[Fic HP/DM] A Hundred Reasons of Hatred (Y)
"ฤดูหนาว หอดูดาว และร้อยเหตุผลความเกลียดของเดรโก" Y ค่ะ ไม่นิยมชมชอบก็ไม่ต้องกดเข้ามาอ่านนะคะ ^ ^ คู่ HP/DM , PG , Romance?? , one shot
ผู้เข้าชมรวม
6,536
ผู้เข้าชมเดือนนี้
5
ผู้เข้าชมรวม
Title: A Hundred Reasons of Hatred [Beta'd by Mr.lighthouse, Rain, P'merf]
Author: ichi2
Category: เอ่อ...Romance มั้ง (ความสามารถในการจำแนกแคทะกอรี่ของเราติดลบน่ะ - -)
Pairing: Harry Potter / Draco Malfoy
Rating: PG
Spoilers: เล่มเจ็ดนิดหน่อยรึเปล่าหว่า...?
Disclaimer: ถ้าตัวละครเป็นของเราล่ะก็ รับรองแฮร์รี่ถูกจับแต่งงานกับเดรโกแน่นอน แต่ทั้งคู่ดันเป็นของเจเคน่ะซี ฮึ่ม!
Summary: ฤดูหนาว หอดูดาว และร้อยเหตุผลความเกลียดของเดรโก (จริง ๆ แล้วทั้งหมดก็มีแค่นี้ล่ะนะ ^ ^)
เนื้อเรื่อง
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
~ A Hundred Reasons of Hatred ~
ท้องฟ้ายามค่ำคืนปราศจากเมฆ ดวงจันทร์ส่องแสงลงมาเพียงเสี้ยว แม้จะขึ้นมาบนหอดูดาวที่สูงเสียดฟ้าแล้วแต่แสงสว่างก็ยังไม่เพียงพอ เพราะท้องฟ้ากระจ่างมากเกินไป ทำให้ไม่เห็นดาวแม้สักดวง มันดีที่ไม่มีเมฆหมอก แต่ไม่ดีเลยที่ไม่มีดวงดาว...
ผมเอนหลังเงยศีรษะชนกำแพงหิน หลับตาและปล่อยให้สายลมเย็นยะเยือกพุ่งเข้าปะทะผิวหน้าราวกับคลื่นทะเลบ้าคลั่ง พัดปอยผมปลิวขึ้นและทิ้งรอยแผลบาดลึกลงบนผิวหนัง บาดแผลที่ไม่มีใครมองเห็น มีเพียงผมเท่านั้นรู้สึกถึงความเจ็บปวดของมัน
ผมนึกถึงคำเสียดสีที่คนมักพูดกันว่าสิ่งใดยิ่งไม่ชอบเรายิ่งต้องเจอะเจอกับมัน ผมเคยคิดว่านั่นเป็นคำพูดน่าสมเพชที่คนอ่อนแอใช้กล่าวโทษสิ่งไม่มีตัวตนเวลาที่เจอเรื่องไม่สมหวัง แต่ตอนนี้ตัวผมเองกลับใช้เวลาส่วนใหญ่ในแต่ละวันนั่งคิดถึงคำพูดเหล่านั้น ผมใช้ชีวิตอยู่กับสิ่งที่ไม่ชอบ พบเจอแต่คนที่ผมเกลียด ผมเกลียดการอยู่คนเดียวแต่ผมมักต้องอยู่คนเดียวเสมอ ผมเกลียดอากาศเย็นเพราะมันยิ่งทำให้ผมซีดราวกับผีตายซาก แต่บ้านของผมมีแต่ฤดูหนาว
ทำไมผมถึงเอาแต่คิดถึงเรื่องพวกนี้...หรือเพราะความอ่อนแอ?
...ไม่ใช่...
