NC

คำเตือนเนื้อหา

เรื่องนี้อาจมีเนื้อหาหรือการใช้ภาษา
ที่ไม่เหมาะสม เยาวชนที่มีอายุต่ำกว่า 18 ปี
ควรใช้วิจารณญานในการอ่าน
กดยอมรับเพื่อเข้าสู่เนื้อหา

อ่านเงื่อนไขเพิ่มเติม
ปิด
ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    BaBY_LoVe : แรกรักเธอ

    ลำดับตอนที่ #38 : จับคู่

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 6.44K
      76
      5 มิ.ย. 66


              “ความจริงก็มีเด็กโยธาโสดอยู่คน  ว่าแต่เธอสนป่ะ”
    MIN SAID



     

    EP 41: จับคู่
    MIN’S TALK 
    คืนก่อนงานหมั้น       
            
              

    “ซอลขา  คืนนี้พี่ทำงานเข้ารอบกลางคืนเดี๋ยวพี่ออกมาจะโทรไปหานะคะ” 


    ผมโทรไปดักซอลคืนก่อนออกเดินทางเข้ากรุงเทพ  ผมแพ็คของใส่กระเป๋าเรียบร้อยแล้วเวลาล้อหมุนคือคืนนี้ทุ่มตรง! ไม่งั้นผมจะโผล่ไปเซอร์ไพร์ซซอลกลางงานหมั้นไอ้กรที่จัดขึ้นที่โรงแรมใหญ่กลางกรุงไม่ทัน
              

    “โห ถ้าพี่มิณทร์ทำงานทั้งคืนซอลว่าพี่นอนก่อนแล้วค่อยโทรมาดีมั้ยคะ” งุ้ยย งี้ก็เข้าทางพี่สิคะ.. พี่จะได้ขับรถสบายๆชิลๆโดยไม่ต้องกังวลว่าหนูจะโทรมาให้แผนแตก เลิศศศศอ่ะ~~
              

    “ไม่ได้ค่ะเพราะความคิดถึงพี่จะทะลุทะลวงจากลำพูนพุ่งไปหาหนูถึงเตียง เพราะงั้นหนูเตรียมตื่นมารับสายพี่ยามเช้าซะดีๆเถอะค่ะ” แหมม หล่อแล้วยังเนียนเก่งอีกอ้ะ~
              

    “พรุ่งนี้งานหมั้นเฮียกร  พี่ลืมไปแล้วรึเปล่าคะ” 
              

    “เออ ใช่ค่ะพี่ก็ลืมไป มัวขุดแต่ดินขุดแต่หินจนลืม” ผมเพิ่มความเนียนโดยการทำเป็นลืมวันงานหมั้นไอ้กรเข้าไปอีกก เนียนนนซะ
              

    “พรุ่งนี้สายๆพี่มิณทร์ค่อยโทรมาก็ได้ค่ะ เจ็ดโมงเจ็ดนาทีพิธีสงฆ์  แปดโมงห้าสิบเจ็ดพิธีสวมแหวน  พี่มิณทร์โทรมาสักสิบโมงก็ได้นะคะ”
              

    “ให้พี่โทรซะสิบโมง.. หนูจะแอบไปทำความรู้จักกับหนุ่มๆที่ไหนรึเปล่าคะ”
              

    “ปะ เปล่าซะหน่อยค่ะ!”
              

    “โหยย พี่แค่ล้อเล่นค่ะ เอาเป็นว่าออกมาแล้วพี่จะรีบโทรไปนะคะ ถ้าหนูยุ่งค่อยโทรกลับแต่พี่สัญญาว่าเราจะได้เจอกันก่อนพิธีสวมแหวนแน่ๆ” 
              

    “งั้นถ้าพี่ตื่นแล้วก็โทรมาก็นะคะ..”
               

    ฮิๆ ผมถือว่าผมบอกซอลทางอ้อมแล้วนะ  ผมบอกใบ้เป็นนัยๆว่ายังไงเราต้องได้เจอกันแน่ๆ  เพราะงั้นแผนภารกิจเซอร์ไพร์ซเมียของผมต้องสำเร็จลุล่วงแน่นวลลล แต่สำหรับเซอร์ไพร์ซที่ผมบอก.. ผมไม่ได้กะจะมาเซอร์ไพร์ซซอล ด้วยเรื่องแค่นี้แน่ๆ  ผมจะกลับมาเพื่ออยู่กับซอลตลอดไปต่างหากล่ะ
              

    นั่นคือเซอร์ไพร์ซของผม..
              

