คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : chapter 2
หลังจากที่ขับรถออกจากโรงพยาบาลมาได้ไม่นาน ผมก็เลี้ยวรถเข้าในซอยซอยหนึ่งเพื่อมุ่งหน้าไปยังสิ่งหนึ่งที่เรียกว่า ‘บ้าน’
ไม่บ่อยนักหรอกที่ผมจะมาที่นี่ ไม่ใช่ว่าบ้านผมไม่ดีแต่บางทีมันก็อบอุ่นจนเกินไป แค่นั้นเอง
ก็ผมรักอิสระ เลยต้องออกไปอยู่คอนโดข้างนอกคนเดียว ขืนผมอยู่บ้านชีวิตนี้ก็ลั่นล๊าได้ไม่เต็มที่น่ะสิ
ผมทิ้งยัยบ้านั่นให้อยู่โรงพยาบาลคนเดียวเพราะหมอยังไม่อนุญาตให้ออกจากโรงพยาบาล ให้ตายเหอะ!! ซวยแล้วซวยอีก ลูกรักใช้การไม่ได้ นอนแอ้งแม้งอยู่ในอู่ ผมเลยต้องเอารถคันอื่นมาขับแทน เลยเป็นเหตุให้ต้องกลับมาบ้านบ่อยๆนี่ไง เพราะไอ้คันที่ขับดันเป็นลูกรักของม๊าผม
ตอนนี้ผมขับรถมาจอดรออยู่ที่ประตูใหญ่ เพื่อกดรีโมทแล้วรอให้ประตูมันค่อยๆเลื่อนออกอย่างอัตโนมัติ ผมว่าจ้างยามมาคอยเปิดยังเร็วกว่านี้อีก ไม่เข้าใจป๊ากับม๊าเลยว่ะ
เมื่อประตูเปิดออก ผมก็ถอนหายใจทีหนึ่งอย่างเบื่อหน่าย ก่อนจะเหยียบคัดเร่งพุ่งทะยานเข้าไปในบริเวณบ้านที่กว้างขวางมาก จะเรียกว่าคฤหาสน์ก็คงไม่ผิด
ผมขับรถผ่านบ้านไม้สองชั้น หลังไม่ใหญ่มากที่ตั้งอยู่ท่ามกลางสวน ไม้ดอกไม้ประดับทั้งหลาย เกือบจะเป็นป่าดงดิบเลยก็ว่าได้ ก่อนจะมุ่งหน้าไปสู่เรือนใหญ่ที่มีสาวสวยยืนยิ้มหวานรออยู่
“วิลด์ ทำไมทำหน้าอย่างนั้นล่ะ” เธอเดินเข้ามาประชิดตัวผมแล้วเอามือทั้งสองข้างกุมใบหน้าผมไว้ เธอมักจะทำอย่างนี้ทุกครั้งที่รู้สึกเป็นห่วงผมและคนอื่นๆ
“ผมขับรถชนคนฮะ” ผมตอบออกไปอย่างหน้าตาย
จริงอยู่ที่ผมเป็นผู้ชายร่าเริงสดใสเหมือนสาวน้อยวัยแรกแย้ม แต่เมื่อมีเรื่องมากวนใจผมมักจะตีหน้าตายอย่างนี้เสมอ
“อะไรนะ!!!!!.......”
“ม๊า.....” ผมเอามืออุดหูแทบไม่ทันเมื่อผู้หญิงที่อยู่ตรงหน้าเอ็ดขึ้นมาเหมือนผมไปฆ่าใครตาย
“เขาตายมั้ย”
“-_-!! ” ม๊าปากเสียอ่ะ
ผมก้มลงมองใบหน้าของผู้หญิงที่หน้าตาน่ารักอ่อนกว่าวัยที่ตอนนี้ดวงตากลมโตเบิกกว้างอย่างตกใจ ผิวขาวสว่างอย่างมีออร่าเริ่มซีดลง รูปร่างตัวเล็กสมกับชื่อ.... แทบจะกระโดดลอยขึ้นกลางอากาศอย่างตื่นตูม
“วิลด์....”
