คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #19 : PHOTOS ; 15 { 100 per. }
15
Q : ตอนนี้คุณชอบทำอะไรเป็นพิเศษ?
K : ผมเพิ่งได้กล้องใหม่ กำลังสนุกกับการถ่ายรูปครับ ผมมีรูปสวยๆ เยอะแยะเลย
เจ้าของคำตอบยิ้มบางเบาให้กับกล้อง ดวงตาเป็นประกายวิบวับพึงพอใจมากซะจนคนที่นั่งดูนอกจอทีวีอย่างอี้ชิงยังอดหัวเราะไม่ได้ ก็เพราะเขาเป็นแฟนคุณแรพเปอร์คนดังนี่นา...ทำไมจะไม่รู้ว่าช่วงนี้คุณคริสน่ะเห่อกล้องใหม่ขนาดไหน ถึงแม้มันจะเป็นสีชมพูอ่อนแบบที่พวกเด็กสาวชอบใช้กันแต่คุณคริสก็ไม่เคยอายที่จะถือมันไปไหนมาไหนด้วยเลย จากที่เป็นคนโดนถ่ายแล้วมาเป็นคนถ่ายซะเอง คงจะเป็นอะไรที่แปลกใหม่สนุกสนานสำหรับคุณคริสไม่น้อย
จนตอนนี้...บ้านของอี้ชิงแทบจะกลายเป็นพิพิธภัณฑ์ไปแล้ว
แล้วอี้ชิงก็ต้องหัวเราะออกมาอีกครั้งเมื่อได้มองไปรอบตัวเต็มตา ผนังบ้านที่เคยเป็นสีขาวสะอาดในเวลาไม่ถึงเดือนกลับมีแต่รูปถ่ายโพลารอยด์ติดเต็มไปหมดจนแทบไม่มีพื้นที่สีขาวให้เห็นเลย ปัญหาไม่ใช่ว่าอี้ชิงไม่ปลื้มไม่ชอบหรอกนะ เขาเป็นช่างภาพต้องชอบอะไรแบบนี้อยู่แล้ว แต่ปัญหาคือรูปที่คุณคริสถ่ายมันเยอะมาก...มากจนตอนนี้ไม่มีที่ติดสมใจคุณแรพเปอร์คนดังเขาแล้วนี่สิ
คุณแรพเปอร์คนดังถ่ายรูปทุกวันเท่าที่จะถ่ายได้ พอถ่ายแล้วก็เอามาแปะแปะแปะแล้วก็แปะ แล้วก็เขียนข้อความอะไรไม่รู้ลงไปในรูปถ่ายทุกใบ อี้ชิงเคยแอบอ่านอยู่บ้างแต่หลังจากนั้นก็ไม่อ่านอีกเลย
เพราะเขาเขินเกินกว่าจะอ่านจนหมด
ความปวดเมื่อยตามเนื้อตัวทำให้คนที่นั่งทำงานมาโต้รุ่งขยับลุกอย่างยากลำบาก อี้ชิงพบว่าตัวเองทั้งไอและเจ็บคอ ครั่นเนื้อครั่นตัวไปหมด เวียนหัวจนต้องทิ้งตัวลงไปนอนตรงโซฟาใกล้ตัวที่สุดอย่างหมดแรง มือขาวแตะตามใบหน้าตัวเองรู้สึกได้เลยว่าร้อนผิดปกติ สงสัยจะเป็นไข้แล้วสิ...
“ มีงานที่ต้องทำอีกเยอะซะด้วยสิ... ”
แต่จะให้ฝืนลุกไปทำต่อคงจะไม่ไหวแล้วล่ะ อี้ชิงซุกใบหน้าลงกับหมอนอิงใบใหญ่ ความง่วงงุนแล่นเข้าโจมตีส่งผลให้เปลือกตาบางค่อยๆ ปิดลงเชื่องช้า โทรศัพท์ตกลงบนพื้นพรมแต่เจ้าของก็ไม่ได้ให้ความสนใจจะเก็บมันขึ้น อี้ชิงขดตัวอยู่บนโซฟาก่อนจะได้หลับสนิทจริงๆ
หลังจากไปออกรายการวิทยุตั้งแต่เช้ามืดตอนสิบโมงครึ่งคริสก็มายืนยิ้มอยู่ตรงหน้าบ้านของ ‘ แฟน ’ ตัวเองได้สักที บ้านทั้งหลังเงียบสนิทแต่ยังเปิดไฟเอาไว้ อากาศวันนี้หิมะตกทั้งวันท้องฟ้าขมุกขมัวไม่เหมือนหัวใจคริสที่เบิกบานแจ่มใส เพราะยังไงวันนี้เขาก็ไม่มีงานอะไรอีกแล้ว
กุญแจดอกเล็กที่อ้อนเอามาจากเจ้าของบ้านได้ช่วยให้คริสได้เข้าไปสัมผัสความอบอุ่นข้างในบ้านได้เร็วทันใจ แรพเปอร์คนดังถอดเสื้อโค้ทแขวนเอาไว้หน้าประตู สอดส่องสายตามองหาคนตัวขาว
“ จางอี้ชิงครับ? ”
