[Fic HP/DM] A Hundred Reasons of Hatred (Y) - [Fic HP/DM] A Hundred Reasons of Hatred (Y) นิยาย [Fic HP/DM] A Hundred Reasons of Hatred (Y) : Dek-D.com - Writer

    [Fic HP/DM] A Hundred Reasons of Hatred (Y)

    "ฤดูหนาว หอดูดาว และร้อยเหตุผลความเกลียดของเดรโก" Y ค่ะ ไม่นิยมชมชอบก็ไม่ต้องกดเข้ามาอ่านนะคะ ^ ^ คู่ HP/DM , PG , Romance?? , one shot

    ผู้เข้าชมรวม

    6,536

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    5

    ผู้เข้าชมรวม


    6.53K

    ความคิดเห็น


    27

    คนติดตาม


    200
    เรื่องสั้น
    อัปเดตล่าสุด :  20 มี.ค. 51 / 02:09 น.


    ข้อมูลเบื้องต้น

    Title: A Hundred Reasons of Hatred [Beta'd by Mr.lighthouse, Rain, P'merf]

    Author: ichi2

    Category: เอ่อ...Romance มั้ง (ความสามารถในการจำแนกแคทะกอรี่ของเราติดลบน่ะ - -)

    Pairing: Harry Potter / Draco Malfoy

    Rating: PG

    Spoilers: เล่มเจ็ดนิดหน่อยรึเปล่าหว่า...?

    Disclaimer: ถ้าตัวละครเป็นของเราล่ะก็ รับรองแฮร์รี่ถูกจับแต่งงานกับเดรโกแน่นอน แต่ทั้งคู่ดันเป็นของเจเคน่ะซี ฮึ่ม!

    Summary: ฤดูหนาว หอดูดาว และร้อยเหตุผลความเกลียดของเดรโก (จริง ๆ แล้วทั้งหมดก็มีแค่นี้ล่ะนะ ^ ^)

    Authors notes: ก่อนอื่นก็ต้องสวัสดีทุกคนค่ะ เราเพิ่งลงฟิคที่เวบเด็กดีเป็นครั้งแรก และด้วยความที่โง่คอมบวกกับไม่เคยได้มาวนเวียนในนี้มาก่อน ทำให้เราไม่รู้เรื่องอะไรเลย ทำอะไรต้องเปิดหน้าต่างไกด์เอาไว้ตลอด กว่าจะมาถึงนี่ได้ก็หืดขึ้นคอ - -"
    ตะกี้ส่วนตรงนี้ก็หายไปต้องเข้ามาพิมพ์ใหม่ค่ะ (เฮ้อ เหนื่อย)

    ก็เห็นเขาลงฟิคกันในเวบนี้เยอะ เราก็เลยลอง ๆ มาลงมั่ง ส่วนใหญ่เราเน้นเขียนฟิคแฮร์รี่ค่ะ ^ ^

    มีอะไรแนะนำติชมได้เต็มที่นะคะ
    นิยายแฟร์ 2024
    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ

      ~ A Hundred Reasons of Hatred ~

       

      ท้องฟ้ายามค่ำคืนปราศจากเมฆ ดวงจันทร์ส่องแสงลงมาเพียงเสี้ยว แม้จะขึ้นมาบนหอดูดาวที่สูงเสียดฟ้าแล้วแต่แสงสว่างก็ยังไม่เพียงพอ เพราะท้องฟ้ากระจ่างมากเกินไป ทำให้ไม่เห็นดาวแม้สักดวง มันดีที่ไม่มีเมฆหมอก แต่ไม่ดีเลยที่ไม่มีดวงดาว...

