คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #14 : [OS BBAM] THE STORY FROM LEADER
THE STORY FROM LEADER
[OS BBAM]
ผมเคยเป็นคนที่ไม่สนใจใคร ไม่เคยแคร์ความรู้สึกหรือสายตาใคร ไม่ตั้งใจเรียน ไม่สนใจหรอกว่าใครจะมองผมเป็นยังไง และถ้ามีคนทำให้ผมไม่พอใจหรือเพียงพูดไม่เข้าหู ผมก็มักจะมีเรื่องกับคนนั้นเหล่านั้นทุกครั้งไป
ผมในตอนนั้นน่ะ...ก็เป็นแค่อิมแจบอม เด็กเกเรที่ไม่สนใจโลกคนหนึ่งเท่านั้น
พวกคุณเคยมีมั๊ยล่ะ เพื่อนที่โรงเรียน เด็กประเภทที่วันๆดูไม่สนใจใคร จับกลุ่มรวมตัวกันทำเรื่องที่ดูไม่ค่อยสร้างสรรค์ เป็นที่เอือมระอาของอาจารย์โดยทั่วไป
นั่นล่ะ ผมเคยเป็นแบบนั้น
จนกระทั่งผมได้รู้จักการเต้น
ผมเริ่มหลงไหลการเต้นขึ้นเรื่อยๆและมักจะไปซ้อมเต้นที่สถานีรถไฟฟ้าใต้ดินเสมอ
ผมอยากจะเป็นแดนเซอร์ แต่ดูเหมือนผมจะมาไกลกว่านั้นนิดหน่อย
ผมผ่านการออดิชั่นของJYPและได้ที่หนึ่งมาพร้อมกับปาร์คจินยอง
ชีวิตของผมเปลี่ยนไปเล็กน้อย ผมเริ่มมีจุดหมายในชีวิต และเริ่มที่จะใส่ใจอะไรบ้างแล้วแต่ก็นั่นล่ะ ใช่ว่านิสัยคนเราจะเปลี่ยนได้ง่ายๆ แต่ก็คงเปลี่ยนจากอิมแจบอมเด็กเกเรไม่สนใจโลก เป็นอิมแจบอมคนอารมณ์ร้อน
ผมใช้ชีวิตในฐานะเด็กฝึกได้อยู่ประมาณครึ่งปี ก็มีเหตุให้ชีวิตผมเริ่มเปลี่ยนไปอีกเล็กน้อย
"สวัสดีครับ ผมแบมแบม มาจากประเทศไทยครับ"
เป็นครั้งแรกที่ผมได้พบกับแบมแบม ตอนนั้นเด็กนั่นตัวกระเปี๊ยกเดียว พูดเกาหลีก็ไม่ได้ สื่อสารกับใครก็ไม่รู้เรื่อง แต่ดูเหมือนจินยองจะถูกใจเจ้านั่นมาก คอยเล่นเช้าเล่นเย็น เลยทำให้ผมได้รู้จักและเริ่มสนิทกับแบมแบมไปด้วยอีกคน
ต่อมาผมได้เดบิวท์เป็นคู่ดูโอ้กับจินยองในฐานะ JJ Project ผมดีใจขนาดไหนทุกคนคงจะนึกไม่ออกหรอกครับ
"ฮยองๆ! จริงรึเปล่าที่ฮยองจะได้เดบิวท์แล้ว โอ้ววๆ น่าอิจฉาอ่ะ แต่สุดยอดไปเลย ผมดีใจด้วย!" แบมแบมในตอนนั้นก็ยังตัวนิดเดียว เขาพูดด้วยน้ำเสียงตื่นเต้นดีใจ พรางกระโดดหยองแหยงยิ้มกว้างแสดงความตื่นเต้นเต็มที่
ผมยิ้ม
คำพูดตรงๆที่ว่าน่าอิจฉาของเขากลับทำให้รู้สึกเอ็นดู สงสัยอาจจะเพราะผมกำลังดีใจ อะไรๆเลยน่าเอ็นดูไปหมด ผมกล่าวขอบคุณ และตอบกลับไปว่า สักวันนึงเขาก็จะได้เดบิวท์เหมือนกัน
และในเวลาต่อมา พวกเราได้รับแจ้งว่าจะถูกเดบิว์ในฐานะบอยกรุ๊ปแนวฮิปฮอป
และตอนนั้นนั่นเองที่ชีวิตผมเริ่มเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ ผมถูกเลือกเป็นลีดเดอร์และนั่นทำให้ผมมีหน้าที่ที่จะต้องดูแลสมาชิกที่เหลืออีกหกคน
