คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #38 : หึง 60%
เมื่อธนดลขับรถมาถึงหน้าบ้านของเบญจา เขาเห็นรถคันหนึ่งขับเข้าไปในบ้านของเธอ เบญจาเพิ่งปิดประตูรั้วแล้วเดินตามรถคันนั้น โดยที่ไม่ได้หันมามองรถของเขาที่เพิ่งขับมาถึงสักนิด
เขาตั้งใจจะบีบแตรให้เธอเปิดประตูให้ แต่แล้วผู้ชายคนหนึ่งก็ลงจากรถ เบญจาเข้าไปต้อนรับเขาอย่างกระตือรือร้น แถมขนข้าวของอะไรเยอะแยะเข้าไปในบ้าน ผู้ชายคนนั้นทำราวกับว่ามาที่นี่บ่อย ๆ กุลีกุจอขนของเข้าบ้านไปหน้าระรื่น
ระยะจากที่เขาจอดรถแอบมองอยู่ไม่ได้ไกลมากนัก จึงเห็นว่าผู้ชายคนนั้นหน้าตาหล่อเหลาเอาการทีเดียว ดูมีสง่าราศี ผิวไม่คล้ำแต่ไม่ได้ขาวจั๊วอย่างเขา
ชายหนุ่มก้มมองผิวของตัวเองที่เคยอยากผิวสีแทนแล้วลองไปตากแดดดู แต่กลับไม่คล้ำอย่างที่คิด มันกลายเป็นสีแดงแล้วลอกออกเป็นแผ่น ๆ ทำให้เขาปวดแสบปวดร้อนต้องทาอาฟเตอร์ซันส์หมดไปเป็นขวดกว่าจะหาย
เขาเคยอยากมีสีผิวแบบผู้ชายคนนั้นเพราะดูแข็งแรงสมเป็นผู้ชาย แต่เขากลับผิวขาวเนียนราวกับผู้หญิง ดูไม่แมนเอาเลยในความรู้สึกของตัวเอง เขาเห็นสีหน้าของเบญจายิ้มแย้มแจ่มใส แล้วพาผู้ชายคนนั้นหายลับเข้าไปในบ้าน
“ใครน่ะ?” สัตวแพทย์หนุ่มถามตัวเอง
“แฟนเหรอ...” พึมพำออกไปอีกทีแล้วใจก็แฟบลงทันทีทันใด นั่นสินะเธอถึงเฉไฉไปเรื่อยเมื่อเขาพยายามจะพูดคุยให้ดูใกล้ชิด เข้าขั้นว่าจะจีบทีไรเป็นได้โดนดักคอจนไปไม่เป็นทุกที
ชายหนุ่มพาใจแป้ว ๆ ขับรถเอื่อย ๆ ไปยังบ้านของตัวเอง นายเริ่มซึ่งจัดสวนหน้าบ้านอยู่วิ่งมาเปิดประตูรถให้ ชายหนุ่มลงจากรถด้วยสีหน้าไม่สู้ดีนัก ก้มมองสมาร์ตโฟนในมือ แล้วอยากจะโทรไปถามใจแทบขาดว่าไอ้หล่อนั่นเป็นใคร
สุดท้ายก็ได้แต่เดินคอตกไปนั่งอยู่ที่ม้านั่งชิดกำแพงฝั่งบ้านของเธอ เขาอยากรู้เหลือเกินว่าไอ้นั่นมันเป็นใคร แล้วมาทำอะไร เป็นแฟนหรือเปล่า หรือแค่เป็นญาติ แต่เบญจาไม่เคยบอกว่ามีญาติเป็นผู้ชายสักคน มีแต่หลานสาวที่อยู่ต่างจังหวัด และพี่สาวที่อยู่ต่างประเทศ
ไอ้หล่อนั่นเป็นใคร?
