llSFll Lost..Love
คนที่เคยอยู่ข้างกัน วันที่รู้ว่าสำคัญกว่าใคร ก็นาทีที่เรียกยังไง ไขว้คว้าเท่าไหร่ก็ไม่ได้กอดอีกแล้ว [**Complete**]
ผู้เข้าชมรวม
3,204
ผู้เข้าชมเดือนนี้
8
ผู้เข้าชมรวม
เนื้อเรื่อง
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
Lost Love…
เกิดอยากได้เธอคืนมา...หวงวันเวลาของเราทันที
กล้าทำทุกอย่าง...ทั้งๆที่มันไม่ดี ไม่แคร์ว่าของใคร
อยากให้เข้าใจอาการผู้หญิงคนนึงที่ตามรังควานให้วุ่นวาย
อยากกอดคนที่โยนทิ้งไป..อยากทำวันนี้..ให้ดีเท่าไหร่
...ก็ไม่มีทางได้ทำ…
“แกเป็นอะไรของแกห๊ะมินโฮ ชั้นเห็นแกเอาแต่ถอนหายใจกับกดโทรศัพท์มานานแล้วนะ”
ทงเฮหันมามองคนเป็นน้องที่จดจ่อกับโทรศัพท์มือถือในมือก่อนจะหันกลับไปมองทางข้างหน้าต่อ วันนี้เป็นวันแรกที่เขาจะได้ทำการสอนที่มหาวิทยาลัยที่น้องชายคนเล็กกำลังศึกษาอยู่ มินโฮหันมามองหน้าพี่ชายด้วยสีหน้าที่เบื่อหน่ายเต็มทนก่อนจะกดโทรศัพท์ในมืออีกครั้งแล้วก็ต้องถอนหายใจอีกรอบเมื่อคนปลายสายไม่ยอมรับ
“ทำไมพี่ยุนอาไม่ยอมรับสายผมซะทีนะ” เด็กหนุ่มโอดครวญถึงรุ่นพี่สาวระดับดาวคณะที่เขากำลังหลงใหลได้ปลื้มอยู่ ใบหน้าหล่อแฝงไปด้วยความแคลงใจในตัวพี่สาวคนสวยพลางนึกถึงคำเตือนของเพื่อนๆในเรื่องความขี้เบื่อของรุ่นพี่ยุนอา
ทงเฮได้แต่ส่ายหน้ากับพฤติกรรมของน้องชาย ยุนอา ตั้งแต่เขากลับมาเจ้าน้องชายตัวดีเอาแต่พูดถึงชื่อนี้จนเขาเบื่อแทบไม่อยากจะได้ยินมันอีกเลย ชายหนุ่มเลิกสนใจความไร้สาระของน้องชายแล้วตั้งหน้าตั้งตาขับรถไปยังที่ทำงานใหม่ของเขาพลางนึกถึงสิ่งที่เขาเตรียมมาสอนในวันแรก
ซันนี่นั่งมองโทรศัพท์เครื่องหรูของเพื่อนสาวที่แผดเสียงเรียกให้เจ้าของกดรับ ชื่อที่ปรากฎอยู่หน้าจอนั่นคือชื่อของเด็กหนุ่มรุ่นน้อง คู่ควงคนล่าสุดของเพื่อนสนิท แทนที่มือบางจะกดรับแต่กลับเหวี่ยงมันลงในกล่องเก็บของด้านหน้ารถโดยเจ้าโทรศัพท์นั่นไม่ได้รับความสนใจจากหญิงสาวเลยซักนิด
“นี่ คุณหนูอิม ทำไมเธอไม่รับๆไปให้มันจบๆล่ะ ชั้นหนวกหูนะรู้ไม๊”
ยุนอาหันมามองค้อนเพื่อนซี้หนึ่งทีก่อนจะหันไปมองภายนอกรถอย่างเบื่อหน่ายระหว่างที่รอสัญญาณไฟแล้วเอ่ยบอกเพื่อนรักเบาๆ
“ชั้นไม่รู้จะบอกเลิกมินโฮยังไงนี่ ก็ชั้นไม่อยากจะคุยกับเขาแล้วอ่ะ เอาแบบนี้แหละดีแล้ว เดี๋ยวเค้าเบื่อก็เลิกโทรมาเองล่ะ”
ซันนี่ส่ายหน้ากับเหตุผลที่ฟังไม่ขึ้นเอาซะเลยของเพื่อนสาว คนที่เท่าไหร่แล้วสำหรับยุนอาที่คบๆเลิกๆ แม้แต่คนที่เธอคิดว่าดีที่สุด เหมาะสมกับเพื่อนเธอที่สุดอย่างรุ่นพี่คยูฮยอนยังถูกคุณหนูคนสวยเขี่ยทิ้งด้วยวิธีแบบเดียวกันนี้
“เมื่อไหร่เธอจะเลิกทำตัวแบบนี้ซะทีนะยุนอา รู้หรือเปล่าว่าคนเค้ามองว่าเธอเป็นแม่คาสโนวี่ประจำมหาลัยไปแล้วนะ สักวันเถอะเธอจะโดนเอาคืน”
เสียงเตือนจากเพื่อนรักแทบไม่ได้เข้าไปกระทบกับโสตประสาทของคุณหนูอิมยุนอาคนสวยแม้แต่น้อยเพราะดวงตากวางกลับจดจ้องอยู่ที่ชายหญิงคู่หนึ่งที่กำลังเดินเข้าไปในร้านอาหารอิตาลีชื่อดัง รูปร่างผู้ชายที่คุ้นตา เจ้าของใบหน้าหล่อเหลาที่ทำให้เธอคิดถึงอ้อมกอดอบอุ่นของเขา ‘พี่คยูฮยอน’ ยุนอามองชายหนุ่มที่ดูยังไงเขาก็ยังคงเหมือนเดิมคือสุภาพและอ่อนโยนจนบางครั้งก็แอบน่าเบื่อสำหรับเธอ
“ยุนอา ไฟเขียวแล้ว” ซันนี่ร้องบอกเพื่อนเสียงแจ๋ว คนขับหันกลับมามองข้างหน้าแล้วหักพวกมาลัยกลับรถทันทีที่รถหรูเคลื่อนตัวไปข้างหน้า “นี่เธอจะไปไหนเนี่ยยัยยุน”
ยุนอาไม่ยอมตอบคำถามของคนเป็นเพื่อน แต่เธอจอดรถหน้าร้านอาหารเจ้าประจำก่อนจะดับเครื่องแล้วหยิบกระเป๋าหรูขึ้นมาคล้องแขน
“เดี๋ยวสิยัยยุน วันนี้เปิดเรียนนะยะ เธอคิดจะโดดตั้งแต่วันแรกเลยรึไง แล้วอีกอย่างวิชานี้ได้ข่าวว่ามีอาจารย์มาใหม่ด้วยนะ”
คิ้วเรียวขมวดมุ่นพลางหันมามองเพื่อนอย่างเคืองๆ หญิงสาวยักไหล่พลางยื่นกุญแจรถให้เพื่อนรักก่อนจะเดินลงจากรถไปอย่างไม่สนใจอะไรนอกจากจะตามคนที่เพิ่งเดินเข้าไปในร้านนั้น ซันนี่มองกุญแจรถในมือก่อนจะเปลี่ยนมานั่งแทนที่ตรงคนขับแล้วขับรถออกไปยังมหาวิทยาลัย
“ชั้นไม่เก่งและก็ไม่ฉลาดเหมือนเธอนะยัยคุณหนูอิม ชั้นขอไปเรียนก่อนละกัน”
คยูฮยอนยื่นเมนูให้หญิงสาวสวยตรงหน้าเพื่อให้เธอเป็นคนเลือกเมนูอาหารมื้อนี้ เจสสิก้ารับมาพลิกเปิดมองหาเมนูที่เขาชอบก่อนจะสั่งมาสองชุด
“คุณมาร้านนี้บ่อยหรือเปล่าคะ” หญิงสาวเอ่ยถามเมื่อเห็นเขาค่อนข้างคุ้นเคยกับพนักงานในร้าน คยูฮยอนยิ้มนิดๆพลางนึกถึงผู้หญิงคนหนึ่งที่มักชวนเขามาทานอาหารที่นี่บ่อยๆเพราะเป็นร้านโปรดของเธอ
“แล้วคุณชอบหรือเปล่า”
เจสสิก้าพยักหน้ารับ บรรยากาศในร้านค่อนข้างเงียบและคนไม่เยอะทำให้ดูเป็นส่วนตัวถึงแม้เธอจะไม่ชอบอาหารอิตาเลี่ยนซะเท่าไหร่แต่ก็ไม่ถึงกับว่าทานไม่ได้
“เชฟที่นี่ฝีมือสุดยอดเลยนะ แต่ไม่รู้ว่าคนเดิมยังอยู่รึเปล่า”
“ยังอยู่สิคะ” เสียงหวานที่คุ้นหูทำให้ชายหนุ่มต้องเหลียวไปมองทันที ตาคมเบิกกว้างกับภาพหญิงสาวที่ยืนยิ้มหวานให้เขาแล้วเผื่อแผ่ไปยังหญิงสาวอีกคนด้วย
“สวัสดีค่ะพี่คยู”
