"สวัสดีครับคุณไอรดา ผมภมร พงษ์สถิตย์ครับ" ชายหนุ่มร่างสันทัด ผิวขาว ใบหน้านวลเนียนสะอาดตา เดินเข้ามาทักไอรดาระหว่างที่หล่อนไปดื่มกาแฟ
"สวัสดีค่ะคุณภมร เอ่อ...คุณรู้จักฉันได้ไงคะ" ไอรดาถามด้วยความแปลกใจ เมื่อเห็นชายหนุ่มท่าทางสุภาพ แต่งกายเนี้ยบเรียบร้อยตั้งแต่หัวจรดเท้าเดินเข้ามาทักทาย
"โธ่! ทำไมจะไม่รู้จักล่ะครับ ก็คุณเป็นถึงน้องสาวท่านประธานบริษัท ขืนใครไม่รู้จักก็เชยแย่สิครับ" ภมรตอบกลับด้วยน้ำเสียงร่าเริงอย่างเป็นมิตร
"อ้อ! จริงสินะ ฉันลืมไป" ไอรดาว่าพลางพยักหน้าเป็นเชิงรับรู้
"หากคุณไอรดาไม่รังเกียจพนักงานกระจอกๆ อย่างผม จะกรุณาคบผมเป็นเพื่อนสักคนจะได้ไหมครับ" ภมรลองถามหยั่งเชิงดู หลังจากที่รอหาจังหวะเข้ามาคุยกับไอรดาได้แล้ว
"ได้สิคะ ทำไมไอต้องเกลียดคุณด้วยล่ะคะ" ไอรดาตอบและยิ้มอย่างยินดี
"ก็ผมมันแค่พนักงานเล็กๆ นี่ครับ เดี๋ยวคุณจะคิดว่า ผมหัวสูงสะเออะอยากจะมาคบกับน้องสาวท่านประธานน่ะสิครับ" ภมรกล่าวด้วยน้ำเสียงถ่อมและเจียมตัว
"โธ่! คิดมากหรือเปล่าคะ ไอดีใจซะอีกที่มีคนมาเป็นเพื่อน ทำงานที่นี่ทุกคนคิดเหมือนคุณนั่นแหละ ว่าฉันเป็นน้องท่านประธาน เลยไม่ค่อยมีใครกล้ามาสุงสิงกับฉันเท่าไหร่ คงกลัวฉันจะกัดมังคะ" ไอรดาพูดปนหัวเราะ เพราะตลอดเวลาตั้งแต่หล่อนมาทำงานที่นี่ ดูพนักงานหลายคนออกจะเกร็งๆ บางคนเผลอยกมือไหว้ก็มี จนหล่อนต้องออกปากว่า หล่อนเองก็เป็นพนักงานคนหนึ่งเช่นกัน นี่อุตส่าห์มีคนอยากมาเป็นเพื่อนตั้งคนหนึ่ง ทำไมหล่อนจะไม่ยินดีล่ะ
"ไม่หรอกครับคุณไอรดา คุณก็พูดเกินไป คนอื่นคงเกรงใจคุณมากกว่าน่ะครับ" ภมรพูดปลอบหญิงสาว
"ขอบคุณค่ะ ที่ปลอบใจ เรียกฉันว่าไอเฉยๆ ก็ได้ค่ะคุณภมร เราเป็นเพื่อนกันแล้วนี่คะ จะมาเรียกกันเป็นทางการไปทำไม" ไอรดาเอ่ยขอบคุณเขาอย่างจริงใจ
"งั้นคุณก็เรียกผมว่ามรละกันนะครับ" ภมรยื่นข้อเสนอบ้าง
"โอเคค่ะมร"
"ได้ครับไอ"
พูดเสร็จทั้งสองต่างยิ้มให้กัน
ภาพที่ชายหนุ่มกับหญิงสาวพูดคุย หัวเราะและยิ้มให้แก่กันนั้น สามารถทำให้เท้าที่กำลังจะก้าวผ่านห้องนั้นไปต้องมีอันหยุดชะงักลง และหันไปมองหญิงสาวที่สวมแว่น ซึ่งกำลังยืนยิ้มอยู่กับชายหนุ่มตรงหน้าราวกับเป็นคนรู้จักสนิทกันมานาน เมื่อไอรดาหันมาเห็นว่าใครกำลังมองหล่อนอยู่ ทำให้หล่อนหุบยิ้มทันที พร้อมกับแยกจากภมรไปทำงานที่โต๊ะต่อ โดยเดินผ่านไปไม่สนใจร่างสูงโปร่งที่ยืนขวางอยู่ตรงประตู ว่าเขาจะทำหน้าปั้นยากแบบไหน ก็ทำไมล่ะ มันสิทธิ์ของหล่อนนี่ ที่จะพูดคุยหรือหัวเราะกับใครก็ได้ ไม่เห็นต้องแคร์หรือเกรงใจใครเลย แต่...เอ...แล้วเมื่อกี้เราหนีอะไรมาล่ะ หนีสายตาคมกริบนั้นเหรอ ไม่หรอก ไม่ใช่ หล่อนมาทำงานต่างหากล่ะ งานเยอะออกจริงไหมยายไอร์ซ ไอรดาปลอบตัวเองเพื่อให้ความรู้สึกดีขึ้นและเข้าที่เข้าทางเหมือนเดิม
"คุณไอร์ซ ขอเชิญที่ห้องผมหน่อย" เสียงเข้มตามสายออกคำสั่งมา ทำให้ไอรดาย่นจมูกพ่นลมหายใจออกมาแบบขัดใจ
ก๊อก...ก๊อก...
