icetoy01
ดู Blog ทั้งหมด

เรื่องสัมผัสรัก

เขียนโดย icetoy01
\\\"\\\"
โดย : เฟมีรีโคเลียด
ตอนที่ 1
\\\"เอ้า! ตกลงว่าไงล่ะยายไอร์ซ\\\" เสียงห้าวทุ้มถามหญิงสาวที่นั่งตรงหน้าด้วยความหงุดหงิด หลังจากที่อดทนรอฟังคำตอบจากน้องสาวตัวแสบของเขาอยู่นาน โดยที่ไม่มีคำตอบใดๆ เล็ดรอดออกมาจากปากของหญิงสาวเลยแม้สักคำเดียว นอกจากนั่งขมวดคิ้วทำหน้านิ่วหน้างอเท่านั้น เห็นแบบนี้ก็รู้ได้ว่า อารมณ์ของน้องสาวคงไม่ดีแน่ๆ สาเหตุน่ะเรอะ ก็มาจากเจ้าตัวนั่นแหละ

น้องสาวคนเดียวของเขา ไอรดา อภินันท์ชัย หรือ ไอร์ซ ที่เขาชอบเรียก แต่ใครๆ มักเรียกว่า ’ไอ’ หรืออะไรก็ช่าง แต่สำหรับเขาแล้ว ชอบเรียกว่า ‘ไอร์ซ’ มากกว่า น้องสาวของทัชพงษ์ จัดได้ว่าเป็นคนสวยและหน้าตาดีคนหนึ่ง โดยเฉพาะดวงตากลมโตใสๆ เวลาไร้ความนึกคิดของคนอื่นๆ นะ น่ามองทีเดียว และสามารถอ่านความรู้สึกนึกคิดได้ดีจากดวงตาคู่นั้น แต่น้อยคนนักที่จะได้เห็นหรือสัมผัสมันเช่นเขานี่สิ

เฮ้อ! ทำไมน่ะเหรอ ก็เจ้าตัวมักบดบังดวงตาคู่นั้นด้วยแว่นตาสีชาเข้มเวลาพบใครๆ เสมอน่ะสิ แต่มันก็น่าเห็นใจมากอยู่หรอก เพราะไอร์ซดันเกิดมาพร้อมสัมผัสพิเศษ ที่สามารถรับรู้และอ่านใจคนได้ มันทำให้น้องสาวของเขาไม่สามารถดำเนินชีวิตอยู่ในสังคมที่มีแต่การแก่งแย่งชิงดีชิงเด่น มีการหลอกหลวง และไม่จริงใจ การสวมหน้ากากใส่กันของคนสมัยนี้ได้ เพราะถ้ารายนี้รู้เมื่อไร เป็นได้เรื่องไปซะทุกทีสิน่า

อย่างคราวนี้ก็ดันไปอ่านความคิดของหัวหน้าที่ไปทำงานด้วย รู้ว่าเขาแกล้งเพราะยายไอร์ซ ดันได้งานทำ เพราะมีความรู้ความสามารถมากกว่าหลานเขาแค่นั้น เจ้าผู้จัดการนั่นเลยแกล้งยายไอร์ซ เพื่อทดสอบความสามารถ และกดดันให้อยู่ไม่ได้ด้วยวิธีการสารพัด ยายแสบนี่ดันไปล่วงรู้ความคิดของเขาด้วยความพิเศษนี่เข้า เลยไม่ยอม สวนซะยับเลยก็ว่าได้ ผลลัพธ์น่ะรึ ไม่ต้องบอกก็รู้ น้องสาวเขาโดนไล่ออกไปตามระเบียบ ข้อหาขัดคำสั่งเจ้านาย ด่าเจ้านาย และอีกสารพัด ฯลฯ ทั้งๆ ที่เพิ่งไปทำงานได้ตั้งอาทิตย์หนึ่งแน่ะ ต้องใช้คำว่าตั้งนะ เพราะส่วนมากยายไอร์ซมักทำงานอยู่ที่ไหนไม่เคยเกินสามวันซักที

\\\"หัวเราะขำอะไรน่ะพี่ทัช เดี๋ยวเถอะ\\\" ไอรดาแหวใส่พี่ชายของหล่อนทันทีด้วยความโมโห ที่เขานั่งมองหน้าหล่อนแล้วส่ายหน้าไปมาพร้อมกับหัวเราะออกมาเบาๆ

\\\"อ๊ะ! ไหงมาลงที่พี่ล่ะยายไอร์ซ นี่พี่อุตส่าห์แนะแนวทางที่ดีให้แล้วนะ มาทำงานกับพี่ไม่เห็นเสียหายเลย ที่สำคัญนะ ขอเน้น ไม่ถูกไล่ออกแน่ ชัวร์\\\" ทัชพงษ์ตอบน้องสาวด้วยน้ำเสียงเจือหัวเราะแกมยวนประสาทนิดๆ