คำถามผุดขึ้นมาอีกครั้งแต่หาคำตอบให้กับตัวเองไม่ได้ มันช่างน่าหงุดหงิดใจเหลือเกิน อยากรู้เหลือเกินว่าเขาเข้าไปทำอะไรกันในบ้าน คิดแล้วก็หันรีหันขวาง แล้วขึ้นไปยืนบนโต๊ะกลาง ชะเง้อแชะแง้เขย่งมอง แต่กำแพงก็สูงเหลือเกิน คิดแล้วก็โมโห จะก่อให้สูงอะไรปานนี้ ได้แต่งงานกันเมื่อไหร่พ่อจะพังกำแพงให้ราบเลยคอยดู คิดอย่างเข่นเขี้ยว
“เมี๊ยว!” ความคิดสะดุดลงเมื่อก้มมองแล้วเห็นเจ้านิลส่งเสียงเรียก จึงทรุดลงอุ้มแล้วก้าวลงจากโต๊ะมานั่งบนม้านั่งอย่างเดิม
“ดูสิ ทิ้งลูกทิ้งเต้าแล้วไประรื่นกับผู้ชายที่ไหนก็ไม่รู้” ว่าแล้วก็น้ำตาซึมด้วยความน้อยใจ “นิลอยู่กับป๊าก็ได้เนอะ ม๊าเขาไม่รักเราแล้ว” ว่าหน้าเศร้า ๆ
“เมี๊ยว!” เจ้านิลก็ราวกับรู้เรื่องร้องขานรับหน้าตาเฉยแถมซบลงกับตักคนเป็นป๊า คนที่จิตตกอยู่แล้วก็ยิ่งไปกันใหญ่ ลูบหัวแมวไปก็คิดโน่นคิดนี่น้ำตาซึมไปพลาง ก็มันควบคุมไม่ได้ เขาเป็นผู้ชายอ่อนไหว
“เขาคงอายุมากกว่าป๊าแน่เลย ม๊าเขาคงอยากมีแฟนอายุมากกว่า” ว่าแล้วก็ทำหน้าละห้อย ถึงจะโกหกไปว่าอายุเท่ากัน แต่ความจริงเขาอายุน้อยกว่ามาก และผู้หญิงส่วนใหญ่ก็อยากมีแฟนอายุมากกว่าอยู่แล้ว
คิดไปก็ใจคอห่อเหี่ยว อยากรู้เหลือเกินว่าด้านหลังกำแพงเขาคุยอะไรกัน ยืนมองบนโต๊ะก็มองไม่เห็นทั้งที่เขาตัวสูงแล้วเชียว แต่กำแพงดันสูงกว่า ชายหนุ่มมองไปที่ต้นไม้ริมกำแพง หรือว่าเขาจะปีนขึ้นไปดู คิดแล้วก็มองซ้ายมองขวาหวังว่าจะไม่มีใครอยู่แถวนี้ เพราะเขากำลังจะปีนไปแอบส่องข้างบ้าน
พระเจ้า! ชายหนุ่มอุทานขึ้นในใจเมื่อตวัดสายมามามองใต้โคนต้นไม้ เขาเห็นบันไดอลูมิเนียมที่นายเริ่มคงเอามาปีนแขวนกล้วยไม้วางอยู่กับพื้น
พระเจ้ามาช่วยเขาแล้ว เขาไม่ต้องปีนต้นไม้เพราะยังกังวลอยู่ว่ากิ่งมันเล็กเหลือเกินกลัวว่าจะรับน้ำหนักเขาไม่ไหวอยู่พอดี
ชายหนุ่มรีบวางเจ้าเหมียวลงแล้วตรงรี่ไปหยิบบันไดมาพาดแล้วปีนขึ้นไปดู ซึ่งขั้นสุดท้ายที่ขึ้นไปยืนทำให้เขาสามารถเกาะขอบกำแพงได้พอดี จึงรีบสอดส่ายสายตามองหาเป้าหมายทันที เห็นทั้งสองคนนั้นเดินยิ้มระรื่นออกมาจากบ้าน ในมือถือของกินหน้าตาน่ากินออกมาวางไว้ที่ซุ้มนั่งเล่น แต่ซุ้มนั่นดันอยู่ห่างจากเขาไปสักหน่อย เสียงที่สองคนนั้นพูดกันเขาจึงไม่ได้ยิน
