คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #38 : จับคู่
“ความจริงก็มีเด็กโยธาโสดอยู่คน ว่าแต่เธอสนป่ะ”
MIN SAID
EP 41: จับคู่
MIN’S TALK
คืนก่อนงานหมั้น
“ซอลขา คืนนี้พี่ทำงานเข้ารอบกลางคืนเดี๋ยวพี่ออกมาจะโทรไปหานะคะ”
ผมโทรไปดักซอลคืนก่อนออกเดินทางเข้ากรุงเทพ ผมแพ็คของใส่กระเป๋าเรียบร้อยแล้วเวลาล้อหมุนคือคืนนี้ทุ่มตรง! ไม่งั้นผมจะโผล่ไปเซอร์ไพร์ซซอลกลางงานหมั้นไอ้กรที่จัดขึ้นที่โรงแรมใหญ่กลางกรุงไม่ทัน
“โห ถ้าพี่มิณทร์ทำงานทั้งคืนซอลว่าพี่นอนก่อนแล้วค่อยโทรมาดีมั้ยคะ” งุ้ยย งี้ก็เข้าทางพี่สิคะ.. พี่จะได้ขับรถสบายๆชิลๆโดยไม่ต้องกังวลว่าหนูจะโทรมาให้แผนแตก เลิศศศศอ่ะ~~
“ไม่ได้ค่ะเพราะความคิดถึงพี่จะทะลุทะลวงจากลำพูนพุ่งไปหาหนูถึงเตียง เพราะงั้นหนูเตรียมตื่นมารับสายพี่ยามเช้าซะดีๆเถอะค่ะ” แหมม หล่อแล้วยังเนียนเก่งอีกอ้ะ~
“พรุ่งนี้งานหมั้นเฮียกร พี่ลืมไปแล้วรึเปล่าคะ”
“เออ ใช่ค่ะพี่ก็ลืมไป มัวขุดแต่ดินขุดแต่หินจนลืม” ผมเพิ่มความเนียนโดยการทำเป็นลืมวันงานหมั้นไอ้กรเข้าไปอีกก เนียนนนซะ
“พรุ่งนี้สายๆพี่มิณทร์ค่อยโทรมาก็ได้ค่ะ เจ็ดโมงเจ็ดนาทีพิธีสงฆ์ แปดโมงห้าสิบเจ็ดพิธีสวมแหวน พี่มิณทร์โทรมาสักสิบโมงก็ได้นะคะ”
“ให้พี่โทรซะสิบโมง.. หนูจะแอบไปทำความรู้จักกับหนุ่มๆที่ไหนรึเปล่าคะ”
“ปะ เปล่าซะหน่อยค่ะ!”
“โหยย พี่แค่ล้อเล่นค่ะ เอาเป็นว่าออกมาแล้วพี่จะรีบโทรไปนะคะ ถ้าหนูยุ่งค่อยโทรกลับแต่พี่สัญญาว่าเราจะได้เจอกันก่อนพิธีสวมแหวนแน่ๆ”
“งั้นถ้าพี่ตื่นแล้วก็โทรมาก็นะคะ..”
ฮิๆ ผมถือว่าผมบอกซอลทางอ้อมแล้วนะ ผมบอกใบ้เป็นนัยๆว่ายังไงเราต้องได้เจอกันแน่ๆ เพราะงั้นแผนภารกิจเซอร์ไพร์ซเมียของผมต้องสำเร็จลุล่วงแน่นวลลล แต่สำหรับเซอร์ไพร์ซที่ผมบอก.. ผมไม่ได้กะจะมาเซอร์ไพร์ซซอล ด้วยเรื่องแค่นี้แน่ๆ ผมจะกลับมาเพื่ออยู่กับซอลตลอดไปต่างหากล่ะ
นั่นคือเซอร์ไพร์ซของผม..
ผมเริ่มแผนเตรียมตัวไปงานหมั้นของไอ้กรอย่างลับๆ ความจริงที่ลำพูนตอนนี้ฝนก็ยังตกอยู่นะแต่ถนนสายหลักบางเส้นกลับมาใช้งานตามปกติได้แล้ว ทั้งที่บางพื้นที่ยังอยู่ในเขตอุทกภัยอยู่แต่นุ้งมิณทร์ก็บ่ยั่นน มุ้งมิ้งกับเมียเป็นงานหลักงานวิศวะเป็นงานรอง ที่ผ่านมาทำงานจนเมียงอนเพราะงั้นเราจึงต้องกลับไปชดใช้ให้เมีย!