เรื่องความตั้งใจแน่นอนว่าทุกคนเต็มเปี่ยมอยู่แล้ว อาจจะมีบ้างที่ต้องปรับทัศนะคติและนิสัยในการอยู่ร่วมกัน แต่นั่นมันก็เล็กน้อยมาก เพราะทุกคนสนิทกันมาอยู่แล้ว เข้าใจกันดีอยู่แล้วตั้งแต่เมื่อยังเป็นเด็กฝึก แม้แต่ยองแจที่เข้ามาทีหลังก็เข้ากับทุกคนได้ดี
ผมที่ถูกวางให้เป็นลีดเดอร์นั้นต้องคอยสอดส่องดูแลสมาชิกทุกคน ยิ่งใกล้ช่วงเดบิวท์พวกเรายิ่งต้องให้ความสำคัญกับมันมากๆ ผมจำได้ว่ามีอยู่ช่วงหนึ่งที่แบมแบมดูเงียบไปผิดปกติ ผมที่สังเกตุเห็นถึงได้เข้าไปคุยด้วยว่าเกิดอะไร จนได้คำตอบมาว่า
“ผมคิดว่าผมอาจจะยังไม่พร้อม...สำหรับการเดบิวท์”
คำตอบที่ทำเอาผมเลิกคิ้วสงสัยได้ไม่น้อย
แบมแบมคนที่มีความมั่นใจเต็มเปี่ยมและมักจะแสดงความสดใสออกมาอยู่เสมอนั้นกลับทำสีหน้ากังวลและสับสน
“ทำไมถึงคิดแบบนั้นล่ะ”
แบมแบมนิ่งไป
“ก็...ไม่รู้สิฮยอง ผม จะว่ายังไงดี..ผมคิดว่าผมอาจจะไม่ได้เรื่อง หรือ...”คนตรงหน้าเอาแต่อ้ำอึ้งพูดไม่ออกสักที แต่ผมพอจะเข้าใจความรู้สึกของเขานะ
“แบมแบม”ผมเปรยเรียก อีกฝ่ายเงยหน้ามอง “นายคิดว่าจินยองฮยองเก่งมั๊ย”
แบมแบมดูแปลกใจเมื่อผมถามคำถามที่ไม่เกี่ยวกัน แต่ก็ยอมตอบผมกลับมา
“ต้องบอกว่าโครตเจ๋งเลยล่ะฮยอง”
“แล้วนายคิดว่าคนที่โครตเจ๋งอย่างฮยองเค้าจะเลือกคนที่ไม่ได้เรื่องหรือยังไม่พร้อมมาเดบิวท์หรือเปล่าล่ะ”
ผมพูดด้วยน้ำเสียงหนักแน่น แบมแบมชะงักไปชั่วครู่ก่อนจะแย้งกลับ
“แต่ผม.”
“เอ~ ไม่เอาน่า นายป๊อดขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน ถ้าหากมีใครสงสัยในตัวนาย นายก็แค่แสดงให้พวกนั้นเห็นสิว่านายเจ๋งขนาดไหน ทำให้พวกนั้นอ้าปากค้างและยอมรับในตัวนายให้ได้ นายไม่ได้มาไกลขนาดนี้เพียงเพื่อคำว่านาย’ไม่พร้อม’หรอกนะ”
แบมแบมพยักหน้าเบาๆท่าทางเห็นด้วยแต่ดูเหมือนยังติดใจบางอย่าง
“แล้วถ้าเกิด...แฟนคลับไม่ชอบผมล่ะ”
คำถามที่ทำเอาผมเกือบหลุดหัวเราะ
“หึ ย๊า แค่นายเป็นตัวนายแบบที่เป็นทุกวันนี้ก็พอแล้วล่ะ เชื่อฮยองดิ!”
ผมตอบพรางสบตาอีกคนนิ่ง ผมเห็นแบมแบมมาหลายมุมก็จริง แต่พึ่งมาเห็นมุมที่ไม่มีความมั่นใจในตัวเองขนาดนี้เป็นครั้งแรก ปกติเด็กนี่จะมั่นใจกับทุกสิ่ง แม้แบมแบมจะมีด้านที่เป็นผู้ใหญ่ แต่โดยรวมแล้วก็ยังมีนิสัยแบบเด็ก คิดยังไงแสดงออกไปตรงๆ ร่าเริง สดใส น่ารัก...
ผมว่าใครอยู่กับเขาก็คงรักและเอ็นดูเด็กคนนี้ทั้งนั้นแหละ
แบมแบมดูสบายใจขึ้นมาก แม้คิ้วจะขมวด ปากจะจู๋ แต่รอยยิ้มเริ่มปรากฏ
“จริงอ่ะ”
ผมยิ้มขำ ส่ายหน้า
“ย๊า นี่! นายจะป๊อดทำไมกัน อย่าลืมสิ พวกเรามีกันตั้งเจ็ดคน เจ็ดคนเลยนะ! ยังไงพวกเราก็ต้องผ่านทุกอย่างไปให้ได้อยู่แล้ว!”ผมพูดเสียงดัง แบมแบมยิ้มแหย
พวกเราต้องทำได้สิ
ใช่ ผมจะทำให้ได้
“ยังไงก็ตาม พวกเราจะต้องประสบความสำเร็จให้ได้ พวกเราต้องทำได้...”
