ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [EXO] MY BOYFRIEND IS SO มุ้งมิ้ง ♡ KrisYeol

    ลำดับตอนที่ #4 : MY BOYFRIEND IS SO มุ้งมิ้ง :: แฟนหนุ่มสุดมุ้งมิ้ง -ลงแล้ว-

    • เนื้อหานิยายตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 2.41K
      35
      4 มี.ค. 57

    Minor!

































     


    สรุปแล้วตั้งแต่วันที่ไปเดทกันที่คิตตี้คาเฟ่ พวกเค้าสองคนก็กลายมาเป็นแฟนกันจนได้ ถึงแม้ว่าจะคิดถึงตอนนั้นกี่ทีชานยอลก็ต้องอดหน้าแดงไม่ได้ก็เถอะ มีอย่างที่ไหนไปบอกให้เค้าป้อนวาฟเฟิ้ลให้ นี่ไม่ต่างกับแบบทอดสะพานไปให้อีกคนเลยสักนิด ไม่ต้องบอกนะว่าวันนั้นอู๋อี้ฟานหน้าบานเป็นกระด้งมากแค่ไหน ไม่ต้องพูดถึงนะว่าหมอนั่นดีใจจนคาเฟ่แทบแตกขนาดไหน

     

     

    เอาเป็นว่าปาร์คชานยอลอายคนทั้งร้านจนอยากจะมุดหนีด้วยซ้ำไป อู๋อี้ฟานนี่ขยันทำให้เค้าต้องมีมลทินในที่สาธารณะจริงๆเลย



     

    “ชยอล~~



     

    นั่นไง ไม่ทันจะขาดคำดี ทันทีที่ชานยอลก้าวลงจากอาคารเรียนลงมายังส่วนลานว่างใต้อาคารก็ได้ยินเสียงเรียกที่คุ้นหู ก่อนจะตามมาด้วยร่างสูงๆพร้อมกับใบหน้าหล่อๆที่ขยันส่งรอยยิ้มให้เค้าทั้งเช้าทั้งเย็นจนอยากจะเอ่ยถามเหมือนกันว่าเมื่อยปากบ้างรึเปล่ายิ้มให้ทุกวันแบบนี้วิ่งเข้ามาหา คนตัวเล็กกว่าก็เลิกคิ้วเป็นเชิงถามว่ามีอะไร ก่อนจะได้รับคำตอบจากคนที่มายืนรอกว่าครึ่งชั่วโมง



     

    “วันนี้เราไปซื้อของกับชยอลไม่ได้แล้วนะ”



     

    อ่าว... ทำไมเบี้ยวนัดกูวะครับ?



     

    พอเห็นท่าว่าอีกคนเริ่มจะขมวดคิ้วชักสีหน้า อี้ฟานก็ต้องรีบส่งยิ้มไปให้อีกคน รอยยิ้มในคราวนี้มันแตกต่างจากในตอนแรกตรงที่ว่ามันแฝงไปด้วยความรู้สึกผิดอะไรบางอย่าง ชานยอลที่จับอาการนั้นได้ก็เริ่มยกมือขึ้นกอดก่อนจะมองหน้าอีกคนนิ่ง



     

    “ทำไมไปไม่ได้?” ไม่ใช่ว่าเป็นคนงี่เง่างอแงอะไรหรอกนะ แต่ก็นัดกันแล้วว่าวันนี้จะไปช่วยกันเลือกของขวัญวันเกิดที่ใกล้จะมาถึงแล้วให้เพื่อนตัวเล็กอย่างคยองซู อีกฝ่ายก็รับปากหมายมั่นปั้นมืออย่างดีว่าจะช่วยเลือกแน่นอน แล้วไหงมาทิ้งกันกลางทางแบบนี้



     

    “คือเราต้องไปทำธุระ”



     

    “ธุระอะไร?” กดเสียงต่ำเมื่อเห็นว่าอีกคนยังไม่ยอมเข้าประเด็นสักที พอโดนกดดันเข้ามากๆ อี้ฟานก็ต้องเบะปากทำตาละห้อย ก่อนจะยอมเอ่ยปากบอกความจริงกับแฟนหมาดๆสองอาทิตย์กว่าของตัวเอง



