คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #8 : OS ; Ill see you again
I’ll see you again
I know you but you don’t know me
Your lips are shut tight without a word
I really want to hear your voice
When you see me next time, say hello
I’ll see you again, Mr.Chaplin
ตื่นเช้ามาอากาศก็สดใสแล้ว
วันนี้เขาจะเปลี่ยนไปจากเมื่อวานรึเปล่านะ?
หน้าต่างบานนั้นอยู่ด้านตรงข้ามนี่เอง ไม่ใกล้แต่ก็ไม่ไกล บางวันถ้าเขาไม่อยู่ก็จะเห็นแต่ผ้าม่านที่นิ่งสงบ บางวันเขาอยู่หน้าต่างก็จะถูกเปิดออกรับลมแล้วอี้ชิงก็จะเจอผู้ชายคนนึงทำหน้าตาเคร่งขรึม ขมวดคิ้ว ริมฝีปากเหยียดตึง ผู้ชายคนนั้นจะนั่งทำงานบนโต๊ะที่มีแต่กระดาษสีขาวซีดน่าเบื่อกองเต็มไปหมด ผู้ชายคนนั้นแต่งตัวเนี้ยบตั้งแต่หัวจรดเท้า นั่งอยู่เฉยๆ ยังดูดี
อี้ชิงเห็นผู้ชายคนนั้นเพิ่งย้ายมาเมื่อไม่กี่เดือนนี้เอง นิสัยแบบชาวเมืองที่เร่งรีบ นึกสงสัยว่าเขาทำงานอะไรกันนะทำไมถึงชอบทำหน้าเครียดตลอดเวลา อี้ชิงได้ยินใครต่อใครต่างชื่นชมและเรียกผู้ชายคนนั้นว่า ‘ มิสเตอร์ฟาน ’ ผู้ชายคนนั้นเหมือนชาร์ลีแชปลินคนโปรดของคุณพ่ออี้ชิงเลยล่ะ แต่งชุดสูทสีดำเนี้ยบทกับหมวกทรงกลมเข้ากัน คิ้วหนาๆ กับหน้าตาเคร่งเครียด ขายาวๆ นั่นมักจะก้าวเร็วๆ เสมอด้วยท่าทางรีบร้อน ถึงจะไม่มีหนวดม้วนๆ แบบนั้นแต่ก็ถือว่าคล้ายมากทีเดียว
วันนี้เขาดูรีบร้อนจังนะ
จะรีบไปไหนกัน?
อี้ชิงหัวเราะเมื่อนึกได้ว่า...เขาไม่ได้เปลี่ยนไปจากเมื่อวานเลยสักนิด
ร้านขนมปังยังส่งกลิ่นหอมลอยมาตามลม เด็กหนุ่มร้องเพลงเบาๆ เขากำลังเดินใกล้เข้ามาแล้ว...ทำหน้าบึ้งมาแต่ไกลเชียว อี้ชิงอมยิ้มก่อนจะเปลี่ยนมาคลี่ยิ้มกว้างตอนที่มิสเตอร์ฟานเดินผ่านหน้าไป สิ่งที่อี้ชิงต้องทำทุกเช้าและทุกเย็น ไม่สำคัญเท่าไหร่หรอก
“ อรุณสวัสดิ์ครับมิสเตอร์ฟาน ”
ทักทายด้วยรอยยิ้มกว้างโดยไม่สนใจว่าอีกฝ่ายจะมีเวลาหันกลับมามองหรือทักทายกลับบ้างมั้ย อี้ชิงเห็นจังหวะการเดินของมิสเตอร์ฟานชะงักไป แล้วทุกอย่างก็วนเวียนแบบเดิม
แผ่นหลังกว้างห่างไป
...แต่ไม่มีคำทักทายกลับมาสักคำ