“เขาไม่เป็นไรฮะ ม๊าอย่าตื่นตูมไปเลยน่า”
“อืม” ครับ-_- แค่นี้แหละ ม๊าผมเป็นคนไม่ค่อยพูด เก็บความรู้สึกเก่งแต่มักจะแสดงความรู้สึกออกทางแววตามากกว่า และตอนนี้แววตาเธอดูตื่นตระหนกอย่างปิดไม่มิด
“แต่อย่าบอกป๊านะ” ผมก้มลงกระซิบข้างหูม๊าก่อนจะส่งสายตาเว้าวอนไปให้ เพราะเรื่องนี้จะถึงหูป๊าไม่ได้เด็ดขาด เดี๋ยวเรื่องมันจะวุ่นวายกว่าเดิม
“ไม่สัญญา”
“นะ..”
“........”
“นะ ม๊าครับ” อ้อน*_*
“.......”
“นะ นะ”
“ก็ได้ แต่....”
“ขอบคุณครับ จุ๊บ!!” ^^ ยังไม่ทันที่ม๊าจะได้อ้าปากพูดต่อ ผมก็รีบตัดบทแล้วจุ๊บแก้มนุ่มๆของม๊าอีกทีก่อนจะวิ่งหายเข้ามาในบ้าน ปล่อยให้คุณเธอยืนอ้าปากพะงาบๆอยู่หน้าบ้านคนเดียวพร้อมกับเสียงหัวเราะคิกคักของคนรับใช้
มันไม่ใช่เรื่องสนุกที่จะมาโดนซักไซ้ไล่ถาม เพราะฉะนั้นเมื่อหาโอกาสปลีกตัวออกมาได้ก็ควรจะที่ทำ
ผมเดินขึ้นมาชั้นบนก่อนจะเข้ามาในห้องนอนของตัวเองที่ถูกตกแต่งไว้อย่างสวยหรูแล้วทิ้งตัวลงบนเตียงอย่างเหน็ดเหนื่อย ภายในห้องมีของใช้ของผมอยู่บางส่วนเท่านั้นและเป็นส่วนน้อยด้วย เพราะส่วนใหญ่ล้วนแต่อยู่ที่คอนโด
บ้านหลังใหญ่ที่เต็มไปด้วยความเงียบสงบ มันเงียบมากจนน่ากลัวเพราะไม่ค่อยมีคนอยู่ ส่วนใหญ่แล้วป๊ากับม๊าก็จะอยู่เรือนเล็กซะมากกว่า
ครึ่น... ครึ่น...
เพิ่งจะนอนแผ่หลาได้ไม่นาน มือถือก็สั่นเป็นเจ้าเข้าอยู่ในกระเป๋ากางเกง พอเอาออกมาดูชื่อที่โชว์อยู่หน้าจอก็ต้องขมวดคิ้วอย่างหนัก
“ครับหมอ” ทันทีที่กดรับสาย ผมก็แทบจะเด้งออกจากเตียงเมื่อปลายสายพูดอย่างร้อนรนว่า....
‘คนไข้หนีออกจากโรงพยาบาล’
ให้มันได้อย่างนี้สิ.... ยัยประสาทกลับนั่นคิดบ้าอะไรขึ้นมาถึงหนีออกจากโรงพยาบาล ความจำเสื่อมยังซ่าได้ขนาดนี้ ถ้าสมองปกติดีจะขนาดไหน หรือคิดจะชิ่งค่าเสียหาย หึ! คงเป็นอย่างนั้นสินะ
ผมรีบเหยียบคัดเร่งไปที่โรงพยาบาลจนรถแทบเหาะ พอได้ฟังเหตุการณ์ทุกอย่างจากปากหมอเจ้าของไข้และพยาบาลที่ดูแล ผมก็ไม่รอช้าที่จะออกตามหา
คิดจะหนีคนอย่างผม ไม่ง่ายอย่างที่คิดหรอก....