เมื่อไม่มีเสียงตอบรับผิดวิสัยของช่างภาพตัวขาวที่กระตือรือร้นคริสก็เหวี่ยงกระเป๋าเป้สีดำไว้ตรงเคาน์เตอร์ทันที และเขาเกือบจะเดินเลยขึ้นบันไดไปแล้วถ้าไม่ติดว่าเหลือบไปเห็นใครบางคนนอนนิ่งอยู่ตรงโซฟาพอดีนั่นแหละ คริสพรูลมหายใจก่อนจะยิ้ม จางอี้ชิงเกือบทำให้เขาใจหล่นไปอยู่ตาตุ่มซะแล้ว
“ จางอี้ชิงครับ? ”
ไอ้ใบหน้าตอนหลับตาพริ้มแบบนี้คริสเพิ่งจะเคยเห็น แรพเปอร์คนดังเผลอยืนมองตั้งนานสองนานกว่าจะตั้งสติได้ คริสแตะมือเย็นๆ ของตัวเองลงบนผิวแก้มสีระเรื่อน่ารักน่าชัง อุณหภูมิผิวที่อุ่นผิดปกติทำให้เขาขมวดคิ้ว คริสทรุดตัวลงนั่งบนโซฟาเดียวกับจางอี้ชิงแล้วดึงร่างอ่อนปวกเปียกของอีกคนขึ้นมาพิงอกตัวเอง คนตัวขาวครางประท้วงก่อนจะหลับคอพับคออ่อนไปอีก
“ เป็นไข้นี่ครับ ”
มือใหญ่ยกขึ้นแตะหน้าผากอีกคนสลับกับแนบหน้าผากตัวเองลงไป ตัวของจางอี้ชิงอุ่นมากจริงๆ ท่าทางไข้จะขึ้น ไม่รู้ไปทำอีท่าไหนถึงได้มานอนป่วยแบบนี้ น่าจับมาตีก้นให้เข็ด! นี่ถ้าคริสไม่มาวันนี้มีหวังจางอี้ชิงได้นอนแห้งบนโซฟาไปทั้งวันแน่ๆ
“ คุณคริส...? ”
เสียงแหบแห้งเรียกชื่อเขาพร้อมกับดวงตาหวานใสที่เหลือบขึ้นมองคล้ายไม่แน่ใจ คริสดึงมือเล็กมาแนบกับแก้มตัวเองแล้วส่งยิ้มให้คนป่วย คนป่วยก็ทำตัวน่ารักด้วยการยิ้มกลับจนตาหยี
“ นอนพักก่อนนะครับ เดี๋ยวผมจะไปหายามาให้ ”
คนป่วยพยักหน้ารับรู้ พูดพึมพำจนคริสก็โน้มตัวลงไปใกล้กว่าปกติเพื่อจับใจความ
“ ตู้ยา...อยู่ตรงทางขึ้นบันไดครับ ”
“ แป๊บนึงนะครับ ”
คริสต่อสายหาผู้จัดการคนสนิท พี่เฮนรี่ไม่เคยปล่อยให้เขารอสายนานเกินหนึ่งนาทีอีกฝ่ายก็กดรับพร้อมกับเสียงเนิบนาบแสนจะขี้เกียจ
“ พี่...เวลาเป็นไข้พี่กินยาอะไรบ้าง ”
[ นายเป็นไข้เหรอ!? ]
“ ไม่ได้เป็น ”
[ อ้าว? เอ่อก็...ยาพาราสักสองเม็ด เจลลดไข้ แล้วก็ดื่มน้ำเยอะๆ หลับเยอะๆ วันเดียวคงดีขึ้น ]
“ ขอบคุณมากครับพี่ แค่นี้นะ ”
แรพเปอร์คนดังรื้อในตู้ยาก็พบยาพาราอยู่สองแผงแต่ไม่มีเจลลดไข้ ตรงดิ่งไปห้องครัวรินน้ำใส่แก้วทรงสูงแล้วแกะยาสองเม็ดอย่างเร่งรีบ จางอี้ชิงกลับไปนอนซุกหน้ากับหมอนเหมือนเดิมแล้ว แต่พอส่งเสียงเรียกช่างภาพตัวขาวก็ปรือตามองแล้วยิ้มให้
“ คุณคริส... ”
ทำเสียงอ้อนๆ แบบนั้นได้ยังไงกัน...
“ กินยาหน่อยนะครับจางอี้ชิงจะได้หายไวๆ ไปตามถ่ายรูปผมไงครับ ”
“ อื้อ...ครับ... ”
มันน่ารักมากเลยนะตอนที่จางอี้ชิงยิ้มหวานตาปรือพยายามยันตัวเองลุกขึ้นนั่งแบบเป็นเด็กดีสุดๆ ทำท่าจะหลับอยู่ตลอดจนคริสต้องจับหัวมาพิงไหล่ตัวเองเอาไว้ จางอี้ชิงกลืนยาสองเม็ดไปตบท้ายด้วยน้ำเกือบครึ่งแก้ว คริสแนบมือลงบนแก้มนิ่มและดูเหมือนว่าจางอี้ชิงจะชอบเป็นพิเศษ
“ มือเย็นจังเลยครับ... ”
“ ผมเพิ่งไปทำงานมาน่ะสิครับ ข้างนอกหนาวมากเลย ”
อย่าเอาแก้มมาคลอเคลียฝ่ามือคนอื่นหน่อยเลย
มันไม่น่ารักไปหน่อยเหรอ?