คยูฮยอนมองคนตรงหน้าด้วยความรู้สึกที่บอกไม่ถูก ทั้งดีใจที่ได้เจอเธอ ทั้งยังรู้สึกเจ็บปวดอยู่ลึกๆแถมยังรู้สึกเกรงใจหญิงสาวที่เขาพามาอีกด้วย ยุนอาถือวิสาสะนั่งลงข้างๆรุ่นพี่หนุ่มโดยมีสายตาของอีกคนมองมาอย่างแปลกใจ
“สวัสดีครับยุน” เสียงทุ้มนุ่มพร้อมกับรอยยิ้ม “เอ่อ เจสครับ นี่ยุนอาเป็นรุ่นน้องของผมที่มหาวิทยาลัย ยุนอา นี่พี่เจสสิก้า แฟนพี่เอง”
“ยินดีที่ได้รู้จักค่ะ” เสียงใสของคนที่เด็กกว่าแกล้งเอ่ยขึ้นก่อนบวกกับการแสร้งเผยรอยยิ้มกว้างที่ยิ่งเสริมให้ใบหน้าสวยนั้นดูน่าหลงใหล ทำให้เจสสิก้าอดยิ้มตามไม่ได้ แต่ก็แอบสะกิดใจเล็กน้อยกับชื่อของเด็กสาวว่าใช่คนเดียวกันกับที่น้องชายของเธอพร่ำเพ้อถึงรึเปล่า
“เช่นกันจ้ะ”
“ยุนไม่มีเรียนเหรอ แล้วนี่ทำไมมาคนเดียวล่ะ”
คยูฮยอนเอ่ยถามอย่างแปลกใจ ถึงแม้จะยุนอาจะตัดขาดการติดต่อจากเขา แต่ก็ใช่ว่าเขาจะไม่สนใจในข่าวคราวของเธอ ที่สำคัญข่าวล่าสุดที่ได้ยินก็เกี่ยวข้องกับน้องของหญิงสาวที่นั่งตรงกันข้ามกับเขานั่นเอง ซึ่งดูเหมือนยุนอาเองก็ไม่รู้ถึงความสัมพันธ์ของคู่พี่น้องอย่างเจสสิก้ากับมินโฮจึงตอบออกมาได้น่าหมั่นไส้สำหรับเขา
“พี่คยูจะให้ยุนมากับใครละคะ ก็ในเมื่อตอนนี้ยุนไม่มีใครซะหน่อย”
คยูฮยอนมองคนพูดที่ทำหน้าเศร้าก่อนจะหันไปมองคนตรงข้ามอย่างรู้กันพลางยิ้มเย็นๆออกมา พอดีกับที่พนักงานนำอาหารมาเสิร์ฟ คยูฮยอนจึงหันมาหาร่างบางที่เพิ่งมาใหม่ข้างๆเขา
“แล้วยุนทานอะไรมารึยัง”
เขาเห็นยุนอาส่ายหน้าน้อยๆจึงสั่งอาหารให้อย่างเคยชิน เจสสิก้าที่เอะใจนิดหน่อยก็ได้แต่เก็บเอาไว้ในใจ
“พักนี้เราไม่ค่อยได้คุยกันเลยนะคะ” คนตัวเล็กที่อมยิ้มกับการที่เขายังเอาใจใส่เธอเหมือนเดิมเอ่ยชวนเขาพูดคุยโดยที่มีหญิงสาวอีกคนนั่งฟังอยู่เฉยๆ
“พี่ไม่เคยเปลี่ยนเบอร์”
คำตอบของชายหนุ่มทำเอาคนตัวเล็กหน้าเจื่อน เพราะความหมายของมันก็คือเธอต่างหากที่เป็นฝ่ายไม่ยอมติดต่อเขา และเมื่อพนักงานนำอาหารมาวางตรงหน้ายุนอา ก็เป็นอีกครั้งที่ทำให้เจสสิก้ารู้สึกตะขิดตะขวงใจกับการกระทำของคนที่ขึ้นชื่อว่าแฟนของเธอ คยูฮยอนหยิบจานอาหารนั้นมาจัดการเขี่ยหอมหัวใหญ่ที่คนตัวเล็กไม่ชอบออกให้แล้วเลื่อนไปให้ตรงหน้าเธอ
“ขอบคุณค่ะ พี่คยูยังจำได้อีกว่ายุนไม่ชอบ”
คำชมของหญิงสาวทำเอาคยูฮยอนยิ้มกว้างแต่ก็ต้องหน้าเจื่อนเมื่อหันมาสบตากับแฟนสาวที่ยิ้มให้เขา เจสสิก้าคิดเข้าข้างตัวเองว่าเขาแค่มีน้ำใจก็เท่านั้น ทั้งสามนั่งทานอาหารไป คุยกันไปโดยที่ส่วนใหญ่คนที่ชวนคุยก็คือยุนอาที่มักจะพูดถึงเรื่องสมัยก่อนของเธอกับเขา ทำให้เจสสิก้าที่นั่งฟังเงียบๆรู้ว่าหญิงสาวคนนี้เองคือคนที่เคยทำให้แฟนหนุ่มของเธอเจ็บแทบเจียนตาย และรายต่อไปก็คงไม่พ้นน้องชายของเธอเป็นแน่
ทงเฮเดินยิ้มเข้ามาในชั้นเรียนที่เต็มไปด้วยนักศึกษาอย่างมั่นใจพลางกวาดตามองไปรอบๆแล้วมองบรรดานักศึกษาที่นั่งอยู่ในห้องสลับกับรายชื่อในมือจนกระทั่งเห็นชื่อหนึ่งที่คุ้นสะดุดตา
อิมยุนอา
เขาเงยหน้าขึ้นมองหานักศึกษาหญิงที่คิดว่าน่าจะใช่จนไปหยุดอยู่ที่หญิงสาวตัวเล็กที่ดูดีที่สุดในคลาสอย่างสนใจ เขาแนะนำตัวเองก่อนจะเช็คชื่อนักศึกษาที่มาเข้าเรียน จนกระทั่งถึงชื่อของเด็กสาวคนนั้น คิ้วหนาขมวดเป็นปมเมื่อเธอคนนั้นไม่ใช่คนที่เขาคิดไว้
“อิมยุนอา”
บรรยากาศในห้องเงียบไม่มีเสียงขานรับ ทงเฮรู้สึกหงุดหงิดใจอย่างประหลาดแกมเคืองใจที่เธอกล้าโดดเรียนในชั่วโมงแรกของเขา
“ในนี้มีใครสนิทกับอิมยุนอาบ้าง”
ทุกคนในห้องต่างก็ชี้ไปที่เด็กสาวร่างเล็กคนนั้นทันที ประกอบกับตัวเธอเองก็ค่อยๆลุกขึ้น
“หนูเองค่ะอาจารย์”
“ถ้าอย่างนั้นฝากบอกให้เค้าไปพบอาจารย์ด้วยนะลีซุนกยู”
ซันนี่รับคำก่อนจะนั่งลงตามเดิม ทงเฮถอนหายใจออกช้าๆก่อนจะเริ่มการสอนต่อไป ทั้งๆที่รู้สึกขุ่นมัวในใจอย่างไม่มีสาเหตุ ไม่อยากคิดโทษว่าเป็นเพราะเจ้าของชื่อนั่นเลยจริงๆ
“จอดรถไว้ที่ไหนล่ะยุน” คยูฮยอนเอ่ยถามเมื่อเดินออกมาจากร้าน ยุนอาส่ายหน้าช้าๆก่อนจะตอบ
“พอดีซันนี่ยืมรถยุนไปใช้น่ะค่ะ แต่ไม่เป็นไรเดี๋ยวยุนนั่งแท๊กซี่ไปมหาลัยก็ได้ ใกล้ๆแค่นี้เอง”
คยูฮยอนมองดูนาฬิกาข้อมือก่อนจะมองหน้าแฟนสาวเพื่อขอความเห็น เจสสิก้ายิ้มให้ก่อนจะเสนอความคิดที่ทำให้เด็กสาวต้องแอบลอบยิ้มกว้าง
“ถ้างั้นคุณไปส่งชั้นก่อนก็ได้ค่ะคยู แล้วค่อยไปส่งน้องยุนเค้าแล้วก็เลยไปทำงานต่อเลย จะได้ไม่ต้องเสียเวลาย้อนไปย้อนมา ดีไหมจ๊ะ” เจสสิก้าบอกกับแฟนหนุ่มแล้วหันมาถามยุนอาตบท้ายซึ่งแน่นอนว่าเธอต้องแสร้งทำเป็นเกรงใจ
“ไม่เป็นไรค่ะ ลำบากพวกพี่เปล่าๆ”
“ไม่ลำบากหรอกจ้ะ จริงไหมค่ะคยู” หญิงสาวหันไปหาแฟนหนุ่มที่ยิ้มให้แล้วพยักหน้ารับคำพูดของเธอ
“งั้นยุนรบกวนด้วยนะคะ”
คยูฮยอนเปิดประตูรถด้านหน้าให้แฟนสาวก่อนจะเปิดประตูด้านหลังให้กับยุนอาที่ยิ้มหวานให้เขาแทนคำขอบคุณ ชายหนุ่มยิ้มตอบแล้วเดินอ้อมไปประจำที่นั่งคนขับแล้วออกรถไป ไม่นานนักเขาก็จอดหน้าตึกบริษัทที่เจสสิก้าทำงานอยู่
“เดี๋ยวตอนเย็นผมจะมารับนะ”
เจสสิก้ายิ้มพร้อมกับพยักหน้ารับคำก่อนจะหันไปบอกลายุนอาที่นั่งอยู่เบาะหลังแล้วลงจากรถไป