    ผมเริ่มแผนเตรียมตัวไปงานหมั้นของไอ้กรอย่างลับๆ  ความจริงที่ลำพูนตอนนี้ฝนก็ยังตกอยู่นะแต่ถนนสายหลักบางเส้นกลับมาใช้งานตามปกติได้แล้ว ทั้งที่บางพื้นที่ยังอยู่ในเขตอุทกภัยอยู่แต่นุ้งมิณทร์ก็บ่ยั่นน  มุ้งมิ้งกับเมียเป็นงานหลักงานวิศวะเป็นงานรอง  ที่ผ่านมาทำงานจนเมียงอนเพราะงั้นเราจึงต้องกลับไปชดใช้ให้เมีย! 
              

    งุ้ยย แต่พอจะได้กลับไปจริงๆแล้วผมโคตรรู้สึกตื่นเต้นเลยว่ะ กลับไปผมจะทำหน้ายังไงดีวะ เรื่องง่ายๆอย่างกลับไปยืนอยู่ตรงหน้าคนที่เรารักแต่กลับทำได้ยากโคตร ให้ตายเหอะ..พอคิดมาถึงจุดนี้แล้วผมไม่รู้จะควบคุมตัวเองยังไงต้องมัดมือแล้วเอาเทปปิดปากไว้เลยไหมเพราะผมไม่แน่ใจว่าจะบังคับตัวเองได้ถ้าได้ยืนต่อหน้าผู้หญิงที่คิดถึงที่สุด
            

    ผมโคตรของโคตรคิดถึงกุญแจซอลเลยว่ะ
              

    กว่าเจ็ดเดือนที่เราห่างกัน.. จะเป็นไรมั้ยวะถ้าผมจะดึงซอลมากอดจับซอลมาหอมอย่างไม่แคร์สายตาใครให้หายคิดถึง  ผมจะจูบเมียผมจนกว่าจะพอใจ  ผมไม่รู้ว่าจะห้ามใจตัวเองได้อย่างไรในเมื่อความคิดถึงมันล้นใจซะขนาดนี้  
    ดีนะ..ที่เจ้าหญิงตัวน้อยๆยังรอผมอยู่น่ะ
              

    และมันก็เป็นการขับรถที่โหดสัส  เพราะผมเผื่อเวลาไว้ไม่เกินสิบสี่ชั่วโมงสำหรับการขับรถเข้ากรุงเทพ  และสภาพถนนที่ผมเจออยู่ตอนนี้แม่งก็พีคสัสๆ  นอกจากสองข้างทางจะมืดสนิทไม่พอนะถนนบางเส้นน้ำยังท่วมอยู่ถึงบั้นเอว!  โน่นนน ต้องขับรถอ้อมไปอีกโน่นนนกว่าจะออกจากลำพูนได้ เอาตรงๆแม่งโคตรอันตรายกับการตัดสินใจห่ามๆขับรถข้ามจังหวัดด้วยเวลาแค่นี้
              

    แต่ผมรีบง่ะ..
             

    “ตัดมาฟังสายจากทางบ้านกันบ้างนะครับ เรื่องนี้เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นจริงที่โรงแรมแห่งหนึ่งในกรุงเทพ  เป็นเรื่องที่สยองที่สุดสำหรับค่ำคืนนี้เลยก็ว่าได้  เราลองไปฟังกันกับเดอะ ช็อคเรื่องที่ให้ชื่อว่าเสียงปริศนาข้างห้อง เอาล่ะเราลองไปฟังกันคร้าบบ เชิญคุณแบงค์เจ้าของเรื่องคร้าบบ สวัสดีคร้าบบ~” 
              

    แม่ง ขับรถตอนกลางคืนก็หลอนพออยู่แล้ว นี่ยัยเพื่อนตัวดีแม่งยังเปิดวิทยุฟังเรื่องผีให้จิตผมเปิดอีกกกก  คือคนกำลังขับรถกลับไปหาเมียจะเปิดเพลงรักนุ่มๆซอฟๆฟังคลอๆอยู่ในรถไม่ได้รึไงวะ
               

    “นี่ก็จะตีสามแล้วเธอยังจะฟังต่ออีกหรอวะ” 


    ผมหันไปจิ๊ปากใส่มิ้นต์ที่เป็นตัวตั้งตัวตีเปิดวิทยุฟังเรื่องผีเวลาขับรถ  มิ้นต์แม่งบอกผมจะได้ตื่น ขับรถจะได้ไม่ง่วง  แต่มันใช่หรอวะ~
                 

    “ฟังๆไปเหอะน่ะ กลัวอะไรกับผี.. คนยังน่ากลัวกว่าอีก” มิ้นต์มุ่ยหน้าก่อนจะยื่นมือกดเพิ่มเสียงให้ดังขึ้น  
    เขร้! เมื่อกี้แม่งก็ว่าน่ากลัวแล้วแต่พอเปิดเสียงดังกว่าเดิมผมแม่งรู้สึกดีเจมาเล่าเรื่องผีให้ฟังข้างหูเลยอ่ะ  
              

    “โอ้โห  แหกตาดูข้างทางบ้างป่ะหลอนจะตายห่าอยู่แล้วและที่ขับมาเนี่ยก็มีแต่ป่าแต่เขาทั้งนั้น”
              

    “ป๊อดว่ะ..”
              

