ก็ครึ้งหนึ่ง..........
มันก็แค่นิยาย ผสมกับความจริงบางส่วน
ผู้เข้าชมรวม
103
ผู้เข้าชมเดือนนี้
0
ผู้เข้าชมรวม
เนื้อเรื่อง
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
เมื่อความเงียบเข้ามา......
เย็นวันหนึ่งเมื่อผมได้มีโอกาศ นั่งอยู่คนเดียวบนโต๊ะทำงาน ผมไม่รู้ว่าเพื่อนร่วมงานจำนวนมหาศาลของผมหายไปไหน เท่าที่ผมรู้ก็คงจะมีแต่ความทรงจำเก่าๆ ที่สุขทั้งเศร้า เมื่อได้หวนคิดถึงมัน ภาพเก่าๆก็ปรากฏขึ้นในหัว จนทำให้ผมอดยิ้มไม่ได้ สมัยผมเรียนมัธยมปลายที่โรงเรียนประจำจังหวัด ก็ตั่งแต่ที่ผมยังไม่ได้เข้ามาทำงานในกรุงเทพเลย หละ....
คิดดูซิครับ ตอนผมเข้าไปครั้งแรก ตอนอยู่ ม.4 ผมไม่รู้นะว่าความบังเอิญมันเกิดขึ้นตอนไหน แต่ผมก็ไปรักสาวคนหนึ่งเข้า แล้วสุดท้ายก็เป็นแค่แอบชอบเท่านั้น เป็นแบบนี้ประจำ ประมาณว่า แห้วแดก ที่วัยรุ่นสมัยนั้นมักเรียก ผมก็เป็นเด็กทั่วไปที่เที่ยวเตร่เฮฮา ตามประสาเด็กผู้ชาย หยาบคายจนเป็นนิสัย แต่ตอน เทอม2นี่สิครับ ความบังเอิญได้หมดไปจากชีวิตผมแล้ว เมื่อผมได้พบพระคุณความรักของพระเจ้า ในสมัยนั้นผมมีเพื่อนแค่ 2คนที่เป็นคริสเตียน แล้วเค้าก็ชวนผมเข้าคริสจักร ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากโรงเรียน แรกๆก็ไม่ได้คิดอะไรมากหรอกครับ ก็ไปคริสจักร ตามที่ชาวบ้านเค้าไปกัน ไปนมัสการอธิฐานกัน แต่ไอ้ผมอะดิ ยังติดนิสัยขี้หลีเดิมเข้าไป.....
ผมเชื่อพระเจ้าจริงๆนะครับ แต่ในสมัยนั้น แรกเรยคือผมไปหลงรักทีมนมัสการคนนึ่งเข้า เธอเป็นเด็กในโรงเรียนเดียวกันกับผม เธอเป็นคนเล่นเปียนโน ซึ่งเมื่อเวลาผมไปคริสตจักรในวันอาทิตย์ที่ไรเมื่อผมหลับตาลง แล้วก็จินตนาการออกไป คุณลองคิดดูซิครับ เมื่อหลับตา มันจะมีความสุขขนาดไหนที่มีเสียงเป็นโน ที่บรรเลงเพลงนี่น่าฟัง ไพเราะจนจับจิตจับใจ เป็นสิ่งที่ประทับใจผมมากเลย
หลายๆครั้งผมมีโอกาศได้คุยกับเธอแต่ก็ได้แค่ทักทายเท่านั้น แต่ครั้งแรกนี่สิ เอ...... น่าจะตอนที่ผมไปคริสตจักรในวันพุทธเพื่อที่จะไปทำแคร์ซึ่งเป็นกิจกรรมการรวมกลุ่มกันเพื่อแบ่งปันพระพรกัน น่าจะใช้นะ และประโยคสนทนาแรกก็เริ่มขึ้น "สวัสดี เธอชื่ออะไรหลอ" เธอเอ่ยถามผมในขณะที่ผมกำลังเปิดหนังสือไบเบิ้ลที่ เพิ่งได้รับในตอนนั้น "เอ่อ..ๆ หวัดดีครับ ผมไอติมถ้วยครับ เรียกไอติมถ้วยเฉยๆก็ได้ " เธอเริ่มทำให้ผมประหม่า "เราอั๋นนะ อืม.....เราต้องไปแล้วหละฝากบอกพี่กุ๊กด้วยว่าเราไม่ว่างเราจะโทรไปหาพี่กุ๊กอีกทีนะ......" เธอพูดขณะที่เริ่มเดินออกไป นั่นแหละครับ เป็นการสนทนาครั้งแรกที่ไม่ค่อยได้ใจความเท่าไหร่ แต่ผมก็รู้สึกดีใจที่ได้คุยกับเธอ หลายครั้งที่ผมถามเรื่องราวเกี่ยกับตัวเธอจากพี่กุ๊ก หัวหน้าแคร์(คือ แคร์เป็นการรวมกลุ่มกัน ซึ่งหัวหน้าแคร์จะทำหน้าที่ในการมอบหมายหน้าที่ที่ต้องรับผิดชอบของคนในกลุ่มแคร์) ซึ่งผมก็มักจะไม่ได้คำตอบที่กระจ่างเท่าไหร่