       

      ผมเอนหลังเงยศีรษะชนกำแพงหิน หลับตาและปล่อยให้สายลมเย็นยะเยือกพุ่งเข้าปะทะผิวหน้าราวกับคลื่นทะเลบ้าคลั่ง พัดปอยผมปลิวขึ้นและทิ้งรอยแผลบาดลึกลงบนผิวหนัง บาดแผลที่ไม่มีใครมองเห็น มีเพียงผมเท่านั้นรู้สึกถึงความเจ็บปวดของมัน

       

      ผมนึกถึงคำเสียดสีที่คนมักพูดกันว่าสิ่งใดยิ่งไม่ชอบเรายิ่งต้องเจอะเจอกับมัน ผมเคยคิดว่านั่นเป็นคำพูดน่าสมเพชที่คนอ่อนแอใช้กล่าวโทษสิ่งไม่มีตัวตนเวลาที่เจอเรื่องไม่สมหวัง แต่ตอนนี้ตัวผมเองกลับใช้เวลาส่วนใหญ่ในแต่ละวันนั่งคิดถึงคำพูดเหล่านั้น ผมใช้ชีวิตอยู่กับสิ่งที่ไม่ชอบ พบเจอแต่คนที่ผมเกลียด ผมเกลียดการอยู่คนเดียวแต่ผมมักต้องอยู่คนเดียวเสมอ ผมเกลียดอากาศเย็นเพราะมันยิ่งทำให้ผมซีดราวกับผีตายซาก แต่บ้านของผมมีแต่ฤดูหนาว

       

      ทำไมผมถึงเอาแต่คิดถึงเรื่องพวกนี้...หรือเพราะความอ่อนแอ?

       

      ...ไม่ใช่...

       

      ผมไม่ได้อ่อนแอ...ผมน่าสมเพช

       

      เสียงฝีเท้าดังขึ้นและหยุดลง แทนที่ด้วยเสียงทุ้มต่ำของชายหนุ่มคนหนึ่ง

       

      นายขึ้นมาบนนี้อีกแล้ว

       

      ผมไม่รู้ว่าทำไมเขาถึงมาที่นี่ได้ทุกครั้งที่ผมมา ผมไม่เคยบอกเขาเลยสักครั้ง

       

      นายบอกว่านายไม่ชอบอากาศเย็น บนนี้หนาวยังกับขั้วโลก  นั่นไม่ใช่เรื่องจริง บนนี้อาจหนาวกว่าส่วนอื่น ๆ ของปราสาทแต่ไม่ได้หนาวขนาดนั้นแน่ ๆ  เขาชอบพูดอะไรให้เกินความจริงไว้ก่อนเสมอ นั่นเป็นเหตุผลข้อแรกที่ผมเกลียดเขา

       

      ทำไมนายถึงชอบขึ้นมาบนนี้นัก?  เขาทรุดตัวนั่งลงข้าง ๆ

       

      ผมไม่ขยับตัว ยังคงหลับตาและแหงนหน้าอยู่อย่างนั้น เขารู้อยู่แล้วว่าผมจะไม่ตอบคำถามนั้น ดังนั้นผมจึงไม่ตอบ เขาชอบถามทั้งที่รู้ว่าผมจะไม่ตอบ นั่นเป็นเหตุผลข้อสองที่ผมเกลียดเขา

       

      ขึ้นมาตอกย้ำความผิดพลาดในอดีตงั้นสิ

       

      ทึกทักหาคำตอบเอาเองก็เป็นอีกเหตุผลหนึ่งที่ทำให้ผมเกลียดเขา

       

      สองปีก่อน นายหันหลังอย่างสมบูรณ์ที่นี่ ภาพเหตุการณ์วันนั้นมันรบกวนจิตใจนายมากเลยใช่ไหม?  เขากำลังพูดถึงวันที่ผมเผชิญหน้ากับอดีตอาจารย์ใหญ่บนหอดูดาวนี่ ก่อนที่ผมจะวิ่งหนีไปเข้าร่วมกับฝ่ายมืดอย่างเต็มตัว สานฝันร้ายของตัวเองให้ดำเนินต่อไปอีกหนึ่งปีเต็มหลังจากนั้น ก่อนที่มันจะถูกปิดฉากลงไปด้วยฝีมือของเขาเอง ผมไม่รู้ว่าเขารู้เรื่องนี้ได้ยังไง ผมเป็นคนเดียวที่อยู่ในเหตุการณ์วันนั้นและยังมีชีวิตอยู่ และผมไม่เคยเล่าให้ใครฟัง...อย่างน้อยก็ไม่ใช่ในรายละเอียดที่เป็นต้นเหตุของสิ่งรบกวนจิตใจผม

       