ความจริงมันก็ไม่ใช่เรื่อง... ที่จะต้องมาร้อนรนตามหายัยตัวแสบแบบนี้ แค่เงินไม่กี่บาทมันไม่สะเทือนขนหน้าแข้งผมหรอก แต่ผมไม่ปลื้มคนหนีความรับผิดชอบว่ะ
ถ้าไม่ได้เงิน ก็เอาตัว แทนละกัน
[ฮัลโหลลลลล] ถือสายรอไม่นาน เสียงอันยืดยานก็ดังขึ้นมาทำเอาขนลุกเลยทีเดียว
“ตื่น มีไรจะให้ช่วย”
[ไรอีกวะ คนจะนอน] ปลายสายทำเสียงหงุดหงิดบ่งบอกถึงความไม่สบอารมณ์
“มีเวลานอนในโลงเยอะแยะ ตอนนี้มาช่วยกูก่อน” ผมเริ่มเอ็ดเบาๆเมื่อไอ้น้องแฝดนรกมันทำงัวเงียไม่ยอมสร่าง ไม่ต้องเดาก็รู้ว่าเมื่อคืนมันไปทำอะไรมา
[โหดว่ะ อื้อ.... ]
“จะช่วยมั้ย” ผมแทบจะลืมคำพูดตัวเอง เมื่อมีเสียงครางอย่างเย้ายวนดังเล็ดลอดแทรกผ่านโทรศัพท์เข้ามา
[ว่ามา..]
“ตามหาเด็ก”
[หืม....]
“เด็ก กุ หาย ว่ะ”
หลังจากที่ขับรถไปในที่ต่างๆที่พอจะมีแววว่ายัยนั่นจะไปได้ เหมือนขับรถให้เปลืองน้ำมัน ไม่เห็นแม้แต่เงาหัว
ตอนนี้ผมก็เลยมานั่งจิบเบียร์เย็นๆอยู่ที่ห้อง รอคำตอบจากผู้ถูกบังคับให้ช่วยตามหาอีกหนึ่งคน ไม่รู้ว่าจะได้เรื่องหรือเปล่า แต่เท่าที่รู้จักกันมาตั้งแต่อยู่ในห้องแม่ มันก็ไม่ได้ทำงานชุ่ยขนาดนั้นนะ
จนกระทั่งผ่านไปเกือบสิบนาที เสียงเมสเสจก็ดังขึ้นเรียกให้ผมตื่นจากภวังค์ พอกดดูแค่นั้นแหละ...
((คืนนี้ เจอกันที่ เทมป์ ผับ แอน บาร์))
ไม่คงไม่นัดผมไปเที่ยวเล่น ในสถานการณ์ไม่สบอารมณ์แบบนี้หรอกมั้ง ถ้าเป็นแบบนั้นล่ะก็ พ่อ!จะฟาดก้านคอให้
ณ Tempt Pab&Bar
เสียงอัดบีทหนักๆดังกระแทกเข้ามาในแก้วหูพร้อมกับเรือนร่างอันเย้ายวนในเดรสเกาะอกสีน้ำเงินรัดติ้วจนเนินอกอันอวบอั๋นแทบจะปริล้นออกมา กำลังโยกย้ายบดเบียดเรือนร่างเข้ากับกายผมท่ามกลางแสงสีในผับหรูใจกลางเมือง
“ไม่สนุกเหรอ ทำไมทำหน้าเครียดจัง” ปลายนิ้วเรียวยาวแตะปลายคางผมพร้อมกับสายตาอันเชื้อเชิญ
“มีคนสวยอยู่ตรงนี้ทั้งคน จะไม่สนุกได้ไง จริงมั้ย” ผมลูบไล้ฝ่ามือไปตามทรวดทรงที่เว้าและโค้งอย่างได้สัดส่วน ให้ตายเหอะ!! ของว่างคืนนี้เอ็กซ์ชะมัดเลยว่ะ
“คิก.....” เธอหลุดขำอย่างชอบใจ ก่อนจะยืนใบหน้าเข้ามาซุกไซ้ซอกคอผม กลิ่นน้ำหอมแนวเซ็กซี่ลอยมาแตะจมูกยิ่งทำให้ลุ่มหลงจนอยากจะขย้ำมันซะตรงนี้
เกือบยี่สิบนาทีแล้วที่ผมยืนเต้นเคล้าคลอกับแม่เสือสาวคนนี้ในระหว่างที่รอไอ้น้องชายสุดบรรลัยกำลังเดินทางมาที่นี่
ผมนัดมันมาคุยเรื่องยัยบ้าตัวแสบนิฟตี๊อะไรนั่น วันนี้ทั้งวันผมตามหาตัวเธอไม่เจอเลย ทั้งที่ยัยนั่นความจำเสื่อมแต่มีความสามารถหนีหายไปได้ขนาดนี้นับว่าสุดยอดเหมือนกัน แต่จะหายไปอยู่ที่ไหนได้ ก็ในเมื่อเธอจำอะไรไม่ได้เลยสักอย่าง
“วิลด์คะ.... นายเหม่อนะ” ยัยผู้หญิงตรงหน้านี่ก็เรียกร้องความสนใจดีจริง
และยังไม่ทันได้ตั้งตัว ริมฝีปากร้อนเจือด้วยกลิ่นและรสชาติของแอลกอฮอล์ก็ประทับบดจูบกับริมฝีปากผมอย่างรวดเร็ว เหมือนเธอหิวกระหายผู้ชายอย่างหนัก ผมก็ควรจัดให้เธอหน่อยสิ ใช่มั้ย?