มันน่าโมโหชะมัดนั่นมันของว่างที่เขากำลังจะกลับมากิน แต่ไอ้หล่อนั่นดันเอาไปเขมือบตัดหน้าซะนี่ คิดแล้วอยากไปเขย่าคอมันแล้วบอกว่ามันเป็นของเขา คนที่ยืนอยู่บนกำแพงเดือดปุด ๆ เกิดมาเขาไม่เคยโกรธใครที่ไม่เคยรู้จักมาก่อนเลยสักครั้ง แต่หมอนั่นทำให้เขาโกรธได้โดยไม่ต้องเดินมาเหยียบเท้าเขาด้วยซ้ำ
“ไหนคุณน้าบอกว่าจะมีใครมาทานของว่างด้วยครับ ผมไม่เห็นเลย” ธาวินพูดกับน้าสาวของภรรยาพลางมองไปยังประตูรั้ว
“คงยังมาไม่ถึงค่ะ เบญว่าเราทานกันก่อนแล้วกันนะคะ คุณธาวินบอกว่าต้องรีบไปทำธุระต่อด้วยใช่ไหมคะ เบญเก็บส่วนของเขาไว้ให้แล้วค่ะ” เธอตอบกลับด้วยกิริยานุ่มนวลอย่างเคย
“โอเคครับ งั้นผมไม่เกรงใจแล้วนะครับ เพราะแกงจืดผักหวานป่ากับไข่มดแดงของแม่เมี่ยงตอนมื้อเที่ยงคงย่อยหมดแล้ว เห็นของน่ากินแล้วท้องร้องขึ้นมาเลย” ธาวินว่าแล้วคลี่ยิ้มเมื่อคิดถึงเมนูโปรดของตัวเองที่แม่บ้านจะทำให้กินอยู่เสมอเมื่อกลับมาเยี่ยมบิดาที่บ้านธนบดินทร์
“ค่ะ เชิญเลยค่ะคุณธาวิน เบญก็เริ่มหิวแล้วเหมือนกันค่ะ เมื่อกี้ผัดข้าวกินไปหน่อยเดียวเอง” ทั้งสองกินกันไปคุยกันไป โดยไม่รู้สักนิดว่าคนที่แอบมองอยู่ไกล ๆ โกรธจนหน้าดำหน้าแดง
ในที่สุดเขาก็ทนดูต่อไปไม่ได้จึงลงมาจากบันได มานั่งหน้าละห้อยอยู่กับเจ้านิล จิตใจล่องลอยไม่อยู่กับเนื้อกับตัว ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าไอ้หนุ่มที่เขาโกรธนักโกรธหนาขับรถออกจากบ้านของเบญจาไปตั้งแต่เมื่อไหร่
--------------------------------------------------
ไม่รู้จะสงสารหรือจะขำหมอดลดี บทนี้พาพี่ธาวินมาเจอแฟน ๆ หน่อยนึง เผื่อจะได้คิดถึงเมนูซ่อนรักแล้วไปเปิดอ่านอีกรอบ 555 ขอบคุณทุกคอมเมนต์และทุกคนที่ติดตามอ่านนะคะ อย่าลืมแอดแฟนพันธุ์แท้เค้าด้วยน้าาา อยากเห็นเลขสี่ร้อยเต็มทนแล้วไม่โลภเลย555 ขอให้อ่านอย่างมีความสุขนะคะ...ทิพย์ทิวา 23/3/2016 22.18
ความคิดเห็น