\\\"ไม่ต้องมาเยาะเย้ยเลยนะพี่ทัช ไม่ลองมาเป็นอย่างไอร์ซบ้างไม่รู้สึกหรอก หึ\\\" ไอรดาหน้านิ่วปากเชิดขึ้นเล็กน้อย บ่งบอกให้ผู้ที่อยู่ด้วยทราบว่า ตนเองกำลังโมโหและไม่พอใจที่เขามาหยอกเย้าเช่นนี้

\\\"เอาล่ะๆ พี่รู้แล้วจ้า...คนดี แต่เราต้องเข้าใจนะ ว่าที่พี่อยากให้เรามาทำงานกับพี่ที่บริษัทของเรา ไม่ใช่เพราะเรื่องที่เราต้องออกจากงานเป็นว่าเล่นหรอกนะ แต่เพราะตอนนี้พี่อยากได้คนมาช่วยพี่ดูแลบริษัทมากกว่าน่ะ เห็นใจพี่บ้างสิ บริษัทเราใหญ่โตมากกว่าเก่ามาก พี่คนเดียวดูแลไม่หมด เลยอยากให้เรามาช่วยพี่บ้างก็เท่านั้น\\\"

\\\"เท่านั้นจริงเร้อ\\\" ไอรดาถามพี่ชายเป็นการหยั่งเชิงดูก่อนการตัดสินใจ

\\\"เฮ้อ! ตามใจนะ ถ้าเราไม่เห็นใจพี่ ไม่สงสารพี่ พี่ก็ไม่ว่าอะไร พี่รักเราเกินกว่าที่จะบังคับเราได้แล้วนี่ แล้วพี่เองก็เลี้ยงเรามาแบบนี้ด้วย โทษใครไม่ได้อยู่แล้วนิ\\\" ทัชพงษ์พูดปลงๆ หลังจากที่ใช้ไม้แข็งไม่สำเร็จ ต้องลองใช้ไม้อ่อนดู

แล้วมันก็มักได้ผลซะด้วยสิ ดูหน้ายายไอร์ซสิ ซีดจ๋อยไปเลย เพราะมันเป็นเรื่องจริงทุกอย่างนี่ หลังจากที่พ่อแม่ของเขาประสบอุบัติเหตุจากเครื่องบินตกเมื่อสิบปีที่แล้ว เขาซึ่งขณะนั้นอายุยี่สิบสามปี เพิ่งจบปริญญาโทมาจากอังกฤษหมาดๆ จำต้องรับภาระดูแลบริษัทอภินันท์ทั้งหมดแทนบิดาและมารดาที่เสียไป และที่สำคัญ ต้องดูแลน้องสาวที่อายุห่างจากเขาตั้งสิบปี เพราะยายไอร์ซเป็นลูกหลงมาเกิด ถ้าจะให้ถูกก็ต้องบอกว่า เป็นลูกของเขาที่ฝากแม่เลี้ยงและอุ้มท้องมาซะมากกว่า เพราะหลังจากนั้น เขาต้องรับหน้าที่เป็นทั้งพ่อและแม่ดูแลน้องสาวคนนี้มาตลอด จนไม่มีเวลาส่วนตัวแม้ในเรื่องของความรัก เพราะเวลาส่วนใหญ่ของทัชพงษ์จะทุ่มเทให้กับงานและน้องสาวไปจนหมดนั่นเอง ฉะนั้น ไอรดาจึงรักเขามากเหมือนเป็นพ่อแม่คนหนึ่ง และถ้าพ่อแม่คนนี้ลำบากขนาดนี้แล้วละก็ ลูกที่ดีอย่างไอรดาคงจะไม่ใจจืดใจดำจนไม่ยอมยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือหรอกน่า นั่นคือสิ่งที่ทัชพงษ์คิด

แล้วเขาก็คิดได้ถูก เพราะดูท่าทางไอรดาจะใจอ่อนลงมามากกว่าเดิม เมื่อได้ยินพี่ชายพูดกึ่งตัดพ้อเช่นนั้น มันก็จริงนะ พี่ทัชไม่เคยที่จะบังคับหล่อนเลยแม้สักครั้งเดียว แทบทุกเรื่องไม่ว่าหล่อนจะทำอะไรมักจะถูกเสมอในสายตาพี่ชายคนนี้ แม้บางครั้งหล่อนจะรั้นมากจนก่อความเดือดร้อนให้พี่ชายบ่อยๆ แต่สุดท้ายเขาก็เป็นคนที่ให้กำลังใจหล่อนเสมอมา ไม่เคยโกรธหล่อนเลยแม้สักครั้งเดียว