ผมมีมารยาทพอน่า เมื่อเธอเสนอ ผมก็ต้องสนอง.....
ท่ามกลางผู้คนมากมายที่ไม่มีใครสนใจใคร หรืออาจจะมี อันนี้ก็ไม่รู้ แต่ ณ เวลานี้ร่างทั้งสองกำลังบดเบียดแนบชิด จูบกันอย่างดูดดื่มโดยไม่อายสายตาเหล่าผีเสื้อกลางคืนที่รายล้อมอยู่
คนอย่างผม มีเหรอจะอายใคร และผู้หญิงอย่างเธอคนนี้ก็คงไม่มียางอายเช่นกัน ไม่งั้นจะกล้ามายั่วผมแบบนี้เหรอ
“อื้อ....” ร่างเพรียวบางสั่นสะท้านก่อนจะเบียดกายเข้ามาเรื่อยๆพร้อมกับส่งเสียงครางอย่างพอใจ เพียงแค่ผมสัมผัสตรงโคนขาใต้เดรสสั้น เธอก็สั่นระริกแล้ว คงจะสั่นสู้ล่ะมั้ง
หึ!!! นี่แหละผู้หญิง
สำหรับผม ผู้หญิงก็เป็นได้แค่ของว่างเวลาเหงาหรือของแก้เหงาเวลาว่าง เป็นอะไรสักอย่างที่มีผลต่อร่างกาย แต่ไม่มีผลต่อจิตใจ
ขณะที่ผมกำลังเคลิบเคลิ้มไปกับสิ่งยั่วยุและบรรยากาศ เสียงปรบมือและเสียงร้องโห่อย่างตื่นเต้นก็ดังขึ้นอย่างอื้ออึงจนผมอดไม่ได้ที่จะผละออกจากสาวโนตมตรงหน้า แล้วมองหาสาเหตุที่ทำให้เกิดเสียงดังนี่
บนเคาน์เตอร์บาร์แก้วที่สะท้อนแสงเล่นสีสลับกันไปมาอย่างล่อตาปรากฏร่างเพรียวบางได้สัดส่วนยืนตระหง่านอยู่ด้วยชุดล่อแหลมราว 3-4 คน และหนึ่งในนั้นคือ.........
ยัยบ้าตัวแสบนั่น!!!!
ยัยนิฟตี๊นิฟเต้ออะไรนั่น ไปยืนทำอะไรตรงนั้นวะ….?
เธออยู่ในชุดกางเกงหนังขาสั้นสีดำเอวต่ำและเสื้อตัวสั้นแขนยาว พร้อมกับส้นสูงสีดำเช่นกัน เสื้อผ้าที่เป็นสีดำทั้งชุดตัดกับผิวที่ขาวผ่องจนสะท้อนแสงไฟยิ่งทำให้นิฟตี๊โดดเด่นมากเมื่ออยู่บนนั้น
ขาเรียวยาวเริ่มขยับตามเสียงเพลง เอวคอดและบั้นท้ายเริ่มโยกย้ายตามจังหวะดนตรี ลีลาอันพลิ้วไหวแต่ก็ยังดูติดๆขัดๆอยู่บ้าง ได้สะกดทุกสายตาในผับไว้เรียบร้อยแล้ว
เป็นไปได้ยังไง?