เด็กหนุ่มเพียงแค่ยักไหล่แล้วยิ้มจาง วางถุงขนมปังตรงโต๊ะเล็กๆ แล้วอุ้มเจ้าลูกแมวเหมียวขนฟูฟ่องน่ารักน่าชังขึ้นมาเล่นแทน เสียงทักทายดังขึ้นเป็นระยะอี้ชิงยังรู้สึกว่าวันนี้สดใสพอสมควร เด็กหนุ่มเริ่มร้องเพลงอีกครั้งอย่างไม่เบื่อหน่ายเมื่อนึกถึงใบหน้าบึ้งตึงของคนที่เดินจากไป
“ เขาไม่เคยยิ้มเลย ไม่เคยพูด แล้วก็ไม่เคยมองไปรอบตัว ”
“ ชีวิตเขาคงมีแค่สีขาวกับสีดำหรืออาจจะสีเทา ”
“ เขาเป็นผู้ชายรูปร่างสูง ดูดีมากๆ ในชุดสูทสีดำกับหมวกทรงกลม ”
คนพูดก็เอาแต่อมยิ้ม ส่วนคนฟังก็ได้แต่ทำหน้าเหยเก
“ เขาคงเป็นผู้ชายที่น่าเบื่อน่าดูเลยนะ ”
อี้ชิงซ่อนรอยยิ้มใต้หนังสือเล่มโปรดเหลือให้เห็นเพียงแค่ดวงตาที่แพรวพราว หัวเราะเบาๆ กับสีหน้าของญาติสนิท รู้ดีว่ายังไงก็คงไม่มีใครเข้าใจ เรื่องแบบนี้มันลึกซึ้งมากนะ อธิบายด้วยปากหรือให้เห็นด้วยตาก็ยังรู้สึกไม่เท่าที่อี้ชิงได้สัมผัสเอง
“ แต่เขาน่ารัก ”
“ ยังไงเขาก็ยังน่ารักเสมอ ”
ตอนกลางคืนอากาศเย็นสบาย อี้ชิงพาตัวเองออกมายืนตรงระเบียง คืนนี้ดวงดาวพร่างพรายกระจายเกลื่อนท้องฟ้าเต็มไปหมด...งดงามมาก หน้าต่างด้านตรงข้ามถูกเปิดแค่ครึ่งเดียวพร้อมกับผ้าม่านที่ปลิวไสว เด็กหนุ่มชะเง้อมองด้วยความอยากรู้อยากเห็น แต่ผู้ชายในหน้าต่างคนนั้นก็ยังไม่รู้ตัว
“ มิสเตอร์ฟาน ”
เขาเงยหน้าขึ้นมามอง ดวงตาคมกริบคู่นั้นจ้องมองมานิ่งเฉยค่อนไปทางไร้อารมณ์ ดวงตาคู่นั้นยังกับภาพวาดแน่ะ ใบหน้ายังคงเรียบตึงเหมือนเดิม จะยิ้มก็ไม่ยิ้ม ดูอย่างอี้ชิงสิ ยิ้มจนปากจะฉีกอยู่แล้ว
“ คุณดูเครียดจังนะครับ มีอะไรไม่สบายใจรึเปล่า? ”
ความเงียบคือคำตอบที่มักจะได้รับเสมอ เมื่อก่อนอี้ชิงคงต้องน้อยใจและหงุดหงิดแน่ๆ แต่ตอนนี้เด็กหนุ่มเพียงแค่ยิ้มและยิ้มอย่างเบิกบานใจ มองหน้าตาดุๆ นั่นแล้วก็ต้องหลุดยิ้มออกมาอีก
“ ที่จริงเราก็อยู่ใกล้กันแค่นี้เอง...คุณบอกผมก็ได้นะครับถ้าไม่รังเกียจ ”
“ ทำไมคุณยังไม่นอนอีก ”
อี้ชิงแกล้งเบิกตาโตอย่างทึ่งๆ ที่อีกฝ่ายตอบกลับมาด้วยน้ำเสียงเรียบๆ ความเงียบตอนที่เมืองทั้งเมืองหลับใหลทำให้ประโยคเมื่อครู่นี้ยิ่งเด่นชัด มิสเตอร์ฟานยังใส่เสื้อเชิ้ตสีขาวตัวเดิมเมื่อเช้านี้ สูทสีดำวางพาดอยู่ที่เก้าอี้ ดวงตาคู่นั้นจ้องมองอี้ชิงเหมือนตัวประหลาด