“ เจ็บคอจังเลยครับ...คุณคริส ”
“ งั้นต้องกินน้ำเยอะๆ แล้วพักผ่อนนะครับ ”
“ ...ใจดี ”
คนป่วยคลอเคลียออดอ้อนเอาใจซะจนคริสใจสั่น ปากอิ่มแดงพูดงุ้งงิ้งๆ อยู่ข้างหูตบท้ายด้วยรอยยิ้มตาหยีแทบทุกครั้ง คริสทนมอง...และทนไม่ให้ตัวเองก้มลงไปฟัดแก้มแดงๆ นั่น จางอี้ชิงตอนป่วยน่ารักคูณล้านเชียวล่ะ คริสปัดปอยผมอีกคนออกไป แนบหน้าผากลงชิดกับหน้าผากอุ่นจัด มองอีกคนหลับตาพริ้มอยู่ใกล้แค่ลมหายใจก็อดจะแอบจุ๊บเบาๆ ตรงปากแดงๆ นั่นไม่ได้
ปล่อยให้ช่างภาพตัวขาวนอนต่อตัวเองก็เดินไปหาผ้าผืนเล็กกับกะละมังใส่น้ำ คริสยกกะละมังมาวางไว้ตรงโต๊ะเล็กใกล้ๆ โซฟา บิดผ้าให้พอหมาดวางบนหน้าผากคนป่วยก่อนจะดึงฟูกนุ่มที่สอดอยู่ใต้โซฟาออกมากางบนพื้นพรมเพราะโซฟามันแคบเกินไปที่จะนอนได้สองคน แรพเปอร์คนดังเดินหายไปชั้นบนได้ผ้าห่มมาหนึ่งผืนก็จัดแจงอุ้มคนป่วยลงมานอนบนฟูกตามด้วยตัวเองที่สอดตัวเข้าไปซุกในผ้าห่มผืนเดียวกัน จางอี้ชิงนอนหลับปุ๋ยเหมือนเด็กๆ ทำตัวน่ารักได้แม้กระทั่งเวลานอน
“ ฝันดีนะครับ ”
คริสโอบร่างนุ่มนิ่มมาซบอกตัวเอง กอดอย่างเป็นเจ้าเข้าเจ้าของเต็มที่ ถึงตอนป่วยจางอี้ชิงจะไม่หน้าแดงให้เขาชื่นใจก็เถอะนะ แต่แขนเล็กที่กอดตอบกับการซุกใบหน้าเข้าหาแบบนี้ก็ถือทดแทนได้แล้วกัน
คริสรู้สึกว่าแบบนี้มันช่างดีจริงๆ
การมีใครสักคนให้กอดไว้แบบนี้มันดีมากจริงๆ นะ
แล้วการที่ใครคนนั้นเป็นจางอี้ชิง
...มันดีที่สุดเลย J
การทำอาหารคนป่วยมันเป็นเรื่องยากมากสำหรับคนที่ทำอาหารไม่เป็น ถึงแม้ว่าเขาจะมีโจ๊กสำเร็จรูปอยู่ตรงหน้าก็เถอะ...แรพเปอร์คนดังรู้สึกอายนิดหน่อยที่พบว่าตัวเองโง่อย่างเหลือเชื่อ กาน้ำร้อนเดือดปุดๆ แต่คริสก็ยังเอาแต่เพ่งอ่านตัวหนังสือบนซองโจ๊ก อ่านแล้วอ่านอีกถึงได้เข้าใจว่าต้องเทไอ้นี่ลงในถ้วยก่อนแล้วค่อยใส่น้ำในปริมาณที่พอดี หลังจากนั้นก็รออีกประมาณสามนาทีกว่าๆ
คริสชะเง้อคอมองเข้าไปในห้องรับแขกเห็นเจ้าของป่วยนอนหลับปุ๋ยก็หมดห่วง เขาหันมาสนใจโจ๊กแทน เกิดมาเพิ่งเคยต้มโจ๊กให้ใครทานตัวเขาเองยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่ารสชาติหน้าตามันเป็นยังไง คริสเปิดฝาถ้วยเซรามิกลายสดใสออกมาก็ได้กลิ่นหอมฉุย(ถึงเขาจะเติมน้ำเยอะไปก็ตาม) พอหันหลังกลับมาก็เจอดวงตาแป๋วๆ มองมาอย่างสะลึมสะลือ จางอี้ชิงยืนยิ้มหวานเกาะขอบประตู
“ ลุกมาทำไมครับ เดี๋ยวล้มไปจะทำยังไง ”
ปกติว่าจางอี้ชิงพูดน้อยแล้วนะ มาเจอตอนป่วยนี่แทบไม่พูดเลยเอาแต่ยืนยิ้มอยู่นั่น คริสวางถ้วยโจ๊กไว้ที่เดิมก่อนจะก้าวขายาวๆ ไปประชิดตัวคนป่วย หัวเราะชอบใจตอนที่จางอี้ชิงตัวอ่อนซบอกเกลือกกลิ้งใบหน้าไปมา แขนเล็กสอดรอบเอวของคริสเริ่มทำเสียงงุ้งงิ้งๆ
“ ฮื้อออ คุณคริส... ”
“ เดี๋ยวกินข้าวกันนะครับ ผมจะป้อนเองนะ ”
“ จริงเหรอ? ”
คริสไม่ได้ตอบคำถามคนป่วยช่างสงสัยนอกจากยิ้มแล้วก้มลงไปจูบหน้าผากอุ่นของอีกคนสองสามที ช่างภาพตัวขาวหัวเราะคิกคักแล้วยิ้มหวานกระแทกเต็มตาของคริส
นี่ถ้าไม่ได้ป่วยอยู่ล่ะก็นะ...