“เจสสิก้า” เธอเดินไปจนเกือบถึงประตูแล้วหันกลับมาตามเสียงเรียกของเพื่อนสาวที่พูดแซวเธอ “แหมเดี๋ยวนี้ไปทานกลางวันกับแฟนทุกวันเลยนะ แล้ววันนี้ไปที่ไหนกันมาจ๊ะ” ทั้งคู่หันไปมองที่รถของคยูฮยอนอีกครั้งประจวบกับที่ยุนอาลงจากเบาะด้านหลังมานั่งข้างคนขับแทน
“นั่นใครน่ะเจส”
“รุ่นน้องของคยูน่ะ”
“ผู้หญิงซะด้วย แล้วดูนั่นสิ” เพื่อนสาวชี้ชวนให้เธอดู เมื่อมองไปเห็นแฟนหนุ่มของเธอกำลังหยอกล้อยุนอาด้วยการยกมือขึ้นมาโยกศีรษะเล็กนั่นไปมาอย่างสนุกสาน
“ไม่มีอะไรหรอกน่า ไปเถอะเดี๋ยวก็โดนบอสดุหรอก” เจสสิก้าพูดบอกเพื่อนสาวพลางบอกกับตัวเองด้วยว่ามันไม่มีอะไร
เธอต้องเชื่อใจเขา เธอต้องเชื่อใจคยูฮยอน
“อื้อ พี่คยูอ่ะ เดี๋ยวผมยุนก็ยุ่งหมด” หญิงสาวเบี่ยงตัวหลบมือเขาก่อนจะมองค้อนใส่อย่างน่ารัก คยูฮยอนหัวเราะขำกับท่าทางของเธอที่นานแล้วเขาไม่ได้เห็นมัน
“ก็เราอยากเห็นพี่เป็นคนขับรถทำไมล่ะ”
“หือ ยุนหวังดีหรอกนะคะ ยุนกลัวว่าพี่เจสเค้าจะเข้าใจผิดนี่”
“ไม่หรอก เจสเค้าเชื่อใจพี่ แล้วอีกอย่างตอนนี้พี่กับยุน” คยูฮยอนมองหน้าคนตัวเล็กที่กำลังมองเขาตาแป๋วก่อนจะเบือนหน้าหลบสายตานั่นแล้วพูดต่ออย่างชัดเจน
“เราก็เป็นแค่พี่น้องกัน”
ดวงตากวางคู่นั้นสั่นระริกกับคำพูดที่ย้ำชัดของชายหนุ่ม ยุนอาที่แม้จะบอกกับตัวเองว่าแค่อยากจะแกล้งพวกเขาเท่านั้น แต่ก็อดหวั่นไหวกับคำบอกกล่าวของรุ่นพี่หนุ่มไม่ได้ทำให้หญิงสาวนั่งเงียบไปตลอดทางจนถึงมหาวิทยาลัย
“ขอบคุณที่มาส่งนะคะ” เสียงหวานสั่นน้อยๆจนคยูฮยอนรู้สึกผิดปกติ มือหนาคว้าข้อมือเธอเอาไว้ก่อนจะเอ่ยถามอย่างเป็นห่วง
“เป็นอะไรรึเปล่ายุนอา” ยุนอาเสยิ้มกว้างให้เขาก่อนจะค่อยๆแกะมือของเขาออกแล้วลงจากรถไป คยูฮยอนมองตามไปด้วยความรู้สึกที่บอกไม่ถูก ภาพรอยยิ้มหวานๆของคนที่เพิ่งลงจากรถไปถูกซ้อนทับด้วยใบหน้าของหญิงสาวอีกคนที่ทำให้เขายิ่งรู้สึกลำบากใจก่อนจะเคลื่อนรถออกไปช้าๆ
ยุนอาที่แอบยืนดูอยู่มองตามรถของคยูฮยอนไปอย่างไม่ที่เข้าใจตัวเอง น้ำตาที่ปริ่มขอบตาเริ่มเอ่อไหลลงมาบนแก้มเนียนนั่นก่อนที่เธอจะใช้ปลายนิ้วเรียวค่อยๆปาดหยดน้ำตาทิ้งแล้วหมุนตัวเดินเข้ามารอเพื่อนรักอยู่ที่ม้านั่งใกล้ๆห้องเรียน
ซันนี่เดินแกมวิ่งเข้ามาหาเพื่อนรักที่นั่งรออยู่ มือบางยื่นไปรับกุญแจรถที่เพื่อนส่งคืนให้
“ยัยยุนเป็นอะไรรึเปล่า” เพราะเป็นเพื่อนกันมาตั้งแต่เด็กไม่มีอะไรที่ซันนี่จะดูเพื่อนไม่ออกเมื่อเธอดูเงียบขรึมไปอย่างเห็นได้ชัด แต่ยุนอาส่ายหน้าปฏิเสธพลางยิ้มให้นิดๆ สาวร่างเล็กจึงไม่เซ้าซี้ถามต่อ
“เออจริงสิ” เมื่อสายตาบังเอิญไปเห็นอาจารย์หนุ่มรูปหล่อเข้าทำให้ซันนี่นึกขึ้นมาได้
“อาจารย์ทงเฮคะ” หญิงสาวร้องเรียกอาจารย์หนุ่มพลางฉุดกระชากลากดึงมือเพื่อนเข้าไปหาเขาตามคำสั่ง “นี่อิมยุนอาค่ะ ยัยยุนนี่อาจารย์ทงเฮที่สอนวิชาเมื่อเช้านี้”
ทงเฮมองสำรวจหญิงสาวสวยตรงหน้า เขาไม่แปลกใจเลยที่น้องชายของเขาจะเป็นเอามากขนาดนั้นในเมื่อเธอสวยสมกับตำแหน่งดาวคณะ เช่นเดียวกันกับยุนอาที่กำลังมองดูเขาอย่างประหลาดใจที่อาจารย์คนใหม่ดูหนุ่มกว่าที่เธอคิดไว้ ซันนี่กระตุกแขนเพื่อนให้เอ่ยทักทายอาจารย์ตามมารยาท
“สวัสดีค่ะอาจารย์”
“อืมม ปีสุดท้ายของเธอแล้วนะ อย่าโดดเรียนแบบนี้บ่อยๆล่ะ คลาสต่อไปผมหวังว่าจะเห็นคุณเข้าเรียนนะ คุณอิมยุนอา” ชายหนุ่มพูดบอกเสียงดังจนคนที่อยู่รอบๆมองมาตรงที่พวกเขายืนอยู่แล้วเดินชิ่งหนีไปทิ้งให้ยุนอายืนหน้าเหวอ ก่อนจะหันมามองหน้าเพื่อนอย่างต้องการคำอธิบาย ซันนี่ก็ได้แต่ยิ้มแหยๆให้เพื่อนรักแล้วเฉไฉชวนเพื่อนไปจากตรงนี้
“ไปกันเถอะยัยยุน ใกล้จะได้เวลาเรียนอีกวิชาแล้ว”
ยุนอาเดินตามแรงลากจูงของเพื่อนสาว ทั้งๆที่ยังฉุนตาอาจารย์คนนั้นไม่หาย อย่าให้เจออีกนะเธอจะเหวี่ยงใส่ให้เอ๋อไม่ต่างไปจากที่เขาทำให้เธอเสียหน้าเลยคอยดู
เจสสิก้าวางแก้วกาแฟลงตรงหน้าแฟนหนุ่มแล้วหยิบอีกแก้ววางลงตรงหน้าพี่ชายของเธอก่อนจะนั่งลงข้างๆเขาพลางออดอ้อนคลอเคลียกับแขนแกร่งของพี่ชายราวกับแมวน้อยจนคนที่นั่งมองอยู่อย่างคยูฮยอนอดอมยิ้มกับภาพที่เห็นไม่ได้
“ไปสอนวันแรกเป็นยังไงบ้างคะอาจารย์ทงเฮ”
ทงเฮหัวเราะหึหึเมื่อคนเป็นน้องสาวเอ่ยถาม ทำไมเขากลับนึกถึงใบหน้าของลูกศิษย์สาวสวยที่บังอาจโดดเรียนวิชาของเขาตั้งแต่วันแรก ‘อิมยุนอา’ ทั้งๆที่ก่อนหน้านี้เขาสุดแสนจะเบื่อชื่อนี้ยามได้ยินเจ้ามินโฮมันคร่ำครวญหา แต่ทว่าหัวใจของอาจารย์หนุ่มตอนนี้กลับเต้นแรงเมื่อนึกถึง
Rrrrrrrrrrrrrrr
คยูฮยอนมองชื่อคนที่โทรเข้ามาก่อนจะขอตัวออกไปรับโทรศัพท์ข้างนอกโดยมีสายตาของแฟนสาวมองตามไป เจสสิก้าไม่อยากคิดอะไรที่ทำให้รู้สึกบั่นทอนความรักของเธอกับเขา แต่พอหลังจากที่ยุนอาปรากฎตัวแล้วหัวใจของเธอกลับหวั่นไหว ทงเฮแอบสังเกตเห็นความผิดปกติของน้องสาว มือหนาเลื่อนขึ้นมากุมมือเธอแล้วมองใบหน้าสวยที่ดูกังวลราวกับจะถามแต่กลับได้รอยยิ้มเจื่อนๆมาแทน
“กลับมาแล้วครับ” ทั้งคู่หันไปมองน้องชายคนเล็กที่เดินเข้ามาใกล้ ทงเฮแปลกใจกับท่าทางของมินโฮที่ดูต่างจากเมื่อเช้าโดยสิ้นเชิง รึว่าจะดีกันแล้ว
“เขารับโทรศัพท์แล้วรึยังไง อารมณ์ดีมาเชียว”
“พี่หมายถึงพี่ยุนอาเหรอฮะ ไม่ใช่หรอกฮะ ผมมีคนมาดามใจให้แล้วต่างหาก ส่วนพี่ยุนอาน่ะได้ข่าวว่าเขาจะกลับไปคบกับรุ่นพี่ที่จบไปแล้วน่ะ”