"เชิญ"
"มีอะไรจะใช้ดิฉันหรือคะ" ไอรดาถามร่างที่นั่งหันหลังให้ หลังจากเข้ามาในห้องแล้ว
"มีสิ ไม่งั้นคงไม่เรียกคุณเข้ามาหรอก" ชายหนุ่มพูดพลางนั่งส่ายเก้าอี้ไปมา แต่ยังคงหันหลังให้หญิงสาวเช่นเดิม
"ขี้เก๊กชะมัด" ไอรดาพึมพำออกมาเบาๆ แต่สามารถทำให้คนที่นั่งหันหลังอยู่ถึงกับหมุนตัวหันหน้ามาหาอย่างเร็ว
"เมื่อกี้คุณว่าอะไรนะ ผมได้ยินไม่ถนัด" เขาพูดเป็นเชิงถาม
"เปล่าค่ะ" หญิงสาวตอบปฏิเสธแบบหน้าตาย
"แต่ผมได้ยินนี่ เมื่อกี้คนยังพูดอยู่เลย ผมคิดว่าผมไม่ได้หูฝาดไปนะ หรือว่าคุณไอร์ซความจำเสื่อม คุณอาการน่าเป็นห่วงนะ ผมว่าต้องรีบไปตรวจเช็คซะแล้วล่ะ เดี๋ยวเป็นมากกว่านี้จะแย่นะ ผมเป็นห่วง" อลงกรฏพูดทิ้งหางเสียงเล็กน้อย พร้อมทั้งแสดงสีหน้าเหมือนห่วงใยหญิงสาวจริงๆ แต่คนฟังกลับรู้สึกว่าหล่อนถูกกวนประสาทซะมากกว่า
"นี่! คุณ อยากหาเรื่องกับฉันหรือไง ถ้าไม่มีอะไรฉันไปล่ะ" ไอรดาพูดอย่างฉุนเฉียวที่ถูกกวนประสาท
"อืม...ดี รีบกลับไปบ้านแล้วแต่งตัวสวยๆ นะครับ คืนนี้ผมจะไปรับ คุณต้องไปงานเลี้ยงที่โรงแรมกับผมคืนนี้" ชายหนุ่มพูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบ แต่ไอรดากลับพล่านด้วยความโกรธ
"อะไรนะ! คุณพูดใหม่อีกทีซิ ฉันได้ยินไม่ถนัด คุณจะให้ฉันไปออกงานกับคุณเหรอ" หล่อนถามไปเพื่อความแน่ใจอีกครั้งว่าได้ยินไม่ผิด
"ใช่ คุณได้ยินไม่ผิดหรอก คุณนี่นอกจากความจำเสื่อมง่ายแล้วยังหูตึงอีกหรือครับนี่" อลงกรฏถามพลางหรี่ตามองเป็นเชิงถาม
"คุณอลงกรฏ!" ไอรดาตะเบ็งเสียงดังด้วยความเหลืออด
"ครับผม" อลงกรฏลุกขึ้นยืนพร้อมกับก้มศีรษะเล็กน้อยให้หญิงสาว
"ไม่ต้องกลัวลืมชื่อผมจนถึงขนาดท่องจำเสียงดังแบบนั้นก็ได้ครับ ผมยังความจำดีอยู่และไม่ลืมอะไรง่ายๆ ด้วย ตอนนี้ผมว่า คุณรีบกลับไปแต่งตัวก่อนดีกว่า เดี๋ยวไปงานไม่ทัน นี่เป็นงาน และเป็นคำสั่งเจ้านาย คุณต้องปฏิบัติตามโดยไม่มีข้อแม้ใดๆ ทั้งสิ้น" เขาออกคำสั่งเสียงเข้มในตอนท้าย หลังจากสังเกตเห็นว่า หล่อนกำลังจะคัดค้าน แล้วมันก็ได้ผล เขาทำให้หญิงสาวหน้างอเป็นม้าหมากรุกและพูดไม่ออกเมื่อเขาอ้างเรื่องงาน
"ค่ะ เจ้านาย" ไอรดากระแทกเสียง สะบัดหน้า แล้วเดินออกไปอย่างหัวเสียที่เถียงไม่ขึ้น
อลงกรฏหัวเราะชอบใจที่ได้แกล้งหล่อน ดี...เป็นการแก้แค้นคืนที่หล่อนเดินเชิดใส่เขาเมื่อสามวันก่อน ตอนที่เขาเห็นหล่อนคุยกับภมร มันทำให้เขารู้สึกหงุดหงิดชะมัด
"บ้า ๆๆๆ บ้าที่สุดเล้ย" ไอรดาโวยวายอย่างหัวเสียแบบสุดๆ
"อะไรก็อ้างงานๆๆๆๆ รู้ว่าเราสู้ไม่ได้แล้วไป ดีล่ะ คืนนี้นายได้เห็นดีกับฉันแน่...นายรูปปั้น นายรู้จักไอรดาคนนี้น้อยไปซะแล้ว" ไอรดาทำตาแวววาวราวกับเด็กได้ของเล่นถูกใจ พูดออกมาด้วยความมั่นใจในแผนการที่อยู่ในหัวของตน
สาวสวยในชุดราตรีสีไข่มุก กำลังเดินก้าวลงมาจากชั้นบนอย่างช้าๆ วันนี้หล่อนสวยสะดุดตาเป็นพิเศษ ใบหน้าที่เคยแต่งเรียบๆ บัดนี้มีเครื่องสำอางแต่งแต้มสีสันให้ดูโดดเด่นยิ่งขึ้น ปากสีส้มเข้มชวนมองยิ่งนัก โดยเฉพาะดวงตากลมโตที่ทาสีเปลือกตาด้วยสีฟ้าอ่อน เน้นให้เห็นดวงตาที่กลมโตนั้นเจิดจรัสยิ่งนัก สวย...คืนนี้หล่อนสวยมาก เล่นเอาเขาแทบลืมลมหายใจทีเดียว คืนนี้หล่อนไม่สวมแว่นปิดบังดวงตาคู่งามนั้นเหมือนเคย...อลงกรฏจ้องมองไอรดาไม่วางตาราวต้องมนต์สะกด
ไอรดายิ้มเมื่อแผนขั้นที่หนึ่งสำเร็จ ดูนายนั่นสิยืนอ้าปากค้างตะลึงเลย ได้ผลแฮะ ดูเขาจ้องหล่อนสิราวกับเห็นผีแน่ะ ขาชักปัดๆ แล้วสิ รู้สึกหน้าชักเริ่มร้อนผ่าวๆ ด้วยแฮะเรา...