งุ้ยย แต่พอจะได้กลับไปจริงๆแล้วผมโคตรรู้สึกตื่นเต้นเลยว่ะ กลับไปผมจะทำหน้ายังไงดีวะ เรื่องง่ายๆอย่างกลับไปยืนอยู่ตรงหน้าคนที่เรารักแต่กลับทำได้ยากโคตร ให้ตายเหอะ..พอคิดมาถึงจุดนี้แล้วผมไม่รู้จะควบคุมตัวเองยังไงต้องมัดมือแล้วเอาเทปปิดปากไว้เลยไหมเพราะผมไม่แน่ใจว่าจะบังคับตัวเองได้ถ้าได้ยืนต่อหน้าผู้หญิงที่คิดถึงที่สุด
ผมโคตรของโคตรคิดถึงกุญแจซอลเลยว่ะ
กว่าเจ็ดเดือนที่เราห่างกัน.. จะเป็นไรมั้ยวะถ้าผมจะดึงซอลมากอดจับซอลมาหอมอย่างไม่แคร์สายตาใครให้หายคิดถึง ผมจะจูบเมียผมจนกว่าจะพอใจ ผมไม่รู้ว่าจะห้ามใจตัวเองได้อย่างไรในเมื่อความคิดถึงมันล้นใจซะขนาดนี้
ดีนะ..ที่เจ้าหญิงตัวน้อยๆยังรอผมอยู่น่ะ
และมันก็เป็นการขับรถที่โหดสัส เพราะผมเผื่อเวลาไว้ไม่เกินสิบสี่ชั่วโมงสำหรับการขับรถเข้ากรุงเทพ และสภาพถนนที่ผมเจออยู่ตอนนี้แม่งก็พีคสัสๆ นอกจากสองข้างทางจะมืดสนิทไม่พอนะถนนบางเส้นน้ำยังท่วมอยู่ถึงบั้นเอว! โน่นนน ต้องขับรถอ้อมไปอีกโน่นนนกว่าจะออกจากลำพูนได้ เอาตรงๆแม่งโคตรอันตรายกับการตัดสินใจห่ามๆขับรถข้ามจังหวัดด้วยเวลาแค่นี้
แต่ผมรีบง่ะ..
“ตัดมาฟังสายจากทางบ้านกันบ้างนะครับ เรื่องนี้เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นจริงที่โรงแรมแห่งหนึ่งในกรุงเทพ เป็นเรื่องที่สยองที่สุดสำหรับค่ำคืนนี้เลยก็ว่าได้ เราลองไปฟังกันกับเดอะ ช็อคเรื่องที่ให้ชื่อว่าเสียงปริศนาข้างห้อง เอาล่ะเราลองไปฟังกันคร้าบบ เชิญคุณแบงค์เจ้าของเรื่องคร้าบบ สวัสดีคร้าบบ~”
แม่ง ขับรถตอนกลางคืนก็หลอนพออยู่แล้ว นี่ยัยเพื่อนตัวดีแม่งยังเปิดวิทยุฟังเรื่องผีให้จิตผมเปิดอีกกกก คือคนกำลังขับรถกลับไปหาเมียจะเปิดเพลงรักนุ่มๆซอฟๆฟังคลอๆอยู่ในรถไม่ได้รึไงวะ
“นี่ก็จะตีสามแล้วเธอยังจะฟังต่ออีกหรอวะ”
ผมหันไปจิ๊ปากใส่มิ้นต์ที่เป็นตัวตั้งตัวตีเปิดวิทยุฟังเรื่องผีเวลาขับรถ มิ้นต์แม่งบอกผมจะได้ตื่น ขับรถจะได้ไม่ง่วง แต่มันใช่หรอวะ~
“ฟังๆไปเหอะน่ะ กลัวอะไรกับผี.. คนยังน่ากลัวกว่าอีก” มิ้นต์มุ่ยหน้าก่อนจะยื่นมือกดเพิ่มเสียงให้ดังขึ้น
เขร้! เมื่อกี้แม่งก็ว่าน่ากลัวแล้วแต่พอเปิดเสียงดังกว่าเดิมผมแม่งรู้สึกดีเจมาเล่าเรื่องผีให้ฟังข้างหูเลยอ่ะ
“โอ้โห แหกตาดูข้างทางบ้างป่ะหลอนจะตายห่าอยู่แล้วและที่ขับมาเนี่ยก็มีแต่ป่าแต่เขาทั้งนั้น”
“ป๊อดว่ะ..”