“ ฟู่ววววว ”
คนป่วยทำเสียงล้อเลียนคริสตอนเป่าโจ๊กร้อนๆ ตัวอ่อนปวกเปียกซบกอดคนอื่นอยู่อย่างนี้แต่ยังมีแรงหัวเราะ มีแรงยิ้ม คริสยิ้มให้กับท่าทางเด็กน้อยแบบนั้นก่อนจะเลื่อนช้อนไปจ่อปากอิ่มที่อ้ารับอย่างว่าง่าย ดูเหมือนว่าความอุ่นของโจ๊กจะทำให้จางอี้ชิงสบายคอขึ้นถึงได้เงยหน้ามายิ้มให้กันอีกแล้ว
“ อย่ายิ้มบ่อยสิครับ ”
“ ครับ? ”
“ มันน่ารัก ”
จางอี้ชิงพยักหน้าหงึกๆ กับแก้มที่เหมือนจะขึ้นสีแดงอีกเล็กน้อย กว่าจะกินโจ๊กจนหมดคริสนี่แทบละลายตายไปกับรอยยิ้มแบบนั้นเต็มแก่แล้ว จางอี้ชิงนี่ก็ขยันอัพเลเวลความน่ารักจริงจังเลยนะ
“ อร่อยมั้ยครับ? ”
“ อื้อ อร่อยครับ ”
มีการยกนิ้วโป้งประกอบซะน่ารักอีกนะคนเรา
“ งั้นเดี๋ยวกินยาตามอีกทีแล้วนอนหลับดีกว่าเนอะ ”
จางอี้ชิงก็ว่าง่ายซะเหลือเกิน...บอกให้ทำอะไรก็ทำ ไม่งอแงไม่ขัดขืน เอายาใส่มือสองเม็ดก็เข้าปากกลืนกินน้ำตามจบท้ายด้วยรอยยิ้มหวานๆ กับตาปรือๆ เจ้าเดิม น่ารักมาก...น่ารักมากซะจนคริสต้องจับมาฟัดก่อนจะปล่อยให้คนป่วยได้ล้มตัวนอนบนฟูกนุ่มตามเดิม
พวกเขาได้กลับมานอนกอดกันอีกครั้งในรอบวัน เตาผิงอุ่นๆ ในวันที่หิมะตกหนักทำให้หลับสบาย คริสปิดมือถือแล้วโยนไว้ที่ไหนสักที่ เขาขยับดึงร่างนุ่มๆ หอมๆ เข้ามากอดมาหอมให้หนำใจโดยที่เจ้าของนี่แทบจะหลับอยู่แล้ว ส่วนไอ้ปากแดงๆ ก็ล่อตาจนต้องก้มลงไปแตะเบาๆ ก่อนจะจับหัวอีกคนให้ซุกเข้าหาอกตัวเองแล้วตวัดผ่าห่มคลุมร่าง คริสลืมตามองเพดานสีครีมก่อนจะหัวเราะออกมา
นี่หรือเปล่าคือสิ่งที่เขาต้องการ...?
คริสเดบิวท์ในวงการเพลงตอนอายุยี่สิบปีกับเพลงของตัวเองที่มีเวลาแค่สามสี่นาทีกว่าๆ ลงทุนบินข้ามน้ำข้ามทะเลมาถึงเกาหลีเพื่อความฝัน ฝึกหนักจนดึกดื่น มันทั้งล้าและทั้งเหงา เขาต้องฝึกซ้อมอยู่หลายปีกว่าจะได้ออกมาพิสูจน์ความสามารถให้ทั้งโลกรับรู้ด้วยเพลงๆ เดียวแถมยังมีความยาวไม่ถึงห้านาที เป็นนักร้องเดี่ยวที่สนิทกับแค่ผู้จัดการของตัวเอง
เขาประสบความสำเร็จในความฝันของตัวเอง เขาแตะดาวได้แล้ว ผู้คนมากมายมอบความรักให้อย่างล้นหลาม มีคอนเสิร์ตมีทัวร์ มีเงินทองมีรถและมีบ้านเป็นของตัวเองด้วย มันเป็นสิ่งที่เขาเคยใฝ่ฝันและตอนนี้เขาก็ทำมันได้แล้ว
หลังจากผ่านมาหลายปีคริสก็เพิ่งรู้ว่า...
เขามีความฝันสูงสุดอยู่อีกอย่างนึง
คนทุกคนต้องมีจุดอิ่มตัวเป็นของตัวเอง นั่นแหละ...คริสก็ไม่ต่างจากคนเหล่านั้น เขาอยู่ในวงการมานานพอสมควร อีกไม่กี่ปีคริสก็จะอายุสามสิบปีกลายไปเป็นนักร้องรุ่นพี่เหมือนกับรุ่นพี่ Rain คนดังนั่นไง ถ้าเขาเด็กกว่านี้ก็อาจจะกังวลเรื่องฐานแฟนคลับหรือยอดขาย...แต่เขาโตพอแล้วล่ะ
แฟนคลับให้ความรักที่บริสุทธิ์และเสียสละกับคริส
แต่คุณรู้ใช่มั้ย? ว่านั่นยังไม่ใช่ความรักในแบบที่เขาตามหา
อาจจะมีคนเป็นร้อยหรือเป็นล้านรักเขาแต่คริสต้องการแค่คนเดียวเอง...คนเดียวที่สามารถเข้ามาเติมเต็มทุกสิ่งทุกอย่างในชีวิตของเขาได้ คนที่จะมาเป็นอีกครึ่งหนึ่งของชีวิตของเขา คนที่จะยิ้ม หัวเราะ ร้องไห้ และกุมมือกันไปจนแก่
มันเป็นฝันที่เหมือนกับไม่ใช่ฝัน ( หัวเราะ )
ตอนนี้คริสกำลังอยู่ในบ้านหลังอบอุ่นในขณะที่ข้างนอกนั่นหิมะตกและหนาวเหน็บ เขานอนอยู่บนฟูกนุ่มหน้าเตาผิงที่อุ่นกำลังพอดี พอหันไปด้านซ้ายของตัวเองก็จะพบกับใครคนนึงนอนหลับตาพริ้มซุกอยู่ตรงอก แล้วคริสก็ยิ้มออกมา ยิ้มออกมาจากใจจริงๆ
เพราะมันเป็นความจริงแล้ว...
“ อุ่นมั้ยครับ... ”
“ ...อุ่น ”
เขาปัดปอยผมที่คลอเคลียกับตาคู่นั้นออกแผ่วเบา เสียงครางงึมงำบอกได้ว่าจางอี้ชิงกำลังหลับสบายแค่ไหน คริสหลับตาลงแล้วผ่อนลมหายใจอย่างเป็นสุข
คริสไม่มั่นใจหรอกว่าจางอี้ชิงคืออีกอีกครึ่งชีวิตที่เหลือรึเปล่า?
