ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [EXO] MY BOYFRIEND IS SO มุ้งมิ้ง ♡ KrisYeol

    ลำดับตอนที่ #3 : MY BOYFRIEND IS SO มุ้งมิ้ง :: เดทมุ้งมิ้งคิตตี้สไตล์ -ลงแล้ว-

    • อัปเดตล่าสุด 21 ก.พ. 57


    Minor!





























     

     

                   การได้เข้ามาอยู่ในสถานที่สีชมพูที่เต็มไปด้วยการประดับตกแต่งด้วยตุ๊กตุ่นตุ๊กตาแมวแบ๊วน่าขนลุกอย่างคิตตี้นี่มันเป็นอะไรที่เกินความคาดหมายของชานยอลมากนะ ทันทีที่รถสุดแสนจะสยองนั้นพามาหยุดอยู่ที่หน้าร้านและสารถีหน้าหล่อที่ตอนนี้ยังไม่หุบยิ้มเลยสักวินาทีเดียวเดินอ้อมรถมาเปิดประตูให้และพาให้เดินเข้ามาในร้านอย่างตื่นเต้น ชานยอลได้แต่กลืนน้ำลายลงคออึกใหญ่เมื่อกวาดตามองไปทั่วร้าน

     

     

                    เท่าที่ตาคู่กลมจะมองเห็นทั้งหมด ภายในร้านสีชมพูหวานหยดแห่งนี้มีการประดับตกแต่งไปด้วยตุ๊กตาจำนวนมาก แน่นอนว่าก็คือตุ๊กตาหน้าแมวหนวดสามเส้นบนหน้านั่นแหละ แต่เพราะทั้งวอลเปเปอร์ ทั้งเก้าอี้นั่งในร้าน รวมไปถึงรูปภาพที่ตกแต่งอยู่ตามฝาผนังก็ล้วนแล้วแต่เป็นลายคิตตี้ทั้งนั้น ชานยอลเข้าใจนะว่าที่นี่คือคิตตี้คาเฟ่ แต่นี่มันไม่คิตตี้ไปหน่อยเหรอวะครับ?

     

     

    ให้ตายเถอะ... มันมีสถานที่แห่งนี้บนโลกใบนี้ด้วยเหรอวะเนี่ย

                   


    “โอ๊ะ สวัสดีค่ะพี่คริส~~

     

     

    ทันทีที่ประตูร้านเปิดออกและเสียงกระดิ่งที่แขวนไว้ตรงหน้าประตูทำตามหน้าที่กลไกของมัน สาวน้อยที่อยู่ในชุด... เอ่อ... มันคือชุดอะไรดีล่ะ เป็นชุดกระโปรงฟูๆสีชมพูสลับขาวไปทั้งตัว เหมือนจะเป็นคอร์เซ็ท เค้าเรียกคอร์เซ็ทใช่มั้ย แบบชุดที่เข้ารูปหน่อยๆน่ะแล้วมีสายมีเชือกโยงพันไปพันมา และแน่นอนก็มีโบว์สีขาวชมพูเป็นที่คาดผมข้างบนด้วย ไม่รวมไปถึงถุงน่องและถุงมือขนปุกปุยสีขาวนั่นอีกนะ ให้ฟีลอารมณ์ทีอาร่ามาเต้น bo peep ยังไงชอบกล

     

     

                    ใครก็ได้มาพาปาร์คชานยอลออกไปที ก่อนที่จะเอาหมอนคิตตี้มาอุดหน้าตัวเองแล้วกลั้นหายใจตาย

     

     

                    “สวัสดีอึนจี วันนี้เวรเราเหรอ? พี่นึกว่าเป็นเวรของนาริเสียอีก” ดูเหมือนว่าคนที่พาชานยอลมาที่ร้านจะรู้จักสนิทสนมกับร้านนี้พอสมควร ดูเอาจากได้ที่ว่าสามารถจำชื่อพนักงานและคิวเวรของพนักงานที่นี่ได้ด้วย เด็กสาวส่งยิ้มให้กับชายหนุ่มตรงหน้าก่อนจะตอบ

     

     

                “วันนี้พี่นาริไม่สบาย อึนจีเลยมาทำแทนค่ะ... ว่าแต่... นั่นเพื่อนพี่คริสเหรอคะ?”