“ใส่หูฟังคนเดียวมั้ย ถ้าเผื่อขับๆไปเจอผู้หญิงชุดขาวโบกมืออยู่ข้างทางทำไง ฟังอะไรที่มันเจริญหูหน่อยดิวะ”
“ก็เราไม่อยากฟังเพลงรักอ่ะ”
“เยดเข้~ แล้วมาให้เราฟังเรื่องผีเป็นเพื่อนเนี่ยนะนี่คิดผิดคิดถูกวะที่ชวนเธอมา คนกำลังอินเลิฟรีบกลับไปหาเมียแต่เธอทำให้ในหัวเราตอนนี้มีแต่เสียงดีเจป๋อง กมล ทองพลับ*” (*ดีเจนักเล่าเรื่องผีชื่อดัง)
“มาตั้งครึ่งทางแล้วถึงไล่ก็ไม่ลงโอเคป่ะ อีกอย่างนะเราสั่งซื้อชุดสวยจากในไอจีมาแล้วด้วยเคอรี่เพิ่งหนีน้ำเอามาส่งที่เขื่อนให้เมื่อคืน จ้างให้เราก็ไม่กลับ”
“นี่ตั้งใจจะไปหาคู่งานเพื่อนเราเลยซะงั้น”
“มีป่ะล่ะ มีดีๆก็แนะนำหน่อยดิที่มีอยู่แม่งเหี้ยอ่ะ..”ปลายเสียงที่หงอยลงของมิ้นต์ทำให้ผมรู้ว่าที่พูดคือหมายถึงไอ้ภัทร เพราะตั้งแต่มิ้นต์แตกหักกับมันวันนั้นมันก็ยังเทียวไล้เทียวขื่อมิ้นต์ไม่เลิก เหมือนมันจะเอาผู้หญิงอีกคนไปเก็บก่อนเพราะผมสังเกตว่ามันหายไปสองสามวัน พอมันกลับมาอีกครั้งมันก็มายืนเฝ้าหน้าห้องมิ้นต์เช้ากลางวันเย็น
ด้านกว่าส้นตีน.. ก็หน้าไอ้ภัทรเนี่ยล่ะ
“อืมม จะว่าไปก็มีอยู่คนสนป่ะ?”
MINTT SAID
ผมนึกไปถึงหล่อตี๋อินเตอร์อย่างไอ้ฉัตร เมื่อคืนผมคุยกับมัน มันบอกมันจะมาย้ำแผลอกหักของมันที่งานหมั้นเกี่ยวก้อยวันนี้ด้วย เจ็บจนกระอักแต่ก็ยังอยากมาแสดงความยินดีกับเกี่ยวก้อย แม่งพระเอกสัสอ่ะ..
“นิสัยอย่างนายไม่เอานะ เราอยากได้คนดี” นั่นนน มิ้นต์ยังกวนตีนผมอีกหนึ่งดอก! ฟังเรื่องผีในรถแล้วยังไม่สำนึก เดี๋ยวพ่อก็จับโยนออกนอกรถแล้วให้พี่ป๋อง กมลมารับซะ
“อ๋ออ ลืมไปว่าเธอชอบแสนดีอย่างไอ้ภัทร”
“ไอ้มิณทร์!”
“หุยย ทำมาขึ้นองขึ้นไอ้เดี๋ยวก็ไม่แนะนำเพื่อนหล่อๆให้รู้จักหรอก”
“เหอะ ทำอย่างกับมี”
“ความจริงก็มีเด็กโยธาโสดอยู่คน ว่าแต่เธอสนป่ะ”
“เป็นคนดีป่ะล่ะ”
“ก็ดีนะหล่อด้วย สเป็คเธออยู่” ผมแสยะยิ้มให้มิ้นต์ “ แต่เธอไม่น่าใช่สเป็คมัน”
“ไม่ลองไม่รู้ป่ะ” มิ้นต์เบะปากใส่ผมหน้าคว่ำ จริงๆผมก็เคยคิดจะแนะนำมิ้นต์ให้ไอ้ฉัตรนะแต่ติดที่ว่าไอ้ฉัตรชอบผู้หญิงสไตล์หวานๆอย่างเกี่ยวก้อย ส่วนมิ้นต์ก็ห้าวแบบสุดกู่ ผมเลยล้มเลิกความคิดไปซะ
“เธอจะเอาป่ะล่ะ?”