...อย่างน้อยเขามั่นใจแค่ 99.99 เปอร์เซ็นต์เท่านั้นเอง
“ ผมรบกวนคุณคริสมากไปใช่มั้ยครับ!? ผมจะไม่ทำตัวแบบนี้อีกแล้วครับ! ”
แรพเปอร์คนดังที่กำลังนอนหลับพักผ่อนสะดุ้งโหยงเพราะเสียงตะโกนตื่นตกใจของคนป่วยที่อยู่ๆ ก็ลุกพรวดขึ้นนั่งไม่บอกไม่กล่าว คริสค่อยๆ ยันตัวลุกขึ้นนั่งตามอีกคนด้วยความมึนงง จางอี้ชิงนั่งหลังตรงเกร็งตัว ดวงตากลมลอกแลกไปมาเหมือนคนทำความผิด แต่ผมฟูๆ ยุ่งๆ กับหน้าตาเหรอหราแบบนั้นก็ทำให้คริสพอจะเข้าใจได้ว่าจางอี้ชิงแค่ละเมอนั่นเอง
“ ผมยังไม่ได้ว่าอะไรเลยนะครับ ”
คริสขำ เขาพยายามจับจางอี้ชิงนอนลงเหมือนเดิมเพราะท่าทางอีกฝ่ายจะยังไม่สร่างไข้ เพียงเท่านั้นคนป่วยก็แทบจะฟุบหลับทันทีที่หัวถึงหมอน ก่อนจะหลับตาลงจางอี้ชิงยังไม่ลืมดาเมจคริสแรงๆ สักทีด้วยดวงตาหวานฉ่ำและรอยยิ้มเผล่น่าหมั่นเขี้ยว
“ มองทำไมครับ? ”
คนป่วยกระพริบตาปริบๆ แล้วซุกตัวเข้าหาคริสแทนการตอบคำถาม จางอี้ชิงโหมดอ้อนนี่ทำให้คริสอยากจะจับฟัดให้ช้ำกันไปข้าง เนื้อตัวอุ่นจัดคริสเลยได้กอดสบายในวันที่หิมะตกหนักแบบนี้ไง ไปๆ มาๆ มันเหมือนกับว่าคริสได้ตุ๊กตาเพิ่มมาอีกหนึ่งตัวซะแล้ว
เขาจับมือเล็กมาวางทาบไว้บนแก้มตัวเองให้ความอบอุ่นแผ่กระจาย ปลายนิ้วนุ่มกับสัมผัสนิ่มนวล คริสจับมือสอดประทานกับมือของอีกคน จางอี้ชิงตัวเล็กยังกับผู้หญิงเลยนะ
แต่น่าทะนุถนอมกว่าผู้หญิงคนไหนที่เขาเคยเจอ
ช่างภาพตัวขาวยิ้มหวานนอนนิ่งมองดูคริสเกี่ยวปลายนิ้วพัวพันกันไปมา มองดูปลายนิ้วของตัวเองถูกจูบเบาๆ ไล่ไปจนครบทั้งห้านิ้ว คริสแนบหน้าผากตัวเองกับหน้าผากร้อนผ่าว ใช้ปลายจมูกคลอเคลียกับปลายจมูกของจางอี้ชิงอย่างรักใคร่
“ มาอยู่ด้วยกันตลอดไปเถอะนะ... ”
“ ผมสัญญาครับ ผมจะไม่มองหาใครอีกแล้ว ”
มือเล็กแตะแผ่วเบาไปตามใบหน้าของคริสไม่ว่าจะเป็นคิ้ว ตา จมูก ปาก แรพเปอร์คนดังยิ้มบางแล้วจับมืออีกคนให้มาวางทาบบนหน้าอกซ้ายของตัวเองแทน เขาพบว่าหัวใจเต้นเองเต้นแรงราวกับอยากจะออกมากองแทบเท้าจางอี้ชิง
“ อื้อ...คุณคริส ”
มันอ่อนหวาน นิ่มนวล ละมุนละไม
...ริมฝีปากของจางอี้ชิง
เขาไม่ได้อยากจะรังแกคนป่วยหรอกนะ แต่จางอี้ชิงนี่ก็เหลือเกิน...มาทำตัวน่ารักใส่คริสแบบนี้คงทนไม่ไหว เขาแนบริมฝีปากลงไปบดขยี้กับปากแดงๆ ของคนป่วยหมดใจจะปราณีคนขี้อ้อน จางอี้ชิงขยุ้มเสื้อของคริสแน่นก่อนจะดันตัวขึ้นแนบชิดกับคริสโดยไม่รู้ตัว ลิ้นเล็กๆ ดูอ่อนแรงให้คริสกวาดต้อนแต่กลับให้รสซาบซ่าน ตัวอุ่นๆ กับปากนิ่มๆ กำลังดึงดูดคริสลงไปในห้วงอะไรสักอย่างที่อ่อนหวาน
คริสดูดกลีบปากอิ่มแดงเบาๆ ก่อนจะผละออกมาให้อีกคนได้หายใจ คนป่วยหมดแรงนอนหอบหายใจถี่ทั้งที่ยังสบตาคริสไม่ละไปไหน ส่งเสียงประท้วงเบาๆ ในลำคอเมื่อคริสใช้นิ้วโป้งเคล้นคลึงริมฝีปากล่าง เอาอีกแล้ว...จางอี้ชิงเผยอปากเซ็กซี่ทำไมอีก?