    “ใส่หูฟังคนเดียวมั้ย ถ้าเผื่อขับๆไปเจอผู้หญิงชุดขาวโบกมืออยู่ข้างทางทำไง ฟังอะไรที่มันเจริญหูหน่อยดิวะ”
              

    “ก็เราไม่อยากฟังเพลงรักอ่ะ”


    “เยดเข้~  แล้วมาให้เราฟังเรื่องผีเป็นเพื่อนเนี่ยนะนี่คิดผิดคิดถูกวะที่ชวนเธอมา คนกำลังอินเลิฟรีบกลับไปหาเมียแต่เธอทำให้ในหัวเราตอนนี้มีแต่เสียงดีเจป๋อง กมล ทองพลับ*” (*ดีเจนักเล่าเรื่องผีชื่อดัง)
            

    “มาตั้งครึ่งทางแล้วถึงไล่ก็ไม่ลงโอเคป่ะ อีกอย่างนะเราสั่งซื้อชุดสวยจากในไอจีมาแล้วด้วยเคอรี่เพิ่งหนีน้ำเอามาส่งที่เขื่อนให้เมื่อคืน  จ้างให้เราก็ไม่กลับ”
              

    “นี่ตั้งใจจะไปหาคู่งานเพื่อนเราเลยซะงั้น”
              

    “มีป่ะล่ะ  มีดีๆก็แนะนำหน่อยดิที่มีอยู่แม่งเหี้ยอ่ะ..”ปลายเสียงที่หงอยลงของมิ้นต์ทำให้ผมรู้ว่าที่พูดคือหมายถึงไอ้ภัทร  เพราะตั้งแต่มิ้นต์แตกหักกับมันวันนั้นมันก็ยังเทียวไล้เทียวขื่อมิ้นต์ไม่เลิก  เหมือนมันจะเอาผู้หญิงอีกคนไปเก็บก่อนเพราะผมสังเกตว่ามันหายไปสองสามวัน  พอมันกลับมาอีกครั้งมันก็มายืนเฝ้าหน้าห้องมิ้นต์เช้ากลางวันเย็น   


    ด้านกว่าส้นตีน.. ก็หน้าไอ้ภัทรเนี่ยล่ะ



              
    “อืมม จะว่าไปก็มีอยู่คนสนป่ะ?” 
     


    MINTT SAID
     

    ผมนึกไปถึงหล่อตี๋อินเตอร์อย่างไอ้ฉัตร เมื่อคืนผมคุยกับมัน  มันบอกมันจะมาย้ำแผลอกหักของมันที่งานหมั้นเกี่ยวก้อยวันนี้ด้วย เจ็บจนกระอักแต่ก็ยังอยากมาแสดงความยินดีกับเกี่ยวก้อย  แม่งพระเอกสัสอ่ะ..
              

    “นิสัยอย่างนายไม่เอานะ เราอยากได้คนดี” นั่นนน  มิ้นต์ยังกวนตีนผมอีกหนึ่งดอก! ฟังเรื่องผีในรถแล้วยังไม่สำนึก เดี๋ยวพ่อก็จับโยนออกนอกรถแล้วให้พี่ป๋อง กมลมารับซะ
              

    “อ๋ออ  ลืมไปว่าเธอชอบแสนดีอย่างไอ้ภัทร”
              

    “ไอ้มิณทร์!”
              

    “หุยย  ทำมาขึ้นองขึ้นไอ้เดี๋ยวก็ไม่แนะนำเพื่อนหล่อๆให้รู้จักหรอก”
              

    “เหอะ ทำอย่างกับมี”
              

    “ความจริงก็มีเด็กโยธาโสดอยู่คน  ว่าแต่เธอสนป่ะ”
              

    “เป็นคนดีป่ะล่ะ”
              

    “ก็ดีนะหล่อด้วย สเป็คเธออยู่” ผมแสยะยิ้มให้มิ้นต์ “ แต่เธอไม่น่าใช่สเป็คมัน” 
              

    “ไม่ลองไม่รู้ป่ะ” มิ้นต์เบะปากใส่ผมหน้าคว่ำ  จริงๆผมก็เคยคิดจะแนะนำมิ้นต์ให้ไอ้ฉัตรนะแต่ติดที่ว่าไอ้ฉัตรชอบผู้หญิงสไตล์หวานๆอย่างเกี่ยวก้อย  ส่วนมิ้นต์ก็ห้าวแบบสุดกู่  ผมเลยล้มเลิกความคิดไปซะ
              

    “เธอจะเอาป่ะล่ะ?”
              