“ก็เอามั้ยล่ะ??” หง่อววววววววว มิ้นต์แม่งเอาจริงเว้ยยย ไม่ได้ๆต้องชงต่อ เผื่อจะมีคู่รักคู่ใหม่ มิ้นต์กับไอ้ฉัตร
“นี่เธอเอาจริงป่ะ”
“กษัตริย์ตรัสแล้วไม่คืนคำ! ”
“นี่พูดเองนะ” เชี่ยยยย แม่งต้องสนุกแน่ๆ! มิ้นต์ VS ไอ้ฉัตร ผมประมวลมวยคู่เอกอยู่ในหัวอย่างนึกสนุก “เออ ไว้ไปถึงงานจะแนะนำให้รู้จักกัน”
“ตกลงเพื่อนชื่ออะไรอ่ะ”
“ฉัตร..” ผมอมยิ้มกรุ้มกริ้มแล้วหันไปวิ๊งซ์ตาใส่มิ้นต์แต่มิ้นต์ทำท่าจะอ้วกแทนซะงั้น “โอ้โห ถ้าจะขนาดนี้อ้วกใส่หน้าเราเลยมั้ยอ่ะ”
“ให้เพื่อนเบ้าหน้าผ่านก่อนแล้วค่อยมาพูดกัน” มิ้นต์หัวเราใส่ผมเสียงดัง ผมว่านะจริงๆอย่างมิ้นต์หาแฟนไม่ยากหรอก ความจริงมิ้นต์เองก็เป็นคนสวยติดแต่ขี้กวนตีนไปนิด ห้าวเกินหญิงไปหน่อยก็แค่นั้น
“ไอ้ฉัตรมันชอบผู้หญิงหวานๆนะ” ผมพยายามชงต่อเพื่อกระตุ้นความรู้สึกชอบเอาชนะของมิ้นต์ ย้ำอีกที..
มิ้นต์ VS ไอ้ฉัตร งุ้ยยย แค่คิดก็มุ้งมิ้งแล้วอ่ะ
“วันนี้ล่ะเราจะสวยให้ดู”
มิ้นต์เชิดหน้าแล้วพูดอย่างมั่นใจ โอ้ยย จะเอาฮาไปไหน แค่ผมนึกภาพตามก็ขากรรไกรค้างแล้ว ไอ้ฉัตรจับคู่กับมิ้นต์.. อืมม ก็ดูดีอยู่นะ มิ้นต์เองก็เพิ่งผ่านความรักช้ำๆในขณะที่ไอ้ฉัตรก็ไม่เคยมองใครนอกจากเกี่ยวก้อย
ผมว่ามวยถูกคู่แล้วว่ะ
SOL'S TALK
๓ ชั่วโมงก่อนงานหมั้น , ห้องแต่งตัวชั้นบนสุด V hotel
บรรยากาศห้องแต่งตัวก่อนเริ่มพิธีในช่วงเช้าคลาคล่ำไปด้วยช่างแต่งหน้าและช่างทำผม ขณะที่ช่างบางส่วนกำลังช่วยเย็บเก็บรายละเอียดของงชุดไทยบรมพิมานซึ่งเป็นชุดที่เจ้าสาวจะใส่อวดสายตาให้สมกับฐานะสะใภ้ของ ‘มานพสกุล’ ในวันนี้
พี่ก้อยสวยมาก.. ออร่าเจ้าสาวส่องประกายจับตา ดวงหน้าหวานระบายรอยยิ้มอย่างมีความสุขที่สุด ฉันตื่นมาช่วยพี่ก้อยแต่งตัวที่โรงแรมของวีกรุ๊ปและมาให้ช่างแต่งหน้าทำผมในฐานะญาติฝ่ายเจ้าบ่าวมาตั้งแต่เช้าแล้ว
วันนี้ฉันก็แต่งตัวสวยอยู่หรอกนะ.. แต่ยิ้มไม่ออกอ่ะ
“ซอลเป็นอะไรรึเปล่าจ๊ะ” ฉันสะดุ้งหลุดออกมาจากภวังค์และเงยหน้าขึ้นมองเจ้าสาวแสนสวยอย่างงงๆ ดวงตาคู่สวยของกำลังมองฉันอย่างสงสัย พี่ก้อยอยู่ในชุดไทยบรมพิมานสีทองที่ปักด้วยเลื่อมลูกไม้ทั้งตัวสวยสง่าจับตา ผ้าลูกไม้เนื้อบางถูกตัดเย็บอย่างวิจิตรบรรจงและงดงามหมดจรดทุกรายละเอียด มะ เมื่อกี้พี่ก้อยว่าไงนะ?