ขนาดตอนที่ไอรดาเสียใจที่ต้องสูญเสียบิดามารดาพร้อมๆ กันแบบตั้งตัวไม่ติด กอปรกับความสัมพันธ์ที่ห่างเหินระหว่างหล่อนกับพี่ชายคนนี้ เพราะทัชพงษ์ไปเรียนที่ต่างประเทศตั้งแต่ไอรดายังเล็ก นานๆ เขาจึงกลับมาสักที หล่อนจึงไม่ค่อยสนิทกับเขา ส่วนใหญ่ไอรดามักอยู่กับพ่อแม่มากกว่า ดังนั้นเมื่อหล่อนต้องมาอยู่ภายใต้การปกครองของพี่ชาย ซึ่งไม่มีเวลาให้หล่อนเลยในระยะแรก เพราะทัชพงษ์ต้องทำงานอย่างหนักในการบริหารและพยุงบริษัทแทนบิดา ซึ่งเป็นเรื่องยากมากสำหรับคนที่ไม่มีประสบการณ์และเพิ่งจบมาเช่นเขา แต่เขาก็สามารถผ่านพ้นมาได้อย่างน่าทึ่ง

แต่ไอรดาซึ่งอยู่ในช่วงวัยรุ่น ต้องมาอ้างว้าง โดดเดี่ยว แถมพี่ชายคนเดียวที่เคยรับปากว่าจะอยู่เคียงข้างเวลาที่มีปัญหา ก็ไม่ค่อยได้เจอะเจอกัน ความน้อยใจประดังประเดเข้ามา เลยประชดด้วยการไปเที่ยว เกเรียน สารพัดที่จะทำเพื่อเรียกร้องความสนใจ และก็ได้ผล เมื่อทางโรงเรียนมีหนังสือเชิญผู้ปกครองไปพบ เรื่องที่เวลาเรียนไม่ครบเกือบไม่มีสิทธิ์สอบ แต่หล่อนไม่กล้าเอาไปให้พี่ชายดู จนวันหนึ่งทัชพงษ์ไปพบมันหล่นอยู่ในห้องของหล่อน แทนที่พี่ชายจะโกรธหล่อน เขากลับดึงไอรดาไปกอดและพูดขอโทษ แล้วสัญญาว่าจะดูแลไอรดาให้ดีเหมือนที่พ่อกับแม่อยู่ ไม่มีคำตำหนิใดๆ หลุดออกมาเลย มีเพียงความอบอุ่นจากอ้อมกอดอันแข็งแกร่งและอ่อนโยน เต็มไปด้วยความรักอย่างท่วมท้นจริงๆ ที่ไอรดาเชื่อและกล้าใช้คำๆ นี้ นั่นเพราะหล่อนแอบอ่านใจพี่ชายคนนี้ไงล่ะ ถึงได้กล้ารับประกันความรักที่เขามีให้หล่อนว่าเต็มร้อยจริง แล้วมันก็ทำให้ไอรดารู้สึกผิดมากด้วย ที่ทำประชดพี่ชายไปแบบเหลวไหลเช่นนั้น

ยิ่งเคยเห็นและสัมผัสถึงงานที่ทำว่าหนักแค่ไหน ก็ยิ่งเสียใจและเคยให้สัญญากับตัวเองว่าจะต้องทำดีเพื่อไถ่โทษที่ทำผิดไป หลังจากนั้นไอรดาก็พยายามอย่างมากที่จะไม่อ่านใจใครพร่ำเพรื่อ แล้วก็อดทนมากๆ เวลาที่บังเอิญได้รับรู้ความคิดของคนอื่นเข้าแบบไม่ตั้งใจ ซึ่งอย่างหลังออกจะเป็นอะไรที่ทำยากมาก แล้วหล่อนก็มักพลาดบ่อยๆ ด้วยสิ เพราะความอยากรู้อยากเห็นปนความซุกซนของหล่อนนั่นแหละ ที่ทำให้มันเกิดเรื่องขึ้นบ่อยๆ ไงล่ะ

\\\"งั้น...ตกลงค่ะ\\\" หลังครุ่นคิดไตร่ตรองอยู่นาน หล่อนจึงมีคำตอบให้เขา ซึ่งเป็นคำตอบที่ทำให้คนที่รอฟังอยู่รู้สึกดีใจอย่างยิ่งยวด

\\\"จริงนะยายไอร์ซ\\\"

\\\"เดี๋ยวก่อนสิค่ะ ฟังให้จบก่อนสิพี่ทัช ดีใจจนออกนอกหน้าไปมั้ง เดี๋ยวก็ไม่ทำด้วยหรอก\\\"

\\\"อ๊ะ! พูดแล้วห้ามคืนคำสิ มีอะไรว่ามา แค่เรายอมมาทำงานกับพี่ได้ พี่ก็ดีใจจะแย่แล้วล่ะ\\\"