     

     

    ในที่สุดบทสนทนาก็ถูกอิงมาถึงเค้าจนได้ ชานยอลที่พยายามจะยืนหลบอยู่แบบเนียนๆไม่ให้ตกเป็นเป้าความสนใจก็ต้องยิ้มแหยๆออกมาเมื่อสายตาทั้งสองคู่จับจ้องมาที่เค้า คนตัวสูงที่ยืนอยู่ตรงหน้าส่ายหน้าไปมาก่อนจะทำหน้าจริงจังและตอบกลับไปด้วยข้อความที่ทำเอาชานยอลอยากจะหงายเงิบ

     

     

                    “ไม่ใช่เพื่อน ว่าที่แฟนต่างหากเล่า”

     

     

                    ตกลงตอนไหนวะไอ้คุณอู๋ -.,-

     

     

                “อ๊าย >//< งั้นมาทางนี้เลย เดี๋ยวอึนจีพาไปโต๊ะพิเศษของร้านเลยค่ะ”

     

     

    เด็กสาวทำหน้าราวกับฟินเสียเต็มประดา รีบกุลีกุจอเชื้อเชิญให้แขกสองคนเดินตามเข้าไปด้านในของร้าน ชานยอลที่โดนอีกคนถือวิสาสะเอื้อมมือมาเกาะกุมมือตัวเองไว้ก็ต้องเบ้หน้าเมื่อถูกดึงให้เดินตามเข้ามา ชานยอลว่าที่นั่งข้างนอกก็เลี่ยนมากพอแล้วนะ แต่ข้างในนี่คือขั้นเลี่ยนเติม est อ่ะ คือถ้ามันจะมุ้งมิ้งไปทุกองศาการขยับตัวแบบนี้ล่ะก้อ

     

     

    โต๊ะข้างนอกยังเป็นแค่โต๊ะไม้สีขาวธรรมดา มีพนักพิงเป็นสีชมพูและแต่งโต๊ะเป็นลายคิตตี้ แค่นั้นชานยอลก็ว่ามันหนักมาพอแล้วนะ แต่คือเข้ามาข้างในนี่คนละโลกอ่ะ โซฟาสีชมพูตัวใหญ่สำหรับนั่งสองคนนั้นสีสดแบบสดมาก สดกว่านี้ไม่มีอีกแล้ว มีตุ๊กตาตัวเล็กตัวน้อยประดับตกแต่งจนเต็มไปหมดทุกพื้นที่ ไม่รวมไปถึงไอ้ม่านมุ้งสีขาวที่ห้อยลงมาจากเพดานจนชานยอลต้องปัดออกให้พ้นจากตรงหน้า

     

     

    โอ้ มาย ก็อด... นี่มันคือคิตตี้อะไร  

     

     

    “เชิญนั่งเลยค่ะพี่คริส แล้วก็ว่าที่แฟนพี่คริส” เด็กสาวในชุดสีหวานน่ารักส่งยิ้มกว้างเสียจนตาปิดมาให้เค้าที่ทำหน้าป่วยอยู่ตรงนั้น ก่อนจะถูกดึงให้นั่งลงข้างๆกับอีกคนที่หย่อนก้นลงไปพาพ้องเพื่อนคิตตี้แล้วอย่างเต็มใจ ชานยอลขยับตัวอย่างไม่สบายเท่าไหร่นักเพราะขนาดของโซฟานี้มันคงเหมาะสำหรับแฟนหนุ่มที่พาแฟนสาวร่างบางมาเดท ไม่ใช่ผู้ชายสองคนส่วนสูงทะลุเพดานแบบพวกเค้าสองคนหรอกนะ

     

     

    แต่ก็นั่นแหละ ขยับไปก็เหมือนจะไม่ช่วยอะไร เพราะอี้ฟานก็ดูเหมือนจะพยายามเบียดเข้ามาแนบชิดสนิทเหลือเกิน จนสุดท้ายชานยอลก็ต้องยอมหยุดนิ่ง เอื้อมมือไปรับเมนูที่อีกคนยื่นมาให้

     

     

    “ชยอลกินอะไรดี? ราสเบอร์รี่ลาเต้ก็ดี โกโก้ปั่นมั้ย หรือนมสตรอเบอร์รี่ร้อนดี?” เอ่ยถามอีกคนอย่างเอาใจ เมนูพวกนี้คือเมนูโปรดของเค้าทั้งนั้นเลยนะ ไม่ว่าจะไปกินกาแฟร้านไหนก็ทำไม่อร่อยสู้ร้านนี้สักที่เลย ฝ่ายคนที่ถูกถามก็ได้แต่มุ่ยหน้าพลางแอบคิดในใจ

     

     

    ถามกูสิว่าเมนูเข้ากับหนังหน้าของกูรึเปล่า?