“พี่ก้อยว่าไงนะคะ”
ฉันเพิ่งสังเกตว่าฉันยืนเหม่อขณะที่กำลังช่วยพี่ก้อยตรวจ เช็คความเรียบร้อยของชุดไทยอยู่ นี่ฉันเหม่อไปนานแค่ไหนแล้วนะ
“ซอลเป็นอะไรรึเปล่าจ๊ะดูท่าทางแปลกๆ” ดวงหน้าหวานที่ถูกแต่งแต้มอย่างงดงามของเจ้าสาวกำลังมองฉันอย่างสงสัย ถ้าฉันบอกว่าไม่เป็นอะไรฉันก็โกหก.. แต่ฉันสามารถพูดออกมาได้มั้ยล่ะ?
“ซอลไม่เป็นไรค่ะ เมื่อคืนแค่นอนดึกเพราะตื่นเต้นนิดหน่อยพี่ก้อยไม่ต้องเป็นห่วงนะคะ”
ฉันยิ้มหวานให้พี่ก้อยด้วยท่าทางสดใสทั้งที่ข้างในกรวงสุดๆ เมื่อคืนฉันนอนไม่ค่อยหลับ ฉัน..ไม่ค่อยสบายใจ ทั้งๆที่ฉันควรจะร่าเริงและสดใสเข้าไว้เพราะวันนี้เป็นวันที่สำคัญที่สุดของคนที่ฉันรักสองคน เฮียกรกับพี่ก้อย..
“ไม่ได้เป็นไข้แน่นะ”
“ซอลแค่นอนน้อยค่ะพอดีตื่นเต้นกับงานวันนี้ด้วย” ฉันลากพี่ก้อยเดินกลับไปหน้ากระจก “วันดีๆแบบนี้เจ้าสาวไม่ควรทำหน้ามู่นะคะ”
“ถ้าซอลเหนื่อยซอลก็ไปพักนะ ตื่นมาช่วยพี่แต่งตัวตั้งแต่ตีสี่แล้วพี่เกรงใจแล้วไหนซอลต้องไปช่วยน้าเปียโนกับอาเจตต้อนรับแขกข้างล่างอีก”
“โหยย เรื่องแค่นี้สบายมากค่ะ”
“แล้วตกลงวันนี้มิณทร์มางานรึเปล่าจ๊ะ?”
เป็นคำถามที่เรียบง่ายแต่ทำให้ฉันน้ำตาไหลเฉยเลย พี่ก้อยแค่ถามฉันเฉยๆแต่ฉันกลับยืนน้ำตาร่วงต่อหน้าพี่ก้อยซะงั้น..
“ซอลเป็นอะไรจ๊ะ!!” พี่ก้อยรีบหันมาหาฉันก่อนจะพยักเพยิดหน้าให้ช่างแต่งหน้าและช่างทำผมทุกคนที่อยู่ในห้องออกไป ดีนะที่ตอนนี้พวกผู้ใหญ่ต่างวุ่นวายอยู่กับการเตรียมงานข้างนอกกันหมด ในห้องนี้จึงมีเพียงฉัน พี่ก้อย และช่างอีกสองสามคนเท่านั้น “ซอลมานั่งตรงนี้ก่อนจ้ะ”
พี่ก้อยจูงมือฉันเดินหลบมานั่งที่โซฟาหลังใหญ่ข้างใน ปกติฉันเป็นคนเข้มแข็งไม่ร้องไห้ต่อหน้าคนอื่นง่ายๆ แต่วันนี้ไม่รู้ทำไมฉันถึงรู้สึกว่าสภาพหัวใจตัวเองอ่อนแอที่สุด อาจจะเพราะในวันนี้คนรอบข้างฉันมีความสุขกันหมดล่ะมั้ง?
“เกิดอะไรขึ้นจ๊ะ”
พี่ก้อยหยิบทิชชู่มาซับน้ำตาให้ฉันอย่างใจดี มือบางคอยลูบหลังฉันอย่างปลอบประโลม ตั้งแต่เด็กแล้วที่พี่ก้อยเปรียบเสมือนพี่สาวคนหนึ่งของฉัน
“มะ ไม่มีอะไรค่ะ” และถึงแม้ฉันจะสนิทกับพี่ก้อย.. แต่มันก็เป็นเรื่องยากที่จะให้ฉันสารภาพถึงสิ่งที่อยู่ในใจ วันนี้พี่ก้อยไม่ควรจะมาเครียดอะไร.. พี่ก้อยควรจะเป็นเจ้าสาวที่ระบายยิ้มอย่างมีความสุขที่สุดเท่านั้น
“หนูทะเลาะกันมิณทร์หรอจ๊ะ..”