ไม่อยากจะสนใจอะไรอีกแล้วล่ะ แรพเปอร์คนดังช้อนตัวคนป่วยลอยขึ้นจากฟูกเล็กน้อยแล้วบรรจงป้อนจูบร้อนๆ ให้ คราวนี้คนป่วยให้การตอบสนองด้วยการไล้ฝ่ามือไปทั่วแผ่นหลังจนคริสต้องกระชับร่างอีกคนแนบชิดกันมากขึ้นแล้วดูดปากจางอี้ชิงแรงๆ ให้หายหมั่นเขี้ยว
“ คุณคริส...ฮื่ออออ ”
คนป่วยผวากอดเขาแน่นแล้วประท้วงข้างหู คริสเพิ่งจะรู้ว่าเขาเลิกเสื้อไหมพรมอีกคนมาถึงครึ่งตัวแล้ว จางอี้ชิงคงตกใจ แรพเปอร์คนดังถอนหายใจพรูอย่างรู้สึกผิดเลยต้องจูบปลอบอีกคนเบาๆ
“ น่ารักแบบนี้ผมก็แย่น่ะสิครับ วันนี้น่ารักพอแล้วนะ...ไม่ต้องน่ารักอีกแล้วนะครับ ”
“ ผมเจ็บปาก... ”
“ อ่า...ผมไม่ได้ตั้งใจนะ ”
คริสพยายามจะไม่มองปากแดงๆ เจ่อๆ นานเกินไป เดี๋ยวได้มีใครสักคนขาดใจตายกันไปข้างอีกน่ะสิ จางอี้ชิงยอมนอนนิ่งๆ อยู่ใต้ผ้าห่มผืนอุ่น กระพริบตาปริบมองคริสกินยากับน้ำอย่างสนใจ
“ คุณคริสป่วยเหรอครับ? ”
“ ก็เพิ่งจูบคนป่วยมานี่นา ”
คนป่วยหัวเราะคิกคักสักพักก็อ้าปากหาวตาปรือซะแล้ว นี่มีการกวักมือเรียกคริสให้ล้มตัวลงมานอนด้วยกันอีก ร่างเล็กขยับมาเบียดซุกคริสขดตัวจนแทบจะจมหายไปในผ้าห่มผืนหนา สงสัยว่าคราวนี้คริสจะได้ตุ๊กตาตัวนิ่มมาเพิ่มอีกหนึ่งตัวจริงๆ นะเนี่ย
จังหวะที่คริสกำลังจะดึงผ้าห่มขึ้นมาคลุมตัวเองบ้าง คนที่คิดว่าน่าจะหลับไปแล้วกลับยังลืมตาแป๋วมองเขาอยู่ใต้ผ้าห่ม ดวงตาคู่นั้นมันทำให้คริสนึกถึงกระต่ายสีขาวปุกปุย...จางอี้ชิงเหมือนมันซะจนแยกไม่ออกเลย แรพเปอร์คนดังยิ้มแล้วจับอีกคนให้ขยับขึ้นมานอนบนหมอนด้วยกันดีๆ
“ อยากฟังนิทานก่อนนอนมั้ยครับ? ”
“ ...มีเหรอ? ”
“ ตั้งใจฟังดีๆ นะครับ ”
มือใหญ่เกี่ยวเส้นผมปรกหน้าปรกตาจางอี้ชิงออกแผ่วเบา ดวงตาแป๋วแหววคู่นั้นถึงจะปรือลงเรื่อยๆ แต่ก็ฉายชัดเจนว่าสนใจนิทานของเขาซะเต็มประดา
“ หลายปีก่อนผมได้เจอกับคนๆ นึงในคอนเสิร์ตเล็กๆ ตอนที่เพลง Call you mine เริ่มต้นและจบลงผมก็ยังเห็นคนๆ นั้นนั่งอยู่ที่เดิมแล้วเขาก็ปรบมือให้ด้วย ผมได้มองเขาแค่บางวินาที...แบบว่าแค่เสี้ยววินาทีน่ะครับ เขาทำให้ผมรู้สึกประทับใจกับท่าทางปลื้มอกปลื้มใจซะขนาดนั้นกับอีแค่ร้องเพลงๆ นึงเองครับ ”
“ อือ...เขาคงชอบคุณ... ”
คนป่วยตอบเสียงแหบแห้ง คริสหัวเราะแล้วพยักหน้าเห็นด้วย
“ ยังกับพรหมลิขิตเลยครับจางอี้ชิง...คนๆ นั้นกลับเป็นแฟนคลับผู้โชคดีที่ได้ขอพรกับผม อืมม...ดูใกล้ๆ แล้วเขาดูน่ารักดีนะครับ หน้าของเขางี้แดงเหมือนมะเขือเทศเลย แล้วเขาก็พูดว่า... ”
‘ ผม...ผมขอนั่งมองคุณสักสองนาทีได้มั้ยครับ? ’
“ คำขอประหลาดดีนะครับว่ามั้ย? แค่สองนาที...แค่สองนาทีแท้ๆ แต่ผมกลับจดจำทุกอย่างบนใบหน้าของเขาได้จนหมดเลยนะครับ ชนิดที่แบบว่าหลับตาปุ๊บหน้าลอยมาปั๊บเลย เขาดู...น่ารัก? เขาน่ารักดีจนผมถึงกับต้องลุกขึ้นกอดเลยครับ จะเรียกว่าฉวยโอกาสก็คงงั้น ”
“ ผมบอกเขาไปว่าผมชื่ออู๋อี้ฟ่านนะ แล้วเขาก็บอกว่าเขาชื่อ...อะไรประมาณนั้น หลังจากจบงานนั้นผมคิดว่าเราคงไม่ได้เจอกันอีก เพราะผมน่ะงานยุ่งมาก...ส่วนเขาก็เป็นใครไม่รู้ ต่างคนต่างเป็นคนแปลกหน้าต่อกัน พวกไอดอลน่ะเดินบนถนนแบบคนธรรมดายังไม่ได้เลยครับ นับประสาอะไรกับเรื่องความรัก ”
“ แต่เขาก็ทำให้ผมประหลาดใจได้อีก... ”