     

     

    “เอากาแฟดำแก้วนึง”

     

     

    ปิดเมนูที่เปิดดูอยู่ฉับเมื่อรับความหวานแหววที่ปรากฏให้เห็นในหนังสือตรงหน้าไม่ไหว แต่ละเมนูที่ตกแต่งและประดับประดาไปด้วยแมวสีชมพูทำเอาคนหน้าหวานเบ้หน้าด้วยความเลี่ยน สุดท้ายชานยอลตัดสินใจเลือกส่งๆไป สั่งกาแฟดำไปแบบนี้มันคงไม่อุตริวาดรูปหน้าแมวมาให้เค้าหรอกนะ แต่พออี้ฟานได้ยินว่าชานยอลสั่งอะไรเท่านั้นล่ะ ใบหน้าหล่อนั้นก็บึ้งลงอย่างเห็นได้ชัด ก่อนจะสวนขึ้นมาทันควัน

     

     

    “ไม่ได้นะ! กินกาแฟแล้วหน้าแก่หน้าโทรมนะชยอล”

     

    “...”

     

    “ชยอลอยากโคฟเวอร์เป็นตีนกาพี่ลู่หานเหรอ?”

     

     

    ลามปามพี่รหัสกูแบบนี้ ควรให้ไปต่อมั้ยห๊ะ อู๋อี้ฟาน -.,-

     

     

    ชานยอลชักสีหน้าเมื่ออีกคนกล่าวถึงพี่รหัสที่สนิทของเค้าอย่างไม่ไว้หน้าไว้ตา ถึงที่อีกฝ่ายพูดมามันจะจริงก็เถอะเรื่องหน้าแก่หน้าโทรมแล้วมีตีนกาน่ะ แต่มันใช่เรื่องมั้ยไปลากพี่รหัสเค้าเข้ามาเกี่ยวกับเรื่องนี้

     

     

    “ลามปามนะอี้ฟาน สนิทกันรึไงมาเล่นพี่รหัสฉันแบบนี้?” พอเห็นว่าคนหน้าหวานที่โดนตัวเองเอ็ดไปเมื่อกี้กลับมาตีหน้ายักษ์ใส่ อี้ฟานก็ต้องหน้าหงอลงอย่างเห็นได้ชัด เค้าไม่ได้จะลามปามหรือล่วงเกินไปถึงรุ่นพี่ลู่หานนะ เค้าก็แค่พูดไปตามความเป็นจริง คิดยังไงก็พูดอย่างนั้น

     

     

    ก็อี้ฟานเห็นว่าพี่ลู่หานชอบกินกาแฟนี่หน่า แล้วพี่ลู่หานก็หน้าแก่ หน้าโทรมมีตีนกาเพียบแบบนั้นอ่ะ เค้าไม่อยากให้ชยอลจ๋าเป็นแบบนั้นหนิ! ผิดตรงไหนกันที่พูดแบบนี้

     

     

    “ก็เราพูดความจริงนี่น่า ชยอลไม่โกรธเรานะ อย่าโกรธเราเลยนะ”

     

     

    คนที่หน้ามุ่ยอยู่คว้ามือของอีกคนมากุมไว้ก่อนจะเขย่าไปมาราวกับจะง้องอนให้อีกคนหายโกรธ เสียงทุ้มที่ปกติก็เรียบๆนิ่งๆธรรมดาก็กลายเป็นอ่อนลงจนแลดูเหมือนกำลังออดอ้อนอยู่ในที ชานยอลที่ถูกทำแบบนั้นใส่โดยไม่ทันตั้งตัวก็ได้แต่อ้าปากเหวอค้าง คือไม่ใช่ไม่เคยเห็นคนอื่นเค้าง้อกันแบบนี้ แฟนคนก่อนๆก็เคยง้อเค้าด้วยน้ำเสียงและท่าทางมุ้งมิ้งแบบนี้

     

     

    แต่เดี๋ยวนะ... นี่มันคืออู๋อี้ฟาน คนหล่อแห่งคณะอักษรเชียวนะ!! มึงมามุ้งมิ้งใส่กูทำมายย??