ผมไม่ได้อ่อนแอ...ผมน่าสมเพช
เสียงฝีเท้าดังขึ้นและหยุดลง แทนที่ด้วยเสียงทุ้มต่ำของชายหนุ่มคนหนึ่ง
“นายขึ้นมาบนนี้อีกแล้ว”
ผมไม่รู้ว่าทำไมเขาถึงมาที่นี่ได้ทุกครั้งที่ผมมา ผมไม่เคยบอกเขาเลยสักครั้ง
“นายบอกว่านายไม่ชอบอากาศเย็น บนนี้หนาวยังกับขั้วโลก” นั่นไม่ใช่เรื่องจริง บนนี้อาจหนาวกว่าส่วนอื่น ๆ ของปราสาทแต่ไม่ได้หนาวขนาดนั้นแน่ ๆ เขาชอบพูดอะไรให้เกินความจริงไว้ก่อนเสมอ นั่นเป็นเหตุผลข้อแรกที่ผมเกลียดเขา
“ทำไมนายถึงชอบขึ้นมาบนนี้นัก?” เขาทรุดตัวนั่งลงข้าง ๆ
ผมไม่ขยับตัว ยังคงหลับตาและแหงนหน้าอยู่อย่างนั้น เขารู้อยู่แล้วว่าผมจะไม่ตอบคำถามนั้น ดังนั้นผมจึงไม่ตอบ เขาชอบถามทั้งที่รู้ว่าผมจะไม่ตอบ นั่นเป็นเหตุผลข้อสองที่ผมเกลียดเขา
“ขึ้นมาตอกย้ำความผิดพลาดในอดีตงั้นสิ”
ทึกทักหาคำตอบเอาเองก็เป็นอีกเหตุผลหนึ่งที่ทำให้ผมเกลียดเขา
“สองปีก่อน นายหันหลังอย่างสมบูรณ์ที่นี่ ภาพเหตุการณ์วันนั้นมันรบกวนจิตใจนายมากเลยใช่ไหม?” เขากำลังพูดถึงวันที่ผมเผชิญหน้ากับอดีตอาจารย์ใหญ่บนหอดูดาวนี่ ก่อนที่ผมจะวิ่งหนีไปเข้าร่วมกับฝ่ายมืดอย่างเต็มตัว สานฝันร้ายของตัวเองให้ดำเนินต่อไปอีกหนึ่งปีเต็มหลังจากนั้น ก่อนที่มันจะถูกปิดฉากลงไปด้วยฝีมือของเขาเอง ผมไม่รู้ว่าเขารู้เรื่องนี้ได้ยังไง ผมเป็นคนเดียวที่อยู่ในเหตุการณ์วันนั้นและยังมีชีวิตอยู่ และผมไม่เคยเล่าให้ใครฟัง...อย่างน้อยก็ไม่ใช่ในรายละเอียดที่เป็นต้นเหตุของสิ่งรบกวนจิตใจผม
ใช่...เหตุผลที่ผมมักจะขึ้นมาบนนี้ก็เพื่อตอกย้ำความโลเลในอดีตของตัวเอง เนื่องจากมันรบกวนจิตใจผม เขาทายถูกทั้งหมด และนั่นทำให้ผมเกลียดเขา เรื่องบางเรื่องเขารู้ดีมากเกินไปจนผมอยากเตะเขาแรง ๆ
“นายรู้ไหมวันนั้นฉันก็อยู่ที่นี่ด้วย” เขาหันศีรษะมามองผม ดูว่าผมจะมีปฏิกิริยากับคำพูดนั้นรึเปล่า ผมลืมตาและหันไปสบกับเขาอย่างลืมตัว ผมพลาดเสียแล้ว ผมมักจะพลาดต่อหน้าเขาเสมอ นี่เป็นอีกเหตุผลที่ผมเกลียดเขาเหลือเกิน
“ฉันอยู่ตรงนี้” ริมฝีปากของเขาแย้มออกเผยความพึงใจขณะที่ชายหนุ่มชี้นิ้วลงที่พื้นบริเวณที่พวกเรานั่งอยู่ “ใต้ผ้าคลุมล่องหน โดนคำสาปสะกดนิ่งของศาสตราจารย์ดัมเบิลดอร์ เห็นเหตุการณ์ทุกอย่างตั้งแต่ต้นจนจบ”
ผมหันหน้ากลับมา แปลกใจตัวเองเหมือนกันที่ไม่ตกใจกับเรื่องนี้เท่าที่คิด จะว่าไปผมรู้สึกเหมือนรู้อยู่แล้วว่าเขาต้องเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง ไม่เคยมีฉากเด่นฉากใดในหน้าประวัติศาสตร์ที่ไม่มีเขาร่วมแสดงด้วย ไม่เว้นแม้แต่ฉากนี้ เสียแต่ว่าเขาไม่ได้รับบทเป็นฮีโร่เหมือนทุกทีเท่านั้น