"นี่! มองอะไรหนักหนาหา ไม่เคยเห็นคนเรอะไง แมลงวันเข้าปากเป็นสิบแล้ว"
อลงกรฏรีบหุบปากฉับและยิ้มเก้อๆ พร้อมกับยื่นแขนให้หล่อนวางมือ
"ไม่เคยเห็นคนสวยน่ะ" พูดพลางยักคิ้วให้หล่อน
"ทะลึ่ง!! เดี๋ยวเถอะ!" ปากว่าไปอย่างนั้น ทั้งๆ ที่ใบหน้ากลับยิ้มด้วยความปลื้มใจที่ถูกชม
งานเลี้ยงจัดขึ้นที่โรงแรมแห่งหนึ่ง เมื่อหล่อนและเขาก้าวเข้าไปในงาน สายตาทุกคู่หันมามองราวกับไม่เคยเห็น ไอรดาไม่รู้หรอกว่า หล่อนและเขาโดดเด่นแค่ไหน คนหนึ่งสวย อีกคนหนึ่งหล่อ เมื่อควงแขนเข้ามาด้วยกัน ย่อมตกเป็นเป้าสายตาของคนเป็นธรรมดา แล้วหล่อนกับเขาก็ใช่ว่าจะไม่มีใครรู้จักเลยนี่...
"สวัสดีครับ นี่เลขาผม คุณไอรดา อภินันท์ชัย"
เขาพาหล่อนแนะนำให้คนที่เขารู้จักทราบ ดูท่าเขาจะภูมิใจมากที่ได้ควงหล่อนออกงาน ดูสิ ยิ้มไม่หุบเชียว เดี๋ยวเหอะ ได้รู้กันแน่นายอลงกรฏ! ไอรดานึกกระหยิ่มยิ้มย่องในใจ นัยน์ตาพราวด้วยความเจ้าเล่ห์
"ทำไมแยกตัวออกมาอยู่คนเดียวล่ะไอร์ซ ผมตามหาแทบแย่" เขาถามหลังจากที่เดินตามหาหล่อนมาจนถึงล็อบบี้
"ไม่ได้ใช้ให้ตามนี่"
"อ้าว! ก็เรามาด้วยกัน ไม่ให้ผมตามคุณ แล้วจะให้ผมไปตามใครล่ะ"
"ก็ฉันเห็นคุณคุยกับคนโน้นคนนี้มากมาย ฉันเซ็ง ก็เลยออกมานั่งข้างนอก"
"งานสังคมก็แบบนี้แหละ คุยกันก็มีแต่เรื่องธุรกิจ"
"นั่นล่ะค่ะ ที่น่าเบื่อ"
"งั้น...เราไปเต้นรำและฟังเพลงดีกว่าไหม"
"ก็ดีค่ะ"
"ผมแปลกใจจังเลย วันนี้ทำไมคุณดูเป็นมิตรกับผมจัง ผิดกับทุกที" อลงกรฏถามขึ้นเมื่อเข้ามานั่งที่ผับแห่งหนึ่ง
"อ้าว! แล้วไม่ดีหรือคะ หรือว่าคุณไม่ชอบ งั้นเป็นแบบเดิมดีไหมคะ"
"โอ๊ะ! โอ๊ะ! ไม่ดีแน่ๆ ผมแค่สงสัยเท่านั้น เพราะตลอดเวลาดูคุณจะไม่ค่อยชอบผมเท่าไหร่"
"รับน้ำอะไรดีครับ" ชายหนุ่มเอ่ยถามหญิงสาวตรงหน้าเมื่อบริกรเข้ามาบริการ
"ขอน้ำส้มดีกว่าค่ะ"
"น้ำส้มที่หนึ่ง แล้วก็ขอเบียร์แก้วหนึ่งด้วย" ชายหนุ่มหันไปสั่งบริกร
"ฉันแค่ไม่ชอบที่คุณชอบทำท่าเก๊กมากกว่า มันไม่มีเหตุผลน่ะ" ไอรดายักไหล่พูด
"แต่ตอนนี้ฉันก็ไม่ได้รังเกียจคุณนี่คะ" หล่อนพูดพลางยิ้มหวานให้เขา เท่าที่หล่อนจะอดทนทำได้
ไม่รู้สิ ความรู้สึกบางอย่างในตัวเขาเตือนว่า ไม่ให้ไว้ใจผู้หญิงตรงหน้านี่ ไม่รู้ว่าใครนะที่พูดว่า บรรยากาศที่สงบมักมีมาก่อนพายุจะมาเสมอ เหมือนทะเลมักจะราบเรียบก่อนมีพายุใหญ่นั่นแหละ แต่พายุที่สวยและอ่อนหวานตรงหน้านี่ มันน่าสนใช่หยอกซะเมื่อไรล่ะ เป็นไงเป็นกัน เขาก็ลูกผู้ชายคนหนึ่งนี่นา จะยอมแพ้ผู้หญิงร่างเล็กๆ นี่ได้ไง แค่เพิ่มความระมัดระวังมากขึ้นเป็นพอ ลองดูสักตั้งเถอะวะนายกรฏ เขานึกให้กำลังใจตัวเอง
"ออกไปเต้นรำกับผมสักเพลงนะครับ"
"ยินดีค่ะ"