\\\"รู้แล้วค่า...ว่าดีใจ เห็นฟันสามสิบสองซี่หมดแล้ว คือว่า ไอร์ซไม่อยากทำงานในตำแหน่งผู้จัดการน่ะค่ะ เพราะไอร์ซยังไม่มีประสบการณ์มาก่อน และที่สำคัญไอร์ซอยากเรียนรู้งานจากระดับล่างก่อนมากกว่าค่ะ จะได้สามารถนำมาบริหารคนได้ แบบที่ว่าต้องเรียนรู้การเป็นลูกน้องก่อนเป็นเจ้านายไงคะ จะได้บริหารงานไม่พลาดและมัดใจพนักงานได้ด้วย ไอร์ซขอแค่ตำแหน่งเล็กๆ ก็พอนะคะพี่ทัช\\\"

\\\"อึ้ม...เป็นความคิดที่ดีทีเดียว ใช้ได้ ตกลงตามนี้ พรุ่งนี้เริ่มงานเลยนะ\\\"

\\\"เจ้าค่ะ ท่านประธานหญ่ายยยยย...\\\" ไอรดาลากเสียงล้อเลียนพี่ชายด้วยความหมั่นไส้ ที่พูดแบบรวบรัดตัดตอนไม่ถามหล่อนเลยสักนิดว่าพร้อมหรือไม่

\\\"อ้อ! ที่สำคัญลืมไปอย่างหนึ่ง ห้ามอ่านความคิดคนพร่ำเพรื่อล่ะ เดี๋ยวเป็นลมตาลายเพราะอ่านใจพนักงานหมดสองร้อยคนไม่ทัน เดี๋ยวจะหาว่าพี่ชายไม่เตือนไม่ได้นะ\\\" ทัชพงษ์หันมาล้อน้องสาว ก่อนที่จะชิ่งหนีไป พร้อมกับได้ยินเสียงไอรดาตะโกนโวยวายตามหลังมาด้วยความโมโหที่พี่ชายรู้ทัน



\\\"ฮ้า! จริงเหรอไอ ที่ตัวจะไปทำงานที่บริษัทพี่ทัชน่ะ\\\" เสียงนิดหรือนิตยา พลวุฒิกุล เพื่อนสนิทของไอรดา พูดมาด้วยความตื่นเต้นดีใจ ที่เพื่อนจะไปทำงานกับพี่ชาย หลังจากที่ไอรดาโทรไปเล่าเรื่องให้ฟัง

\\\"นี่!!! ไม่ต้องมาทำเสียงดีใจอีกคนเลยนะยายนิด\\\"

\\\"แหม...ขอโทษก็ได้จ้า ดีใจไปจิ๊ดนึง\\\"

ไอรดาหัวเราะด้วยความรู้ทันเพื่อน ก่อนที่จะตอบกลับปลายสายไป

\\\"จ้า...ให้อภัยจ้ะ รู้ทันหรอกน่า กะจะมาหาพี่ทัชทุกวันที่บริษัท โดยอ้างว่ามาหาฉันล่ะสิ อันนี้เห็นใจๆ พอให้อภัยได้จ้ะ\\\"

\\\"บ้าน่ะสิ ไม่เอาแล้ว ไม่คุยด้วยแล้วล่ะ เลอะเทอะใหญ่แล้วไอ งั้นพรุ่งนี้เที่ยงเราไปรับที่บริษัทนะ จะพาไปเลี้ยงฉลองงานใหม่ ขอให้โชคดีนะไอ สวัสดีจ้ะ\\\"

\\\"ขอบใจจ้ะ\\\"

แหม…เป็นงี้ทุกทีสิน่ายัยนิด พอเรารู้ทันหน่อยรีบวางสายเลยนะ แต่ยังไม่วายจะนัดมาอีก เฮ้อ! น่าสงสารจัง ยายนิดแอบรักใครไม่รัก ดันมาหลงรักฤาษีบ้างานอย่างพี่ทัชนี่สิ น่าเหนื่อยแทน พี่เราก็ช่างซื่อบื้อซะจริงกับความรัก ทีเรื่องงานล่ะเก่งนัก