ลมหนาวพัดมาอีกระลอก ยังกายของผมสั่นระริก ผมงอเข่าเข้าหาตัวแล้วกอดอก เขาหันมามองผมแล้วถอดผ้าพันคอสีแดงที่เขาใส่อยู่ยื่นมาให้ ผมมองมันก่อนมองหน้าเขา ไม่พูดอะไร ถ้าเขาเก่งนักเขาก็น่าจะเข้าใจได้โดยที่ผมไม่ต้องส่ายหัวปฏิเสธ หรือไม่อย่างน้อยเขาก็น่าจะรู้ว่านิสัยผมเป็นยังไง
เขารู้ ผมมั่นใจว่าเขารู้ เหมือนที่ผมรู้จักเขานั่นแหละ...หัวดื้อและช่างเอาแต่ใจตัวเองอย่างเหลือล้น เขาถอนหายใจแล้วจัดการพันมันให้ผมเสียเอง ก่อนจะกลับไปนั่งท่าเดิมเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ให้ตายสิ ผมเกลียดเขาชะมัด
“ฉันไม่เข้าใจเลย นายคิดอะไรของนาย” เขาเริ่มต้นพูดอีกครั้ง และผมไม่มีวันรู้หรอกว่าเขากำลังพูดถึงประเด็นไหน ตราบใดที่เขายังพูดไม่ชัดเจนอยู่อย่างนี้ “ไม่ชอบอากาศหนาวแต่กลับชอบขึ้นมานั่งแช่อยู่บนหอดูดาวคราวละนาน ๆ แถมยังใส่เสื้อผ้าบาง ๆ อีก” เขายกมือขยี้หัว
ผมไม่ได้ชอบขึ้นมาบนนี้สักหน่อย ผมเพียงแต่ขึ้นมาบ่อยจนรู้สึกชินแล้ว และที่ใส่เสื้อผ้าบาง ๆ ก็เพราะผมอาบน้ำเตรียมจะเข้านอนแล้ว วันนี้ก็ตั้งใจแวะขึ้นมาแป๊บเดียวเท่านั้น ผมไม่ได้ชอบนั่งแช่นาน ๆ ด้วย แค่นั่งแล้วมักจะขี้เกียจลุก
ผมบอกหรือยังว่าผมเกลียดที่เขาชอบขยี้หัวตัวเองอยู่นั่น ทั้งที่มันยุ่งจะแย่อยู่แล้ว
“นายจะกลับหอนอนรึยัง?”
เขาถามทั้งที่รู้คำตอบอยู่แล้ว การ ‘ถามทั้งที่รู้คำตอบอยู่แล้ว’ ต่างกับการ ‘ถามทั้งที่รู้ว่าผมจะไม่ตอบ’ เพราะมันน่าหมั่นไส้กว่า
“เลยเวลาปิดหอมาแล้วด้วย กลับมาเรียนปีสุดท้ายจนจะจบอยู่แล้วนายก็ยังไม่เลิกทำผิดกฎโรงเรียนอีกนะ”
ผมไม่รู้ว่าเขาสำนึกบ้างรึเปล่าว่าสิ่งที่เขาพูดอยู่ก็เข้าตัวเขาเองทั้งหมดเหมือนกัน
“นายนี่มันเด็กเกเรประจำโรงเรียนจริง ๆ”
ผมตวัดสายตามองเขา เขากล้าดียังไงมาว่าผมเป็นเด็กเกเร เขาเคยดูตัวเองบ้างรึเปล่า ไม่รู้หรือไงว่าโลกนี้ไม่หลงเหลือเด็กเกเรอยู่อีกแล้วเมื่อเทียบกับวีรกรรมมหาศาลที่เขาเคยก่อไว้
เขาหัวเราะขึ้นมาอย่างรู้ทัน “มองอย่างนี้จะประท้วงว่าฉันเกเรกว่าล่ะสิ”
ก็รู้ตัวนี่...
“โอเค ฉันไม่เถียงก็ได้”
ก็ต้องอย่างนั้นอยู่แล้ว เขามีสิทธิ์เถียงเมื่อไหร่ล่ะ
เขาเงียบไป ผมเหล่ตามองเขา เขาไม่ได้มองผมแล้วแต่กำลังแหงนหน้ามองฟ้า สูดอากาศหอมโปร่งและอมยิ้มน้อย ๆ ผมไม่รู้ว่าอะไรดลใจให้เขาเปลี่ยนแว่นใหม่มาเป็นสีแดง มันเกะกะสายตาผมทุกครั้งที่หันไปเห็น แม้ว่ามันจะขับให้หน้าเขาดูดีขึ้นกว่าแว่นทรงกลมสีดำอันเก่าก็เถอะ แต่ผมเกลียดมัน ผมเกลียดสีแดงและเกลียดวิธีการขยับแว่นด้วยนิ้วกลางของเขาด้วย
“ปีที่แล้วอากาศหนาวกว่าปีนี้นะ” เขาเอ่ยขึ้นมาอีกครั้ง และผมต้องยอมรับว่าผมไม่ได้เอะใจถึงเรื่องนี้จนกระทั่งเขาเอ่ยปากนี่แหละ จริงอย่างว่า ปีที่แล้วค่อนข้างหนาวกว่านี้ แต่มันไม่สำคัญหรอก สำหรับผมหนาวก็คือหนาว ผมเกลียดอากาศหนาวไม่ว่าจะหนาวมากหนาวน้อยก็ตาม