“ ผมนั่งดูคุณทำงานได้มั้ยครับ? ”
“ ...คุณควรจะไปนอนได้แล้ว ”
“ ผมนั่งดูคุณทำงานได้มั้ยครับ? ผมไม่รู้ว่าทำไมคุณถึงทำหน้าเครียดแบบนั้น ”
มิสเตอร์ฟานเลือกที่จะไม่ตอบ แน่นอนว่าผู้ชายแบบนั้นคงไม่สนใจมาห่วงอี้ชิงอยู่แล้วล่ะ เวลาเดินผ่านไปช้าๆ อี้ชิงยังนั่งอยู่ที่เดิม มองจากฝั่งตรงข้ามดูอีกคนคร่ำเคร่งกับงานบนโต๊ะรกๆ อากาศเริ่มเย็นลงทุกทีแล้ว อี้ชิงก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไมผู้ชายที่ดูน่าเบื่อคนนี้ถึงไม่น่าเบื่อขนาดนั้น
จ้องก็แล้ว มองก็แล้ว มิสเตอร์ฟานก็ยังเป็นมิสเตอร์ฟานคนเดิม
อึมครึม เคร่งเครียดและน่าเบื่อ
...แต่ทำไมอี้ชิงไม่เบื่อที่จะมองสักทีล่ะ?
“ คุณดูเหมือนมิสเตอร์แชปลินเลยครับ... ”
“ ก้าวเท้าเร็วๆ ไปตามถนน ไม่ยิ้มไม่พูด ชอบใส่สูทสีดำแล้วก็หมวกทรงกลม ”
“ แต่คุณไม่มีหนวดม้วนๆ แบบนั้นนะครับ ”
ภาพที่ได้เห็นในทุกวันเด็กหนุ่มเล่าออกมาได้ชัดเจนไม่มีตกหล่นราวกับเห็นภาพฉายอยู่ตรงหน้า ยิ้มและหัวเราะคนเดียว อี้ชิงเหลือบมองอีกคนที่ยังทำหน้านิ่งเหมือนเดิม ช่างไม่มีอารมณ์ขันซะบ้างเลย เอาแต่นั่งนิ่งไม่พูดไม่จาแบบนั้นน่ะใช้ไม่ได้เลยนะ
“ แปลกมั้ยครับ? ผมรู้จักคุณแต่คุณกลับไม่รู้จักผม ”
อี้ชิงเท้าคางมองมิสเตอร์ฟาน ระบายยิ้มหวานเต็มใบหน้า
“ เราเดินบนถนนเส้นเดียวกัน เวลาเดียวกันแต่คุณก็ยังไม่รู้จักผม ”
“ ตอนนี้คุณก็ยังไม่รู้ชื่อผมเลย ”
เข็มนาฬิกาเคลื่อนไปที่เลขสิบสองเด็กหนุ่มก็อ้าปากหาว ยอมผละห่างจากระเบียงจ้องมองท้องฟ้าอีกครั้งก่อนจะบอกราตีสวัสดิ์มิสเตอร์ฟานที่ยังก้มหน้าก้มตาเขียนอะไรสักอย่างเหมือนเดิม ท่าทางมุ่งมั่นแบบนั้นอี้ชิงก็ทำได้แค่หัวเราะขบขัน
“ ฝันดีนะครับ ”
อี้ชิงกำลังจะปิดหน้าต่าง เด็กหนุ่มชะงักชั่วครู่ มิสเตอร์ฟานกำลังจ้องมองมา อี้ชิงขยับไปติดหน้าต่างพลันยิ้มออกมากว้างๆ มิสเตอร์ฟานลุกยืนขึ้นและยังมองมาทางนี้
มันแผ่วเบาแต่กลับชัดเจน
“ ...ฝันดี ”
ไม่มีเช้าวันไหนของอี้ชิงที่ไม่สดใส
วันนี้ยังคงเหมือนเดิม...มิสเตอร์ฟานเดินเร็วๆ แบบนั้นอีกแล้ว
ไปไหนอีกนะ?