      ใช่...เหตุผลที่ผมมักจะขึ้นมาบนนี้ก็เพื่อตอกย้ำความโลเลในอดีตของตัวเอง เนื่องจากมันรบกวนจิตใจผม เขาทายถูกทั้งหมด และนั่นทำให้ผมเกลียดเขา เรื่องบางเรื่องเขารู้ดีมากเกินไปจนผมอยากเตะเขาแรง ๆ

       

      นายรู้ไหมวันนั้นฉันก็อยู่ที่นี่ด้วย  เขาหันศีรษะมามองผม ดูว่าผมจะมีปฏิกิริยากับคำพูดนั้นรึเปล่า ผมลืมตาและหันไปสบกับเขาอย่างลืมตัว ผมพลาดเสียแล้ว ผมมักจะพลาดต่อหน้าเขาเสมอ นี่เป็นอีกเหตุผลที่ผมเกลียดเขาเหลือเกิน

       

      ฉันอยู่ตรงนี้  ริมฝีปากของเขาแย้มออกเผยความพึงใจขณะที่ชายหนุ่มชี้นิ้วลงที่พื้นบริเวณที่พวกเรานั่งอยู่  ใต้ผ้าคลุมล่องหน โดนคำสาปสะกดนิ่งของศาสตราจารย์ดัมเบิลดอร์ เห็นเหตุการณ์ทุกอย่างตั้งแต่ต้นจนจบ

       

      ผมหันหน้ากลับมา แปลกใจตัวเองเหมือนกันที่ไม่ตกใจกับเรื่องนี้เท่าที่คิด จะว่าไปผมรู้สึกเหมือนรู้อยู่แล้วว่าเขาต้องเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง ไม่เคยมีฉากเด่นฉากใดในหน้าประวัติศาสตร์ที่ไม่มีเขาร่วมแสดงด้วย ไม่เว้นแม้แต่ฉากนี้ เสียแต่ว่าเขาไม่ได้รับบทเป็นฮีโร่เหมือนทุกทีเท่านั้น

       

      ลมหนาวพัดมาอีกระลอก ยังกายของผมสั่นระริก ผมงอเข่าเข้าหาตัวแล้วกอดอก เขาหันมามองผมแล้วถอดผ้าพันคอสีแดงที่เขาใส่อยู่ยื่นมาให้ ผมมองมันก่อนมองหน้าเขา ไม่พูดอะไร ถ้าเขาเก่งนักเขาก็น่าจะเข้าใจได้โดยที่ผมไม่ต้องส่ายหัวปฏิเสธ หรือไม่อย่างน้อยเขาก็น่าจะรู้ว่านิสัยผมเป็นยังไง

       

      เขารู้ ผมมั่นใจว่าเขารู้ เหมือนที่ผมรู้จักเขานั่นแหละ...หัวดื้อและช่างเอาแต่ใจตัวเองอย่างเหลือล้น เขาถอนหายใจแล้วจัดการพันมันให้ผมเสียเอง ก่อนจะกลับไปนั่งท่าเดิมเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ให้ตายสิ ผมเกลียดเขาชะมัด

       

      ฉันไม่เข้าใจเลย นายคิดอะไรของนาย  เขาเริ่มต้นพูดอีกครั้ง และผมไม่มีวันรู้หรอกว่าเขากำลังพูดถึงประเด็นไหน ตราบใดที่เขายังพูดไม่ชัดเจนอยู่อย่างนี้  ไม่ชอบอากาศหนาวแต่กลับชอบขึ้นมานั่งแช่อยู่บนหอดูดาวคราวละนาน ๆ แถมยังใส่เสื้อผ้าบาง ๆ อีก  เขายกมือขยี้หัว

       

      ผมไม่ได้ชอบขึ้นมาบนนี้สักหน่อย ผมเพียงแต่ขึ้นมาบ่อยจนรู้สึกชินแล้ว และที่ใส่เสื้อผ้าบาง ๆ ก็เพราะผมอาบน้ำเตรียมจะเข้านอนแล้ว วันนี้ก็ตั้งใจแวะขึ้นมาแป๊บเดียวเท่านั้น ผมไม่ได้ชอบนั่งแช่นาน ๆ ด้วย แค่นั่งแล้วมักจะขี้เกียจลุก

       

      ผมบอกหรือยังว่าผมเกลียดที่เขาชอบขยี้หัวตัวเองอยู่นั่น ทั้งที่มันยุ่งจะแย่อยู่แล้ว

       

      นายจะกลับหอนอนรึยัง?