อลงกรฏและไอรดาออกไปเต้นรำด้วยกันกลางฟลอร์ ขณะที่เต้นรำไปนั้น อลงกรฏรู้สึกว่าไอรดาพยายามมองตาเขานิ่งและยิ้มเหมือนมีเลศนัยบางอย่างที่ไม่น่าไว้วางใจ
"คุณคิดอย่างไรคะ ที่มาทำงานกับพี่ทัช"
"เหตุผลส่วนตัวครับ บอกไม่ได้"
‘บอกไม่ได้ฉันก็รู้ได้น่า’ ไอรดาคิดในใจ หล่อนกำลังใช้มัน สัมผัสพิเศษนั่น
‘อ๊ะ!...เอ๊ะ!...เฮ้ย!.. อะไรเนี่ย!’ หล่อนพึมพำในใจเมื่อรับรู้ถึงสิ่งที่ต้องการ
"เป็นอะไรไปครับไอร์ซ กลับบ้านกันก่อนดีกว่ามั้ย หน้าตาคุณดูไม่ดีเลย" เขาพูดขึ้นด้วยความห่วงใย เมื่อสังเกตว่าหน้าหล่อนเริ่มเปลี่ยนสีเป็นแดงเข้มเหมือนลูกตำลึงสุก และเขารู้สึกว่าตัวหล่อนร้อนๆ ด้วย
"อะ...เอ่อ...ค่ะ..." หล่อนตอบอย่างตะกุกตะกักและแผ่วเบา เหมือนคนที่ขวัญกระเจิดกระเจิงไม่อยู่กับเนื้อกับตัว
"คุณเป็นอะไรไปหรือครับ เมื่อกี้คุณยังดีๆ อยู่เลย เอ...ที่งานเลี้ยงคุณก็ไม่ได้ดื่มอะไรที่ผสมแอลกอฮอล์นี่นา" เขาถามหล่อนขณะที่ขับรถมาส่งหล่อนที่บ้าน
...เงียบ...ไม่มีเสียงตอบ...
"ไหนดูหน้าซิ ยังไม่หายแดงเลย ตัวก็ร้อนด้วย กินของแสลงเข้าไปรึเปล่านี่ คุณแพ้อาหารอะไรรึเปล่าไอร์ซ ไหนมีผื่นขึ้นไหม ขอดูซิ" เขาถามพลางเอามือเตะหน้าผากและลำแขนหล่อน พลางสำรวจดูอย่างละเอียดหลังจากที่เปิดประตูรถให้หล่อนลงมา
ไอรดาเอาแต่ก้มหน้ามองเท้าตัวเองนิ่ง ไม่กล้าสบตาเขา เมื่อเขาจับต้องตัวหล่อนและจับใบหน้าหล่อนให้เงยขึ้น ใบหน้าเขาห่างหล่อนแค่คืบ จนหล่อนสัมผัสได้ถึงลมหายใจนั่น แล้วยังสัมผัสจากปลายนิ้วแกร่งนั้นอีก ดวงตาคมนั่นทำให้หล่อนไม่กล้าสบตาเขา และรู้สึกตัวร้อนเหมือนคนเป็นไข้ขึ้นสูง ท้องไส้ปั่นป่วนชอบกล หล่อนรู้สึกว่าใจสั่นเหมือนจะหยุดหายใจ
‘โอย...ไม่ไหวแล้ว ขืนอยู่ตรงนี้ต่อไป หล่อนต้องเป็นลมแน่ๆ เลย’ ไอรดาบอกตัวเองในใจ ก่อนที่จะสะบัดมือออกจากเขาและวิ่งเข้าบ้านไป ปล่อยให้เขายืนมองตามอย่างงงๆ ในอากัปกิริยานั้น
"อ้าว! ไอร์ซ กลับมาแล้วหรือ" ทัชพงษ์เอ่ยทักน้องสาวเมื่อเห็นหล่อนวิ่งเข้าบ้านมา แต่ไอรดาไม่ตอบเขา แต่กลับวิ่งขึ้นบันไดไป สร้างความงุนงงให้กับชายหนุ่มเป็นยิ่งนัก
"อะไรของเค้าน่ะ ทักแล้วก็ไม่ตอบ วิ่งขึ้นข้างบนเฉยเลย เป็นอะไรของเค้านะ"
"เอ...หรือว่าทะเลาะกับเจ้ากรฏมาอีก เฮ้อ! ไม้เบื่อไม้เมากันซะจริงคู่นี้ แล้วเมื่อไรจะลงตัวซะทีว้า
กรฏเอ้ย... ฉันอุตส่าห์ช่วยนายเต็มที่แล้วนะนี่" ทัชพงษ์บ่น
ไอรดาวิ่งเข้ามายืนหอบขณะที่หันหลังพิงประตูไว้ สักพักหล่อนเดินไปที่เตียง แล้วทิ้งตัวลงนอนอย่างคนหมดแรง อะไรกันนี่ ทุกสิ่งทุกอย่างที่หล่อนวางแผนไว้ มันผิดแผนไปหมด หล่อนต้องการเปิดโปงเขาด้วยการแอบอ่านความรู้สึกนั่น แต่...แต่ทว่า มันกลับย้อนมาที่หล่อนนี่สิ โอย...แล้วพรุ่งนี้เจอเขาหล่อนจะทำหน้าไงดีล่ะเนี่ย เอ๊ะ! แต่ว่าเขาไม่รู้นี่นาว่า หล่อนมีพลังอย่างว่านี่...