    “ก็เอามั้ยล่ะ??” หง่อววววววววว  มิ้นต์แม่งเอาจริงเว้ยยย ไม่ได้ๆต้องชงต่อ เผื่อจะมีคู่รักคู่ใหม่  มิ้นต์กับไอ้ฉัตร
              

    “นี่เธอเอาจริงป่ะ”
              

    “กษัตริย์ตรัสแล้วไม่คืนคำ! ”
                 

    “นี่พูดเองนะ” เชี่ยยยย แม่งต้องสนุกแน่ๆ!  มิ้นต์ VS ไอ้ฉัตร ผมประมวลมวยคู่เอกอยู่ในหัวอย่างนึกสนุก “เออ ไว้ไปถึงงานจะแนะนำให้รู้จักกัน”
              

    “ตกลงเพื่อนชื่ออะไรอ่ะ”
              

    “ฉัตร..” ผมอมยิ้มกรุ้มกริ้มแล้วหันไปวิ๊งซ์ตาใส่มิ้นต์แต่มิ้นต์ทำท่าจะอ้วกแทนซะงั้น “โอ้โห  ถ้าจะขนาดนี้อ้วกใส่หน้าเราเลยมั้ยอ่ะ”   
              

    “ให้เพื่อนเบ้าหน้าผ่านก่อนแล้วค่อยมาพูดกัน” มิ้นต์หัวเราใส่ผมเสียงดัง  ผมว่านะจริงๆอย่างมิ้นต์หาแฟนไม่ยากหรอก  ความจริงมิ้นต์เองก็เป็นคนสวยติดแต่ขี้กวนตีนไปนิด  ห้าวเกินหญิงไปหน่อยก็แค่นั้น
              

    “ไอ้ฉัตรมันชอบผู้หญิงหวานๆนะ” ผมพยายามชงต่อเพื่อกระตุ้นความรู้สึกชอบเอาชนะของมิ้นต์  ย้ำอีกที..   
    มิ้นต์ VS ไอ้ฉัตร  งุ้ยยย แค่คิดก็มุ้งมิ้งแล้วอ่ะ
             

    “วันนี้ล่ะเราจะสวยให้ดู” 


    มิ้นต์เชิดหน้าแล้วพูดอย่างมั่นใจ โอ้ยย จะเอาฮาไปไหน  แค่ผมนึกภาพตามก็ขากรรไกรค้างแล้ว ไอ้ฉัตรจับคู่กับมิ้นต์..  อืมม ก็ดูดีอยู่นะ  มิ้นต์เองก็เพิ่งผ่านความรักช้ำๆในขณะที่ไอ้ฉัตรก็ไม่เคยมองใครนอกจากเกี่ยวก้อย
                

    ผมว่ามวยถูกคู่แล้วว่ะ


     



    SOL'S TALK
    ๓ ชั่วโมงก่อนงานหมั้น , ห้องแต่งตัวชั้นบนสุด V hotel      

     

              
    บรรยากาศห้องแต่งตัวก่อนเริ่มพิธีในช่วงเช้าคลาคล่ำไปด้วยช่างแต่งหน้าและช่างทำผม ขณะที่ช่างบางส่วนกำลังช่วยเย็บเก็บรายละเอียดของงชุดไทยบรมพิมานซึ่งเป็นชุดที่เจ้าสาวจะใส่อวดสายตาให้สมกับฐานะสะใภ้ของ ‘มานพสกุล’ ในวันนี้
              

    พี่ก้อยสวยมาก.. ออร่าเจ้าสาวส่องประกายจับตา  ดวงหน้าหวานระบายรอยยิ้มอย่างมีความสุขที่สุด  ฉันตื่นมาช่วยพี่ก้อยแต่งตัวที่โรงแรมของวีกรุ๊ปและมาให้ช่างแต่งหน้าทำผมในฐานะญาติฝ่ายเจ้าบ่าวมาตั้งแต่เช้าแล้ว
               

    วันนี้ฉันก็แต่งตัวสวยอยู่หรอกนะ.. แต่ยิ้มไม่ออกอ่ะ
              

    “ซอลเป็นอะไรรึเปล่าจ๊ะ” ฉันสะดุ้งหลุดออกมาจากภวังค์และเงยหน้าขึ้นมองเจ้าสาวแสนสวยอย่างงงๆ  ดวงตาคู่สวยของกำลังมองฉันอย่างสงสัย  พี่ก้อยอยู่ในชุดไทยบรมพิมานสีทองที่ปักด้วยเลื่อมลูกไม้ทั้งตัวสวยสง่าจับตา  ผ้าลูกไม้เนื้อบางถูกตัดเย็บอย่างวิจิตรบรรจงและงดงามหมดจรดทุกรายละเอียด  มะ เมื่อกี้พี่ก้อยว่าไงนะ?
              