ประหลาดใจจนถึงขั้นต้องแอบไปหัวเราะในห้องน้ำเหมือนคนบ้า
“ ผมเจอเขาอีกครั้งหลังจากนั้นไม่กี่อาทิตย์ครับ ดูเหมือนว่าเขาจะเป็นช่างภาพมืออาชีพล่ะมั้ง? หลายคนอาจจะคิดว่าพวกไอดอลน่ะจำแฟนคลับตัวเองไม่ได้หรอก จริงๆ มันก็ไม่ถูกเสมอไปนะครับรู้มั้ย คนที่รักและสนับสนุนเราทำไมจะจำไม่ได้ล่ะเนอะ อ่าใช่ครับ...คนๆ นั้นเขาเป็นแฟนคลับของผมล่ะ ตอนแรกๆ ผมคิดว่าบังเอิญแต่พอเจอหลายครั้งเข้าเลยคิดว่าใช่เลย ไม่ผิดแน่ๆ ”
“ จางอี้ชิงรู้มั้ยครับว่าผมแอบขำเขาตลอดเลยนะ ตัวเล็กๆ แบบนั้นถูกเบียดไปเบียดมา กลัวหลงจะแย่ เขามีกล้องตัวโตคล้องคอตลอดเลยครับแล้วเขาก็เอาแต่ถ่ายรูปผม เขาตามผมไปแทบทุกที่เลยครับ ผมจำเขาได้แม่นมากๆ เลยถึงเขาจะใส่ผ้าปิดปากก็เถอะ ”
“ แอดมินจางกับ KRISma เป็นอะไรที่ดีนะครับ ผมบอกไปแล้วว่าชอบคนทุ่มเท ”
“ ตอนนี้ไม่ใช่แค่เขาที่มองผม แต่ผมก็มองเขาด้วย ”
“ จางอี้ชิงคิดว่ายังไงครับ? ”
จางอี้ชิงหลับตาพริ้มจมสู่ห้วงความฝันลึกเกินกว่าจะลืมตาขึ้นมาตอบคำถามของคริสได้ แรพเปอร์คนดังยิ้มอ่อนโยนให้คนที่หลับปุ๋ยอย่างรักใคร่ ไล้ปลายนิ้วไปบนแก้มนิ่มแผ่วเบาก่อนที่อีกคนจะมุดหน้าลงกับหมอนหนีสัมผัสรบกวนแล้วครางงึมงำ
เปลือกตาบางปิดสนิท...แต่คริสก็รู้ว่าดวงตาคู่นั้นสุกใสขนาดไหน
“ ผมจะ...ตกหลุมรักเขาจริงจังแล้วนะครับ ”
…จะตกหลุมรักแบบถอนตัวไม่ขึ้นแล้วนะ
อี้ชิงรู้สึกแปลกออกไปจากเดิม...
อย่างแรกคือเขารู้สึกว่าตัวเองรู้สึกดีขึ้น ไม่ครั่นเนื้อครั่นตัว ไม่ตัวร้อน ถึงเสียงจะยังแหบแห้งน่าเกลียดอยู่ก็เถอะ อย่างที่สองคืออี้ชิงมานอนบนฟูกมีหมอนมีผ้าห่มครบเซ็ตแบบนี้ได้ยังไง? จำได้ว่าอี้ชิงแต่นอนบนโซฟาเฉยๆ เองนะ ช่างภาพตัวขาวค่อยๆ ยันตัวลุกขึ้นเชื่องช้าก่อนจะเบิกตากว้างขึ้นอีกนิดเมื่อเห็นว่ามีใครคนนึงกำลังนอนเหยียดยาวอยู่บนโซฟาติดกับฟูกที่อี้ชิงนอนเปิดดูอัลบั้มรูปสบายใจ
ดวงตาคมเหล่มองอี้ชิงนิดหน่อยก่อนที่อี้ชิงจะได้เห็นรอยยิ้มมุมปากของคุณแรพเปอร์คนดัง แบบว่า...กระชากใจ ตั้งตัวไม่ทันจนอยากจะแกล้งหลับไปตอนนี้เลย
“ หายไข้แล้วเหรอครับหืม? นอนต่อก็ได้นะครับ ”
“ คุณคริส...มาเมื่อไหร่ครับ? ”
“ ตอนประมาณสิบโมงครึ่งครับ ”
“ อ่า... ”
ช่างภาพตัวขาวครางรับเสียงเบาด้วยใบหน้าที่แดงขึ้นเล็กน้อย ความทรงจำก่อนหน้านี้ลอยมาทีละฉากคล้ายกับความฝันแต่มันชัดกว่ากันเยอะ อี้ชิงพยายามหดคอกลับไปซุกผ้าห่มเมื่อโดนจ้องหนักเข้า เสียงหัวเราะอารมณ์ดีกับรอยยิ้มสื่อความหมายของคุณแรพเปอร์คนดังยิ่งทำให้แก้มอี้ชิงร้อน
“ ผม...เอ่อ...ไม่ได้ทำอะไรน่าอายใช่มั้ยครับ? ”
คุณคริสส่ายหน้าอี้ชิงก็แอบถอนหายใจโล่งอก
“ ไม่นี่ครับ...จางอี้ชิงน่ารักจนลืมอายเลยล่ะครับ ”
“ ...อะไรนะครับ? ”
“ จางอี้ชิงก็แค่อ้อนแค่นอนกอดแค่จูบกับผมเองครับ ไม่มีอะไรน่าอายสักหน่อย...เนอะ ”
“ เราจูบกันด้วยเหรอครับ!?! ”
“ ไม่ใช่แค่แตะกันนะครับแต่เป็นดีพคิสเลยล่ะ ”
“ คุณคริส! ”
ช่างภาพตัวขาวขึ้นเสียงสูงลั่นห้องรับแขกก่อนจะตวัดผ้าห่มคลุมร่างตัวเองจนมิดแล้วลงไปนอนขดบนฟูกตามเดิม วันนี้อากาศหนาวนะ...แต่ตอนนี้อี้ชิงร้อนซะจนแทบระเบิดออกมาเป็นชิ้นๆ อยู่แล้ว! เสียงหัวเราะของคุณแรพเปอร์คนดังทำอี้ชิงอายหนักกว่าเดิม คนบ้า!