“ ถ้าคุณมัวแต่เร่งรีบอยู่แบบนี้อาจจะพลาดอะไรดีๆ ไปนะครับ ”
จุ้นจ้านเกินไปรึเปล่านะ? แต่อี้ชิงก็อารมณ์ดีเกินกว่าจะสนใจสีหน้าเคร่งขรึมของอีกคน เด็กหนุ่มยืนส่งยิ้มให้มิสเตอร์ฟานหน้าร้านขนมปังที่ชอบแวะมาประจำทุกเช้า ยิ้มแบบที่ชอบยิ้ม
“ โอ๊ะ! อรุณสวัสดิ์เช้าวันจันทร์ครับ ”
“ อรุณสวัสดิ์ ”
“ เห? ”
อี้ชิงมองหน้ามิสเตอร์ฟานตาปริบๆ อรุณสวัสดิ์อย่างงั้นเหรอ? อี้ชิงยิ้มค้างอย่างงงงวย ฉับพลันโลกกลับหยุดหมุน ทุกอย่างสงบนิ่งเหลือเพียงแค่ตัวเองกับมิสเตอร์ฟานเท่านั้น ผู้ชายร่างสูงสง่าสวมสูทสีดำกับหมวกทรงกลมดูดีกว่าทุกวัน เจิดจ้ากว่าทุกวัน
เขายิ้ม
เขายิ้มอย่างงั้นเหรอ...?!
ทุกอย่างกลับสู่สภาพเดิมเมื่อมิสเตอร์ฟานเดินจากไป
แต่อี้ชิงไม่มีทางเหมือนเดิม...ไม่มีทาง
“ วันนี้เขายิ้มด้วยล่ะ เป็นครั้งแรกที่เห็นเขายิ้ม ”
“ ยิ้มเดียวทำให้เขาดูเจิดจ้าและสว่างไสวยิ่งกว่าเทวดาอีก ”
“ เขาไม่ใช่ผู้ชายเคร่งเครียดแล้ว… ”
“ ไม่มีทางหรอก! ”
เสียงคัดค้านจากญาติคนสนิทก็ไม่อาจทำให้อี้ชิงหงุดหงิดใจได้อีกนอกจากยิ้มบางเบา
“ เขามีอะไรซุกซ่อนอยู่รึเปล่านะ? ”
“ ในใจคุณคิดอะไรอยู่เหรอครับ...ใต้ใบหน้าเคร่งเครียดแบบนั้น ”
“ ... ”
“ ผมอยากรู้จักคุณมากกว่านี้ ”
“ หึ ”
“ บอกผมหน่อยได้มั้ยครับ? ”
ปากขอร้องแต่สายตากลับจับจ้องไปที่ท้องฟ้า เป็นอีกคืนที่อี้ชิงมานั่งมองมิสเตอร์ฟานสลับกับท้องฟ้ายามค่ำคืน กลิ่นชาหอมๆ ลอยอบอวลไปในอากาศ ขณะเดียวกันอี้ชิงก็ได้กลิ่นกาแฟมาจากฝั่งของมิสเตอร์ฟานเหมือนกัน ความเงียบแสนสงบเป็นใจให้อี้ชิงได้นั่งเปิดใจกับมิสเตอร์ฟานนิดหน่อย
“ คุณช่างสงสัยนะ...แต่สงสัยมากเกินไป...ก็ไม่ดี ”
“ ก็ผมอยากรู้นี่ครับ คุณคิดอะไรอยู่เหรอครับตอนนี้? ”
เขาเลือกที่จะเงียบใส่อี้ชิงอีกแล้วสินะ เด็กหนุ่มจ้องมองท้องฟ้า มองดวงดาวที่เกลื่อนกระจายและส่องแสงวิบวับ รอยยิ้มรอบที่เท่าไหร่ไม่รู้ของวันปรากฏขึ้นอีกครั้ง อี้ชิงเห็นมิสเตอร์ฟานมองมาด้วยดวงตาคมกริบคู่นั้น อี้ชิงมองกลับแต่ไม่มีใครเสหลบ