“ง่ายเนอะ”
“หือ พี่ทงเฮว่าอะไรนะคะ”
“ก็รักง่าย เบื่อง่าย เปลี่ยนคนง่ายอย่างกับกระดาษทิชชู่”
“โอ้โห พี่พูดอย่างนี้ เดี๋ยวเค้าก็หาว่าเป็นตาแก่หรอก”
“เดี๋ยวนะมินโฮ เมื่อกี้เธอบอกว่ายุนอาจะกลับไปคบกับใครนะ”
“แฟนเก่าที่เป็นรุ่นพี่น่ะฮะ แต่ผมเองก็ไม่เคยเจอนะ” มินโฮพูดจบก็เดินขึ้นห้องตัวเองไป เจสสิก้ามองออกไปยังจุดที่แฟนหนุ่มกำลังยืนคุยโทรศัพท์อยู่ รอยยิ้มที่ปรากฎบนใบหน้าหล่อเหลายิ่งทำให้เธอหวาดหวั่น มือบางสั่นเล็กน้อยแต่คนเป็นพี่ที่นั่งอยู่ใกล้กันก็รู้สึกได้
“มีอะไรจะเล่าให้พี่ฟังรึเปล่า”
เจสสิก้ามองหน้าพี่ชายอีกครั้งก่อนจะพยักหน้าเล็กน้อยแล้วเริ่มเล่าเรื่องเมื่อเช้าให้เขาฟัง ทงเฮรู้สึกหงุดหงิดใจเมื่อเธอคนนั้นเข้ามาเกี่ยวข้องกับแฟนของน้องสาวเขาอีกแล้วและก่อนที่เขาจะให้คำปรึกษา ชายหนุ่มที่เป็นว่าที่น้องเขยก็เดินเข้ามาเสียก่อน เขาจึงขอตัวขึ้นห้องไปเมื่อเห็นว่าคนทั้งคู่น่าจะต้องคุยกันเอง
เมื่อลับร่างหนาของพี่ชาย คยูฮยอนเห็นว่าเจสสิก้ามองหน้าเขาเหมือนกับจะอยากถามแต่ไม่กล้า เขาจึงเป็นฝ่ายออกปากพูดขึ้นมาเองเพื่อแสดงความบริสุทธิ์ใจ
“ยุนอาเค้าโทรมาปรึกษาเรื่องเรียนต่อน่ะ” เจสสิก้าพยักหน้ารับ เขาจึงเล่าต่อจนหญิงสาวยิ้มให้อย่างพอใจ
“เจส ผมไม่ขออะไรมาก ขอแค่คุณเชื่อใจผมเท่านั้นก็พอ”
“ค่ะ เจสเชื่อใจคุณ”
คยูฮยอนคว้าร่างเล็กเข้ามากอดอย่างรักใคร่ เขาคิดไม่ผิดที่รักผู้หญิงคนนี้ เขาต้องขอบคุณยุนอาที่ทำให้เขาได้เจอคนที่ดีๆอย่างเจสสิก้า
“นี่ยัยยุน เธอจะรีบไปไหนอ่ะ” ซันนี่ร้องเรียกเพื่อนสาวพลางวิ่งตามไปดึงมือเธอเอาไว้หลังจากเลิกคลาสของอาจารย์ทงเฮแล้ว
“ก็ไปให้มันพ้นๆจากตรงนี้ เธอไม่เห็นเหรอว่าตาอาจารย์นั่นแกล้งชั้น”
ยุนอาสุดแสนจะโมโหอาจารย์หนุ่มที่แกล้งเรียกถามแต่เธอคนเดียวเกือบทั้งชั่วโมงเรียน ดูก็รู้ว่าเขาจงใจแกล้งเธอชัดๆ ไม่รู้ว่าเขาจะจงเกลียดจงชังเธอไปถึงไหนกันกับแค่การโดดเรียนในชั่วโมงแรกของเขา
“แหมยุนก็ อาจารย์เขาคงไม่ได้ตั้งใจ”
“แต่จงใจ”
“ว่าแต่จะไปไหนต่อเหรอยุน”
“จะไปทานข้าวกับพี่คยู จะไปด้วยกันรึเปล่า”
“ไม่ดีกว่า ชั้นมีเรียนต่ออีกวิชานึง”
เมื่อเห็นเพื่อนสาวปฏิเสธ มือบางจึงเปิดประตูรถด้านคนขับออกนั่งลงประจำที่อย่างฉุนเฉียวแล้วขับรถออกไปโดยไม่ได้สังเกตว่ามีใครบางคนที่ขับรถตามเธอมา
รถสปอร์ตหรูสีขาวเข้าจอดในที่จอดรถของร้านอาหารที่เขาชวนเธอมาพร้อมๆกับรถหรูสีดำที่มาจอดขนาบข้าง ยุนอาลงจากรถพร้อมกับรอยยิ้มหวานและสินน้ำใจเล็กน้อยให้กับพนักงานรับรถที่เปิดประตูให้ ในขณะที่คนขับรถคันที่มาจอดข้างกันก็ก้าวลงมา และเมื่อเธอเห็นหน้าเจ้าของรถคันนั้น ใบหน้าสวยหุบยิ้มลงแทบจะทันที
“อ้าว นึกว่าใคร คุณลูกศิษย์คนสวยนี่เอง ไม่บอกล่ะจะได้มาด้วยกัน”
“ไม่เป็นไรค่ะ ขับรถมาเองสะดวกใจกว่า ขอตัวนะคะ” ยุนอากล่าวตอบไปอย่างถือดี ทงเฮมองดวงหน้าเรียวที่เชิดใส่อย่างอารมณ์ดีพลางนึกถึงคำชวนของว่าที่น้องเขย
‘ทานกลางวันด้วยกันนะครับพี่ทงเฮ ผมมีรุ่นน้องจะแนะนำให้รู้จัก พอดีเขาอยากปรึกษาเรื่องเรียนต่อโทน่ะครับพี่’
เพราะเขารู้ว่ารุ่นน้องที่คยูฮยอนพูดถึงก็คือหญิงสาวคนนี้ แล้วเรื่องอะไรที่เขาจะปฏิเสธ
‘อยากรู้ว่าจะแน่แค่ไหนแม่คาสโนวี่ ลองมาเจอกับป๋าซักตั้ง’
คยูฮยอนที่กำลังตักอาหารให้แฟนสาวต้องเงยหน้ามองตามสายตาของเจสสิก้าที่ยิ้มต้อนรับคนที่เพิ่งมาถึง
“ขอโทษนะคะที่ยุนมาช้า พอดีเจอคนบ้าอยู่แถวๆที่จอดรถน่ะค่ะ”
ยุนอานั่งลงตรงกันข้ามกับชายหนุ่มพลางยิ้มหวานให้อย่างประจบ สองหนุ่มสาวยิ้มให้อย่างเข้าใจ
“ไม่เป็นไรจ้ะ เราก็เพิ่งมาถึงเหมือนกัน แล้วอีกอย่างยังมีคนมาสายกว่าน้องยุนอีก นั่นไงมาแล้ว”
ยุนอาที่หันกลับไปมองตามถึงกับตาค้างเมื่อคนที่เจสสิก้าพูดถึงคือคนเดียวกับคนบ้าที่เธอบอก ทงเฮนั่งลงข้างๆหญิงสาวที่หน้ามุ่ยลงทันที
“อ้าว โลกเรานี่มันกลมจังเลยเนอะ”
“เอ๊ะ สองคนนี่รู้จักกันเหรอคะ” เจสสิก้าชี้นิ้วไปที่สองคนที่นั่งตรงข้ามพลางมองหน้าผู้เป็นพี่ชายอย่างแปลกใจ
“นั่นสิ ยุนรู้จักพี่ทงเฮด้วยเหรอ นี่ไง คนที่พี่จะให้เป็นที่ปรึกษาเรื่องเรียนต่อให้ยุนน่ะ”
“อ้อ พอดีคุณอิมยุนอาเขาลงเรียนคลาสที่พี่สอนน่ะ”
“ว้าวววว ดีจังเลยนะคะคยู ที่แท้ก็คนกันเองทั้งนั้นเลย” เจสสิก้าเอ่ยขึ้นอย่างดีใจ คยูฮยอนยิ้มรับคำของแฟนสาวพลางมองหน้าของรุ่นน้องอย่างเป็นห่วง เมื่อเห็นเธอเงียบไปจึงตักอาหารใส่จานให้อย่างเอาใจโดยมีสายตาสองคู่มองการกระทำของเขาอยู่เงียบๆ
“ไม่อร่อยเหรอ ลองนี่ดูไม๊” ทงเฮเอ่ยถามคนข้างกายที่ตักอาหารใส่ปากอย่างเนือยๆแล้วตักอาหารตรงหน้าเขาไปใส่ในจานเธอ
“เอ่อ พี่ทงเฮครับยุนเค้าไม่ชอบหอมใหญ่”
คยูฮยอนยื่นช้อนไปตักออกมาไว้ในจานของเขาแทนจนชายหนุ่มอีกคนรู้สึกเสียหน้าเล็กๆ คนเป็นน้องสาวที่เห็นพี่ชายหน้าเจื่อนจึงแกล้งอ้อนให้ตักอาหารจานนั้นให้
“แต่เจสชอบค่ะพี่ลืมแล้วเหรอ ตักให้เจสบ้างสิ” ทงเฮยิ้มแล้วจัดการตักให้น้องสาวอย่างยินดี แต่ก็แอบมองคนข้างๆเป็นระยะ