    “พี่ก้อยว่าไงนะคะ” 


    ฉันเพิ่งสังเกตว่าฉันยืนเหม่อขณะที่กำลังช่วยพี่ก้อยตรวจ เช็คความเรียบร้อยของชุดไทยอยู่  นี่ฉันเหม่อไปนานแค่ไหนแล้วนะ
              

    “ซอลเป็นอะไรรึเปล่าจ๊ะดูท่าทางแปลกๆ” ดวงหน้าหวานที่ถูกแต่งแต้มอย่างงดงามของเจ้าสาวกำลังมองฉันอย่างสงสัย  ถ้าฉันบอกว่าไม่เป็นอะไรฉันก็โกหก.. แต่ฉันสามารถพูดออกมาได้มั้ยล่ะ?
              

    “ซอลไม่เป็นไรค่ะ เมื่อคืนแค่นอนดึกเพราะตื่นเต้นนิดหน่อยพี่ก้อยไม่ต้องเป็นห่วงนะคะ” 


    ฉันยิ้มหวานให้พี่ก้อยด้วยท่าทางสดใสทั้งที่ข้างในกรวงสุดๆ  เมื่อคืนฉันนอนไม่ค่อยหลับ  ฉัน..ไม่ค่อยสบายใจ  ทั้งๆที่ฉันควรจะร่าเริงและสดใสเข้าไว้เพราะวันนี้เป็นวันที่สำคัญที่สุดของคนที่ฉันรักสองคน  เฮียกรกับพี่ก้อย..
              

    “ไม่ได้เป็นไข้แน่นะ”
              

    “ซอลแค่นอนน้อยค่ะพอดีตื่นเต้นกับงานวันนี้ด้วย” ฉันลากพี่ก้อยเดินกลับไปหน้ากระจก “วันดีๆแบบนี้เจ้าสาวไม่ควรทำหน้ามู่นะคะ” 
              

    “ถ้าซอลเหนื่อยซอลก็ไปพักนะ ตื่นมาช่วยพี่แต่งตัวตั้งแต่ตีสี่แล้วพี่เกรงใจแล้วไหนซอลต้องไปช่วยน้าเปียโนกับอาเจตต้อนรับแขกข้างล่างอีก”
              

    “โหยย เรื่องแค่นี้สบายมากค่ะ”
              

    “แล้วตกลงวันนี้มิณทร์มางานรึเปล่าจ๊ะ?” 
              

    เป็นคำถามที่เรียบง่ายแต่ทำให้ฉันน้ำตาไหลเฉยเลย  พี่ก้อยแค่ถามฉันเฉยๆแต่ฉันกลับยืนน้ำตาร่วงต่อหน้าพี่ก้อยซะงั้น..
              

    “ซอลเป็นอะไรจ๊ะ!!” พี่ก้อยรีบหันมาหาฉันก่อนจะพยักเพยิดหน้าให้ช่างแต่งหน้าและช่างทำผมทุกคนที่อยู่ในห้องออกไป ดีนะที่ตอนนี้พวกผู้ใหญ่ต่างวุ่นวายอยู่กับการเตรียมงานข้างนอกกันหมด  ในห้องนี้จึงมีเพียงฉัน พี่ก้อย และช่างอีกสองสามคนเท่านั้น “ซอลมานั่งตรงนี้ก่อนจ้ะ”
              

    พี่ก้อยจูงมือฉันเดินหลบมานั่งที่โซฟาหลังใหญ่ข้างใน  ปกติฉันเป็นคนเข้มแข็งไม่ร้องไห้ต่อหน้าคนอื่นง่ายๆ  แต่วันนี้ไม่รู้ทำไมฉันถึงรู้สึกว่าสภาพหัวใจตัวเองอ่อนแอที่สุด  อาจจะเพราะในวันนี้คนรอบข้างฉันมีความสุขกันหมดล่ะมั้ง?  
              

    “เกิดอะไรขึ้นจ๊ะ” 


    พี่ก้อยหยิบทิชชู่มาซับน้ำตาให้ฉันอย่างใจดี  มือบางคอยลูบหลังฉันอย่างปลอบประโลม  ตั้งแต่เด็กแล้วที่พี่ก้อยเปรียบเสมือนพี่สาวคนหนึ่งของฉัน
              

    “มะ ไม่มีอะไรค่ะ” และถึงแม้ฉันจะสนิทกับพี่ก้อย.. แต่มันก็เป็นเรื่องยากที่จะให้ฉันสารภาพถึงสิ่งที่อยู่ในใจ  วันนี้พี่ก้อยไม่ควรจะมาเครียดอะไร.. พี่ก้อยควรจะเป็นเจ้าสาวที่ระบายยิ้มอย่างมีความสุขที่สุดเท่านั้น
              

    “หนูทะเลาะกันมิณทร์หรอจ๊ะ..” 