นิดตกหลุมรักพี่ทัชตั้งแต่แรกพบ ทั้งที่ยังเป็นเด็กอยู่เลย แล้วยายนั่นก็แอบเก็บความรู้สึกมาตลอด ถ้าเราไม่แอบไปอ่านมานะ ป่านนี้ก็คงไม่รู้หรอก ทำไงได้ล่ะ ก็นิดเป็นเพื่อนเล่นตั้งแต่เด็ก แถมเป็นเพื่อนรักคนสนิทของเราอีกด้วย ถึงอยากรู้ไงว่าเพื่อนคิดอะไรอยู่ เพราะเห็นแววตาแปลกๆ เวลาที่พบพี่ทัช ตางี้พราวเชียว แถมพฤติกรรมแปลกๆ จากคนคุยเก่งก็กลายเป็นติดอ่างหรือเป็นใบ้ไปเลย เพราะงี้แหละ ถึงอยากช่วยให้สมหวังกันซะที เฮ้อ! สงสัยงานนี้กามเทพคนนี้ต้องทำงานหนักซะแล้วสิ เพื่อนน่ะรู้ใจอยู่หรอก แต่พี่ทัชนี่สิ รู้ว่าเรามีสัมผัสพิเศษ เวลาอยู่ใกล้เรากับนิดทีไร แอบอ่านใจไม่ได้สักที ในหัวคิดมีแต่งานๆๆ แล้วก็คุยไม่มากด้วย หาทางเลี่ยงทุกที เวลาอยู่ด้วยกันเพียงลำพังสองคนทีไร ดูท่าทางระวังตัวแจ แถมเก่งด้วยนะ ที่ปกปิดความคิดได้ไม่หลุดเลย แต่อย่าพลาดมานะ ถ้ารู้เมื่อไรพี่ทัชเสร็จเราแน่ๆ ไอรดาคิดแล้วนั่งอมยิ้มด้วยความหมายมั่น



\\\"พี่อยากให้เราทำงานในตำแหน่งเลขานะ ไหวมั้ย\\\" ทัชพงษ์ถามไอรดา เมื่ออยู่กันตามลำพังในห้องทำงานของเขาที่บริษัท

\\\"อะไรนะพี่ทัช พูดเป็นเล่นน่า\\\" หญิงสาวในชุดทำงานสีฟ้าอ่อน นั่งหน้าตื่นราวกับโดนผีหลอกก็ไม่ปาน เมื่อได้ยินสิ่งที่พี่ชายพูดออกมา

\\\"พูดจริงต่างหาก ใครว่าเล่นล่ะ\\\"

\\\"แต่...แต่ว่าไอร์ซยังไม่เคยทำงานเลขามาก่อนนะคะ และที่สำคัญเราตกลงกันแล้วด้วยว่า จะให้หนูทำงานในตำแหน่งพนักงานเล็กๆ เท่านั้นนะคะพี่ทัช\\\" หล่อนเริ่มที่จะโอดครวญกับพี่ชาย

\\\"ใช่ แล้วไง แต่พี่ยังไม่ได้รับปากเรานี่ ว่าจะให้ทำในตำแหน่งไหน\\\"

\\\"แต่...\\\"

\\\"หยุดเลยนะยายไอร์ซ ไม่ต้องหาเหตุผลมาพูดอีกแล้ว ฟังพี่นะ พี่ยอมรับในความคิดเราที่จะเรียนรู้งานในระดับล่างขึ้นมา งานเลขานี่ น้องก็สามารถเรียนรู้งานได้ แถมกว้างขวางเสียด้วยนะ หยุดก่อน ยังไม่ต้องเถียงฟังให้จบก่อน จริงอยู่ ที่น้องไม่เคยทำงานด้านเลขานุการมาก่อน แต่ไม่มีใครหรอกนะไอร์ซ ที่จะเป็นมาแต่กำเนิด ทุกสิ่งทุกอย่างต้องมีการเรียนรู้เสมอ แล้วที่สำคัญ น้องจะได้รู้เรื่องของบริษัทได้มากจากงานตรงนี้ พี่จะให้คุณสุนทรีย์ช่วยแนะนำให้นะ มีอะไรก็ปรึกษาเธอได้ แล้วงานตำแหน่งนี้ก็เล็กนะไอร์ซ ลองคิดดูสิ จากตำแหน่งของพี่ ท่านประธานลงไป กว่าจะถึงตำแหน่งเราน่ะ ลดหลั่นลงไปตั้งหลายคนแน่ะ นี่ยังไม่เล็กอีกหรือ หือ?\\\" ชายหนุ่มพูดเป็นเชิงถามพร้อมกับยักคิ้วหยอกเย้าน้องสาวเล็กๆ

\\\"พี่ทัช...\\\" ไอรดาโวยวายได้แค่นั้นก็ต้องหยุด เพราะมีเสียงเคาะประตูดังขัดขึ้นมากลางคัน



\\\"ขอประธานโทษค่ะ คุณอลงกรฎมาถึงแล้วค่ะ\\\" คุณสุนทรีย์เลขาหน้าห้องทัชพงษ์ก้าวเข้ามาพร้อมกับรายงานให้เขาทราบว่ามีคนมาหา

