บทนำ
" น่อย น้อย หน้อยย...น๋อย น่อย นอย...น่อย น้อย หน้อยย...."
เสียงผู้หญิงอันเย็นยะเยือกขับคู่มากับสายลมในค่ำคืนนี้อีกครั้ง มันเป็นแบบนี้ตั้งแต่คืนแรกที่เข้ามาค้างแรมที่นี้ เสียงสำเนียงของผู้หญิงผู้นั้นดูโบราณราวกับการขับร้องเพลงไทยเดิมในสมัยก่อน มันเป็นเสียงที่ไม่มีเนื้อร้อง แต่เป็นการใช้ถ้อยคำแทนท่วงทำนองของดนตรี และเมื่อใดก็ตามที่เดินออกค้นหาว่าเสียงนั้นมาจากไหน ลมราตรีก็จะพัดเสียงนั้นพริ้วหายไป แต่ลมกลับนำพากลิ่นดอกการเวกลอยมาอบอวลในห้องให้หอมละมุลจนเผลอเคลิ้มหลับไปอย่างไม่รู้ตัว เมื่อตื่นมายามเช้า กลิ่นหอมของดอกการเวกยังคงหอมกรุ่นติดอยู่ริมหมอน ทั้งๆที่ในบริเวณรอบนั้นมันไม่มีแม้แต่ต้นไม้ดอกเลยสักต้นเดียว เพราะที่นี้คือ โรงแรมริมปากอ่าวของเมืองSeattle รัฐWashington
+++
แม้ตอนนี้มันจะเป็นฤดูฝน"กิ่งแก้วกาหลง"กลับไปยืนดูสายฝนที่ริมระเบียงห้อง เธอกำลังยืนครุ่นคิดหาคำตอบกับเรื่องราวประหลาดที่เกิดขึ้น เรื่องนี้มันไม่ใช่ความฝันหรืออาการกึ่งหลับกึ่งตื่น เพราะมันเกิดขึ้นหลายครั้งตั้งแต่เธอมาพักอยู่ที่นี้ เหลืออีกแค่สองวันก็จะเดินทางออกจากโรงแรมนี้ แต่ก็ยังไม่รู้ว่าเสียงปริศนากับกลิ่นดอกการเวกนั้นมันมีที่มาอย่างไร
"ก๊อก ก๊อก ก๊อก"
เสียงเคาะเรียกประตูดังขึ้น แก้วหยุดคิดแล้วเดินไปเปิดประตูหน้าห้องเพื่อต้อนรับเพื่อนที่มาถึง
" พร้อมหรือยังจ๊ะ ท่านหญิงกิ่งแก้วกาหลงคนสวย ขณะนี้ราชรถพร้อมแล้วพะยะค่ะ" เสียงทักทายกวนๆของมนตรี เพื่อนสนิทคนเดียวของแก้วที่อาศัยอยู่ที่เมืองซีแอตเทิ้ล วันนี้มนตรีจะทำหน้าที่เป็นไกด์แนะนำสถานที่ท่องเที่ยวในเมือง
" พร้อมตั้งนานแล้วจ้าพ่อหน้ามน แหมถึงตระกูลฉันเป็นตระกูลหม่อมเก่า แต่นั่นมันก็นานมาแล้ว ฉันมันรุ่นโหลนแล้วจ่ะ ปู่ฉันเสี้ยวเชื้อเจ้าแต่งกับคุณย่าเชื้อจีน พอตกมาถึงรุ่นฉัน มันก็ไม่เหลือเชื้อจ้งเชื้อเจ้าแล้วหล่ะ แซวฉันตลอดเลยมั้ง "
" จ้าาาาแก้วเพื่อนเลิฟ ตอนนี้นะฉันว่าเชื้อเจ้าคงไม่มี แต่ไม่นานแกคงจะมีเชื้อหวัดแล้วหล่ะ"
" ทำไมอ่ะ "
" นี่มันหน้าฝนนะคร้าบบ อากาศหนาวติดลบแบบเนี้ย เปิดระเบียงทำไมเนี้ย โอ้ยย!ฉันหนาว"
มนตรีรีบวิ่งไปปิดประตูที่ระเบียงและเปิดฮีทเตอร์เพื่อให้อุณหภูมิห้องมันอุ่นขึ้น ส่วนแก้วก็เดินไปที่โต๊ะเครื่องแป้ง เธอหยิบสร้อยล็อกเก็ตเส้นหนึ่งมาสวมที่คอ มันเป็นสร้อยสามกษัตริย์เก่าๆที่ห้อยด้วยล็อกเก็ตวงรีสีทองเหลือง ด้านหน้ามีรอยสลักนูนเป็นรูปกุหลาบ สภาพของล็อกเก็ตดูเก่าไม่ต่างจากสายสร้อยเพราะมันเต็มไปด้วยรอยถลอกและคราบดำมากมาย
" ใครให้มาอ่ะ? แฟนหรอ?"