ทำไมนิฟตี๊ถึงมาอยู่ที่นี่ได้ ก็เธอไม่รู้อะไรเกี่ยวกับตัวเองเลย แม้กระทั่งชื่อยังจำไม่ได้ แล้วจะมาโผล่อยู่ในผับนี้ในตำแหน่งโคโยตี๊ได้ยังไง
และให้ตายเหอะ!! ใครก็ได้ช่วยเอายัยโนตมนี่ออกไปที เริ่มรำคาญแล้วว่ะ เกี่ยวแน่นจริงกว่าหนวดหมึกยักษ์ซะอีก ใครจะเอาไประยำที่ไหนก็เอาเหอะ
“เฮ้... โทษทีที่มาช้า” เสียงอันคุ้นหูของไอ้น้องแฝดนรกดังแทรกขึ้นมาขณะที่ผมกำลังพยายามแกะมือยั้วเยี้ยนี้ออก และมันก็ดันมาได้จังหวะซะด้วยสิ
“ไนท์ จัดการที” เมื่อได้จังหวะ ผมก็เหวี่ยงแม่สาวโนตมไปให้ไอ้ไนท์รับไว้โดยไม่ให้มันได้ปฏิเสธทัน ซึ่งยัยนั่นก็หน้าตื่นไปเหมือนกันเมื่อเห็นคนหน้าเหมือนผม
ก็ฝาแฝดจะไม่ให้เหมือนกันได้ยังไง แต่ก็ไม่เหมือนทั้งหมดหรอก คนหนึ่งคนย่อมมีความแตกต่างจากอีกคนแน่นอน แต่เท่าที่รู้ผมกับไอ้ไนท์เหมือนกันมากที่สุดในบรรดาแฝดสี่ หมายถึงนิสัยอ่ะนะ
ใช่แล้วล่ะ... คนหน้าตาหล่อแบบนี้มีถึงสี่คน เราเกิดวันเดียวกัน เวลาไล่เลี่ยกัน โรงพยาบาลเดียวกัน แต่ทีมแพทย์คนละทีม นึกดูแล้วแล้ว ณ วันนั้นห้องคลอดคงวุ่นวายน่าดู
“เฮ้ย!! ไรวะ”
ผมรีบเดินแทรกผ่านผู้คนหนีออกมาจากจุดนั้นโดยไม่ฟังเสียงร้องโวยวายของไอ้ไนท์เลยแม้แต่น้อย รู้ตัวอีกที ก็มายืนอยู่เยื้องๆกับเคาน์เตอร์บาร์เล่นแสงนี่ละ
และไม่รู้เพราะอะไร ทำไมผมถึงละสายตาจากยัยนั่นไม่ได้ โอเค! ยอมรับว่าสวย เอ็กซ์ เซ็กซี่ แต่มันดูจืดชืดไปสำหรับผมว่ะ
ผมกำลังจ้องมองใบหน้าที่เชิดขึ้นอย่างท้าทาย สายตาหลุบต่ำ ปากเผยอออกอย่างยั่วยวน ดูแล้วก็ไม่ต่างจากผู้หญิงจำพวกนั้นนักหรอก หรืออาจจะเป็นจำพวกนั้นเลยก็ได้ แล้วตอนโดนคร่อมในโรงพยาบาลทำเป็นตัวสั่น
หึ! มารยาสินะ
อยากจะรู้เหมือนกันว่า มารยาหญิง จะสู้เล่ห์เหลี่ยมชายได้มั้ย
Don't evade.
อย่าหนี
Your will not safe.
คุณจะไม่ปลอดภัย
..................................................................................................................
อัพแล้วคร้า พักหลังๆจะเห็นว่าไรท์ห่างหายไปบ่อยและนาน ไรท์ยุ่งมากจริงๆค่ะไม่มีเวลาว่างเลย แต่ก็พยายามเจียดเวลาอันน้อยนิดมาปั่นนิยาย>.< อย่าโกรธกันน้า
คิดถึงรีดเดอร์ทุกคน จะลืมกันหรือเปล่าเอ่ย?
แอบกระซิบนิดนึงว่าพระเอกเรื่องนี้... เป็นลูกชายของนางเอกเรื่องก่อนๆ
คอยติดตามกันนะ หรือใครจะเดาไปก่อนก็ไม่ว่ากัน อิอิอิ
อย่าเพิ่งทิ้งกันไปไหนน้าาาาาาา ติดตามกันต่อไปเรื่อยๆนะคะ
อาจจะไม่มีเวลามาอัพ แต่จะพยายามให้ถึงที่สุดค่ะ
ยังไงก็อย่าลืมเม้นๆๆๆๆให้เค้าด้วยนะ เจิมรอกันน้าาา เค้าจะได้มีกำลังใจ (ส่งสายตาอ้อน+.+)
ความคิดเห็น