อลงกรฏครุ่นคิดถึงไอรดาขณะขับรถกลับบ้าน เกิดอะไรขึ้นกับหล่อนกันแน่นะ เต้นรำอยู่ดีๆ หล่อนก็หน้าแดง ตัวร้อนผ่าว แถมไม่กล้าสบตาหรือมองหน้าเขาเลย หรือว่าเขาทำอะไรล่วงเกินหล่อนไป ก็เปล่านี่ เต้นรำมองสบตากันอยู่ดีๆ กำลังซึ้งอยู่ทีเดียว แล้วหล่อนก็เกิดอาการ... อ๊ะ! หรือว่า...หล่อนใช้มันกับเขา งั้น...หล่อนก็รู้แล้วน่ะสิว่า เขาคิดอย่างไรกับหล่อน ว้าว! เยี่ยม!! วี้ดวิ้ว... อลงกรฏผิวปากออกมาด้วยความดีใจ เมื่อเข้าใจในสิ่งที่เกิดขึ้นแล้ว มิน่าล่ะ... เพราะงี้เอง หล่อนถึงทำดีกับเขาเกินกว่าปกติ
"ช่างร้ายนักนะคุณไอร์ซ... งานนี้เห็นทีจะต้องขอบคุณพี่ทัชซะแล้วสิเรา ยิปปี้!! บิงโก!! ฮ่ะฮ่า "
ไอรดาเข้ามาที่บริษัทในตอนเช้า ขณะที่หญิงสาวกำลังเดินเข้าไปในบริษัท หล่อนรู้สึกถึงสิ่งที่ผิดปกติบางอย่างของพนักงานในบริษัท บางคนหันไปซุบซิบและมองมาที่หล่อน บางคนมองด้วยสายตาแปลกๆ เหมือนไม่เคยเห็นหล่อนมาก่อน มันเกิดอะไรขึ้นนะ ไอรดาคิดในใจด้วยความสงสัย ทีแรกไอรดานึกว่า ผู้คนต่างแปลกใจที่หล่อนดูแปลกไป เพราะไม่ได้สวมแว่นให้เกะกะหน้าเหมือนเดิม แต่หากเป็นอย่างนั้นจริง ก็ไม่น่ามีสีหน้าและท่าทางแบบนี้สิ มันน่าจะมีอะไรมากกว่านั้น ลางสังหรณ์บางอย่างบอกหล่อนเช่นนั้น บางทีหากหล่อนอยากรู้ คงต้องอาศัยมันซะแล้ว หล่อนเลยใช้มันอีกครั้ง
......หน้าตาอย่างนี้นะเหรอ ไม่น่าเชื่อเลยว่าจะสวยขนาดนั้น......
......ใส่แว่นอันใหญ่เทอะทะขนาดเนี้ย พอถอดรูปแล้วสวยไม่หยอก เข้าทำนองนางเงาะถอดรูปมั้ง......
......คงอยากแต่งตัวอวดคุณอลงกรฏล่ะสิ......
......ที่แท้ก็คงแอบชอบคุณอลงกรฏของเราเหมือนกันล่ะสิ เชอะ!!! ถือว่าตัวเป็นน้องสาวเจ้าของบริษัท เลยใช้เส้นใช้สายเข้าใกล้คุณกรฏ......
......ใครว่าเหมาะสมกัน ไม่เห็นสมกันเลย อีกคนหล่อปานเทพบุตร แต่ยายนี่หน้าตางั้นๆ แหละ ฉันยังสวยและเซ็กซี่กว่าเป็นกอง......