การทานอาหารดำเนินไปด้วยความเรียบร้อยและเงียบงันจนสองคนที่เป็นตัวตั้งตัวตีถึงกับเสียเซลฟ์เมื่อผิดจากที่คาดไว้ และเมื่อเสร็จสิ้นต่างก็แยกย้ายกันไป
“เป็นไงคะ ดูสิน้องยุนนิ่งไปเลย” เจสสิก้าเอ่ยกับแฟนหนุ่มเมื่อมองตามสองคนนั่นไป
“ก็ใครจะไปรู้ล่ะว่าเขาไม่ถูกกันอ่ะ” คยูฮยอนเอ่ยแก้ตัว “แต่ดูยังไงๆพี่ชายเจสก็แอบสนใจยุนอาอยู่เหมือนกันนะ”
“คยูรู้ได้ไงคะ”
“ผู้ชายด้วยกันดูกันออก พวกผู้หญิงไม่เป็นแบบนั้นเหรอ”
เจสสิก้าส่ายหน้าพลางคิดตามที่แฟนหนุ่มพูด ถ้าเป็นคนอื่นเธออาจจะมองออกก็เป็นได้ แต่สำหรับยุนอาแล้วคิดว่าเดาใจเธอได้ยากจริงๆ
“นี่ คุณอิมยุนอา” ทงเฮเรียกเธอไว้เพื่อจะพูดคุยสอบถามเกี่ยวกับเรื่องแฟนหนุ่มของน้องสาว ซึ่งอีกใจหนึ่งก็เพื่อความสบายใจของตัวเองด้วย
“มีอะไรคะอาจารย์”
“คุณคิดอะไรกับว่าที่น้องเขยของผมรึเปล่า” ชายหนุ่มเลือกที่จะใช้คำเรียกคยูฮยอนให้สะกิดใจเธอซึ่งก็ได้ผล เพราะยุนอาอึ้งไปเล็กน้อยก่อนจะเชิดหน้าตอบกลับมาอย่างถือดี
“แล้วมันเกี่ยวอะไรกับอาจารย์ล่ะคะ ในเมื่อมันเป็นเรื่องส่วนตัวของชั้นกับเค้า”
“ไม่เกี่ยวกับผมโดยตรง แต่มันก็เกี่ยวกับน้องสาวของผม”
“จะกลัวอะไรล่ะคะ ถ้าเขารักกันจริง เรื่องแค่นี้คงไม่ทำให้เลิกกันหรอกมั้ง”
“เสียดาย หน้าตาก็สวย ดูจากรถที่ขับท่าทางรวยไม่ใช่เล่น แต่ทำไมคิดได้เท่านี้ หรือว่าโรคจิตชอบแย่งแฟนชาวบ้าน” ใบหน้าหวานแดงก่ำทั้งโกรธทั้งอายที่ถูกเขาว่าแรงๆ
“นั่นมันก็เรื่องของชั้น ขอตัวก่อนนะคะ”
ยุนอาโมโหสุดขีดเดินหนีขึ้นรถแล้วขับเฉียดหน้าชายหนุ่มออกไป ทงเฮที่กระโดดหนีมองตามท้ายรถหรูไปอย่างหมั่นไส้ ก่อนจะหันกลับไปมองในร้านอาหารอีกครั้งพลางนึกถึงคำทิ้งท้ายของยุนอา เขาได้แต่ภาวนาให้ทั้งคู่มีจิตใจที่หนักแน่น เพราะดูแล้วยุนอาคงไม่หยุดอยู่เพียงเท่านี้แน่
ก๊อก ก๊อก ก๊อก
เช้าวันอาทิตย์แบบนี้ทงเฮแทบไม่อยากจะตื่นนอน แต่ก็ต้องลุกเมื่อถูกปลุกด้วยเสียงเคาะประตู ร่างหนาเดินโงนเงนไปเปิดแล้วกลับมาล้มตัวลงนอนต่อพลางหรี่ตาขึ้นดูคนที่มาปลุกเขาแต่เช้าตรู่ ร่างบางยืนเท้าสะเอวมองพี่ชายแล้วส่ายหน้าน้อยๆอย่างเบื่อหน่าย มือบางเอื้อมไปดึงแขนคนเป็นพี่ให้ตื่น
“พี่คะ วันนี้เจสต้องไปลองชุดแต่งงานนะ”
“อือ พี่รู้แล้ว เมื่อคืนเธอบอกพี่แล้วนี่”
“งั้นก็ตื่นสิคะ”
“แล้วทำไมพี่ต้องตื่นด้วยล่ะเจส พี่ไม่ได้ไปด้วยซะหน่อย”
“ก็เจสตื่นเต้นนี่ ลงไปทานอาหารเช้าพร้อมกันนะคะ นะๆเดี๋ยวเจสไปปลุกมินโฮก่อน เร็วๆนะคะคยูมารอแล้ว”
ทงเฮยิ้มเมื่อได้ยินคำบอกกล่าวของน้องสาว เขาจึงพยุงตัวขึ้นบิดขี้เกียจก่อนจะลุกเข้าห้องน้ำไป หลังจากอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จร่างหนาก็เดินลงมานั่งประจำที่ที่โต๊ะอาหารที่เพียบพร้อมไปด้วยอาหารเต็มโต๊ะ
“เจส นี่แน่ใจเหรอว่าอาหารเช้าน่ะ พี่ว่ามันกินได้ทั้งวันเลยนะ”
คยูฮยอนยิ้มกว้างเพราะพอจะรู้สาเหตุที่อาหารเต็มโต๊ะ ความตื่นเต้นทำให้หญิงสาวตื่นขึ้นมาแต่เช้ามืดแล้วก็ลงมือทำอาหารเช้าให้พี่กับน้องรวมถึงเขาทานด้วย แต่เวลาที่มีมากเกินไปทำให้ปริมาณอาหารก็มากตามไปด้วย
“กินๆไปเถอะพี่ พี่เจสเขาอุตส่าห์ทำ” มินโฮเอ่ยบอกพี่ชายทั้งๆที่เขาเองก็สะลืมสะลือ “แต่ถ้าเป็นวันแต่งงาน พี่เจสไม่ต้องมาเข้าครัวนะ”
ประโยคสุดท้ายของเจ้าน้องเล็กเรียกเสียงหัวเราะได้ครืนใหญ่ เจสสิก้าหยิกเข้าที่แก้มของชายหนุ่มอย่างมันเขี้ยวก่อนจะนั่งลงข้างๆพี่ชายคนโต ส่วนอีกด้านคือแฟนหนุ่มที่นั่งยิ้มน้อยยิ้มใหญ่อยู่
Rrrrrrrrrrrrrrrrrrrrrrrrr
เสียงโทรศัพท์ของชายหนุ่มดังขึ้น ตาคมมองดูหน้าจอก่อนจะขอตัวออกไปรับสายด้านนอกก่อนจะกลับเข้ามาขอคุยกับทงเฮเป็นการส่วนตัว
ทงเฮยื่นมือไปรับคีย์การ์ดมาถือไว้พลางมองหน้าชายหนุ่มที่ยืนหน้าเครียดอยู่อย่างงงๆ
“ผมรบกวนให้พี่ช่วยไปดูยุนอาให้หน่อย”
“ยัยเด็กนั่น มีอะไรงั้นเหรอ”
“เมื่อกี้เธอโทรมาบอกผมว่าไม่ค่อยสบาย แล้วตอนนี้แม่บ้านเธอก็ลากลับบ้าน ไม่มีใครอยู่ดูแล”
“แล้วยังไง” ทงเฮเหล่มองพลางสงสัยว่าทำไมคยูฮยอนถึงมีคีย์การ์ดห้องพักของยุนอา
“พี่ก็รู้ว่าผมไม่ว่าง ต้องไปลองชุดแต่งงานกับเจส”
“แสดงว่าถ้านายว่าง นายก็จะไปดูเองว่างั้นเถอะ”
“พี่พูดเหมือนกำลังหึงเลย ใช่ ผมก็คงจะไปดูแล้วก็จะพาเจสไปด้วย พี่ไม่ต้องห่วงหรอกผมไม่ได้คิดกับยุนแบบนั้นแล้ว”
ทงเฮชูคีย์การ์ดขึ้นมามองพลางนึกถึงหน้าเชิดๆเริ่ดๆของเจ้าของมัน
“ผมรู้ว่าพี่คิดยังไงกับยุน” คยูฮยอนมองพี่ชายของแฟนสาวด้วยสายตาที่รู้ทัน “จริงๆแล้วยุนอาก็ไม่ได้เป็นคนเลวร้ายอะไร ก็แค่คุณหนูขี้เบื่อ เอาแต่ใจก็เท่านั้นเอง”
“แต่เขารักนาย”
“ไม่ ยุนอารักใครไม่เป็น ที่พี่เห็นว่าเขาทำแบบนี้ก็เพื่อจะเอาชนะผมกับเจสแค่นั้น เพราะฉะนั้นคนที่เป็นอาจารย์อย่างพี่ก็เหมาะแล้วที่จะสอนให้เธอได้รู้จักว่ารักจริงๆมันเป็นยังไง ผมเชื่อว่าพี่ทำได้”
มือหนาตบลงบนบ่าของชายหนุ่มรุ่นพี่เบาๆก่อนจะเดินออกไปหาแฟนสาวที่ชะเง้อคอรออยู่ ทงเฮมองตามแผ่นหลังนั่นไปก่อนจะเดินไปหยิบกุญแจรถแล้วขับออกไปยังจุดหมายก็คือคอนโดหรูของยุนอา