“นายคงเกลียดปีที่แล้วน่าดูเลยสิ”
ผมไม่เข้าใจว่าเขาจะเปิดประเด็นขึ้นมาทำไม
“แต่นายรู้ไหม ฤดูหนาวเป็นฤดูที่ดีนะ เพราะมันเป็นช่วงเวลาที่ผู้คนต้องการความอบอุ่น ดังนั้นคนจึงใช้เวลาอยู่ร่วมกันมากที่สุดในฤดูหนาว”
ผมไม่คิดว่าจะเป็นอย่างนั้นเสมอไปหรอก
“ฉันชอบฤดูหนาว”
ผมไม่ชอบ ผมเกลียดฤดูหนาว เพราะมันหนาว สำหรับผมเหตุผลข้อเดียวเพียงพอแล้วที่จะเกลียดอะไรสักอย่างหนึ่ง
ผมเงยหน้าขึ้นมองฟ้า ดาวดวงเล็กดวงน้อยกระจายตัวส่องแสงเต็มผืนฟ้าตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้ ทั้งที่สักครู่นี้ฟ้ายังโล่งอยู่แท้ ๆ ราวกลับดาวกลับคืนสู่ฟ้าพร้อมกับการมาของเขาอย่างไรอย่างนั้น เขามีอิทธิพลต่อทุกสิ่งทุกอย่างเสมอ ไม่เว้นแม้ธรรมชาติ...ไม่เว้นแม้ผม ผมเกลียดที่ตัวเองไม่เคยต้านทานอำนาจนี้ได้เลย ไม่ว่าเมื่อไหร่ชีวิตผมมักขึ้นอยู่กับเขาเสมอ...ผมเกลียดเขา
“เดรโก”
ผมไม่เคยอนุญาตให้เขาเรียกชื่อต้นผม เขาถือวิสาสะเรียกเอาเอง เหมือนอย่างอื่นที่เขามักถือวิสาสะทำตามใจตัวเองนั่นแหละ
เขาขยับตัวเข้ามาใกล้ผม ผมหันหน้าไปมองเขา เขาถือโอกาสนั้นยื่นศีรษะเข้ามาและจูบผม “ฉันรักนาย”
...ผมเกลียดเขา...
เกลียดนิสัยเสียนี้ของเขา เขานึกอยากจะจูบที่ไหนเมื่อไหร่ก็จูบ ไม่เคยบอกกล่าว ไม่แคร์สายตาใคร ไม่สนใจว่าผมยินยอมหรือไม่ ไม่เคยแม้แต่เอ่ยปากขอ เกลียดที่เขาเอาแต่พูดว่าเขารักผมอยู่นั่น เขาไม่รู้หรือไงว่ามันน่ารำคาญ
“ฉันรักนาย”
...ผมเกลียดเขา...
เกลียดที่เขาชอบมาพูดใกล้ ๆ ผม เกลียดที่ลมหายใจอุ่น ๆ ของเขาทำให้ผมใจสั่นและต้องหลับตาหนี เกลียดดวงตาสีเขียวของเขา มันทำให้ผมนึกถึงนกอินทรีย์ตัวใหญ่...ผมเกลียดนกอินทรีย์ มันทำให้ผมนึกถึงฮิปโปกริฟฟ์...
“ฉันรักนาย รักเส้นผมสีบลอนด์ของนาย รักดวงตาสีเทาของนาย รักผิวขาว ๆ ของนาย มันทำให้ฉันนึกถึงฤดูหนาว”
ผมเกลียดเขา เกลียดผมสีดำที่ยุ่งตลอดปีตลอดชาติของเขา เกลียดคอยาว ๆ ของเขา เกลียดมือใหญ่ ๆ ของเขา...มือที่มักจะคว้าลูกสนิตช์ได้ก่อนผมเสมอ เกลียดตรากริฟฟินดอร์ที่ปักอยู่บนอกของเขา เกลียดเสียงหายใจของเขา ผมเกลียดมันทั้งหมด...
“เดรโก”
ผมลืมตาขึ้น เห็นร่างสูงโปร่งของเขายืนอยู่เบื้องหน้า เงาใหญ่ทอดทับลงมาบนตัวผม
“ไปขี่ไม้กวาดเล่นกันไหม?” เขายื่นมือออกมาแล้วฉีกยิ้มกว้าง ผมรักรอยยิ้มของเขา รอยยิ้มที่ผมไม่เคยละสายตาจากมันได้สักที นี่เป็นเหตุผลเพียงข้อเดียวที่ทำให้เหตุผลของความเกลียดชังข้ออื่น ๆ ทั้งหมดเป็นโมฆะ ผมวางมือลงบนฝ่ามือใหญ่ ปล่อยให้เขาดึงผมลุกขึ้นยืนและยอมพูดกับเขาในที่สุด
“ฉันเกลียดฤดูหนาว”
เขาเพียงแต่ยิ้มตอบ
- Finis -
ผลงานอื่นๆ ของ ichi2 ดูทั้งหมด
ผลงานอื่นๆ ของ ichi2
ความคิดเห็น