     

    “วันนี้ต้องไปเข้าคิวรอซื้อพี่ริลัคคุมะที่มยองดง”



     

    -.,-



     

    คืออีโมชั่นหน้าตายังไง ชานยอลหน้าตาแบบนั้นเลยครับ



     

    “ชยอลอย่าเพิ่งโมโหซี้~~~ ฟังเราอธิบายก่อน” พอเห็นว่าคนหน้าหวานเริ่มจะไม่หวานแล้วอี้ฟานก็ต้องรีบง้องอน เอื้อมมือไปคว้าแขนของอีกคนมาเกาะกุมไว้ก่อนจะเขย่าไปเขย่ามา ปากก็อธิบายเหตุผลไปด้วย “ชยอลเข้าใจเราหน่อยนะ พี่ริลัครุ่นใหม่เพิ่งมาลง แล้วมีแค่ไม่กี่ตัวด้วย ถ้าเราซื้อไม่ทัน เราต้องแย่แน่เลย”

     

     

    “...”



     

    “นะ นะชยอลนะ มันลิมิเต็ดอิดิชั่นจริงๆ เราพลาดไม่ได้จริงๆ”



     

    “ถ้าอย่างนั้นก็ไม่ต้องบอกว่าจะไปช่วยเลือกของแต่แรกป่ะ อู๋อี้ฟาน”



     

    ไปๆมาๆ โกรธเสียอย่างนั้น ชานยอลจิปากอย่างขัดใจ ไม่ได้จะว่าอะไรหรอกที่อีกคนจะไปซื้อตุ๊กตุ่นตุ๊กตาพี่ระริกระรี้อะไรของมัน แต่คือที่โกรธก็เพราะอีกคนจะเบี้ยวนัดต่างหาก ชานยอลไม่ชอบและไม่เคยชอบเลยกับการถูกเบี้ยวนัด ถ้ารู้ว่าตัวเองจะไม่ว่างก็ไม่ควรมานัดป่ะ? คือแทนที่เค้าจะได้วางแผนชีวิตตัวเองแต่เนิ่นๆ ก็ต้องกลายเป็นแกร่วไปเสียแบบนั้น



     

    พอเห็นว่าหน้าตาของอีกคนบึ้งตึงแบบจริงจังแล้วอี้ฟานก็ต้องหน้าเสีย กลีบปากอิ่มยู่เข้าหากันด้วยความไม่พอใจ ก่อนจะเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงเศร้าๆ

     


               “เราขอโทษ เราไม่ไปซื้อแล้วก็ได้”

     

     

    คุณริลัคคุมะ อี้ฟานขอโทษ เราคงไม่ได้อยู่ร่วมกันแล้วล่ะ *กอดเข่าร้องไห้*



     

    ฝ่ายคนที่ยืนกอดอกหน้านิ่งก็ปรายตามองอีกคนแล้วต้องถอนหายใจ คือจะไม่อะไรเลยจริงๆถ้าอี้ฟานไม่ทำหน้าเศร้าซะขนาดนั้น คือแบบปกติชานยอลก็ไม่ใช่คนใจไม้ไส้ระกำอะไร แล้วยิ่งมาทำหน้าเศร้า เสียใจประดุจชานยอลไปเผาบ้านงี้ คืออะไรวะครับ? คิดว่าต้องใจอ่อนป่ะ คิดว่าต้องยอมตามใจใช่ป่ะ?



     

    แต่ถึงอย่างนั้นชานยอลก็ไม่ได้พูดอะไรออกมา เดินนำอีกคนลิ่วๆมายังรถสปอร์ตคันสวยที่การตกแต่งภายในขัดกับภายนอกอย่างชัดเจน รอให้อีกคนปลดล็อกแล้วก้เปิดประตูขึ้นไปนั่งนิ่งๆ จนกระทั่งคนขับหน้าหล่อก้าวเข้ามาในรถและขับออกจากเขตมหาลัยแล้วนั่นแหละถึงได้พูดออกมา น้ำเสียงนิ่งๆเหมือนไม่ใส่ใจอะไรนักแต่ข้อความในประโยคนั้นก็ทำเอาคนที่นั่งอยู่หลังพวงมาลัยยิ้มเสียจนตาปิด



     

    “ตอนแรกก็ว่าจะไปซื้อของที่ฮงแด แต่เปลี่ยนเป็นมยองดงก็ได้”



     

    “...”