“ ความลับคือความลับ ”
“ ถ้าบอกใครมันก็ไม่ใช่ความลับ ”
เด็กหนุ่มขมวดคิ้วน้อยๆ รอยยิ้มเต็มไปด้วยความประหลาดใจ อี้ชิงยังคงใคร่รู้ เขาอยากรู้จักมิสเตอร์ฟานมากกว่าที่สังเกตในทุกวัน อี้ชิงเห็นดวงตาคู่นั้นส่องประกายแวววาวยิ่งกว่าดวงดาวซะอีก ร่างสูงลุกจากเก้าอี้ทิ้งให้เห็นเพียงแผ่นหลังกว้าง
“ คุณไม่อยากรู้หรอก ”
เช้าวันนี้ยังคงสดใสเหมือนเดิม
แต่ดวงตาคมกริบคู่นั้นกลับแปลกไปกว่าเดิม
ห้องทานอาหารเคยมีคนแค่ไม่กี่คน มีคุณพ่อ คุณแม่ แบคฮยอน และอี้ชิง เด็กหนุ่มพบว่าตัวเองกำลังทำหน้าตาประหลาดใจสุดๆ และยิ้มกว้างสุดๆ ตอนที่เดินเข้ามาแล้วเห็นร่างคุ้นตาสวมชุดสูทสีดำเนี้ยบนั่งอยู่ด้วย มิสเตอร์ฟานยังคงทำหน้าเคร่มขรึม มีเพียงดวงตาเท่านั้นที่ดูสดใส
แบคฮยอนจ้องหน้ามิสเตอร์ฟานราวกับจะมองทะลุทะลวงให้เห็นภายใน ไม่ได้หรอก...อี้ชิงลองมาหมดทุกวิถีทางแล้ว สุดท้ายมื้ออาหารเช้าก็เริ่มขึ้น อี้ชิงเลือกที่จะเงียบฟังบทสนทนาระหว่างคุณพ่อกับมิสเตอร์ฟาน พวกเขาพูดเรื่องการเมืองและเศรษฐกิจ
มีหลายครั้งที่พวกเขาสบตากัน
ไม่สิ...เขามองมาต่างหาก
“ เรื่องที่มิสเตอร์ฟานจะไปทางใต้น่ะ...ไปถึงไหนแล้ว ”
“ แค่จัดการอะไรนิดหน่อยครับ อีกไม่นานทุกอย่างจะเรียบร้อย ”
“ ทำไมคุณไม่อยู่ที่นี่ถาวรไปเลยล่ะ? ”
มิสเตอร์ฟานเงียบไปสักพัก อี้ชิงลอบมองอีกฝ่ายด้วยความรู้สึกวูบโหวงนิดหน่อยในใจ มิสเตอร์ฟานมาที่นี่ไม่นานและกำลังจะจากไปในที่ห่างไกล คราวนี้พวกเขาสบตากันจริงๆ จังๆ อีกครั้ง ใบหน้าเรียบเฉยยังเหมือนเดิม อี้ชิงก็ยังมีรอยยิ้มแบบเดิมๆ
“ ที่นี่คนพลุกพล่านเกินไป ผมอยากไปที่สงบๆ หน่อยครับ ”
“ อย่างงั้นเองเหรอ... ”
“ แต่ทางใต้มันหนาวมากนะครับ ”
ทุกคนมองมาเป็นตาเดียว ทุกคนมองอี้ชิงอย่างสงสัย เด็กหนุ่มเพียงแค่ยิ้มจางๆ ยกชาขึ้นจิบเชื่องช้า มิสเตอร์ฟานเองก็มองมา