ก้อนสะอึกที่มันจุกอยู่ที่คอเหมือนมันจะทะลักออกมา เป็นอีกครั้งที่คำถามง่ายๆทำฉันน้ำตานองหน้าและมันก็เป็นที่แน่นอนแล้วว่าพี่ก้อยรู้เรื่องของฉันกับพี่มิณทร์จริงๆ ฉันปิดพี่ก้อยไม่มิดเลยสินะ
“เปล่าค่ะ..”
“งั้นซอลเป็นอะไรบอกพี่ได้มั้ย” น้ำเสียงเป็นห่วงเป็นใยและมือบางที่คอยลูบหลังปลอบฉันอย่างอบอุ่นทำให้น้ำตาที่เก็บกลืนของฉันพังครืนลง ฉันไม่ได้ทะเลาะกับพี่มิณทร์เพียงแต่ฉันรู้สึกผิดกับเขาต่างหากล่ะ
“ฮึกก พี่ก้อยคะ..”
ฉันถลากอดคอพี่ก้อยโดยไม่สนใจแล้วว่าฉันจะอยู่ในสภาพยังไง ชุดออกงานฉันจะยับแค่ไหน หรือหน้าที่แต่งมาอย่างดีแล้วจะเละยังไง ตอนนี้ฉันไม่สนอะไรนอกจากอยากร้องไห้ให้ดังๆ
“ซอลใจเย็นๆก่อนนะ มีอะไรบอกพี่” พี่ก้อยค่อยๆลูบปลอบที่หลังศีรษะฉัน “ใช่ เรื่องที่เสียงดังกับกรวันนั้นรึเปล่า..?”
“ฮืออ”
และเสียงสะอื้นฉันคงแทนคำตอบ ฉันไม่โทษเฮียกร.. แต่ฉันโทษความขี้ขลาดของตัวเอง ถ้าฉันกล้าบอกเฮียกรเรื่องพี่มิณทร์ ถ้าฉันกล้าพอที่จะสารภาพทุกสิ่งในวันนั้น
“ถ้าซอลไม่อยากรู้จักหรือไม่อยากคุยกับใครซอลก็ไม่ต้องคุยนะ” พี่ก้อยเสียงสั่นขณะที่กอดปลอบฉัน “ถ้าใครมาบังคับฝืนใจซอลพี่ก็ไม่แต่ง! พี่ไม่อยากมีความสุขขณะที่น้องพี่ร้องไห้ พี่อยู่ข้างซอลนะ”
เพราะพี่ก้อยคือพี่สาวที่ฉันแสนรัก.. และเฮียกรคือพี่ชายที่ฉันรักที่สุดและฉันจะไม่ยอมให้ความสุขของคนที่ฉันรักทั้งสองคนต้องพังลงไม่ว่าด้วยเหตุผลอะไรทั้งนั้น
“มันจะไม่เป็นแบบนั้นค่ะวันนี้เป็นวันของพี่ก้อย พี่ก้อยต้องเป็นเจ้าสาวที่มีความสุขที่สุด พี่ก้อยไม่ต้องห่วงอะไรทั้งนั้นนะคะ”
“แต่..ซอล!”
“เฮียกรก็บอกแล้วว่าผู้ใหญ่แค่อยากให้ทำความรู้จักพี่ก้อยไม่ต้องห่วงนะคะซอลเข้มแข็งพอ ซอลแค่รู้สึกผิดกับพี่มิณทร์”
“แต่การทำแบบนี้มันก็เหมือนการดูตัวกลายๆนะ!”
“ซอลรู้.. ว่ายังไงเฮียกรกับมะม๊าก็ไม่มีทางฝืนใจซอลหรอกค่ะ ถ้าจะมีอะไรที่มากกว่านั้นซอลเองก็คงไม่ยอมแน่ๆแต่ซอลแค่รู้สึกกระดากใจกับพี่มิณทร์ค่ะ..”