     

    “ให้เวลาไปหาพี่ระริกระรี้อะไรนั่นแค่ครึ่งชม.นะ ช้ากว่านั้นเลิกแน่ อู๋อี้ฟาน!



     

    ชานยอลไม่ได้อยากจะตามใจหรอกนะ... ก็แค่กลัวเด็กโข่งบางคนร้องไห้ต่างหากเล่า

     




















     

    ตอนที่อนุญาตให้อีกคนไปหาเพื่อนซี้วัยประถมอย่างพี่หมีสีน้ำตาลได้เนี่ย ชานยอลก็ไม่ได้คิดหรอกนะว่าไอ้เจ้าตุ๊กตาที่อีกฝ่ายรบเร้าจะมาซื้อเนี่ยมันจะตัวใหญ่มหึมาขนาดแปะฝาบ้านขนาดนี้ โอเค ชานยอลอาจจะพูดเว่อร์ไปนิด มันก็คือตุ๊กตาหมีตัวใหญ่ขนาดพอดีคนกอดนั่นแหละ แต่ปัญหามันอยู่ตรงนี้ครับทุกคน ปัญหามันอยู่ตรงที่ตอนที่ชานยอลซื้อของเสร็จแล้วและเดินกลับมาที่รถพร้อมกับอี้ฟานที่เอาตุ๊กตามาเก็บไว้ก่อนหน้านี้แล้ว พอพ่อคุณเปิดประตูรถเท่านั้นล่ะชานยอลแทบจะทรุดเมื่อได้มองเข้าไปในรถแบบเต็มสองตา



     

    ขบวนการพี่หมียึดครองพื้นที่มากจ้า



     

    “ทำไมมันเยอะแบบนี้อ่ะ?” หันไปหาคนข้างตัวที่ยืนยิ้มกว้างอย่างคนอารมณ์ดีอยู่ตรงนั้น อี้ฟานคว้าถุงของจากมือชานยอลมาถือไว้เองก่อนจะเปิดกระโปรงรถด้านหลังเพื่อเอาของเก็บ



     

    “ก็ตอนแรกว่าจะซื้อแค่ตัวเดียว แต่สงสาร กลัวพี่หมีเหงาเลยเหมามาหมดเลย”



     

    เหมาหมด?!!



     

    เข้าใจนะว่ารวยแต่ช่วยดูสถานการณ์บ้างได้มั้ยครับอู๋อี้ฟาน!!!



     

    “แล้วจะให้ฉันนั่งตรงไหน?”



     

    ชานยอลชี้เข้าไปในรถที่ตอนนี้อัดแน่นไปด้วยตุ๊กตาแทบจะทุกพื้นที่ รถของอี้ฟานเป็นรถสปอร์ตก็แย่มากพอแล้วเพราะมันก็นั่งได้แค่สองคน เบาะหลังไม่ต้องพูดถึง ต้องตัวเล็กเท่าเด็กอนุบาลเท่านั้นล่ะถึงจะนั่งได้แบบไม่อึดอัด แล้วนี่อะไร เบาะหน้าที่เค้าอาศัยโดยสารตอนขามาตอนนี้ถูกยึดครองพื้นที่ด้วยริลัคคุมะตัวอ้วนโต แถมยังมีมนุษย์หน้าหล่อคาดเข็มขัดนิรภัยให้มันด้วยนะ แย่งที่กูไม่พอ ยังจะมาแย่งเข็มขัดนิรภัยกูอีกนะไอ้หมี!



     

    “เอ่อ...”