“ ทำไมคุณไม่ไปเวนิสล่ะ ที่นั่นสงบแถมยังติดแม่น้ำด้วย วันไหนเบื่อคุณก็ล่องเรือได้นี่ครับ ”
“ อี้ชิง! พูดจาไร้สาระ! ”
“ ก็ผมพูดจริงนี่นา ทางใต้หนาวมากจริงๆ นะครับ ”
“ มิสเตอร์ฟานต้องเหงามากแน่ๆ เลย ”
ทุกคนชะงักนิ่งไปเมื่อมิสเตอร์ฟานยิ้ม เป็นรอยยิ้มบางเบาบนใบหน้าแต่ชุดเจนเหลือเกิน ...เขายิ้มอีกแล้ว ดูเหมือนว่าเขาจะชอบการจากลาไปในที่ไกลๆ มากเลยนะ
“ ผมไม่เหงาหรอกครับ...ผมไม่ได้ไปคนเดียว ”
“ เขามีคนรักแล้วงั้นเหรอ? ทำไมฉันไม่รู้ล่ะ? ”
“ อี้ชิงอกหักแล้ว ”
อย่าพูดอย่างนั้นสิ...ไม่ใช่สักหน่อย
วันนี้อี้ชิงยังมีความสุขดีเหมือนเดิมนั่นแหละ
“ ฉันแค่สงสัยน่ะ...คนรักของเขาจะเป็นแบบไหนนะ? เธอต้องเป็นผู้หญิงที่ดีมากแน่ๆ ”
“ เธออาจจะเป็นพวกผู้หญิงพูดมากก็ได้นะ เพราะผู้ชายคนนั้นไม่ค่อยพูดไง ”
“ แต่เขาน่ารักนี่นา คนรักของเขาต้องน่ารักไม่แพ้กันสิ ”
ความรักที่ดีคือการได้เห็นคนที่เรารักมีความสุข
...มันก็เป็นอย่างนั้นแหละ
“ คุณกำลังจะไป... ”
ไม่รู้หรอกว่าเขาจะฟังอยู่รึเปล่า อี้ชิงเท้าแขนกับระเบียง มิสเตอร์ฟานยังคงนั่งก้มหน้าก้มตากับกระดาษอยู่ที่เดิม เด็กหนุ่มหัวเราะเบาๆ กับสีหน้าเคร่งเครียดนั่น
“ ถ้าคุณไปแล้วผมจะมองใครดีครับ ไม่มีใครมีหน้าตาเคร่งเครียด เดินเร็วๆ รีบเร่งแล้วก็แต่งชุดสูทสีดำกับหมวกทรงกลมเหมือนคุณนี่ครับ... ”
“ แต่ผมคงจะไม่รั้งคุณไว้หรอก ผมจะอวยพรให้คุณโชคดีกับการเดินทางนะครับ ”
“ คุณจะฟังคำขอของผมแล้วตอบกลับมาได้รึเปล่าครับ ”
มือเรียวยาวไม่ได้เขียนอะไรอีกแล้ว มิสเตอร์ฟานยังคงนิ่งเงียบ แต่อาการนิ่งเงียบนั้นคล้ายจะบอกว่าเขากำลังฟังอยู่เงียบๆ เช่นกัน อี้ชิงยิ้ม
“ ช่วยทักทายกันหน่อยนะครับ ไม่ว่าจะพรุ่งนี้หรือตอนไหนที่เราเจอกัน ”
“ ผมอยากได้ยินเสียงคุณนะ ”
แผ่นหลังกว้างหายลับไปช้าๆ
คืนนี้อี้ชิงน่าจะฝันดีนะ...