    ก้อนสะอึกที่มันจุกอยู่ที่คอเหมือนมันจะทะลักออกมา  เป็นอีกครั้งที่คำถามง่ายๆทำฉันน้ำตานองหน้าและมันก็เป็นที่แน่นอนแล้วว่าพี่ก้อยรู้เรื่องของฉันกับพี่มิณทร์จริงๆ  ฉันปิดพี่ก้อยไม่มิดเลยสินะ
              

    “เปล่าค่ะ..”
              

    “งั้นซอลเป็นอะไรบอกพี่ได้มั้ย” น้ำเสียงเป็นห่วงเป็นใยและมือบางที่คอยลูบหลังปลอบฉันอย่างอบอุ่นทำให้น้ำตาที่เก็บกลืนของฉันพังครืนลง  ฉันไม่ได้ทะเลาะกับพี่มิณทร์เพียงแต่ฉันรู้สึกผิดกับเขาต่างหากล่ะ  
              

    “ฮึกก พี่ก้อยคะ..” 


    ฉันถลากอดคอพี่ก้อยโดยไม่สนใจแล้วว่าฉันจะอยู่ในสภาพยังไง  ชุดออกงานฉันจะยับแค่ไหน  หรือหน้าที่แต่งมาอย่างดีแล้วจะเละยังไง ตอนนี้ฉันไม่สนอะไรนอกจากอยากร้องไห้ให้ดังๆ
              

    “ซอลใจเย็นๆก่อนนะ มีอะไรบอกพี่” พี่ก้อยค่อยๆลูบปลอบที่หลังศีรษะฉัน “ใช่ เรื่องที่เสียงดังกับกรวันนั้นรึเปล่า..?”
              

    “ฮืออ” 


    และเสียงสะอื้นฉันคงแทนคำตอบ  ฉันไม่โทษเฮียกร.. แต่ฉันโทษความขี้ขลาดของตัวเอง  ถ้าฉันกล้าบอกเฮียกรเรื่องพี่มิณทร์ ถ้าฉันกล้าพอที่จะสารภาพทุกสิ่งในวันนั้น


              
    “ถ้าซอลไม่อยากรู้จักหรือไม่อยากคุยกับใครซอลก็ไม่ต้องคุยนะ” พี่ก้อยเสียงสั่นขณะที่กอดปลอบฉัน  “ถ้าใครมาบังคับฝืนใจซอลพี่ก็ไม่แต่ง!  พี่ไม่อยากมีความสุขขณะที่น้องพี่ร้องไห้  พี่อยู่ข้างซอลนะ”



    เพราะพี่ก้อยคือพี่สาวที่ฉันแสนรัก.. และเฮียกรคือพี่ชายที่ฉันรักที่สุดและฉันจะไม่ยอมให้ความสุขของคนที่ฉันรักทั้งสองคนต้องพังลงไม่ว่าด้วยเหตุผลอะไรทั้งนั้น
              

    “มันจะไม่เป็นแบบนั้นค่ะวันนี้เป็นวันของพี่ก้อย  พี่ก้อยต้องเป็นเจ้าสาวที่มีความสุขที่สุด  พี่ก้อยไม่ต้องห่วงอะไรทั้งนั้นนะคะ”
              

    “แต่..ซอล!”
              

    “เฮียกรก็บอกแล้วว่าผู้ใหญ่แค่อยากให้ทำความรู้จักพี่ก้อยไม่ต้องห่วงนะคะซอลเข้มแข็งพอ ซอลแค่รู้สึกผิดกับพี่มิณทร์”
              

    “แต่การทำแบบนี้มันก็เหมือนการดูตัวกลายๆนะ!”
              

    “ซอลรู้.. ว่ายังไงเฮียกรกับมะม๊าก็ไม่มีทางฝืนใจซอลหรอกค่ะ  ถ้าจะมีอะไรที่มากกว่านั้นซอลเองก็คงไม่ยอมแน่ๆแต่ซอลแค่รู้สึกกระดากใจกับพี่มิณทร์ค่ะ..”
              