\\\"เชิญเขาเข้ามาเลยครับคุณสุนทรีย์ ผมกำลังรออยู่\\\" ทัชพงษ์เอ่ยบอกเลขาของเขา

เลขาของทัชพงษ์ออกไปสักครู่ และกลับมาพร้อมกับชายหนุ่มรูปร่างสูงใหญ่ ผิวขาว หน้าตาคมสัน ซึ่งอยู่ในชุดสูทสีกรมท่าเข้ม ที่ช่วยขับสีผิวที่ขาวและใบหน้าที่คมสันนั้นให้หล่อเหลาน่ามองยิ่งขึ้น ทำให้ผู้ชายคนนี้ดูเด่นสะดุดตายิ่งนัก แต่ที่น่าติคงจะเป็นสายตาที่เย็นชานี่ละมั้ง ช่างขัดลูกนัยน์ตาเสียจริง เหมือนรูปปั้นที่ไร้ชีวิต ไร้อารมณ์และความรู้สึก จะมีก็เพียงดวงตาคมกริบ ที่เหลือบมองมาที่หญิงสาว เหมือนมีพลังหรือคลื่นบางอย่างที่ทำให้คนที่ถูกมองต้องรู้สึกร้อนๆ หนาวๆ ยังไงพิลึก ไอรดาสรุปในใจ

\\\"ไอร์ซ นี่คืออลงกรฏ มหพลไพศาล เพื่อนรุ่นน้องของพี่สมัยที่เรียนอังกฤษ พี่ให้เขามาช่วยทำงานที่นี่ ในตำแหน่งผู้จัดการฝ่ายการตลาด และเขาก็จะมาเป็นเจ้านายเราด้วยนะ\\\"

\\\"อะไรนะคะ?!?\\\" ไอรดาถามด้วยความตกใจ หลังจากได้ยินเสียงทัชพงษ์ปลุกให้ตื่นจากภวังค์ความนึกคิดส่วนตัว

\\\"สวัสดีครับ ยินดีที่ได้รู้จักครับ คุณไอรดา อภินันท์ชัย หวังว่าเราคงจะร่วมงานกันได้ดีนะครับ\\\" เสียงชายหนุ่มทักขึ้น ขณะที่หญิงสาวกำลังอึ้งกับสิ่งที่เกิดขึ้นตอนนี้

\\\"ค่ะ สวัสดีค่ะ เอ่อ...คุณ...เอ้ย! เจ้านาย\\\"

โอย...อะไรกันเนี่ย ทำไมเราต้องมาเป็นลูกน้องนายรูปปั้นนี่ด้วยนะ พี่ทัชนะพี่ทัช ไม่บอกไม่กล่าวล่วงหน้าก่อนเลยนะ ไอรดากัดฟันงุบงิบพลางมองหน้าทัชพงษ์ด้วยความขัดเคืองใจที่มัดมือชกหล่อน โดยที่ไม่ขอความสมัครใจจากหล่อนเลยสักนิด แล้วเจ้านายคนนี้ก็เพิ่งมาทำงาน แถมเพิ่งรู้จักกันอีก งานนี้จะกอดคอกันตายไหมเนี่ย เฮ้อ! ไอรดาถอนใจเบาๆ แต่กริยาอาการนั้น หาได้รอดพ้นไปจากสายตาของชายหนุ่มข้างๆ ไปไม่ เหมือนเขายิ้มเยาะหล่อนที่มุมปากนิดหนึ่ง ไอรดารู้สึกว่าเห็นแวบๆ เช่นนั้น เลยทำให้รู้สึกขัดใจเล็กน้อย



\\\"เฮ้อ! กว่าจะจัดอะไรเข้าที่เข้าทางแทบตาย ไอ้งานเลขานี่มันยุ่งยากชะมัด คุณสุนทนทำได้ไงคะนี่ วันๆ มีแต่เอกสารกองเป็นพะเนิน \\\" ไอรดาถามสุนทรีย์เลขาทัชพงษ์หลังจากที่จัดเอกสารการทำงานทั้งหมดเสร็จ

\\\"มันเป็นงานนี่คะคุณไอ ทำไงได้ สุนเรียนมาด้านนี้นี่คะ\\\" สุนทรีย์ตอบ

ที่คุยกันได้สนิทสนม เพราะหล่อนเคยเห็นหญิงสาวมาตั้งแต่หล่อนยังเป็นวัยรุ่น และติดตามท่านประธานมาบริษัทบ่อยๆ ดูท่าทางท่านประธานตามใจไม่น้อย เลยทำให้ไอรดาดูเป็นคนเจ้าอารมณ์นิดๆ แต่ถ้ารู้จักใกล้ชิดจะรู้ว่า หล่อนน่ารักทีเดียว ถ้าตัดเจ้าแว่นตาสีเข้มหนาออกนะ ไม่รู้ว่าหล่อนจะใส่เพื่อปิดบังอะไร ทั้งๆ ที่สายตาก็ไม่สั้นหรือว่าชอบแฟชั่นแบบนี้นะ สุนทรีย์คิดพลางยิ้มอย่างเอ็นดูหญิงสาวตรงหน้า ที่ทำหน้ายุ่งเหมือนยุงตีกันกับกองเอกสารที่ต้องเรียนรู้มากมาย