     

     

    “หยุดทำแบบนี้นะ...”

     

     

    “หืม” คนตัวสูงที่กำลังง้ออยู่ก็ได้แต่เลิกคิ้วเมื่อได้ยินชานยอลพูดออกมาแบบนั้น “หยุดอะไร?”

     

     

    “หยุดงอแงแล้วทำเสียงง้องแง้งแบบนี้สักที”

     

     

    “ทำไมอ่ะ? ชยอลไม่ชอบให้เราทำแบบนี้เหรอ?”

     

     

    “...”

     

     

    “เราก็แค่อยากจะงอแง อยากจะอ้อนกับคนที่เราชอบอ่ะ เราทำไม่ได้เหรอ?”

     

     

    วีดวิ้ว~~~~

     

     

    เข้าอีหรอบเดิมตลอด ร้านที่ตอนแรกก็เปิดเพลงหวานๆแบ๊วๆตามสไตล์ก็ดันมาเงียบลงตอนที่ไอ้คนหน้าหน้าหล่อพูดแบบนั้นเสียด้วยนะ ไอ้คำพูดก็ว่าพาใจสั่นมากพอแล้ว ไหนจะไอ้ตาคมๆที่ช้อนมองแบบตัดพ้อนั่นอีก ไอ้เสียงที่หงอยลงไปกว่าเดิมแบบนั้นอีก แล้วไหนจะคนทั้งร้านที่พอได้ยินแบบนั้นก็ส่งเสียงแซวจนดังแบบนี้อีก ชานยอลได้แต่กัดปากตัวเองแน่นพลางมองอีกคนนิ่ง ก่อนจะตัดสินใจดึงมือออกมาพัดให้กับใบหน้าร้อนๆของตัวเอง เสหลบสายตาจริงจังของอีกคนที่มองจ้องมาพลางคิดในใจนิ่ง

     

     

    ให้ตายเถอะ... นี่อากาศที่นี่มันร้อนหรือหน้าเค้าร้อนไปเองวะครับเนี่ย?

     

     

    ไม่ต้องทนเงียบกันอยู่นาน อึนจีก็กลับมาพร้อมกับเมนูที่สั่งไป แน่นอนว่ากาแฟสีดำสนิทที่ถูกเสิร์ฟมาในถ้วยสีหวานนั้นคือของชานยอล ก่อนจะตามมาด้วยแก้วกาแฟอีกแก้วที่ดูเอาจากทรงแล้วน่าจะเป็นนมสตรอเบอร์รี่อุ่นร้อน จานแก้วสีขาวสะอาดที่มีวาฟเฟิ้ลวางไว้พร้อมราดด้วยซอสสตรอเบอร์รี่สีสันสดใส ตามมาด้วยขนมหวานอีกสองสามชนิดที่ถูกจัดมาในจานเดียวกันก็วางลงมาบนโต๊ะ ชานยอลได้แต่ขมวดคิ้วเมื่อเห็นของกินมากมายถูกเสิร์ฟมา

     

     

    ได้ข่าวว่าเมื่อกี้กูสั่งไปแค่กาแฟดำนะ แล้วไอ้กองทัพขนมหวานที่ตามมาเป็นขบวนการคิตตี้เรนเจอร์นี่คืออะไร?

     

     

    “เรากินแบบนี้บ่อยจนอึนจีจำได้แล้วน่ะ ไม่ต้องสั่งก็จัดมาให้เลย” อี้ฟานเป็นฝ่ายเฉลยออกมาจนชานยอลต้องพยักหน้าหงึกหงักรับรู้ หมอนี่คงมาที่นี่บ่อยจริงๆแล้วล่ะ ไม่งั้นคงไม่มีเมนูประจำจนจำกันได้แบบนี้หรอก ชานยอลหันไปมองของหวานที่อยู่บนโต๊ะ ยอมรับว่าถึงแม้หน้าตาของขนมมันจะดูบ๊องแบ๊วเหมาะกับเด็กผู้หญิงมากกว่าก็ตามที แต่กลิ่นหอมๆของวาฟเฟิ้ลที่ทำสดใหม่ก็ยั่วยวนให้เค้าต้องขยับจมูกฟุดฟิดพลางกลืนน้ำลายลงคอ