    “แล้วมิณทร์รู้เรื่องนี้มั้ยจ๊ะ”
              

    “ไม่ค่ะ.. ซอลไม่ได้บอก” ฉันสะอื้นจนเสียงเครือ “แต่ซอลรู้สึกผิด  ซอลรู้สึกเหมือนซอลกำลังนอกใจพี่มิณทร์เลยค่ะ”
              

    “ไม่เป็นไรนะพี่เชื่อว่ามิณทร์จะเข้าใจ  มิณทร์ไม่ใช่คนไม่มีเหตุผลหรอก”
      
              
    “ซอลรู้ค่ะ” ฉันรู้.. ว่าถ้าบอกความจริงพี่มิณทร์คงไม่โกรธ  แต่ความรู้สึกผิดที่ต้องไปยืนข้างใครที่ไม่ใช่พี่มิณทร์มันกำลังฆ่าฉัน           


    “ให้พี่บอกกรให้ไหม..เรื่องมิณทร์” 


    ฉันผละออกจากอ้อมกอดพี่ก้อย  มันอาจจะเป็นเรื่องดีที่พี่ก้อยช่วยพูด  แต่การขอโทษที่ทำอะไรลับหลังเฮียกรและการสารภาพความจริงมันควรออกมาจากปากฉัน
              

    “ไม่เป็นไรค่ะพี่ก้อย ซอลอยากบอกเอง” ฉันปาดน้ำตาแล้วยื่นมือไปจับมือพี่ก้อย “เรื่องนี้ซอลเป็นคนทำอะไรไม่บอกเฮียกรเอง  ซอลผิดเอง เพราะงั้นซอลต้องเป็นคนบอกเฮียกรเองค่ะ”   
              

    “ถ้ามีอะไรให้พี่ช่วยก็บอกนะ” พี่ก้อยยิ้มอ่อนโยนให้ฉัน “แล้วมิณทร์ว่ายังไงกับเรื่องนี้?  พี่ไม่คิดว่ามิณทร์จะบอกให้ซอลเก็บไว้เป็นความลับหรอกนะ”
              

    “พี่มิณทร์ตั้งใจจะบอกเฮียกรตั้งแต่วันแรกที่เราคบกันแล้วค่ะแต่ซอลเป็นห้ามไว้เอง” ฉันก้มหน้าอุบอิบ  “ซอลไม่อยากให้พี่มิณทร์มีปัญหากับเฮียกรค่ะ”
              

    “ซอลจ๊ะ ยังไงกรกับมิณทร์ก็เป็นเพื่อนสนิทกันพี่ว่าสองคนคงไม่ทะเลาะกันตายหรอก ถึงกรรู้แล้วจะโกรธแค่ไหนยังไงก็คงไม่เลิกเป็นเพื่อนกับมิณทร์อยู่ดี  เพราะงั้นเรื่องนี้ปล่อยให้เป็นเรื่องของกรกับมิณทร์เถอะนะ”
              

    เหตุผลของพี่ก้อยฉันควรรับฟัง  และนี่อาจจะเป็นเรื่องที่หนักเกินไปหากฉันจะรับไว้คนเดียวทั้งๆที่พี่มิณทร์ก็พูดกับฉันอยู่ตลอดว่าเขาพร้อมที่จะไปยืดอกรับต่อหน้าเฮียกรว่ากำลังคบกับฉัน..
              

    “ค่ะ..” ฉันพยักหน้าตอบรับพี่ก้อยสั้นๆแต่ใจเบากว่าเดิมเยอะเลย  อย่างน้อย..เรื่องของฉันกับพี่มิณทร์ก็มีทางให้ไปไม่ใช่ทางตัน
             

    “ช่างคะ รบกวนเข้ามาอีกครั้งได้แล้วค่ะ” พี่ก้อยตะโกนข้ามออกไปนอกห้องขณะที่ช่างผมและช่างแต่งหน้าต่างก็กรูกันเข้ามาอีกครั้ง  “เดี๋ยวรบกวนมาแต่งหน้าทำผมให้หนูซอลอีกรอบด้วยค่ะ”
              

    “พี่ก้อย อะไรกันคะ??”  ถึงฉันจะร้องไห้จนตาเยินแค่ไหนแต่มันก็คงไม่ต้องถึงกับแต่งหน้าทำผมใหม่อยู่ดี  เพราะงานนี้คนที่สวยที่สุดคือพี่ก้อย.. ไม่ใช่ฉัน
              

    “วันนี้คนที่สวยรองจากพี่ต้องเป็นน้องพี่เท่านั้นจ้ะ” พี่ก้อยยิ้มหวานให้ฉันขณะที่ดันไหล่ฉันไปให้ช่างแต่งหน้าและทำผมปล้ำอีกรอบ  “พอแต่งสวยแล้วซอลก็ถ่ายรูปไปให้มิณทร์ดู  เผื่อพ่อวิศวกรอุโมงค์จะบินมาจากลำพูนทัน”
               