หลังจากที่ผมได้เป็นคริสเตียนใหม่ๆผมก็เริ่มปรับปรุงตัวเอง สวนกระแสวัยรุ่นทั่วไป เลิกพูดหยาบคาย เลิกแซวสาวๆ ถึงตอนแรกๆจะโดนเพื่อนๆในกลุ่มแซวมากหน่อยก็ตามที บางทีผมก็กลายเป็นตัวปะหลาดในกลุ่มเพื่อนๆเมื่อบอกเค้าว่าผมเป็นคริสเตียน แต่นั้นก็ไม่ได้ทำไห้ผมเขิลอาย ไปแม้แต่น้อยเพราะผมรู้ว่าผมรู้จักพระเจ้าซึ่งรักผมแม้คนอื่นจะไม่ยอมรับก็ตาม ผมไปคริสตจักรจนติด และกลายเป็นนิสัยที่ทุกๆเย็นจะต้องไปคริสตจักร อย่างน้อยไปเห็นก็ยังดี อิอิและอีกอย่างคือได้เห็นหน้าอั๋น มีอยู่ครั้งหนึ่งที่ผมเข้าไปที่คริสตจักรหลังเลิกเรียนแต่เร็วกว่าปกติ เมื่อผมเดินเข้าไปก็รู้สึกว่าไม่มีใคร มีแต่เสียงเปียนโนที่เล็ดรอดออกมาจากห้องประชุม ซึ่งดึงความสนใจทั้งหมดของผมไป เพลงบรรเลงตะกุกตะกักบ้าง เพราะคงเป็นการซ้อม เมื่อผมเดินเข้าไปก็แปลกใจที่มีอั๋น นั่นเล่นเปียนโนอยู่คนเดียว ผมเดินเบาๆและไปนั่งที่เกาอี้ตัวหลังสุด เธอยังบรรเลงต่อไป และทุกๆครั้งที่เริ่มมีเสียงขาดๆหายๆของตัวโน๊ด ผมก็จะได้ยินเสียงของอั๋นเล็ดรอดออกมาทุกที ทำให้ผมแอบขำเล็กๆไม่ได้ มันน่าแปลกที่จะได้เห็นเด็กผู้หญิงที่อยู่ที่โรงเรียนดูมาดขรึมๆ เป็นเด็กเรียนทั่วไป แต่กลับกันเมื่อเธออยู่กับเปียนโนเธอก็มานั่งคุยและทะเลาะกับมันเป็นบางที และเมื่อเธอเล่นไปได้ซักพักพี่กุ๊กก็เดินเข้ามา "อ้าวถ้วย สวัสดีจ๊ะ มานานยังเนี่ย มีอะไรก็บอกพี่ได้นะพี่อยู่ในห้องเนี่ยแหละ" พี่กุ๊กเดินผ่านเข้ามาแล้วเข้าไปในห้องทำงานของเธอ และนั่นเป็นสิ่งที่ทำให้อั๋นรู้ตัว เธอโผล่หน้าออกมาจากเปียนโน เธอมองหน้าผม ทำท่าอายเล็กๆ ดูน่ารักชะมัดเลย ผมรีบหยิบกระเป๋าแล้วเดินจากไป เธอก็เก็บของแล้วรีบวิ่งตามผมมา "หยุดก่อน
..ถ้วย " เธอเรียกไห้ผมหยุด " หือ?? มีอะไรหลอ" ผมกล่าวกลับไป "เธอไปแอบฟังเรานานหรือยังอ่ะ คงไม่ได้ยินที่ชั้นคุยกับใครใช่ไหม" เธอถามพร้อมใบหน้าเขิลๆของเธอ "อืม
ก็ไม่เห็นเธอคุยกับใครซักหน่อยเห็นคุยกับเปียนโนอย่างเดียว 555555" แล้วผมก็วิ่งที่เธอไป ขึ้นรถประจำทาง เธอทำท่าจะวิ่งตามมา วันนั้นครั้งสุดท้ายที่ผมเห็นเธอ คงจะเป็น บนรถโดยสารที่ผมมองออกไปเห็นเธอยื่นอยู่หน้าคริสจักรผมหัวเราะ เบาๆและเธอก็จ้องผมเขม็ง แล้วก็กัดริมฝีปากล่าง แบบที่เด็กผู้หญิงขี้อายทั่วไปทำกัน อิอิ ผมไม่รู้ว่าเธอจะโกรธผมหรือเปล่าที่ผมไปล้อเธอ แค่ที่รู้ๆคือ เธอน่ารัก ชะมัด เลย........
เรื่องนี้ผมอยากแต่งต่อนะ แต่งต่อมาผมรู้ว่าเธอมีแฟนแล้วและเป็นเพื่อนสนิทผม ผมจึงไม่อยากแต่งต่อ เหอะๆ ไม่อยากให้เธอร้ด้วย ห้า ห้า บวก แต่ที่จริงก็แค่เรื่องแต่ง
ผลงานอื่นๆ ของ Te@12 in He@ven ดูทั้งหมด
ผลงานอื่นๆ ของ Te@12 in He@ven
ความคิดเห็น