‘อะไรกันนี่ ทำไมทุกคนต้องมาคิดแบบนี้กับเราด้วยนะ ฉันไปทำอะไรให้เนี่ย’ หลังจากใช้พลังพิเศษอ่านความคิดของคนอื่นจนรู้แน่ว่าเกิดอะไรขึ้น ด้วยความโกรธที่ตนเองถูกว่าแบบนั้น เลยทำให้ไอรดาลืมตัวเดินเข้าไปต่อว่าพนักงานกลุ่มนั้นทันที
"ว่างมากนักหรือไงหา นี่มันเวลาทำงานนะ ไม่ใช่เวลามานั่งจับกลุ่มนินทาชาวบ้านเขาแบบนี้ ฉันไปทำอะไรให้พวกคุณหือ ทำไมต้องมาว่ากันแบบนี้ด้วย ฉันจะรายงานผู้จัดการของพวกคุณ"
ระหว่างที่ไอรดากำลังต่อว่าพนักงานอยู่นั้น หญิงสาวลืมสังเกตไปว่าสีหน้าทุกคนต่างตกตะลึงและตกใจมาก ที่จู่ๆ หล่อนก็เข้ามาแล้วพูดต่อว่าเอาๆ แบบนี้
"เอ่อ...ประทานโทษค่ะคุณไอรดา พวกเรายังไม่ได้พูดว่าอะไรคุณเลยนะคะ"
"ไม่ได้พูดอะไร ก็ฉันได้ยินกับหูเมื่อกี้นี้น่ะ"
"แต่คุณไอรดาเพิ่งเดินเข้ามานะคะ แล้วเราก็หันไปทักทายคุณ แล้วคุณก็เข้ามาว่าพวกเรานี่แหละค่ะ พวกเรายังไม่รู้เรื่องอะไรเลยนะคะ"
เมื่อโดนท้วงติงแบบนั้น ทำให้ไอรดารู้สึกตัวว่าเผลอตัวไปอีกแล้ว หญิงสาวเลยยิ้มเก้อ หันไปขอโทษทุกคนแล้วรีบเดินหนีไปทันที
"อะไรของเค้าน่ะเธอ แล้วเค้ารู้ได้ไงว่าฉันกำลังคิดว่าเค้าแบบนั้นอยู่น่ะ" พนักงานคนหนึ่งพูดด้วยความแปลกใจ พนักงานคนอื่นๆ ต่างพากันพยักหน้ารับด้วยความแปลกใจเช่นกัน
ไอรดาหาสาเหตุของการตกเป็นเป้านินทาได้แล้ว เมื่อป้าแม่บ้านได้นำหนังสือพิมพ์มาให้ดู หน้าข่าวสังคมเขียนแซวไอรดาและอลงกรฏ ที่ควงคู่ไปงานเลี้ยงในทำนองว่าทั้งคู่อาจเปลี่ยนความสัมพันธ์จากเจ้านายกับเลขาไปเป็นแฟนกันในอนาคต และคงเป็นคู่รักที่หวานแหววเหมาะสมที่สุดในเวลานี้ เมื่ออ่านจบไอรดาถึงกับสบถออกมาทันที
"บ้าจริง เขียนออกมาได้ไงเนี่ย สักแต่ว่ามีปากกาอยู่ในมือ นึกจะเขียนอะไรก็เขียนได้ตามใจชอบงั้นหรือ บ้าๆ บ้าที่สุดเลย โอ๊ย! เจ็บใจนัก" ไอรดากำลังอารมณ์เสียอย่างมาก
"อารมณ์เสียแต่เช้าเลยหรือไงครับไอร์ซ ระวังหน้าแก่เร็วนะ" อลงกรฏแซวไอรดา เมื่อเขาเดินเข้ามาเห็นหญิงสาวกำลังหัวเสีย และเอาหนังสือพิมพ์ฟาดลงไปบนโต๊ะอย่างขัดใจ ไอรดาหันมามองเขาแล้วค้อนให้วงใหญ่ สะบัดหน้าหนีเขาทันที อลงกรฏอดขำในท่าทางนั้นไม่ได้
"หึหึ...ดูท่าจะอารมณ์ไม่ดีแต่เช้าแฮะ ใครทำอะไรให้คุณขัดใจหรือไอรซ์"
"ยังมีหน้ามาถามอีก คุณนั่นแหละที่เป็นตัวการ"
อลงกรฏเลิกคิ้วถามด้วยความสงสัย
"เฮ้! ผมไปทำให้คุณโกรธตั้งแต่เมื่อไหร่ นี่ผมเพิ่งมาถึงนะ คุณอย่ามาพาลเป็นเด็กๆ สิ"
"ฉันไม่ใช่เด็กแล้วนะ"
"อืมม์...ไม่ใช่เด็ก แต่นิสัยเหมือนเด็ก"
"เอ๊ะ! คุณ...กล้าดียังไงมาว่าฉันแบบนี้น่ะ"
"กล้าไม่กล้าผมก็ว่าไปแล้ว"
"นี่! คุณ"
"คร้าบ...ผมอยู่นี่ ใกล้แค่นี้ไม่ต้องตะโกนก็ได้" พูดพลางเขาก็หยิบหนังสือพิมพ์ตัวการที่ทำให้หล่อนอารมณ์เสียขึ้นมาอ่าน แล้วเขาก็เข้าใจแจ่มแจ้งทันที
"อ้อ! อารมณ์เสียเพราะนี่เอง อื้อ...ดูรูปเราสองคนแล้ว ช่างเหมาะสมกันจริงๆ เลย คุณว่ามั้ย" เขาพูดและหันไปยิ้มให้หญิงสาวที่ยืนหน้าหงิกอยู่
"ใครจะไปเหมาะสมกับคุณด้วยหา"
"ก็คุณไง ดูสิ ข่าวเขาเขียนว่าเราเป็นคู่ที่เหมาะสมกันนะ แหม