“ ทำไมจางอี้ชิงเวอร์ชั่นปกติถึงขี้อายนักล่ะครับ? ”
“ ฮื้ออออ คุณคริสอย่าพูดสิครับ! ”
แรงโถมทับตามมาทำให้อี้ชิงหน้าแดงขึ้นเรื่อยๆ รู้สึกได้ถึงไออุ่นจากร่างกายของคุณแรพเปอร์คนดังกับท่อนแขนที่สอดเมากอดเอวอี้ชิงเอาไว้หลวมๆ
“ สนใจจูบกันหน่อยมั้ยครับ? ”
“ … ”
“ สัญญาว่าคราวนี้จะไม่ทำให้เจ็บปากอีก...นะครับ ”
รู้สึกเหมือนใกล้จะสำลักอากาศตายเลย...แบบนี้มันไม่ดีต่ออี้ชิงเลยจริงๆ นะ! ช่างภาพตัวขาวอิดออดไม่ยอมให้คุณคริสพลิกตัวกลับไปนอนหงายสักที เอาแต่หลับหูหลับตากอดหมอนตีขาถ่วงน้ำหนักตัวเอง คล้ายกับการเล่นมวยปล้ำเข้าไปทักทีแล้ว
“ ไม่เอานะครับ...ฮื่อออ ผมยังไม่พร้อมนะครับ ”
“ จูบเดียวเองน้าาา ”
“ คุณคริสแกล้งผม… ”
“ จูบเดียวเองครับ ”
“ ไม่เอา...คุณคริส...อื้ออออ ”
อี้ชิงเพิ่งรู้ว่าคุณแรพเปอร์คนดังจะเป็นได้ถึงขนาดนี้ พออี้ชิงไม่ยอมนอนหงายดีๆ ก็จัดการจับอี้ชิงเงยหน้าเอี้ยวตัวไปรับจูบจากตัวเองจนได้...
คุณคริสเริ่มจากการจูบเบาๆ บนริมฝีปากของอี้ชิง จูบย้ำๆ ซ้ำๆ ให้ความรู้สึกอุ่นวาบและนุ่มนวลเหมือนมาร์ชเมลโล่ อี้ชิงเผลอสบตากับอีกคนแล้วก็รีบหลับตาทันที ปล่อยให้คุณคริสจูบเบาๆ อยู่อย่างนั้น ขณะนึงคุณคริสพยายามใช้ลิ้นร้อนๆ เกี่ยวลิ้นอี้ชิงเอาไว้ช่างภาพตัวขาวก็หอบหนัก มือของพวกเขาประสานกันแน่น ลิ้นอี้ชิงถูกดูดดุนจนหวามไปหมดทั้งร่าง
คุณคริสไม่เห็นเคยบอกเลยว่าเก่งเรื่องนี้...
“ ชอบมั้ยครับ? ”
“ อื้ออออออ ”
ริมฝีปากอี้ชิงถูกบดขยี้ร้อนแรงสลับกับเนิบนาบอ่อนโยนจนแทบปรับลมหายใจไม่ทัน ช่างภาพตัวขาวทำใจกล้าค่อยๆ ลืมตามองคุณแรพเปอร์คนดัง ตาสบตา...อี้ชิงก็เหมือนจะถูกดูดเข้าไปในห้วงพิศวง ล่องลอยและโบยบิน ไอร้อนจากตัวคุณคริสทำให้รู้สึกเหมือนเปิดฮีตเตอร์สักสามสี่เครื่อง อยู่ๆ คุณคริสก็ลุกขึ้นนั่งโดยไม่ลืมดึงอี้ชิงขึ้นมานั่งบนตักด้วย...ทั้งที่ยังไม่ได้ละริมฝีปากออกจากกันด้วยซ้ำ
แต่มันก็...
“ ย๊า!!! คริส!!!! ”
เสียงตะโกนลั่นบ้านของผู้มาใหม่ทำให้คุณแรพเปอร์คนดังยอมถอนริมฝีปากออกไปโดยดี...แต่ก็เชื่องช้าเหลือเกิน อี้ชิงตกใจนะ...แต่ตอนนี้เขาไม่มีแรงแม้แต่จะประมวลผลว่าเกิดอะไรขึ้น คุณคริสจัดท่าให้ซบอกอี้ชิงก็ซบอยู่ท่านั้นไม่อิดออดงอแง
“ ทำอะไรอี้ชิง... ”
“ จูบ ”
“ จูบ? จูบได้ยังไง? ทำอย่างนี้มันไม่ถูกต้องนะคริส! พี่ทำให้ฉันโมโหมากเลยนะ! ”
“ คุณคิมใจเย็นๆ สิคะ! อย่าเพิ่งเงื้อหมัดซี่! ”
ทุกอย่างมันโกลาหลไปกันหมดแล้ว อี้ชิงสบตาคุณคริสสลับกับคิมแทยอนที่โกรธเป็นฟืนเป็นไฟอย่างตื่นตระหนก เป็นครั้งแรกในรอบหลายปีที่คิมแทยอนคนขรึมจะระเบิดขนาดนี้ ถ้าไม่ติดว่าคุณเจสสิก้าจับแขนเธอไว้อยู่ล่ะก็...คุณคริสคงเจ็บแย่
“ คริสรังแกอี้ชิง! จะให้ฉันใจเย็นได้ยังไงคะ! นั่นเพื่อนฉันทั้งคนนะ! ”
“ ฟังก่อนสิคะค่อยตัดสินใจ...นะคะ ”
“ จางอี้ชิง! ลุกมานี่เลย! ”
“ ฮื้อออ ลุกไม่ไหวแล้ว... ”
“ ไอ้พี่คริส!!! ”
“ คุณคิมคะ!!! ”
“ อย่าตีกันสิ!!! ”
โอ๊ย...!!!
อี้ชิงจะร้องไห้แล้วนะ!
ไม่มีอะไรจะพูด แต่...ซารังแง *กอดขา*
คิดถึงฟิคโลกสวย คิดถึงไรท์คนนี้ นะจ้ะ นะจ้ะ
ความคิดเห็น