     

    อี้ฟานเองก็เงียบไปเมื่อได้ยินคำถามนั้น เค้าเองก็ลืมนึกไปเลย อย่าเพิ่ง!.. อย่าเพิ่งประนามคนหล่อมุ้งมิ้งว่านิสัยไม่ดีทำไมลืมแฟน คือปกติเวลามาซื้อพวกของแบบนี้ อี้ฟานก็มักจะมาคนเดียว ไม่เคยพาใครมาด้วยมันก็เลยกลายเป็นความเคยชินไปแล้วที่จะซื้อเยอะๆแล้วยัดเสียเต็มรถ พอคบกับชานยอลเค้าก็อยากจะพาแฟนเค้ามาด้วย แต่ดันลืมนึกไปว่าพอตอนซื้อแล้วจะขนกลับยังไงหมด



     

    “จะเอายังไง?”



     

    “เดี๋ยวเราเคลียร์ที่ให้” ขยับเข้าไปจะเคลียร์ที่ทางให้คุณแฟนหมาดๆได้มีที่นั่ง แต่เหมือนจะจัดสรรปันส่วนยังไงพื้นที่จำกัดในรถแคบๆก็ไม่สามารถจะบรรทุกทั้งตุ๊กตาพี่หมีและตุ๊กตาหน้าหวานที่ตอนนี้กำลังหน้าบูดหน้าบึ้งเต็มที่กลับไปด้วยได้หมดในคราวเดียว อี้ฟานได้แต่ยิ้มแหยเมื่อลองจัดรถดูแล้วไม่ประสบความสำเร็จ



     

    “ฉันนั่งแท็กซี่กลับก็ได้” เมื่อไม่เห็นว่ามีหนทางไหนจะไปด้วยกันได้ระหว่างเราสองสามคน ชานยอลก็เลยตัดสินใจกระชับสายกระเป๋าเป้เข้าหาตัว หมุนตัวหันหลังกลับจะเดินออกไปเพื่อเรียกรถ ไม่ได้โกรธนะ ชานยอลไม่ได้โกรธจริงๆ เค้าก็แค่รู้สึกว่าน่าจะดีกว่าถ้าเค้ากลับเองแล้วปล่อยให้อี้ฟานอยู่กับตุ๊กตาที่รักเหล่านั้นไป



     

    “ไม่เอาๆ”



     

    ร่างสูงโปร่งของเดือนคณะอักษรวิ่งมาดักหน้าไว้ก่อน ใบหน้าหล่อดูหงอยลงอย่างเห็นได้ชัดเมื่อเห็นว่าแฟนคนเดียวของตัวเองมีท่าทีจะโกรธมากๆเข้าแล้ว ชยอลจ๋าก็เป็นแบบนี้ เวลาโกรธนิดหน่อยน่ะจะชอบโวยวาย แต่ถ้าเริ่มโกรธเลเวลกลางๆถึงเลเวลมากเมื่อไหร่ก็จะเงียบแล้วหนีแบบนี้ อี้ฟานไม่ชอบให้ชยอลโกรธ ชยอลโกรธแล้วอี้ฟานใจไม่ดีเลย



     

    “ก็แล้วจะให้กลับกันยังไง ของเต็มรถแบบนั้น” ชานยอลพูดพลางชี้ไปที่รถที่เปิดประตูอ้าซ่าอยู่ด้านหลัง “ฉันจะกลับเอง แค่นี้แหละ จบ”



     

    “ชยอลอย่าโกรธสิ ไม่เอานะ~~” อี้ฟานรั้งร่างของอีกคนไว้ทันทีเมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายมีท่าทีจะขยับเดินหนีอีกครั้ง มือหนาเกาะกุมเข้าที่ข้อมือบางของคนรักก่อนจะพาเดินกลับมายังรถของตัวเอง อี้ฟานปล่อยมือชานยอลก่อนจะมุดเข้าไปในรถ ปลดเข็มขัดนิรภัยที่รัดร่างของพี่ริลัคคุมะไว้ก่อนจะอุ้มตุ๊กตาตัวใหญ่เท่าคนจริงออกมา ก่อนที่จะทำในสิ่งที่ชานยอลไม่เชื่อสายตานั่นก็คือเอาตุ๊กตาหมีตัวเบ้อเร่อนั้นขึ้นไปนอนบนหลังคารถ



     

    เฮ้ย!! จะทำอะไรของมึงครับอี้ฟาน~~~



     

    “ทำอะไรของนายอ่ะ?”