“ แล้วเจอกันใหม่นะครับ ”
ร่างสูงสวมชุดคลุมสีดำกลืนไปกับความมืดยามค่ำคืน อากาศหนาวเย็น ในซอกซอยเล็กๆ มีใครอีกคนรออยู่ก่อนหน้านี้แล้ว เขาเร่งก้าวเดินไปหยุดตรงหน้าผู้หญิงร่างผอมบางในชุดโค้ทตัวหนา เธอหันมาส่งยิ้มให้พร้อมกับอ้อมกอดอบอุ่นที่ได้รับเสมอ
“ คิดดีแล้วใช่มั้ย... ”
เป็นคำถามที่เหมือนลังเลหากแต่ใบหน้านั้นกลับระบายยิ้มดีใจ
“ ดีที่สุด ฉันตัดสินใจแล้ว ”
“ ไม่ต้องห่วงนะ ไม่เป็นไร...ทุกอย่างจะต้องโอเค ”
พวกเขากอดกันอีกครั้งท่ามกลางสายลมเย็น ซองเอกสารสีน้ำตาลถูกซ่อนในเสื้อคลุมอย่างดี เธอยิ้มให้เขา เขายิ้มให้เธอ ก่อนจะจากลากันแล้วสักวันคงกลับมาพบกันใหม่
...ทุกอย่างจะต้องดีขึ้นแน่นอน
จะไม่มีอะไรผิดพลาด
“ ขอบคุณนะ ”
เช้าวันใหม่เริ่มต้นขึ้น อี้ชิงยืนมองร่างสูงคุ้นตาจากอีกฝากของฝั่งถนน มิสเตอร์ฟานกำลังจะจากไปและคงไม่หวนกลับมาที่นี่อีก อี้ชิงเป็นแค่คนรู้จัก มากที่สุดที่ทำได้คือการบอกลาและอวยพรขอให้เขาโชคดีมิสเตอร์ฟานยังคงไม่ยิ้ม ยังใส่ชุดสูทสีดำกับหมวกทรงกลม อี้ชิงยิ้มบางให้กับอีกคนที่กำลังมองมาทางนี้ ขยับริมฝีปากเอ่ยคำอวยพรแผ่วเบา
“ โชคดีนะครับ ”
“ ผมหวังว่าเราจะได้พบกันใหม่ ”
...ถึงตอนนี้ช่วยทักทายกันหน่อยนะครับ
“ อี้ชิงมองอะไรอยู่น่ะ ”
“ มองเรื่อยเปื่อย ”
“ ฟุ้งซ่านอีกแล้วนะ ”
ที่แบคฮยอนพูดมันไม่ผิดหรอก อี้ชิงคิดว่าตัวเองฟุ้งซ่านเกินกว่าที่คิด วันและเวลาผ่านไปทุกอย่างยังคงเหมือนเดิม ทุกเช้าอี้ชิงยังตื่นขึ้นมาพร้อมรอยยิ้มสดใส เพียงแต่ไม่มีมิสเตอร์แชปลินคนโปรดคนนั้นอีกต่อไปแล้วน่ะสิ มองไปทางไหนก็ไม่เจอใครที่เหมือนสักคน...ไม่มีเลย
“ ไปเดินเล่นกันมั้ย? ”
“ ...ไปสิ ”
บนถนนเต็มไปด้วยผู้คนมากมายในชุดหลากสีสัน หอมกลิ่นอาหารและดอกไม้ เสียงเพลงคลาสสิคเปิดคลอเบาๆ สร้างความเพลิดเพลินได้ไม่น้อยเลยทีเดียว เด็กหนุ่มสองคนพูดคุยกันเบาๆ หัวเราะเป็นครั้งคราวและแวะเข้าร้านนั้นร้านนี้ อี้ชิงระบายยิ้มเต็มใบหน้า
แบคฮยอนบอกว่าจะไปดูของที่ร้านทางโน้นสักหน่อยอี้ชิงก็ปล่อยให้ไปแล้วเดินเล่นรอ เด็กหนุ่มฮัมเพลงเบาๆ ก้าวเป็นจังหวะ เสียงฝีเท้าหนักๆ เดินตามมาด้านหลังท่ามกลางคนที่พลุกพล่าน
ดอกไม้สีขาวร่วงหล่นบนพื้นถนน
...พร้อมกับร่างของอี้ชิงที่หายไปอย่างไร้ร่องรอย
ทุกเช้าช่างแสนทรมานนักหนา
ต้องทนให้ดวงตากลมใสคู่นั้นจับจ้อง
ต้องทนเดินผ่านร่างบอบบางในชุดสีพาสเทล
ต้องทนฟังเสียงหวานๆ พร่ำบอกอะไรหลายอย่าง
...ต้องการ ปรารถนา และคลั่ง