       

      เขาถามทั้งที่รู้คำตอบอยู่แล้ว การ ถามทั้งที่รู้คำตอบอยู่แล้ว ต่างกับการ ถามทั้งที่รู้ว่าผมจะไม่ตอบ เพราะมันน่าหมั่นไส้กว่า

       

      เลยเวลาปิดหอมาแล้วด้วย กลับมาเรียนปีสุดท้ายจนจะจบอยู่แล้วนายก็ยังไม่เลิกทำผิดกฎโรงเรียนอีกนะ

       

      ผมไม่รู้ว่าเขาสำนึกบ้างรึเปล่าว่าสิ่งที่เขาพูดอยู่ก็เข้าตัวเขาเองทั้งหมดเหมือนกัน

       

      นายนี่มันเด็กเกเรประจำโรงเรียนจริง ๆ 

       

      ผมตวัดสายตามองเขา เขากล้าดียังไงมาว่าผมเป็นเด็กเกเร เขาเคยดูตัวเองบ้างรึเปล่า ไม่รู้หรือไงว่าโลกนี้ไม่หลงเหลือเด็กเกเรอยู่อีกแล้วเมื่อเทียบกับวีรกรรมมหาศาลที่เขาเคยก่อไว้

       

      เขาหัวเราะขึ้นมาอย่างรู้ทัน  มองอย่างนี้จะประท้วงว่าฉันเกเรกว่าล่ะสิ 

       

      ก็รู้ตัวนี่... 

       

      โอเค ฉันไม่เถียงก็ได้ 

       

      ก็ต้องอย่างนั้นอยู่แล้ว เขามีสิทธิ์เถียงเมื่อไหร่ล่ะ

       

      เขาเงียบไป ผมเหล่ตามองเขา เขาไม่ได้มองผมแล้วแต่กำลังแหงนหน้ามองฟ้า สูดอากาศหอมโปร่งและอมยิ้มน้อย ๆ  ผมไม่รู้ว่าอะไรดลใจให้เขาเปลี่ยนแว่นใหม่มาเป็นสีแดง มันเกะกะสายตาผมทุกครั้งที่หันไปเห็น แม้ว่ามันจะขับให้หน้าเขาดูดีขึ้นกว่าแว่นทรงกลมสีดำอันเก่าก็เถอะ แต่ผมเกลียดมัน ผมเกลียดสีแดงและเกลียดวิธีการขยับแว่นด้วยนิ้วกลางของเขาด้วย

       

      ปีที่แล้วอากาศหนาวกว่าปีนี้นะ  เขาเอ่ยขึ้นมาอีกครั้ง และผมต้องยอมรับว่าผมไม่ได้เอะใจถึงเรื่องนี้จนกระทั่งเขาเอ่ยปากนี่แหละ จริงอย่างว่า ปีที่แล้วค่อนข้างหนาวกว่านี้ แต่มันไม่สำคัญหรอก สำหรับผมหนาวก็คือหนาว ผมเกลียดอากาศหนาวไม่ว่าจะหนาวมากหนาวน้อยก็ตาม

       

      นายคงเกลียดปีที่แล้วน่าดูเลยสิ

       

      ผมไม่เข้าใจว่าเขาจะเปิดประเด็นขึ้นมาทำไม

       

      แต่นายรู้ไหม ฤดูหนาวเป็นฤดูที่ดีนะ เพราะมันเป็นช่วงเวลาที่ผู้คนต้องการความอบอุ่น ดังนั้นคนจึงใช้เวลาอยู่ร่วมกันมากที่สุดในฤดูหนาว

       

      ผมไม่คิดว่าจะเป็นอย่างนั้นเสมอไปหรอก

       

      ฉันชอบฤดูหนาว

       

      ผมไม่ชอบ ผมเกลียดฤดูหนาว เพราะมันหนาว สำหรับผมเหตุผลข้อเดียวเพียงพอแล้วที่จะเกลียดอะไรสักอย่างหนึ่ง

       