" จะบ้าเหรอ นี่คือล็อคเก็ตของคุณย่าฉันย่ะ มันเป็นล็อตเก็ตที่สืบทอดมาจากคุณเทียดบาหยัน แล้วมันก็ตกทอดมาถึงทวดฉัน แล้วก็มาย่าฉัน "
"เดี๋ยวก่อนนะ อะไรคือเทียดอ่ะ? "
" เทียด เข้าใจง่ายๆก็คือแม่ของทวดฉันไง คุณเทียดบาหยันท่านเกิดสมัยรัชกาลที่ห้าโน้นแหน่ะ ตระกูลฉันเรื่องมันย๊าวยาว ขี้เกียจเล่า ไอ้สร้อยเนี้ยคุณย่าท่านให้ฉันก่อนเดินทางมาที่นี้ และที่ฉันยิ้มเพราะฉันนึกถึงคำพูดท่าน ท่านบอกว่าทุกครั้งที่ใส่สร้อยนี้ ขอให้บุญทุกอย่างของย่าโปรดคุ้มครองฉันให้แคล้วคลาด และมีความสุขเสมอไป"
แก้วพูดจบก็เอาสร้อยไว้ในสองฝ่ามือพร้อมประนมมือจบยกขึ้นเหนือหัว
" นี่สร้อยปลุกเสกประจำตระกูลหรอแกเหรอเนี้ย ฮ่าฮ่า" มนตรีขำกับท่าทางของแก้วที่ทำเหมือนตอนคนแก่จบซองผ้าป่าขอบุญ
" ถึงไม่ใช่พระปลุกเสก แต่ฉันก็อุ่นใจเหมือนมีพรผู้ใหญ่คุ้มหัวอยู่นะ มันสบายใจยังไงไม่รู้บอกไม่ถูก...ฮะ ฮ้ะ ฮ๊ะ ฮั้ดชิ้ว" แก้วจามออกมาขณะพูดมันยิ่งทำให้มนตรีขำออกมาดังลั่นห้อง
"ฮ่าฮ่าฮ่า สงสัยจะคุ้มกันหวัดไม่ได้เนอะสร้อยเส้นเนี้ย ฉันว่าแกกินยาแก้หวัดหน่อยมะ เล่นนอนเปิดประตูระเบียงทุกคืนเลยใช่ไหมเนี้ย บ้าไปแล้วแกเนี้ย"
" ฉันก็ไม่ได้ตั้งใจเปิดซะหน่อย แค่รู้สึกว่าฮีทเตอร์มันร้อนไป ก็เลยเปิดอากาศให้ถ่ายเท แล้วก็มานอนจนเผลอหลับไปอ่ะ "
" ไม่มีใครที่นี้เค้าเปิดประตูระเบียงนอนแบบแกหรอกนะ ที่นี้อเมริกาคร้าบบ ไม่ใช่เมืองไทย นี่มันจะสิบโมงแหล่ะ ฉันว่าเรารีบไปเถอะ เราจะได้ทันUnderground Tourรอบแรก"
" ตกลงเราจะไปไอ้Underground Tourนี้ก่อนเหรอ มันมีอะไรอ่ะ ฉันไม่ชอบที่อับชื้นมืดๆและแคบๆนะแก"
" มาเถอะน่า! สนุกแน่เพราะมันคือการทัวร์เมืองใต้ดินร้างที่ถูกไฟไหม้เมื่อร้อยกว่าปีที่แล้วโน้น นี่มันคือไฮไล้ท์ของสถานที่เที่ยวของซีแอตเทิ้ลเลยน้า ที่ฉันให้ไปรอบแรกเพราะคนอาจยังไม่เยอะ วันนี้วันธรรมดาคนน้อยชัวร์ พอทัวร์เสร็จเราก็มากินพิซซ่าโฮมเมดตรงPioneer Square รับรองอร่อยมากกกก อ่ะเอาโปรชัวร์Underground Tourไปดูก่อนหล่ะกัน"