\\\"พักเที่ยงแล้วค่ะ ไปทานข้าวด้วยกันนะคะ\\\" สุนทรีย์เอ่ยปากชวนไอรดา หลังจากยกนาฬิกาขึ้นดูเวลา

\\\"ขอโทษจริงๆ ค่ะ คือว่าดิฉันมีนัดแล้วค่ะ ไว้โอกาสหน้าละกันนะคะ\\\"

\\\"ไม่เป็นไรคะ งั้นดิฉันขอตัวก่อนนะคะ\\\"

สุนทรีย์เดินออกไปแล้ว ปล่อยให้ไอรดานั่งจัดเอกสารคนเดียวระหว่างรอนิตยามารับไปทานข้าวตามสัญญา



\\\"โทษทีจ้ะ มาช้าไปหน่อย คอยนานไหมจ้ะไอ\\\" นิตยาถามทันทีที่มาถึง

\\\"ไม่นานหรอก แค่ไส้แทบขาดเท่านั้นเอง ฉันนึกว่าเธอจะมารับฉันตอนชาติหน้าบ่ายๆ ซะอีก\\\" ไอรดาต่อว่านิตยาที่ทำให้คอยนานจนหิว

\\\"แหม...ก็รถมันติดนี่จ๊ะ ทำไงได้ ก็นี่มันกรุงเทพฯ นี่นา อ้อ! แล้วพี่ทัชล่ะ\\\" หญิงสาวแก้ตัวแล้วเสถามหาทัชพงษ์ เป็นไปตามที่ไอรดาคาดคิดไว้

\\\"ฮั่นแน่! ถามถึงเชียวนะ เสียใจด้วยจ้ะ พี่ทัชออกไปแล้ว เหลือแต่น้องพี่ทัชค่ะคุณนิตยา... จะไปกันได้รึยังหือ ก่อนที่ฉันจะหิวจนตาลายและกินเธอเป็นอาหารกลางวันไปซะก่อน\\\" ไอรดาพูดล้อเพื่อน

\\\"จ้า...คุณน้องขา\\\" นิตยาตอบรับด้วยสีหน้าผิดหวังเล็กน้อยที่ไม่พบคนที่ต้องการอยากจะเจอ

ไอรดาหัวเราะด้วยความชอบใจ ที่เห็นหน้าเพื่อนผิดหวังแบบนั้นที่ไม่ได้พบหน้าทัชพงษ์ ขณะที่สองสาวกำลังจะเดินออกไป ชายหนุ่มที่อยู่ในห้องทำงานก็เปิดประตูออกมา พร้อมยิงคำถามใส่หญิงสาวทั้งสองทันที

\\\"จะออกไปทานข้าวกันหรือครับคุณไอร์ซ\\\"

ยังไม่ทันที่ไอรดาจะตอบ นิตยารีบชิงตัดหน้าตอบไปเสียก่อน

\\\"ค่ะ จะไปทานด้วยกันไหมคะ เอ่อ...ขอแนะนำตัวเลยนะคะ ดิฉันนิตยาค่ะ เรียกสั้นๆ ว่านิดก็ได้ค่ะ นิดเป็นเพื่อนกับไอมาตั้งแต่เด็กแล้วค่ะ เอ่อ..คุณ\\\" นิตยาแนะนำตัวเสร็จสรรพ พร้อมทั้งถามชื่อหนุ่มหล่อข้างหน้าทันที

\\\"อลงกรฏครับ เรียกผมว่ากรฏก็ได้ครับ ผมเพิ่งมาเป็นผู้จัดการที่นี่เป็นวันแรกครับ แล้วก็เป็นเจ้านายคุณไอร์ซด้วย\\\"

\\\"เหรอค่ะ ไม่เห็นไอเล่าให้ฟังเลยล่ะ\\\" นิตยาทำหน้าแปลกใจ พร้อมกับหันไปถามเพื่อนรัก ที่บัดนี้หน้าคว่ำหุบยิ้มทำท่างอนอยู่ข้างๆ

\\\"นี่! จะคุยกันอีกนานไหม ถ้านานฉันจะได้ไปก่อน เชิญคุยกันตามสบายนะ\\\"

พูดเสร็จหญิงสาวก็เดินลิ่วไปโดยไม่หันมามองข้างหลังอีกเลย หล่อนได้ยินเสียงเพื่อนตัวดีบ่นพร้อมกับชวนให้ชายหนุ่มรีบตามหล่อนมา ไม่รู้สิ ไอรดาบอกไม่ถูกว่ารู้สึกอย่างไรกับนายนี่ เห็นหน้าแล้วกวนประสาทพิลึก เวลาอยู่กับพี่ทัช คุณสุน หรือแม้แต่ยายนิดที่เพิ่งรู้จักกัน เขากลับพูดคุยและยิ้มอย่างสนิทสนม แต่ทีกับหล่อน เขามักทำหน้าตาเฉยเมยเย็นชายังกับรูปปั้นก็ไม่ปาน จะมีก็แววตาที่มองมาแปลกๆ ซึ่งทำให้ไอรดารู้สึกร้อนๆ หนาวๆ อย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อนเท่านั้น...