“แล้วมิณทร์รู้เรื่องนี้มั้ยจ๊ะ”
“ไม่ค่ะ.. ซอลไม่ได้บอก” ฉันสะอื้นจนเสียงเครือ “แต่ซอลรู้สึกผิด ซอลรู้สึกเหมือนซอลกำลังนอกใจพี่มิณทร์เลยค่ะ”
“ไม่เป็นไรนะพี่เชื่อว่ามิณทร์จะเข้าใจ มิณทร์ไม่ใช่คนไม่มีเหตุผลหรอก”
“ซอลรู้ค่ะ” ฉันรู้.. ว่าถ้าบอกความจริงพี่มิณทร์คงไม่โกรธ แต่ความรู้สึกผิดที่ต้องไปยืนข้างใครที่ไม่ใช่พี่มิณทร์มันกำลังฆ่าฉัน
“ให้พี่บอกกรให้ไหม..เรื่องมิณทร์”
ฉันผละออกจากอ้อมกอดพี่ก้อย มันอาจจะเป็นเรื่องดีที่พี่ก้อยช่วยพูด แต่การขอโทษที่ทำอะไรลับหลังเฮียกรและการสารภาพความจริงมันควรออกมาจากปากฉัน
“ไม่เป็นไรค่ะพี่ก้อย ซอลอยากบอกเอง” ฉันปาดน้ำตาแล้วยื่นมือไปจับมือพี่ก้อย “เรื่องนี้ซอลเป็นคนทำอะไรไม่บอกเฮียกรเอง ซอลผิดเอง เพราะงั้นซอลต้องเป็นคนบอกเฮียกรเองค่ะ”
“ถ้ามีอะไรให้พี่ช่วยก็บอกนะ” พี่ก้อยยิ้มอ่อนโยนให้ฉัน “แล้วมิณทร์ว่ายังไงกับเรื่องนี้? พี่ไม่คิดว่ามิณทร์จะบอกให้ซอลเก็บไว้เป็นความลับหรอกนะ”
“พี่มิณทร์ตั้งใจจะบอกเฮียกรตั้งแต่วันแรกที่เราคบกันแล้วค่ะแต่ซอลเป็นห้ามไว้เอง” ฉันก้มหน้าอุบอิบ “ซอลไม่อยากให้พี่มิณทร์มีปัญหากับเฮียกรค่ะ”
“ซอลจ๊ะ ยังไงกรกับมิณทร์ก็เป็นเพื่อนสนิทกันพี่ว่าสองคนคงไม่ทะเลาะกันตายหรอก ถึงกรรู้แล้วจะโกรธแค่ไหนยังไงก็คงไม่เลิกเป็นเพื่อนกับมิณทร์อยู่ดี เพราะงั้นเรื่องนี้ปล่อยให้เป็นเรื่องของกรกับมิณทร์เถอะนะ”
เหตุผลของพี่ก้อยฉันควรรับฟัง และนี่อาจจะเป็นเรื่องที่หนักเกินไปหากฉันจะรับไว้คนเดียวทั้งๆที่พี่มิณทร์ก็พูดกับฉันอยู่ตลอดว่าเขาพร้อมที่จะไปยืดอกรับต่อหน้าเฮียกรว่ากำลังคบกับฉัน..
“ค่ะ..” ฉันพยักหน้าตอบรับพี่ก้อยสั้นๆแต่ใจเบากว่าเดิมเยอะเลย อย่างน้อย..เรื่องของฉันกับพี่มิณทร์ก็มีทางให้ไปไม่ใช่ทางตัน
“ช่างคะ รบกวนเข้ามาอีกครั้งได้แล้วค่ะ” พี่ก้อยตะโกนข้ามออกไปนอกห้องขณะที่ช่างผมและช่างแต่งหน้าต่างก็กรูกันเข้ามาอีกครั้ง “เดี๋ยวรบกวนมาแต่งหน้าทำผมให้หนูซอลอีกรอบด้วยค่ะ”
“พี่ก้อย อะไรกันคะ??” ถึงฉันจะร้องไห้จนตาเยินแค่ไหนแต่มันก็คงไม่ต้องถึงกับแต่งหน้าทำผมใหม่อยู่ดี เพราะงานนี้คนที่สวยที่สุดคือพี่ก้อย.. ไม่ใช่ฉัน
“วันนี้คนที่สวยรองจากพี่ต้องเป็นน้องพี่เท่านั้นจ้ะ” พี่ก้อยยิ้มหวานให้ฉันขณะที่ดันไหล่ฉันไปให้ช่างแต่งหน้าและทำผมปล้ำอีกรอบ “พอแต่งสวยแล้วซอลก็ถ่ายรูปไปให้มิณทร์ดู เผื่อพ่อวิศวกรอุโมงค์จะบินมาจากลำพูนทัน”