ถ้าเขียนต่ออีกนิดหนึ่งว่า อาจจะได้รับข่าวดีเร็วๆ นี้ คงเยี่ยมเลยล่ะ ว่ามั้ย"
"อ้อ! แล้วอย่าดีใจมากจนไม่มีแก่ใจทำงานล่ะ ผมลืมไปอย่าง ไอ้นิสัยที่ชอบโวยวาย เถียงข้างๆ คูๆ และโมโหพาลคนอื่นไปทั่วแบบไม่มีเหตุผลแบบที่คุณทำอยู่ตอนนี้น่ะ มันเด็กๆ เขาทำกัน คนที่เป็นผู้ใหญ่แล้วเขาไม่ทำกันหรอกนะครับ...คุณไอร์ซที่รัก" อลงกรฏชิงพูดตัดหน้าก่อนที่ไอรดาจะเอ่ยปากโต้เขาได้ทัน แล้วเขาก็รีบชิ่งหนีไปซะก่อนที่จะมีเรื่องกันอีก
"คนบ้า!!! ไอ้คนหลงตัวเอง บ้า!!! ทุเรศที่สุดเล้ย!!!" ไอรดาโวยเมื่อเล่นงานเขาไม่ได้อีกตามเคย
"เป็นไงไอ้เสือ อารมณ์ดีแต่เช้าเชียวนะ" ทัชพงษ์ทักชายหนุ่มที่เดินยิ้มเข้ามาในห้อง
"ไม่ให้ผมอารมณ์ดีได้ไงล่ะ ก็เล่นโดนแม่เสือเล่นงานแต่เช้านี่"
"หือ...ใครกัน อ้อ! ยายไอร์ซล่ะสิ ไปแหย่อะไรเค้าอีกล่ะ นายนี่ไม่ได้เรื่องเลย แล้วเมื่อไหร่จะสมหวังวะ สงสัยต้องรอชาติหน้าซะล่ะมั้ง"
"โธ่! แค่ชาตินี้ผมก็จะแย่แล้ว ไม่ต้องรอถึงชาติหน้าหรอกครับพี่ทัช ที่สำคัญผมไม่ได้แหย่เค้านะครับ"
"อ้าว! แล้วเมื่อกี้นายบอกว่าโดนยายไอร์ซเล่นงานมานี่"
"จริงครับ เค้าโกรธที่หนังสือพิมพ์เขียนแซวผมกับเค้าเรื่องงานเมื่อคืนนี้ เค้าเลยมาพาลเอากับผม หาว่าผมเป็นต้นเหตุทำให้เค้าตกเป็นขี้ปากชาวบ้านไงล่ะครับ"
"อ้อ! เรื่องแค่นี้เนี่ยนะ!"
"ครับ แค่นี้"
"ไม่น่าใช่นะ เพราะนิสัยยายไอร์ซไม่น่าจะโวยวายด้วยเรื่องเล็กๆ แค่นี้หรอก น่าจะมีมากกว่านี้นะ" ทัชพงษ์ทำท่าครุ่นคิดพักหนึ่ง
"ฉันพอจะนึกออกแล้ว" ทัชพงษ์ดีดนิ้วเสียงดังเมื่อคิดอะไรออกมาได้
"อะไรครับ" อลงกรฏมีสีหน้าตื่นเต้นด้วยความกระหายใคร่รู้ว่าเกิดสิ่งใดขึ้น
"เมื่อคืนนายทำอะไรยายไอร์ซหา ฉันเห็นเค้าเข้าบ้านมาไม่พูดไม่จา แถมวิ่งขึ้นห้องไปเลย บอกฉันมานะ ว่านายทำอะไรน้องสาวฉัน" ทัชพงษ์หันมาชี้หน้าจ้องจับผิดชายหนุ่ม
"โธ่! พี่...ใครจะกล้าทำ ถึงอยากทำก็เถอะ มีแต่น้องพี่แหละที่ทำผม"
"หือ...ยายไอร์ซทำอะไรนาย" ทัชพงษ์ขมวดคิ้วด้วยความฉงน
"ก็แกล้งทำดีให้ผมตายใจแล้วแอบอ่านใจผมนะสิครับพี่"
"อ้าว! เฮ้ย! งั้นนายก็เสียท่ายายไอร์ซแล้วสิ"
"ใครว่าล่ะครับ คนอย่างผมขืนเสียท่าง่ายๆ ก็ไม่ใช่นายอลงกรฏแล้วสิครับพี่" ชายหนุ่มยืนยืดกอดอกยักคิ้วให้ทัชพงษ์ด้วยความมั่นใจในตัวเอง
"อ้อเรอะ! แล้วนายทำไงล่ะ" ทัชพงษ์พยักหน้ารับเหมือนจะเชื่อคำของเขา
"ก็คิดแต่เรื่องของเค้าไงล่ะครับ บอกรักมันทางใจซะเลย อยากมาแอบรู้ดีนัก"
"แล้วได้ผลเป็นไงบ้าง" ทัชพงษ์มีสีหน้าตื่นเต้นทันทีที่ได้รับฟังเช่นนั้น
"เกินคาดครับ ดูท่าคืนนั้นน้องพี่จะไข้ขึ้นนะ แต่ตอนนี้ไฟคงลุกแทน เค้าคงนึกขึ้นได้ว่า ผมคงไม่รู้ว่าเค้ามีพลังนั่น แต่ที่ไหนได้..." อลงกรฏพูดพลางนึกขันหญิงสาวที่พวกเขากำลังพูดถึง
"เฮ้ย! อันนั้นต้องยกความดีความชอบให้ฉันนะ ไม่งั้นนายไม่ได้มานั่งอมยิ้มแบบนี้หรอก" ทัชพงษ์ได้ทีทวงบุญคุณชายหนุ่ม ในขณะที่อีกคนค้อมตัวก้มศีรษะให้เป็นเชิงเล่นกลับ
"คร้าบ...ว่าแต่พี่เถอะ เมื่อไหร่จะมี...ซะทีล่ะ"
"ของฉันยังไม่เกิดมั้ง"
"ผมเห็นอยู่คนหนึ่งนะ น่ารักน่าสนใจทีเดียวแหละ" อลงกรฏพูดพลางจับสังเกตดู
"ใคร?"