นิตยากลับไปแล้ว ไอรดาจำต้องกลับมาพร้อมกับอลงกรฏอย่างเลี่ยงไม่ได้ ตลอดทางไอรดาไม่ยอมพูดอะไรเลย นอกจากเป็นผู้ฟังที่ดี

\\\"คุณคงไม่ค่อยชอบที่ผมไปทานข้าวด้วยกันกับพวกคุณสินะ คุณถึงไม่ยอมพูดอะไรเลย\\\" ชายหนุ่มพูดขึ้น หลังจากที่เห็นว่าไอรดาไม่ยอมปริปากพูดกับเขาแน่

\\\"เปล่านี่คะ\\\" หญิงสาวตอบแบบสั้นที่สุดเทาที่จะตอบได้

\\\"เปล่าเหรอ แต่หน้าตาคุณมันฟ้องนี่ ว่าคุณไม่ชอบหน้าผม ผมไปทำอะไรให้คุณมิทราบครับคุณไอร์ซ\\\" เขาถามโดยเน้นเสียงที่ชื่อของหล่อน นั่นทำให้หญิงสาวหันขวับกลับมาทำตาเขียวใส่ทันที ถ้าไม่มีแว่นกั้นไว้ อลงกรฏคงไหม้เป็นจุณแน่

\\\"นี่คุณ กรุณาอย่ามาเรียกฉันว่าไอร์ซนะ ชื่อนี้มีไว้สำหรับพี่ฉันคนเดียว คนอื่นไม่อนุญาต รู้ไว้ซะด้วย\\\" ไอรดาหันมาแหวใส่อลงกรฏทันที เมื่อได้ยินเขาเรียกชื่อหล่อนอย่างคนสนิทสนมแบบนั้น

\\\"อ้อ! ที่แท้หวงชื่อนี่เอง ไม่เห็นเป็นไรเลย ขอผมใช้พิเศษอีกคนละกัน ในฐานะเจ้านายและเพื่อนพี่ทัชก็แล้วกันนะครับคุณไอร์ซ\\\"

พูดเสร็จอลงกรฏรีบหลบเข้าห้องทันทีก่อนที่ไอรดาจะตั้งตัวทัน นั่นจึงทำให้ไอรดาโมโหอยู่คนเดียว ที่ทำอะไรเจ้านายที่กวนประสาทคนนี้ไม่ได้

\\\"ฝากไว้ก่อนเถอะนายกรฏ\\\" ไอรดาพึมพำออกมาอย่างเหลืออด...

หลังจากที่แกล้งแหย่ไอรดาแล้ว อลงกรฏก็มานั่งอมยิ้มคนเดียวในห้องทำงาน ไม่รู้สิ เขาบอกไม่ถูกว่า ทำไมอยากแกล้งหล่อนนัก โดยเฉพาะเวลาที่หล่อนโกรธ ตาหล่อนจะวาวราวกับจะทะลุแว่นออกมา นั่นยิ่งทำให้ตาที่โตอยู่แล้วยิ่งโตขึ้นไปอีกเป็นเท่าตัว ทำให้มีเสน่ห์ชวนมองยิ่งนัก จริงๆ แล้วเขาอยากคุย อยากพบ อยากเจอหล่อนมานานแล้ว ตั้งแต่ที่เขาได้เห็นรูปของไอรดาที่ส่งไปให้ทัชพงษ์ที่อังกฤษ เขารู้สึกชอบดวงตากลมโตที่มองมาด้วยความรักอย่างหมดหัวใจที่ไอรดามีให้ทัชพงษ์ มันทำให้เขาอยากเป็นเจ้าของแววตาคู่นั้น นั่นเป็นเหตุผลหนึ่งที่เขายอมมาทำงานที่นี่ตามคำชวนของทัชพงษ์ทันทีที่เขาเอ่ยปากชวน แต่พอมาเจอหน้าหล่อนเข้าจริงๆ เขากลับทำอะไรไม่ถูกเอาเสียเลย นอกจากทำเฉยและเย็นชาเสีย อาจเป็นเพราะเขากลัวหล่อนรู้ก็เป็นได้มั้ง ...

ความคิดเห็น

ยังไม่มีความคิดเห็น