     

    ชานยอลเอ่ยถามพลางเบิกตากว้าง ตาคู่สวยที่โตอยู่แล้วก็ยิ่งโตเข้าไปใหญ่เมื่อเห็นอีกคนค้นหาอะไรกุกกักในรถจนได้เชือกเส้นใหญ่มา อี้ฟานไม่ตอบคำถามของชานยอล ร่างสูงทำเพียงแค่มัดเชือกให้แน่นหนากับที่จับโหนในรถก่อนจะโยนข้ามไปอีกฝั่งให้เชือกนั้นรัดตรงกลางลำตัวของตุ๊กตาไว้ เดินอ้อมรถไปและผูกเชือกนั้นเข้ากับที่จับของอีกฝั่งคันรถ



     

    เดี๋ยวๆ... อย่าบอกนะว่าจะขนพี่หมีกลับไปแบบนี้



     

    “ก็เราไม่อยากให้ชยอลกลับแท็กซี่ เราเลยหาที่นั่งให้ชยอลไง”



     

    “ด้วยการเอาพี่หมีของนายมาขึงไว้บนหลังคาเนี่ยนะ?” ใบหน้าน่ารักเต็มไปด้วยวี่แววของความงุนงง ก่อนจะแปรเปลี่ยนเป็นแดงซ่านเมื่อได้ยินประโยคที่อีกคนตอบกลับมา



     

    “หรือจะให้เราจับชยอลขึงบนหลังคารถ”



     

    เอ่อ... นี่มันควรจะมุ้งมิ้งนะ ทำไมมึงมาติดเรทวะครับ อู๋อี้ฟาน!!



     

    “ขึงบ้า ขึงบออะไร? แล้วไม่กลัวพี่หมีหล่นกลางทางรึไง?” ปัดความร้อนผ่าวที่อยู่ตรงหน้าให้ออกไปแล้วเอ่ยถามออกไปอีกครั้ง อี้ฟานที่จัดการมัดเชือกจนหนาแน่นเรียบร้อยแล้วส่ายหน้าเมื่อได้ยินคำถามนั้น



     

    “พี่หมีหล่นกลางทางเราก็ซื้อใหม่ได้ ชยอลหายกลางทางเราหาใหม่ไม่ได้นะ”



     

    “...”



     

    “ชยอลน่ะลิมิเต็ดอิดิชั่นที่สุดสำหรับเราแล้ว”



     

    -/////-



     

    ถามจริงว่ากินอะไรเข้าไป ทำไมถึงได้ขยันหยอดกูทุกวันแบบนี้ครับ?



     

    “... เลิกพูดได้แล้ว จะกลับบ้านแล้ว”



     

    ไม่ต่อความยาวสาวความยืดให้ประเด็นมันเข้าตัวไปมากกว่าเดิม ชานยอลที่ตอนนี้หน้าแดงก่ำไปทั้งหน้าก็ก้มงุดๆ เปิดประตูแล้วส่งตัวเองขึ้นไปนั่ง ไม่ต้องรบกวนให้อีกคนคาดเข็มขัดนิรภัยให้ด้วยนะ คาดเองได้ ไม่ต้องการความช่วยเหลือ พอเห็นว่าอีกคนเปิดประตูเข้ามานั่งประจำที่คนขับแล้ว ชานยอลก็อดเหลือบมองไปด้านหลังที่มีเชือกผูกไว้ตรงประตูทั้งสองฝั่งไม่ได้ เชือกแค่เส้นเดียวจะรั้งตุ๊กตาตัวใหญ่ขนาดนั้นไว้ได้มั้ยนะ



     

    “นี่ มัดแน่นแล้วนะ ไม่ใช่ว่าขับๆไปแล้วหล่นนะ” พอรถเริ่มขยับขับเคลื่อนไปบนท้องถนน ชานยอลก็อดหวั่นใจไม่ได้ เกิดหล่นหายไป ไอ้คุณอี้ฟานนี่ไม่แหกปากร้องไห้ตายหรอกเรอะ



     

    “แน่นแล้ว” อี้ฟานตอบก่อนจะหันมามองอีกคน “ชยอลห่วงพี่หมีเหรอ? เอาพี่หมีกลับมานั่งในรถมั้ย?”



     

    “แล้วจะให้ฉันไปนั่งไหน?”