      ผมเงยหน้าขึ้นมองฟ้า ดาวดวงเล็กดวงน้อยกระจายตัวส่องแสงเต็มผืนฟ้าตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้ ทั้งที่สักครู่นี้ฟ้ายังโล่งอยู่แท้ ๆ  ราวกลับดาวกลับคืนสู่ฟ้าพร้อมกับการมาของเขาอย่างไรอย่างนั้น เขามีอิทธิพลต่อทุกสิ่งทุกอย่างเสมอ ไม่เว้นแม้ธรรมชาติ...ไม่เว้นแม้ผม ผมเกลียดที่ตัวเองไม่เคยต้านทานอำนาจนี้ได้เลย ไม่ว่าเมื่อไหร่ชีวิตผมมักขึ้นอยู่กับเขาเสมอ...ผมเกลียดเขา

       

      เดรโก

       

      ผมไม่เคยอนุญาตให้เขาเรียกชื่อต้นผม เขาถือวิสาสะเรียกเอาเอง เหมือนอย่างอื่นที่เขามักถือวิสาสะทำตามใจตัวเองนั่นแหละ

       

      เขาขยับตัวเข้ามาใกล้ผม ผมหันหน้าไปมองเขา เขาถือโอกาสนั้นยื่นศีรษะเข้ามาและจูบผม  ฉันรักนาย

       

      ...ผมเกลียดเขา...

       

      เกลียดนิสัยเสียนี้ของเขา เขานึกอยากจะจูบที่ไหนเมื่อไหร่ก็จูบ ไม่เคยบอกกล่าว ไม่แคร์สายตาใคร ไม่สนใจว่าผมยินยอมหรือไม่ ไม่เคยแม้แต่เอ่ยปากขอ เกลียดที่เขาเอาแต่พูดว่าเขารักผมอยู่นั่น เขาไม่รู้หรือไงว่ามันน่ารำคาญ

       

      ฉันรักนาย

       

      ...ผมเกลียดเขา...

       

      เกลียดที่เขาชอบมาพูดใกล้ ๆ ผม เกลียดที่ลมหายใจอุ่น ๆ ของเขาทำให้ผมใจสั่นและต้องหลับตาหนี เกลียดดวงตาสีเขียวของเขา มันทำให้ผมนึกถึงนกอินทรีย์ตัวใหญ่...ผมเกลียดนกอินทรีย์ มันทำให้ผมนึกถึงฮิปโปกริฟฟ์...

       

      ฉันรักนาย รักเส้นผมสีบลอนด์ของนาย รักดวงตาสีเทาของนาย รักผิวขาว ๆ ของนาย มันทำให้ฉันนึกถึงฤดูหนาว

       

      ผมเกลียดเขา เกลียดผมสีดำที่ยุ่งตลอดปีตลอดชาติของเขา เกลียดคอยาว ๆ ของเขา เกลียดมือใหญ่ ๆ ของเขา...มือที่มักจะคว้าลูกสนิตช์ได้ก่อนผมเสมอ เกลียดตรากริฟฟินดอร์ที่ปักอยู่บนอกของเขา เกลียดเสียงหายใจของเขา ผมเกลียดมันทั้งหมด...

       

       เดรโก

       

      ผมลืมตาขึ้น เห็นร่างสูงโปร่งของเขายืนอยู่เบื้องหน้า เงาใหญ่ทอดทับลงมาบนตัวผม

       

      ไปขี่ไม้กวาดเล่นกันไหม?  เขายื่นมือออกมาแล้วฉีกยิ้มกว้าง ผมรักรอยยิ้มของเขา รอยยิ้มที่ผมไม่เคยละสายตาจากมันได้สักที นี่เป็นเหตุผลเพียงข้อเดียวที่ทำให้เหตุผลของความเกลียดชังข้ออื่น ๆ ทั้งหมดเป็นโมฆะ ผมวางมือลงบนฝ่ามือใหญ่ ปล่อยให้เขาดึงผมลุกขึ้นยืนและยอมพูดกับเขาในที่สุด

       

      ฉันเกลียดฤดูหนาว

       

      เขาเพียงแต่ยิ้มตอบ

       

      - Finis -

      ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

      loading
      กำลังโหลด...

      ความคิดเห็น

      ×