ร่างเพรียวบางในชุดเดรสสีขาวหมุนตัวอยู่หน้ากระจก ใบหน้าสวยใสไร้การแต่งแต้ม แต่แก้มเนียนยังเจือด้วยสีชมพูระเรื่อจากเลือดฝาด ยุนอายืนยิ้มกับตัวเองในกระจกอย่างมั่นใจก่อนจะเดินไปปิดม่านให้ดูมืดไปทั้งห้อง เธอรู้จุดอ่อนของคยูฮยอนคือเป็นคนใจอ่อน และเขาก็คงไม่ปล่อยให้เธอที่ไม่สบายให้อยู่คนเดียว นั่นก็จะทำให้การลองชุดแต่งงานของพวกเขาในวันนี้ต้องล้มเลิกไป
แกร๊ก ปัง ร่างบางยกยิ้มขึ้นเมื่อได้ยินเสียงเปิดปิดประตูก่อนจะค่อยๆย่องไปแอบตรงประตูห้องนอนพลางเงี่ยหูฟังเสียงฝีเท้าที่เดินใกล้เข้ามา
ทงเฮยืนมองประตูห้องอย่างชั่งใจว่าเขาจะเปิดเข้าไปเลยหรือเคาะเรียกเธอก่อน และมือหนาก็ยกขึ้นมาเคาะที่บานประตูเบาๆ
ก๊อก ก๊อก ก๊อก
ไม่มีเสียงตอบรับกลับมายิ่งทำให้ร่างหนายิ่งร้อนรนกลัวว่าเธอจะไม่สบายจริงๆ ทั้งๆที่ตลอดทางที่ขับรถมา เขาคิดว่ามันเป็นแผนการของเธออย่างแน่นอน เขาบิดลูกบิดเปิดประตูเข้าไปในห้องที่เย็นเฉียบเพราะเครื่องปรับอากาศ ในห้องมืดสนิทเพราะแสงถูกปิดกั้นด้วยผ้าม่านหนาทึบ
แต่แล้วทงเฮก็ก้าวขาไม่ออกเมื่อถูกสวมกอดจากด้านหลัง ทำให้เขารู้ว่าสิ่งที่เขาคิดเอาไว้นั่นไม่ผิดที่ว่ามันเป็นแผนการของหญิงสาว ยุนอาเองก็รู้สึกได้ถึงความผิดปกติบางอย่างของร่างสูงตรงหน้าค่อยๆปล่อยมือแล้วถอยหลังออกมา พอดีกับที่ชายหนุ่มหันกลับมามอง
“หึหึ ผิดหวังสินะที่ไม่ใช่คยูฮยอน”
“อาจารย์เข้ามาได้ยังไง” ทงเฮชูคีย์การ์ดให้ดูพลางยิ้มเยาะ ยุนอาหน้าเสียแต่ในใจร้อนรุ่มไปด้วยความโกรธที่ถูกหลอก
“ไหนดูสิ ไม่สบายไม่ใช่เหรอ” ร่างหนาสาวเท้าเข้ามาหาพลางยื่นมือไปแตะหน้าผาก แต่มือบางกลับปัดออกไป
“สงสัยจะป่วยการเมือง มุขตื้นๆ”
“ถ้าจะมาเพื่อพูดแบบนี้ ก็กรุณากลับไปได้แล้ว ที่นี่ไม่ต้อนรับคุณ”
ชายหนุ่มหัวเราะเบาๆทำเป็นไม่สนใจแล้วแกล้งเดินสำรวจไปทั่วห้องก่อนจะหันมาแขวะใส่เจ้าของห้องอย่างหมั่นไส้
“ไหนจะห้องพักสุดหรู ไหนจะรถสปอร์ตราคาแพง ดูแล้วไม่น่าจะทำให้เป็นเด็กมีปัญหาได้เลยนะ แต่ทำไมถึงทำตัวเหมือนเด็กขาดอบอุ่นแบบนี้ล่ะ”
เหมือนคำพูดของเขาสะกิดโดนแผลในใจ ร่างบางคว้าเอานาฬิกาคริสตัลที่วางอยู่ใกล้มือปาใส่เขาทันที ทงเฮรู้สึกเจ็บแปลบที่หัวคิ้ว สักพักก็รู้สึกถึงของเหลวอุ่นที่ไหลซึมลงมา ความรู้สึกเป็นห่วงเมื่อครู่แปรเปลี่ยนเป็นความโมโหอย่างรุนแรง มือหนาตรงเข้าคว้าข้อมือของคนตัวเล็กแล้วกระชากเข้าหาตัวก่อนจะบดขยี้ริมฝีปากบางอย่างหนักหน่วง มือหนาจับคางเธอไว้เพื่อไม่ให้สะบัดหน้าหนี กำปั้นเล็กๆทุบเข้าที่หน้าอกแกร่งไม่ยั้งแต่เขากลับไม่สะทกสะท้านยิ่งมอบจูบที่ดุดันให้อย่างไม่ปราณีแม้แต่น้อย ยิ่งเธอดิ้นเท่าไหร่เขาก็ยิ่งกอดรัดร่างเธอแน่นขึ้น
“อย่าแตะต้องตัวชั้น” ประโยคแรกที่หลุดจากปากคนตัวเล็กเมื่อทงเฮถอนจูบออก ร่างบางสะดุ้งเมื่อเห็นสายตาอันน่ากลัวที่เขาใช้มองเธอ แขนแกร่งที่เต็มไปด้วยมัดกล้ามยังคงโอบกอดร่างของหญิงสาวเอาไว้
“หวงตัวเหลือเกินนะ แต่ถ้าเป็นคยูฮยอนคงนอนแผ่รอบนเตียงเลยล่ะสิท่า”
เพี๊ยะ
สิ้นคำร้ายกาจของชายหนุ่ม ฝ่ามือนุ่มก็กระทบเข้ากับแก้มสากอย่างสุดแรงที่เธอมี คนโดนตบรู้สึกเจ็บชาไปทั้งหน้า น้ำตาเม็ดใสไหลจากดวงตากวางคู่สวย แต่มันไม่ช่วยให้เขาคลายความโกรธลงไปได้ เขาประกบริมฝีปากใส่อีกครั้งอย่างรุนแรง ขบกัดริมฝีปากบางจนบวมเจ่อ ก่อนจะผละออกมาเพื่อช้อนร่างบางขึ้นอุ้มไปโยนลงบนเตียงกว้างแล้วตามลงไปคร่อมทับเอาไว้กันไม่ให้เธอหนี
มือหนาเกลี่ยปาดน้ำตาออกจากพวงแก้มใสก่อนจะโน้มลงไปพรมจูบทั่วใบหน้าหวาน ในตอนแรกเขาแค่อยากสั่งสอนเด็กดื้อก็เท่านั้น แต่ไม่รู้ทำไมเมื่อเขาได้สัมผัส ได้ลิ้มรสอันหอมหวาน เขากลับห้ามใจไว้ไม่อยู่ อยากทำมากกว่านั้นจนไม่สามารถควบคุมสติได้อีกต่อไป
“ได้โปรด อย่าทำแบบนี้” แต่ดูเหมือนคำร้องขอของยุนอาจะไม่ได้ผลเมื่อทงเฮก้มลงซุกไซร้ซอกคอขาวอย่างกระหาย กดจูบจนเป็นรอยแดงไปทั่วเนินอก ก่อนจะใช้มือหนาปลดเปลื้องเสื้อผ้าของหญิงสาวออกจนหมดและตามด้วยเสื้อผ้าของเขาจนเหลือเพียงร่างเปลือยเปล่าด้วยกันทั้งคู่
“อุ๊บ”
ริมฝีปากบางซีดถูกครอบครองอีกครั้ง ปลายลิ้นเรียวค่อยๆแทรกเข้าไปในโพรงปากอุ่นเพื่อดูดซับความหวานก่อนจะลากลิ้นลงมาตามลำคอระหงระเรื่อยไปทั่วร่างขาวเนียนจากอกอวบทั้งสองข้างเรื่อยลงมาจนถึงหน้าท้องแบนราบ ไม่นานนักยุนอาก็ค่อยๆยอมรับการปลุกเร้าและตอบสนองต่อสัมผัสจากร่างแกร่ง รอยยิ้มปรากฎบนใบหน้าเมื่อเขาแทรกผ่านบางสิ่งที่บอกให้รู้ว่าเขาคือคนแรกที่ได้ครอบครองเธอ ทงเฮจูบซับน้ำตาเพื่อบรรเทาความเจ็บปวดให้หญิงสาวอย่างนุ่มนวล แล้วเริ่มขยับเข้าออกอย่างอ่อนโยนและค่อยๆแปรเปลี่ยนเป็นรสสัมผัสที่เร่าร้อนในเวลาต่อมา ขาเรียวเกาะเกี่ยวสะโพกของร่างหนาไว้ตอบรับการเคลื่อนไหวอย่างเข้าจังหวะ สองร่างหลอมรวมเป็นหนึ่งเดียวกันจนกระทั่งบทรักนั่นจบลงอย่างสวยงามเมื่อทั้งคู่ถึงฝั่งแห่งความสุขสรรค์
คยูฮยอนเลื่อนโทรศัพท์ในมืออย่างชั่งใจ ถึงแม้จะไว้วางใจในตัวพี่ทงเฮแต่เขาก็อดที่จะเป็นห่วงไม่ได้ เขาเหม่อลอยจนกระทั่งม่านกั้นถูกรูดเปิดออกพร้อมกับร่างบางในชุดเจ้าสาวสีขาวงดงามราวกับเจ้าหญิงผู้สูงศักดิ์