     

     

    “มา เดี๋ยวเราป้อนชยอลเอง”

     

     

    อี้ฟานที่เห็นท่าทีของอีกคนแบบนั้นก็พูดขึ้นมาก่อนจะหยิบส้อมขึ้นมาตัดวาฟเฟิ้ลให้เป็นชิ้นพอดีคำ ชานยอลกำลังจะอ้าปากปฏิเสธแต่ก็กลายเป็นว่าเปิดโอกาสให้อีกคนนั้นส่งผ่านชิ้นวาฟเฟิ้ลเนื้อนุ่มเข้ามาในปากของตนเองจนได้ จริงๆก็ไม่ควรจะเรียกว่าป้อนเท่าไหร่หรอกนะ ควรจะเรียกว่ายัดเข้ามาเสียมากกว่าเพราะชานยอลก็เกือบจะสำลักด้วยซ้ำไปตอนที่วาฟเฟิ้ลนั้นถูกส่งเข้ามา ชานยอลได้แต่ปิดปากเคี้ยวพลางตีหน้ายักษ์ใส่อีกคนที่เอาแต่ส่งยิ้มตาหยีใส่เค้า

     

     

    ความหอมหวานมันของแป้งวาฟเฟิ้ลร้อนๆที่ราดไว้ด้วยซอสสตรอเบอร์รี่รสเปรี้ยวที่ตัดกันได้ดีทำเอาคนที่กำลังเคี้ยวตุ้ยๆเริ่มจะติดใจในรสชาติ กลีบปากอิ่มขยับคลี่ออกเป็นรอยยิ้มด้วยความพึงพอใจ ชานยอลขยับจะหยิบส้อมขึ้นมาตักกินวาฟเฟิ้ลด้วยตัวเองเองแต่อีกคนก็ดันยกทั้งส้อมทั้งจานหนีเสียจนคนหน้าหวานแทบจะจั่วลมกลางอากาศ

     

     

    “เอาจานมาเดี๋ยวนี้อี้ฟาน” ชานยอลหันไปจ้องตาเขม็ง ตากลมมองจานวาฟเฟิ้ลในมืออีกคนไม่วางตา หากแต่คนที่มีวาฟเฟิ้ลไว้ในกรรมสิทธิ์ครอบครองก็ส่ายหน้ารัวๆ

     

     

    “ไม่ให้” อี้ฟานตอบ “นี่มันของเรา ชยอลอย่ามาแย่งเรากิน”

     

     

    “แค่ชิมหน่อยเดียวเอง”

     

     

    “ไม่ได้ นี่ของเรา”

     

     

    “อย่ามาขี้งกนะ เอามาเดี๋ยวนี้!

     

     

    กลายเป็นสงครามแย่งของกินไปเสียแล้วเมื่ออี้ฟานพยายามจะยกจานหนีในขณะที่ชานยอลก็เอื้อมสุดความยาวแขนเพื่อจะแย่งจานขนมนั้นมาให้ได้ พอคนตัวสูงขยับไปทางซ้าย ชานยอลก็ปราดตามไปจะคว้าไว้ พออี้ฟานขยับหนีกลับไปทางขวา ก็รีบเอื้อมมือไปจะยื้อแย่งมาให้ได้ พอไม่มีทีท่าว่าอีกคนจะยอมอ้อนให้โดยง่าย ชานยอลก็ยกมือขึ้นท้าวสะเอวจ้องอีกคนจาเขียวปั๊ด

     

     

    “ฉันจะกิน เอามานี่นะ!

