับหลายสิ่งด้วยเช่นกัน แต่กระนั้นความเศร้ามันก็ขึ้นอยู่กับความสำคัญของสิ่งที่สูญเสียนั่นละครับ ยิ่งรักมากก็ยิ่งทุกข์มาก ยิ่งสุขกับเรื่องใดมากก็ยิ่งเศร้าใจกับเรื่องนั้นมากเช่นกัน และถ้าสิ่งเดียวที่สูญเสียไรท์เตอร์ยังคิดว่ามันเศร้าไม่พอก็ค่อยเพิ่มจำนวนสิ่งที่สูญเสียให้มากขึ้นอีกในตอนหลัง แต่ตอนแรกต้องเน้นไปที่สิ่งเดียวก่อนอันที่สำคัญที่สุด สำคัญยิ่งกว่าชีวิตของตัวละครเลยยิ่งดียิ่ง

      สรูปปปปปป

      นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า “ เรื่องมันเศร้า แต่..ทะไมพอตรูเล่าแล้วเอ็งขำอ่ะ ...!!??

       

                                                                                                      ไอ้ปัฐเองจ้า

      ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

      loading
      กำลังโหลด...

      ความคิดเห็น

      ×