“คุณคะ เจ้าสาวแต่งตัวเสร็จแล้วค่ะ” พนักงานเดินเข้ามาสะกิดที่แขนเพื่อให้เขารู้สึกตัว คยูฮยอนยิ้มเจื่อนๆก่อนจะมองไปยังภาพตรงหน้าที่สวยงามราวกับภาพวาดของจิตรกรระดับโลก เจสสิก้ายิ้มให้เขาอย่างเขินอายเมื่อเห็นสายตาของเขาที่แทบจะกลืนกินเธอทั้งตัว
“สวยไม๊คะคยู” หญิงสาวหมุนตัวให้เขาดู
“สวยครับ”
คยูฮยอนตอบอย่างเอาใจ แต่สายตายังมองโทรศัพท์ในมือจนเจสสิก้ารู้สึกแคลงใจ ร่างบางก้าวลงจากแท่นยืนเดินมาหาเขา มือบางจับเข้าที่แขนเขาเบาๆ
“มีอะไรรึเปล่าคะคยู คุณดูเครียดๆนะ”
“คือว่าผมวานให้พี่ทงเฮไปดูแลยุนอาน่ะ”
“ดูแล น้องยุนเป็นอะไรไปเหรอคะ”
“เมื่อเช้าเธอโทรมาบอกว่าไม่สบายแล้วก็ไม่มีใครอยู่ด้วย ผมเลยวานให้พี่ชายคุณไปดูเธอหน่อย แต่นี่พี่ทงเฮยังไม่ติดต่อกลับมาเลย ผมก็เลยเป็นห่วงนิดหน่อย”
“น่าอิจฉาน้องยุนนะคะ”
“เจส”
“ชั้นรู้ค่ะเพราะยุนอาเธอเป็นคนแรกที่คุณรัก ไม่แปลกที่คุณยังห่วงหาอาทรเธอ ชั้นเข้าใจ”
“ขอบคุณนะเจส ผมอยากให้คุณรู้ว่าถึงแม้ผมยังรักและเป็นห่วงยุนอา แต่คุณคือคนที่ผมจะแต่งงานและใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันไปตลอดชีวิต”
คยูฮยอนรั้งร่างบางเข้ามากอดอย่างรักใคร่ เจสสิก้าบอกไม่ถูกว่าเธอรู้สึกอย่างไรเมื่อได้ยินที่เขาพูดบอกเธอแบบนั้น
“คุณคะ จะลองชุดอื่นอีกไม๊คะ” เสียงพนักงานที่เอ่ยถามทำให้ทั้งคู่ต้องผละออกจากกัน หญิงสาวมองหน้าเขาเชิงถามความเห็น
“ผมตามใจคุณทุกอย่างเลย”
ร่างบางหมุนตัวเดินกลับเข้าไปในห้องเปลี่ยนชุด ผ้าม่านถูกรูดดึงปิดอีกครั้ง คยูฮยอนละสายตาลงมามองโทรศัพท์ในมือก่อนจะเก็บมันลงในกระเป๋าตามเดิม
ยุนอายืนรับลมเย็นๆอยู่บนดาดฟ้าของตึกคณะพลางนึกถึงครั้งแรกที่เธอได้เจอกับรุ่นพี่คยูฮยอน ที่นี่คือที่ที่มีความหลังอันหอมหวานสำหรับเธอ น้ำตาไหลรินอาบแก้ม สองมือถูกยกขึ้นกอดตัวเองเอาไว้เมื่อนึกถึงชายหนุ่มอีกคน ความเจ็บปวดที่เธอได้รับจากเขามันจะถูกถ่ายทอดไปยังคนที่เขารักเช่นกัน
คยูฮยอนมองร่างบางที่ยืนอยู่กลางดาดฟ้าอย่างห่วงใย ขายาวก้าวถี่ๆเพื่อที่จะมาถึงตัวเธอให้เร็วที่สุด หลังจากวางสายจากเธอเขาก็รีบบึ่งรถมาหาอย่างเร็วด่วนเพราะเสียงสะอื้นไห้ที่ดังไปตามสายนั่น และเมื่อเห็นใบหน้าสวยที่เปื้อนคราบน้ำตา เขารีบคว้าร่างเธอเข้ามากอดปลอบโยนในทันที
“เกิดอะไรขึ้นยุนอา”
ร่างบางไม่ตอบได้แต่ส่ายหน้าที่ซุกอยู่กับอกของเขาไปมาและเมื่อตากลมโตเห็นร่างของหญิงสาวอีกคนปรากฎอยู่หน้าที่ประตู มือบางจับประคองใบหน้าของรุ่นพี่หนุ่มแล้วโน้มเข้ามาประกบจูบอย่างดูดดื่ม ทำให้คนที่เห็นเหตุการณ์เข้าพอดีรู้สึกเจ็บแปลบกับภาพที่เห็น คำสัญญาที่เคยให้กันไว้เลือนหายไป ร่างเล็กหมุนตัวเดินกลับลงไปพร้อมกับน้ำตา ยุนอาถอนจูบออกช้าๆ ชายหนุ่มมองหน้าเธอด้วยความงุนงงในสิ่งที่เธอทำลงไป เขาคว้าไหล่บางทั้งสองข้างไว้พลางเอ่ยบอกกับคนตรงหน้า
“ยุนอา ฟังพี่ดีดีนะ พี่รักเจสสิก้า เรื่องระหว่างเรามันเป็นไปไม่ได้อีกต่อไปแล้ว จูบเมื่อกี้มันไม่ได้ทำให้พี่รู้สึกอะไรอีกต่อไปแล้ว”
หญิงสาวที่ก้มหน้าหลบสายตาเขานั่นสะอื้นเบาๆ เธอเองก็ไม่ต่างกันเพราะในขณะที่เธอจูบกับเขา ใบหน้าของคยูฮยอนกลับถูกทับซ้อนด้วยใบหน้าของใครอีกคน คนที่ในใจเธอร้องบอกว่าเกลียดเขาเหลือเกิน แต่เธอกลับโหยหาสัมผัสและความอบอุ่นจากเขามากกว่าคนตรงหน้า
“ยุนขอโทษ ยุนขอโทษ” หญิงสาวเงยหน้าขึ้นมามองเขาเต็มตาทั้งๆที่ดวงตาคู่สวยถูกกลบด้วยน้ำตาเต็มหน่วย “พี่รีบตามไปอธิบายให้พี่เจสฟังเถอะ”
“เจส เกี่ยวอะไรกับเจส”
“ยุนส่งข้อความให้พี่เขามาที่นี่ แล้วพี่เจสเค้าก็เห็นเรา ยุนขอโทษ” ร่างบางทรุดลงนั่งกับพื้นปล่อยโฮออกมาอย่างสุดกลั้น คยูฮยอนถอนหายใจอย่างหนักอกก่อนจะรีบวิ่งตามแฟนสาวไป
เจสสิก้าวิ่งลงบันไดมาอย่างเร็วจนกระทั่งสะดุดขาล้มลงจนข้อเท้าพลิกต้องนั่งลงกับขั้นบันได น้ำตาใสรินไหลออกมาเพราะความเจ็บทั้งกายทั้งใจ ทงเฮที่กำลังตามขึ้นไปหลังจากได้รับข้อความจากน้องสาวเลยมาเจอเธอเข้าพอดี
“เจส เป็นอะไร”
ร่างบางโผเข้ากอดพี่ชายแน่นพลางปล่อยโฮออกมา มือหนาลูบหลังน้องสาวอย่างปลอบโยนก่อนจะเงยหน้าไปเห็นชายหนุ่มอีกคนที่กำลังวิ่งตามลงมา
“เกิดอะไรขึ้น” ทงเฮเอ่ยถามเสียงแข็งเอาคำตอบจากร่างสูงที่นั่งลงข้างๆแฟนสาว
“เรื่องเข้าใจผิดกันนิดหน่อยครับพี่”
“แล้วยุนอาล่ะ” คยูฮยอนชี้ขึ้นไปด้านบน ทงเฮพยักหน้ารับก่อนจะผละร่างของน้องสาวออกมา จากข้อความที่เจสสิก้าส่งไปให้เขาก็พอจะเดาได้ว่ายุนอาคิดจะทำอะไร
“ไหนๆจะแต่งงานกันอยู่แล้ว คุยกันให้รู้เรื่องซะ ส่วนยัยตัวแสบนั่น พี่จะจัดการเอง” พูดจบชายหนุ่มก็เดินขึ้นบันไดไปปล่อยให้สองคนที่เหลืออยู่คุยปรับความเข้าใจกัน
“เจส”
หญิงสาวหันมาตามเสียงเรียกแล้วโผกอดเขาไว้อย่างหวงแหน
“เจสขอโทษ ทั้งๆที่คยูบอกเจสเสมอว่าให้เชื่อใจคุณ แต่เจสก็ยัง”
“ไม่เป็นไร ไม่ต้องขอโทษหรอก ผมรู้”
คยูฮยอนปลอบโยนโดยใช้สัมผัสจากการจุมพิตเรียวปากอิ่มแทนคำพูดปลอบโยนทั้งหลาย
ร่างบางขึ้นไปยืนอยู่ด้านบนนั่นพลางมองไกลออกไปยังเบื้องหน้าผ่านม่านน้ำตาที่เอ่อเต็มสองตา ทงเฮเดินเข้าไปใกล้แต่ไม่ขึ้นไปยืนบนนั้น