“พี่ก้อยอ้ะ~~”
พี่ก้อยลูบหัวให้กำลังใจฉัน ถึงฉันจะรู้สึกแย่กับตัวเองอย่างหนักแต่อย่างน้อยกำลังใจและรอยยิ้มจากพี่ก้อยก็ทำให้ฉันรู้สึกดีขึ้น ความรู้สึกอึดอัดเหมือนถูกผูกกับลูกโป่งลอยขึ้นฟ้าไป ถ้าพี่มิณทร์กลับมาเมื่อไหร่..ฉันก็จะบอกว่าฉันพร้อมที่จะให้เฮียกรรู้เรื่องของเราสักที
ฉันจะบอกกับทุกคนว่าฉันกับพี่มิณทร์คบกัน
(LOADING 100%)
❤❤❤
TALK 4
ไม่ต้องส่งรูปไปยั่วหรอกค่ะ อีพี่มันบินมาแล้ววววว
มาแบบเริงร่าโดยไม่รู้ว่าพาปัญหาติดรถมาด้วย
พรุ่งนี้เที่ยงเจอกัน อัพเปิดงานหมั้นจร้าา
❤❤❤
TALK 3
เกี่ยวก้อยเป็นพี่สะใภ้ที่รักน้องมากกก
เผลอๆเข้าข้างซอลมากกว่าแฟนตัวเองอีก
ความจริงแค่สารภาพกับเฮียกรไปตรงๆเรื่องก็จบแล้วมั้ยซอลเอ้ยย
ตัวหนูซอลก็คิดเยอะไป ส่วนอีพี่มิณทร์แม่มก็ไม่คิดอะไรเลย
งานหมั้นใกล้เริ่มแบ้ววว
❤❤
TALK 2
พี่มิณทร์ผู้แสนมุ้งมิ้งหลงเมียก็กำลังจะกลับ
คู่รักคู่ใหม่ (หรอ) ก็กำลังจะบังเกิด
เป็นงานหมั้นที่รวมมิตรซุปตาร์มากก
พรุ่งนี้อัพอีกกก
❤
TALK 1
โอ้ยย อีพี่! งานจับคู่ก็มาาา
งานตัวเองจะงอก เมียตัวเองจะงอนยังไม่รู้ตัว - -*
ทายสิว่ามิณทร์คิดจับคู่มิ้นต์ให้ใคร ฮี่ๆ
รักส์
ขอให้อ่านอย่างมีความสุขค่ะ
ขอบคุณที่ติดตามกันนะคะ
เมื่อเธอไม่อยู่ หรือฉันต้องไป
ในความเคลื่อนไหวบางครั้งก็มีคิดมากไปบ้าง
ก็เพราะว่าห่วง เมื่อเราต้องห่าง
เวลาอ้างว้าง อยากรู้ว่ายังมีเรา
ไม่ใช่ว่าหวง แต่เหงา อยากให้เข้าใจ
เพราะไม่เห็นหน้า ถึงโทรมาบ่อย
ก็อย่างน้อยน้อยได้ยินเสียงพอให้เหงามันคลาย
เพราะโลกมันกว้าง เพราะทางมันแสนไกล
จะอยู่ตรงไหน ไม่เหมือนที่เรามีเรา
ไม่ใช่ว่าหวง แต่เหงา อยากให้เข้าใจ
* กอดหน่อยได้ไหม ด้วยคำว่าคิดถึง
อยากฟังอีกสักครั้งหนึ่ง ให้ใจได้อุ่นใจ
อยู่ห่างขนาดนี้ คิดถึงกันบ้างไหม
กอดบ่อยบ่อยได้ไหม ถ้าใจเธอเหงาเหมือนกัน
ขอเพียงใกล้ใจ แม้จะไกลกัน
ระหว่างทางฝัน อย่างน้อยฉันยังมีเธอเติมใจ
ไม่นานจะมา เห็นหน้าใกล้ใกล้
จะกอดเธอไว้ให้เหมือนกอดแรกของเรา
แต่ว่าตอนนี้ มันเหงา อยากให้เข้าใจ
( ซ้ำ * )
กอดหน่อยได้ไหม ด้วยคำว่าคิดถึง
อยากฟังอีกสักครั้งหนึ่ง ให้ใจได้อุ่นใจ
อยู่ห่างขนาดนี้ คิดถึงกันบ้างไหม
กอดบ่อยบ่อยได้ไหม ถ้าใจเธอเหงาเหมือนกัน
ความคิดเห็น