     

     

    “ตกลงเป็นแฟนกับเราก่อนสิ เดี๋ยวเราจะให้”

     

     

    จู่ๆอี้ฟานก็ยื่นข้อแลกเปลี่ยนออกมาเสียจนคนฟังต้องอ้าปากค้าง ตากลมจ้องมองคนตรงหน้าที่ไม่ได้หุบยิ้มไปเลยแม้แต่สักวินาทีเดียวอย่างไม่เชื่อสายตา ให้ตายเถอะ นี่มันคิดว่าจะเอาวาฟเฟิ้ลมาต่อรองให้เค้าคบด้วยเนี่ยนะ สติยังดีอยู่รึเปล่าอู๋อี้ฟาน นี่คิดว่าชานยอลคนนี้เห็นแก่กินขนาดนั้นเลย

     

     

    “แค่วาฟเฟิ้ลจานเดียว ไม่เอาก็ได้” ชานยอลหันหน้าหนีจากอีกคน เสไปหยิบกาแฟดำตรงหน้าขึ้นมายกดื่มแทน แล้วแทบจะสำลักเมื่อได้ยินประโยคถัดมาของคนข้างกาย

     

     

    “ใครบอกว่าเราให้แค่วาฟเฟิ้ลจานเดียว”

     

     

    “...”

     

     

    “เราให้ทั้งใจเราเลยต่างหาก”

     











     

     









     

    เคยมีอาการแบบไปต่อไม่ถูก พูดไม่ออก ไม่อยากจะตอบบ้างมั้ยครับ? ตอนนี้คือชานยอลกำลังรู้สึกแบบนั้นอยู่เลยอ่ะ พอจบประโยคแบบนั้นจากคนหน้าหล่อปุ๊บ ชานยอลก็ได้แต่นั่งเงียบซดกาแฟลงคออึกๆไม่พูดไม่จาไม่หือไม่อืออะไรทั้งนั้น ฝ่ายคนถามพอเห็นว่าคนถูกถามไม่ตอบกลับมาก็วางจานวาฟเฟิ้ลเจ้าปัญหาลง แล้วก็หันไปหยิบแก้วนมร้อนของตัวเองมายกดื่มเหมือนกัน

     

     

    เลยกลายเป็นเงียบไปทั้งคู่เสียอย่างนั้น

     

     

    พอเห็นว่าอีกฝ่ายเงียบไปจนผิดวิสัย ชานยอลก็ได้แต่เหล่มองจากทางหางตา เห็นว่าอีกคนนั่งก้มหน้านิ่ง ยกนมขึ้นดื่มเรื่อยๆไม่ได้พูดอะไรก็เริ่มจะใจเสียไปเหมือนกัน ถามว่ารู้สึกดีกับอีกฝ่ายบ้างมั้ยมันก็รู้สึกอ่ะนะ เล่นโดนตามจีบมาตลอดสองเดือนจะไม่รู้สึกอะไรเลยก็คงจะไม่ใช่คน แต่จะให้ชานยอลคนนี้ทำยังไงอ่ะ? ก็มุ้งมิ้งมันไม่ใช่สไตล์ มันไม่ใช่สไตล์เค้าเลยสักนิดเดียว

     

     

    “นี่...”

     

     

    “...” อี้ฟานเงยหน้าขึ้นมาแล้วเลิกคิ้วราวกับจะถามว่ามีอะไร คนที่เป็นฝ่ายทำลายความเงียบก่อนก็ได้แต่กัดปากนิ่ง พ่นลมหายใจออกมาเฮือกใหญ่

     

     

    “อยากกินวาฟเฟิ้ล”

     

     

    พอได้ยินแบบนั้น อี้ฟานก็ดันจานวาฟเฟิ้ลที่วางไว้ตรงหน้าให้เลื่อนมาหยุดอยู่ตรงหน้าอีกคน จัดการหั่นแป้งเนื้อนุ่มให้เป็นชิ้นพอดีคำให้เรียบร้อย วางส้อมไว้ตรงหน้า กะจะให้อีกฝ่ายหยิบขึ้นกินด้วยตัวเอง แต่พอเห็นว่าชานยอลไม่ขยับเขยื้อนร่างกายสักนิดก็ต้องเลิกคิ้วอีกครั้งด้วยความแปลกใจ

     

     

    “มือไม่ว่าง” ตากลมเหลือบมองลงไปที่มือของตัวเองที่ถือแก้วกาแฟไว้ทั้งสองมืออยู่

     

     

    “...”

     

     

    “ป้อนหน่อย”

     

     

    ทำไมปาร์คชานยอลต้องแพ้ทางคนงุ้งงิ้งมุ้งมิ้งที่สุดในสามโลกด้วยวะครับเนี่ย? -///-


















    #ฟิคมุ้งมิ้ง


    อยากกินวาฟเฟิ้ลมั้ยคะ??

    คิกคิก




     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×