แทบจะระเบิด
หน้าต่างฝั่งตรงข้ามมักจะเห็นร่างบอบบางเดินไปเดินมาราวกับตุ๊กตา จางอี้ชิงที่น่ารัก ไร้เดียงสาอะไรอย่างนี้...รอยยิ้มหวานสดใสกระชากหัวใจให้เต้นกระหน่ำ ร้าวรานจนแทบบ้าที่ต้องหักห้ามใจทั้งที่ใกล้กันแค่เอื้อม แต่ตอนนี้ทุกอย่างกำลังไปได้ดี...ไปได้ดีเชียวล่ะ
เปลือกตาบางที่หลับพริ้มค่อยๆ กระพริบถี่ๆ เผยดวงตากลมใสแสนซื่อ ผมปล่อยให้เขาค่อยๆ ยันตัวลุกขึ้นนั่งแต่สักพักร่างบอบบางนั่นก็เอนตัวลงนอนอีกครั้งอย่างปวกเปียก ผมกดจูบแผ่วเบาไปทั่วใบหน้าหวานละมุน สูดเอาความหอมจากแก้มนิ่มจนพอใจ
“ ใคร... ”
“ ลืมกันแล้วเหรอ? ลืมกันลงจริงๆ เหรอจางอี้ชิง? ”
เขาไม่มีแรง ใช่...ใช่...ผมรู้ เขากำลังสับสนและสงสัย ผมจับมือเล็กขึ้นมาจูบก่อนจะแลบลิ้นเลียปลายนิ้วขาว เขาสะดุ้งเฮือกก่อนจะเบิกตากว้างอีกนิด ลมหายใจของผมสะดุดค้างตอนที่น้ำเสียงอ้อนอ่อนนั่นเรียกชื่อของผม
“ มิสเตอร์ฟาน...มิสเตอร์ฟาน? ”
--------------------
CUT
Bio Twitter
@I_icedy
---------------------
Venice, Italy
เรือนร่างสูงใหญ่ตวัดเอวบางเข้าหาตัว กลิ่มหอมหวานลอยฟุ้งกระจายไปทั่วในอากาศรอบตัว ใบหน้าหวานละมุนใกล้แค่คืบ ดวงตากลมใสจ้องมองมา รู้ตัวอีกทีเขาก็ดันร่างบอบบางติดระเบียงห้องซะแล้ว จูบเบาๆ ตรงมุมปากหวานจัดแล้วยิ้มพราย
“ มิสเตอร์ฟาน ”
“ คิดถึงฉันมั้ยอี้ชิง? ”
อีกแล้ว...ดวงตากลมคู่นั้นเสหลบ อี้ชิงดันอกอีกคนเอาไว้เมื่อคอเริ่มถูกรุกราน ร่างสูงกว่าครางอย่างขัดใจก่อนจะดึงมือเล็กออกง่ายดาย อี้ชิงแทบจะร้องไห้
“ ผม...ผมคิดถึงบ้านมากกว่าครับ ”
คำตอบไม่น่าพอใจ ทั้งคนพูดและคนฟังต่างก็รู้ดี มิสเตอร์ฟานยังคงยิ้มแต่กลับเป็นรอยยิ้มที่เยือกเย็นเหลือเกิน อี้ชิงถอยร่นแต่หนีไปได้ไม่ไกลนัก สุดท้ายก็ถูกดึงเข้าไปในห้องมองอีกคนค่อยๆ ถอดเนกไทออกอย่างกดดันอยู่ดี อี้ชิงก้มหน้าต่ำ
“ เธออยากไปจากฉันเพราะไม่รักฉันแล้วงั้นสิ ”
“ เปล่านะครับ...แต่ผมมาโดยไม่ได้บอกใคร ผมควรจะกลับบ้าน ”
“ โธ่...คนเก่งของฉัน ”
อี้ชิงยังคงไร้เดียงสาเสมอสินะ น่ารักจริงๆ
“ เธอคงไม่รู้... ”
“ คนที่รู้ความลับของฉันจะรอดไปไหนไม่ได้ ”
“ ...! ”
“ บอกแล้วไงว่าช่างสงสัยมากเกินไปมันไม่ดี ”
“ ตอนนี้...เรามาสนุกกันนะคนเก่ง J ”
แด่...รีดเดอร์ผู้รอคอยอย่างแข็งขันจ้ะ
ps. ทนคิดถึงคุณแรพเปอร์แป๊บบบ
ps. อ่านไปเถอะจ้ะ -.,-
ps. โปรดฟังเพลงไปด้วย และถ้าหาคำแปลของเพลงด้วยจะเข้าใจ
ps. เลิ้บบบบบ!!
ความคิดเห็น