มนตรีเห็นแก้วอิดออดไม่อยากไป เขาจึงยื่นโปรชัวร์Underground Tour ให้แก้วดู แก้วเปิดดูไปมาอย่างคร่าวๆ แต่เธอก็มาสะดุดกับภาพใหญ่ที่ประกอบในโปรชัวร์ มันเป็นภาพของซุ้มประตูอิฐทรงโค้ง ตรงด้านขอบประตูซุ้มมีป้ายเก่าๆถูกสุมด้วยกองอิฐทับไว้ ด้านหลังของประตูดูเหมือนมีทางเดินที่สามารถทะลุเข้าไปได้อีก แต่มันดูมืดจนมองไม่เห็นปลายทางว่าลึกแค่ไหน
แก้วเพ่งดูมันด้วยความสงสัย ยิ่งดูเธอยิ่งคุ้นเข้าไปเรื่อยๆ เธอครุ่นคิดอยู่ชั่วระยะเวลาหนึ่ง แล้วเธอก็คิดออกว่าเคยเห็นภาพลักษณะนี้ที่ไหน ทุกคืนหลังจากเสียงและกลิ่นการเวกทำเคลิ้มหลับไป ประตูอิฐในภาพจะมาปรากฏในฝันทั้งๆที่ไม่เคยมาและไม่เคยรู้จักเมืองใต้ดินที่ถูกไฟไหม้แห่งนี้มาก่อน
" มนตรี ฉันว่าเราไปเมืองใต้ดินที่ว่ากันเถอะ ฉันชักอยากไปแล้วล่ะ"
++++++
คนไหนอยากฟังว่าไอ้เสียง "น่อย หน้อย น้อย" เป็นอย่างไร ลองฟังเสียงตัวอย่างได้เลยจ้า
สำหรับท่านที่มีข้อสงสัยว่าเหย้าคืออะไร "เหย้า"แปลว่าเรือน ซึ่งเราอาจเคยได้ยินกันบ่อยอยู่แล้ว คำว่า "เหย้า" อ่านออกเสียงว่า "เย่า คำคำนี้เขียนได้สองแบบคือ เหย้า กับ หย้าว ความหมายเหมือนกันไม่แตกต่าง
นิยายเรื่อง"เหย้าบาหยัน" เป็นนิยายที่อิงประวัติศาสตร์สมัยรัชกาลที่5และราวๆคริสต์ศักราช1889ของฝรั่ง ดังนั้นเหตุการณ์ต่างๆที่มีในบทล้วนเกิดขึ้นจริงอิงตามยุค อาจมีเพิ่มเนื้อสีสันเพื่อความบันเทิง แต่ชื่อบุคคลในนิยายเป็นตัวละครสมมุติไม่ได้มีขึ้นจริง
อย่าลืมติดตาม"เหย้าบาหยัน" กันด้วยนะจ๊ะ แนะนำติชมกันมาหน่อยน้าา จะได้รู้ว่ามีคนอ่านอยู่นะจ๊ะ
ข้อความที่โพสจะต้องไม่น้อยกว่า {{min_t_comment}} ตัวอักษรและไม่เกิน {{max_t_comment}} ตัวอักษร
กรอกชื่อด้วยนะ
_________
กรอกข้อมูลในช่องต่อไปนี้ไม่ครบ
หรือข้อมูลผิดพลาดครับ :
_____________________________
ช่วยกรอกอีกครั้งนะครับ
กรุณากรอกรหัสความปลอดภัย
ความคิดเห็น