     

    “นั่งตักเรามั้ย? ตักเรายังว่างนะ”



     

    -////-



     

    “เงียบแล้วขับรถไปเถอะ อู๋อี้ฟาน!



     

    พอเห็นว่าคนข้างกายหน้าแดงแล้วหน้าแดงอีกจนไม่รู้จะแดงไปมากกว่านี้ได้ยังไงแล้ว อี้ฟานก็หลุดเสียงหัวเราะออกมา เห็นเค้ามุ้งมิ้งๆ ทำตัวเป็นเด็กกับชานยอลแบบนี้แต่เค้าก็ผู้ชายคนนึงนะ เรื่องหยอดเรื่องจีบแฟนนี่ขอให้บอก เวลาชานยอลเขินอายน่ะ น่ารักอย่าบอกใคร แก้มย้วยๆที่เวลาจับดึงแล้วมันยืดออกมาตามมือน่ะเวลาแดงแล้วมันน่าฟัดมากขนาดไหน อี้ฟานยิ้ม ยิ้มทั้งปากยิ้มทั้งตาเมื่อมองคนน่ารักที่นั่งอยู่ไม่ไกล ก่อนจะละมือที่จับพวงมาลัยข้างนึงไว้แล้วเอื้อมไปเกาะกุมมือของอีกคนที่วางทิ้งไว้ตรงหน้าตัก เรียกสายตาคำถามจากอีกคนได้แทบจะในทันที



     

    “เรารักชยอลจ๋านะ”



     

    จู่ๆคำรักที่โผล่มาแบบไม่มีเหตุผลก็ทำเอาคนฟังแทบจะตาถลนออกจากเบ้า คนที่พูดก็ไม่เคยคิดถึงจิตใจคนฟังเลยสินะ อยู่ๆก็มาแอทแทคกันด้วยคำบอกรักแบบนี้ คิดบ้างมั้ยว่าจะเขิน คิดบ้างมั้ยว่าจะอาย



     

    แต่ทว่า...



     

    เราสัญญากับชยอลเลยนะว่าเราจะรักชยอลจ๋าที่สุด



     

    “...”



     

    แต่เรามีอะไรอยากจะขอชยอลจ๋า เราจะขอนอกใจชยอลจ๋า



     

    อ่าว... งานนี้มีเคลียร์ครับ!!!



     

    “อู๋อี้ฟาน!!!” ชานยอลสะบัดมือออกจากการเกาะกุมของอีกคนในทันที หนอยแน่ะ! มาบอกรักแล้วมาขอมีสองรองจากกู คิดว่าจะยอมจะทนรึไงห๊ะ? ชานยอลปรี๊ดแตกเตรียมตัวจะเหวี่ยงเต็มที่ แต่พอได้ยินประโยคถัดมาเท่านั้นล่ะ หน้าที่เต็มไปด้วยความโกรธเมื่อกี้ก็ต้องจางหายไปกลายเป็นความปลงเสียมากกว่า



     

    ชยอลจ๋าต้องแบ่งเราให้คุณริลัคคุมะและคุณคิตตี้ด้วยนะ



     

    ขอนอกใจกูไปหาตุ๊กตา... เจริญล่ะอู๋อี้ฟาน



     

    “แต่ยังไง... ชยอลก็ที่หนึ่งในใจเรานะ!



     

    ทำไมปาร์คชานยอลต้องยอมคนงุ้งงิ้งมุ้งมิ้งที่สุดในสามโลกด้วยวะครับเนี่ย? -///-








































     










     

    มุ้งมิ้งมั้ยจ้ะ

    พี่อี้ฟานนี่นอกจากจะมุ้งมิ้งบอยแล้ว
    นางยังเป็นมนุษย์หยอดบอยด้วย
    หยอดตลอด จีบตลอด หวานตลอด
    แต่งเองเขินเอง อยากได้เอง
     #ชยอลตบคว่ำ
     

    อ่านแล้วอย่าลืมคอมเม้นท์หรือติดแท็กนะจ้ะ

    เม้นท์ขึ้นไว กำลังใจมา อัพไวนะจ้ะ


    #ฟิคมุ้งมิ้ง






     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×