“อยู่นี่เองเหรอ คิดว่าเป็นอีหนูของอาจารย์แล้วจะโดดเรียนวิชาของชั้นได้ตามใจชอบรึไง”
“หึหึ” ร่างบางหัวเราะเบาๆรู้สึกสมเพชตัวเองไม่น้อยกับคำพูดของเขา “จริงสินะ ชั้นก็เป็นได้แค่อีหนูของคุณ เป็นแค่นางบำเรอ เป็นผู้หญิงที่ไม่มีค่าอะไรเลย”
“รู้แล้วทำไมยังทำตัวไร้ค่าแบบนั้นอยู่อีกล่ะ” ทงเฮอยากตบปากตัวเองที่เผลอพูดไปแบบนั้น ทั้งๆที่เขาอยากขึ้นไปคว้าร่างเธอเข้ามากอดปลอบขวัญ
“ถ้าอย่างนั้นชั้นน่าจะตายๆไปซะก็ดี”
“นี่ยัยเด็กบ้า เธอคิดว่านั่นเป็นวิธีแก้ปัญหาที่ดีที่สุดแล้วงั้นสิ ตามสบาย แต่บอกอะไรให้นะ คนที่โดดตึกตายส่วนใหญ่ศพไม่สวยนะรู้ไม๊”
ทงเฮแอบหวั่นใจกับความสิ้นคิดของร่างบาง แต่คิดอีกทีคนอย่างยัยคุณหนูคงไม่กล้าทำอะไรแบบนี้ละมั้ง
ชายหนุ่มหลับตาลงอย่างเหนื่อยใจแต่เมื่อลืมตาขึ้นมองไปยังร่างบอบบาง เขาก็รับรู้ความรู้สึกที่ว่าใจหายมันเป็นอย่างไรเมื่อยุนอาก้าวข้ามกำแพงกั้นดาดฟ้าออกไปพร้อมกับทิ้งร่างบางให้ร่วงหล่นลงไปต่อหน้าต่อตา
“ยุนอาาาาา ~~~~~” เสียงตะโกนร้องเรียกอย่างบ้าคลั่งของทงเฮดังก้องไปทั่ว
3 เดือนต่อมา
[พี่คะ เป็นอย่างไรบ้าง]
ทงเฮยิ้มกว้างเมื่อได้ยินเสียงหวานมาจากปลายสายพลางนึกถึงหน้าของน้องสาวกับน้องเขยที่ย้ายไปอยู่บ้านที่ปูซาน ทิ้งให้เขากับมินโฮยังใช้ชีวิตวุ่นวายอยู่ในโซลเมืองหลวง
[พี่คะ ทำไมไม่ตอบล่ะ]
“ก็กำลังจะตอบอยู่นี่ไง ใจร้อนจังนะไม่สมกับที่เป็นเธอเลยนะเจส”
[ก็ชั้นเป็นห่วงพี่นี่นา ตั้งแต่วันนั้นพี่ก็ชอบเหม่ออยู่เรื่อย ว่าแต่พี่สบายดีใช่ไหม]
“อืมม สบายดี”
[เลิกโทษตัวเองได้แล้วนะ มันไม่ใช่ความผิดของพี่ซะหน่อย]
อยู่ๆน้ำตามันก็รื้นขึ้นมาดื้อๆเมื่อนึกถึงเรื่องวันนั้น ทำไมจะไม่ใช่เพราะเขา ถ้าเขาคว้าร่างของยุนอามากอดปลอบ เธอก็คงไม่น้อยใจกระโดดลงไปแบบนั้น ทงเฮเช็ดน้ำตาแล้วฝืนยิ้มก่อนจะเอ่ยตอบน้องสาวไปเบาๆ
“พี่รู้แล้ว ว่าแต่โทรมาแต่เช้าแบบนี้ มีอะไรรึเปล่า”
ทงเฮรู้สึกเหมือนได้ยินเสียงหัวเราะคิกคักมาจากปลายสาย เขาจึงรอฟังอย่างตั้งใจ
[พี่จะได้เป็นลุงแล้วรู้ไม๊ ชั้นท้องได้สองเดือนกว่าแล้วล่ะ]
“จริงเหรอเนี่ย ข่าวดีจริงๆ ในที่สุดพี่ก็จะได้เลี้ยงหลานแล้วล่ะสิ ป่านนี้นายคยูมันไม่จัดเลี้ยงฉลองใหญ่แล้วเหรอ”
[ไม่หรอกค่ะ รอให้เขาแข็งแรงกว่านี้ก่อน นี่ก็ออกไปหาซื้อของมาให้ชั้นทานบำรุงทุกวันเลย]
“ดีแล้วล่ะ เห็นพวกเธอมีความสุขกันแบบนี้ก็ดีแล้ว”
[ชั้นรู้นะว่าพี่ก็มีความสุขใช่ไม๊ล่ะ อ่ะ สงสัยคยูจะกลับมาแล้ว]
“ไปดูทางนั้นเถอะ ว่างๆค่อยคุยกันใหม่ พี่รักเธอนะเจส”
[ค่ะ เจสก็รักพี่กับมินโฮ บายค่ะ]
ทงเฮยิ้มและมองโทรศัพท์ในมืออีกครั้งก่อนจะหันกลับมาสบตากับร่างบางที่ยืนถือแก้วนมพิงประตูมองมาทางเขาอยู่
“รู้ไม๊เจสท้องแล้วนะ”
“พี่คุยโทรศัพท์เสียงดังขนาดนี้ คงได้ยินกันหมดทั้งคอนโดแล้วล่ะ”
ร่างหนาลุกขึ้นเดินเข้าไปหาก่อนจะดึงร่างของหญิงสาวเข้าสู่อ้อมกอด มือหนาบีบปลายจมูกเชิดรั้นของเธออย่างมันเขี้ยว ยุนอาเบี่ยงตัวหลบแล้วเดินหนีเข้าห้องนอนโดยที่ชายหนุ่มเดินตามหลังไปติดๆ ภาพของร่างบอบบางที่เดินอยู่ข้างหน้าทำให้ทงเฮนึกถึงวันนั้น
ทงเฮไม่รู้สึกตัวว่าตัวเองกระโดดขึ้นไปบนนั้นเมื่อไหร่ รู้แค่ว่าเมื่อเขาชะโงกหน้าออกไปแล้วพบว่าร่างของหญิงสาวนั่งทรุดอยู่บนชายคาที่ยื่นออกไป มันเหมือนกับเขาอยู่ในความฝัน เขาได้แต่ร้องบอกขอบคุณพระเจ้าที่คุ้มครองเธอเอาไว้
ร่างหนากระโดดตามลงไปคว้าร่างที่นั่งสะอึกสะอื้นอยู่เข้าแนบกับอกกว้างทันที พร้อมจูบลงบนหน้าผากเนียนอย่างหวงแหน
“ยัยเด็กบ้า เธอทำอะไรลงไป รู้ตัวไม๊ บ้าจริง”
ยุนอายังคงร้องไห้เสียใจอย่างหนัก มือหนาลูบผมยาวปลอบใจเธออย่างอ่อนโยน
“ยัยเด็กดื้อ ถ้าเธอเป็นอะไรไป แล้วพี่จะอยู่ได้ยังไง”
ใช่ ถ้าวันนั้นเขาเสียเธอไป เขาคงมีชีวิตอยู่ต่อไปอีกไม่ได้ ทงเฮเพิ่งจะรู้ตัวว่ารักผู้หญิงคนนี้หมดหัวใจก็ตอนนั้น
“บ้านตัวเองไม่มีอยู่รึไง ชอบมาทำเสียงดังบ้านคนอื่น คนเขาจะอ่านหนังสือสอบ”
ยุนอาเหล่มองคนที่เดินตามเข้ามา เขาเดินเลยไปนั่งบนเตียงนุ่มแล้วยิ้มให้เธออย่างประจบ
“ก็พี่จะมาติวหนังสือให้เธอไง เนี่ยคนออกข้อสอบมาติวให้เองเลยน้า”
หญิงสาวหันมามองค้อนใส่เขาอย่างหมั่นไส้ แต่ทงเฮกลับหัวเราะอย่างขำๆก่อนจะตบมือลงบนตักของตัวเองแล้วใช้สายตาเรียก ยุนอาลุกจากเก้าอี้มานั่งบนตักเขาอย่างว่าง่าย ดวงตากลมโตจ้องมองเขาไม่วางตา เขายกมือขึ้นลูบไล้ไปตามโครงหน้าเรียวสวยของหญิงสาวอย่างรักใคร่
“เธอรักพี่ไหม ยุนอา”
“รักสิ แล้วพี่ล่ะ” ยุนอาจ้องเข้าไปในดวงตาของเขาราวกับจะขอคำยืนยันจากแววตาคู่นั้น
“รักที่สุดของที่สุด”
“อี๊ น้ำเน่า ไม่กลัวชั้นจะเบื่อพี่เหรอ ชั้นขี้เบื่อนะ”
“ไม่หรอก พี่น่ะยังมีดีอีกเยอะ”
คำพูดที่มีความหมายแฝงถูกการกระทำบางอย่างอธิบายให้รู้ชัดแจ้ง เมื่อริมฝีปากหนาแตะลงบนเรียวปากนุ่มของหญิงสาว กดจูบย้ำหนักแน่นราวกับจะประทับไว้เป็นสัญญาว่าเขาจะรักเธอเพียงคนเดียว
จบแล้วค่ะ..จบแบบดื้อๆแบบนี้แหละ
แต่ถ้าใครอยากอ่านยุนเฮต่อตามไปที่นี่เลยนะคะ
ผลงานอื่นๆ ของ nooping, ChoJiYoon ดูทั้งหมด
ผลงานอื่นๆ ของ nooping, ChoJiYoon
ความคิดเห็น