    “พี่ก้อยอ้ะ~~” 


    พี่ก้อยลูบหัวให้กำลังใจฉัน  ถึงฉันจะรู้สึกแย่กับตัวเองอย่างหนักแต่อย่างน้อยกำลังใจและรอยยิ้มจากพี่ก้อยก็ทำให้ฉันรู้สึกดีขึ้น  ความรู้สึกอึดอัดเหมือนถูกผูกกับลูกโป่งลอยขึ้นฟ้าไป  ถ้าพี่มิณทร์กลับมาเมื่อไหร่..ฉันก็จะบอกว่าฉันพร้อมที่จะให้เฮียกรรู้เรื่องของเราสักที  
                 

    ฉันจะบอกกับทุกคนว่าฉันกับพี่มิณทร์คบกัน



    (LOADING 100%)
     



    ❤❤❤
    TALK 4
    ไม่ต้องส่งรูปไปยั่วหรอกค่ะ อีพี่มันบินมาแล้ววววว
    มาแบบเริงร่าโดยไม่รู้ว่าพาปัญหาติดรถมาด้วย
    พรุ่งนี้เที่ยงเจอกัน อัพเปิดงานหมั้นจร้าา




    ❤❤❤
    TALK 3
    เกี่ยวก้อยเป็นพี่สะใภ้ที่รักน้องมากกก
    เผลอๆเข้าข้างซอลมากกว่าแฟนตัวเองอีก
    ความจริงแค่สารภาพกับเฮียกรไปตรงๆเรื่องก็จบแล้วมั้ยซอลเอ้ยย
    ตัวหนูซอลก็คิดเยอะไป ส่วนอีพี่มิณทร์แม่มก็ไม่คิดอะไรเลย 
    งานหมั้นใกล้เริ่มแบ้ววว

     

    ❤❤
    TALK 2
    พี่มิณทร์ผู้แสนมุ้งมิ้งหลงเมียก็กำลังจะกลับ
    คู่รักคู่ใหม่ (หรอ) ก็กำลังจะบังเกิด
    เป็นงานหมั้นที่รวมมิตรซุปตาร์มากก
    พรุ่งนี้อัพอีกกก



    TALK 1
    โอ้ยย อีพี่! งานจับคู่ก็มาาา
    งานตัวเองจะงอก เมียตัวเองจะงอนยังไม่รู้ตัว - -*
    ทายสิว่ามิณทร์คิดจับคู่มิ้นต์ให้ใคร ฮี่ๆ

    รักส์

    ขอให้อ่านอย่างมีความสุขค่ะ
    ขอบคุณที่ติดตามกันนะคะ

     


     


     



     

     

     

     


     

     

     


     

     

    เมื่อเธอไม่อยู่ หรือฉันต้องไป
    ในความเคลื่อนไหวบางครั้งก็มีคิดมากไปบ้าง
    ก็เพราะว่าห่วง เมื่อเราต้องห่าง
    เวลาอ้างว้าง อยากรู้ว่ายังมีเรา
    ไม่ใช่ว่าหวง แต่เหงา อยากให้เข้าใจ

    เพราะไม่เห็นหน้า ถึงโทรมาบ่อย
    ก็อย่างน้อยน้อยได้ยินเสียงพอให้เหงามันคลาย
    เพราะโลกมันกว้าง เพราะทางมันแสนไกล
    จะอยู่ตรงไหน ไม่เหมือนที่เรามีเรา
    ไม่ใช่ว่าหวง แต่เหงา อยากให้เข้าใจ

    * กอดหน่อยได้ไหม ด้วยคำว่าคิดถึง
    อยากฟังอีกสักครั้งหนึ่ง ให้ใจได้อุ่นใจ
    อยู่ห่างขนาดนี้ คิดถึงกันบ้างไหม
    กอดบ่อยบ่อยได้ไหม ถ้าใจเธอเหงาเหมือนกัน

    ขอเพียงใกล้ใจ แม้จะไกลกัน
    ระหว่างทางฝัน อย่างน้อยฉันยังมีเธอเติมใจ
    ไม่นานจะมา เห็นหน้าใกล้ใกล้
    จะกอดเธอไว้ให้เหมือนกอดแรกของเรา
    แต่ว่าตอนนี้ มันเหงา อยากให้เข้าใจ

    ( ซ้ำ * )

    กอดหน่อยได้ไหม ด้วยคำว่าคิดถึง
    อยากฟังอีกสักครั้งหนึ่ง ให้ใจได้อุ่นใจ
    อยู่ห่างขนาดนี้ คิดถึงกันบ้างไหม
    กอดบ่อยบ่อยได้ไหม ถ้าใจเธอเหงาเหมือนกัน

     


     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×