"เพื่อนคุณไอร์ซ ที่ชื่อนิตยาไงล่ะครับ"
"นั่น...ฉันเห็นเค้าเหมือนน้องสาวคนหนึ่งน่ะ"
...น้ำเสียงตอบกลับมาแบบอ้อมแอ้มส่อพิรุธแฮะ...
"น้องสาวแน่เร้อ...พี่ งั้น...ผมจีบนะครับ" อลงกรฏแกล้งรุกเย้าหนุ่มใหญ่ต่อ และดูท่าเขาจะหลุดฟอร์มออกมาซะด้วยสิ
"เฮ้ย! ได้ไงวะ แล้วยายไอร์ซล่ะ" ทัชพงษ์ร้องลั่นออกมาอย่างลืมตัว หารู้ไม่ว่าเสียรู้นายกรฏไปซะแล้ว
"ก็น้องพี่ไม่สนใจผมนี่ แต่ดูท่าทางคุณนิดเขาสนใจผมมากกว่า หน้าตาก็น่ารัก พูดจาก็อ่อนหวาน นิ่มนวล แบบบาง น่าทะนุถนอม..." อลงกรฏพูดพร้อมกับทำท่าเคลิบเคลิ้มถึงหญิงสาว สีหน้าทัชพงษ์ออกอาการร้อนลนอย่างเห็นได้ชัดชนิดปกปิดไว้ไม่มิด
"นิดน่ะ สนใจและให้ความสนิทสนมกับทุกคนนั่นแหละ นายอย่าหลงตัวเองไปหน่อยเลย ส่วนยายไอร์ซ นายพยายามอีกหน่อย แล้วฉันจะช่วยอีกแรง คิดว่าไม่นานยายไอร์ซคงจะใจอ่อนเข้าสักวัน"
อลงกรฏหัวเราะออกมาเมื่อเขาแหย่ทัชพงษ์ได้สำเร็จ เขาเป็นผู้ชายด้วยกันย่อมดูออกว่า ทัชพงษ์คิดอย่างไรกับนิตยา
"นายหัวเราะขำห่าอะไรวะ"
"ผมขำที่พี่ฟอร์มแตกน่ะ แหม...รีบกันท่าเชียวนะ ผมรักเดียวใจเดียวครับ ไม่เปลี่ยนใจชัวร์ ส่วนคุณนิดผมยกให้พี่ละกัน"
ทัชพงษ์มีสีหน้าเก้อๆ เมื่อถูกเพื่อนรุ่นน้องไล่ทัน
"นิดเป็นของนายตั้งแต่เมื่อไหร่วะ เที่ยวมาทำเป็นยกให้คนโน้นคนนี้"
"อ้าว! พี่พาลเป็นเด็กอีกคนแล้ว ไม่อยู่ดีกว่า เดี๋ยวโดนลูกหลงอีก" ชายหนุ่มทำท่าจะเดินออกไป แต่ยังมิวายหันกลับมากระเซ้าเย้าแหย่ทัชพงษ์ต่ออีก
"อ้อ! พี่...ผมขอเตือนนะ รักเค้าชอบเค้าก็รีบบอกนะ ไม่งั้นประเดี๋ยวสุนัขมาคาบไปรับประทาน พี่ต้องมานั่งกินแห้วนะ"
"เออ! ขอบใจ เอาไว้เตือนตัวเองเถอะ"
อลงกรฏเดินหัวเราะออกไปแล้ว ทัชพงษ์ขำตัวเองที่มาเสียท่านายเสือนี่ได้ สมแล้วที่นายนี่มันจบโทจิตวิทยาและการฝึกจิตสมาธิมา แต่ถ้าไม่ได้อลงกรฏช่วยสอนการฝึกจิตให้ เขาคงถูกยายไอร์ซน้องสาวตัวดีอ่านใจ แล้วจับคู่ให้วุ่นวายแน่ๆ แค่คิดก็ปวดหัวแล้วล่ะ สมแล้วที่นายกรฏมันจะมาปราบน้องเขา แต่จะไปได้แค่ไหนก็ไม่รู้ นี่แค่เริ่มต้นยังเป็นขมิ้นกับปูนกันเลย เฮ้อ! คิดแล้วเหนื่อยใจแทน...
แล้วหน้าใสๆ ของหญิงสาวอีกคนก็ผุดขึ้นมาในมโนสำนึกของเขา ให้เขาไปบอกรักรึ ไม่ไหว
กระดากปากยังไงชอบกล แถมเห็นหน้ามาแต่เด็กด้วย หากหล่อนไม่ได้คิดอะไรกับเขา มีหวังเสียผู้ใหญ่แน่ๆ สงสัยต้องมานั่งกินแห้วอย่างนายกรฏว่าซะละมั้งนายทัชเอ้ย...
|
ความคิดเห็น