ประโยคที่พูดกับแบมแบม แต่เหมือนกับผมกำลังพูดปลอบใจตัวเองเสียมากกว่า
ในตอนนั้น ผมจำไม่ได้ว่าผมพูดประโยคนั้นออกไปยังไง ด้วยน้ำเสียงแบบไหน หรือสายตาแบบไหน แต่รู้ตัวอีกทีแบมแบมก็เดินเข้ามาจับมือผมแล้วบีบเบาๆ
“ฮยอง ไม่ต้องเครียดหรอก ฮยองบอกผมเองนี่นาว่าพวกเรามีกันตั้งเจ็ดคน พวกเราทำได้อยู่แล้ว ฮยองเป็นลีดเดอร์ของพวกเราเลยนะ เอ~ จะทำตัวป๊อดแล้วเหรอฮยอง”คำกล่าวกระเซ้าเย้าแหย่ของคนตรงหน้าที่ผมเผลอสบตากับเขา
แบมแบมยิ้มกว้าง
“ฮยองทำได้อยู่แล้วน่า ผมเชื่อใจฮยองนะ” แววตาซื่อๆที่สื่ออกมาแบบไม่คิดอะไร ไม่มีความหมายใดๆแอบแฝง มีเพียงความเชื่อใจที่ถูกส่งผ่านแววตาและน้ำหนักมือที่บีบหนักขึ้นหน่อยๆ เพียงเท่านั้นกลับทำให้ผมรู้สึกใจชื้นขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก
การเดบิวท์ใหม่ในครั้งนี้กดดันผมกับจินยองมาก และยิ่งผมที่ได้มาเป็นลีดเดอร์ ผมต้องมั่นคง เป็นหลักให้กับทุกคนได้ แต่ยิ่งใกล้ช่วงเดบิวท์ผมยิ่งกดดันมากขึ้น แม้จะพูดปลอบแบมแบมในตอนนั้นได้ แต่ใจผมกลับคิดไม่ต่างกัน
ถ้าการเดบิวท์ครั้งนี้ล้มเหลวล่ะ
ถ้าพวกเราไม่ประสบความสำเร็จล่ะ
ถ้าผมทำให้ทุกคนพลาดล่ะ
“ฮยองทำได้อยู่แล้วน่า ผมเชื่อใจฮยองนะ”
…
ไม่หรอก ไม่พลาดหรอก ผมทำได้อยู่แล้ว พวกเราทำได้แน่นอน
ผมไม่ปฏิเสธหรอกว่าคำพูดของแบมแบมในครั้งนั้นช่วยยื้อความมั่นใจและสติของผมไว้ได้
ถ้าหากก่อนหน้านี้มีคนมาบอกผมว่าอิมแจบอมคนอารมณ์ร้อนจะมานั่งพูดปลอบใจใครสักคน และอิมแจบอมคนที่เคยเป็นเด็กเกเรไม่สนใจโลกคนนั้นจะถูกเด็กน้อยจอมเกรียนคนนึงปลอบใจ
ถ้าหากมีคนมาพูดกับผมแบบนี้น่ะนะ ผมคงกระโดดต่อยมันสักทีสองที…
เวลาผ่านไป พวกเราเดบิวท์แล้ว จะถือว่าประสบความสำเร็จพอสมควรก็ว่าได้ สมาชิกทุกคนก็สามารถทำงานและใช้ชีวิตร่วมกับคนอื่นได้เป็นอย่างดี
แต่ก็อาจจะมีบางคนที่ป้ำเป๋อ เซ่อซ่าตั้งแต่เด็ก จนแก้ยังไงก็ไม่หายคนนึง
“แบมแบมนั่นนายจะเดินไปไหนน่ะ มาทางนี้เร็ว พวกเรานั่งชั้นบิสซิเนสนะ”
“แบมแบมขึ้นรถได้แล้ว”
“แบมแบม หายไปไหนอีกแล้วล่ะ”
หรือแม้กระทั่ง
“แบมแบมแพ้ค่ะ!”
“แบมแบมแพ้!”
“หลุมดำของทีม แบมแบมแพ้ค่ะ!”
ผมไม่รู้ว่าเวลาเล่นเกม หมอนี่พกดวงมาด้วยหรือเปล่า แต่บ่อยครั้งที่จะเล่นมั่วจนแบบเกรียนๆจนถูกทำโทษบ่อยๆ
ตอนนั้นก็เหมือนกัน แบมแบมเล่นเกมเป่ากระดาษแพ้ผม ทำให้ผ
มได้ดีดหน้าผากหมอนั่นทีนึง
แต่พอเห็นท่าทางกลัวจนหลับตาปี๋แถมทำท่าหวาดระแวงร้องเสียงหลงขนาดนั้นกลับทำเอาผมที่ว่ากะจะดีดให้กระโหลกร้าวกลายเป็นไม่อยากดีดยังไงชอบกล
ในวินาทีสุดท้ายที่ผมกำลังจะดีดผมกลับเปลี่ยนใจเป็นตบเพี๊ยะไปที่หน้าผากมนค่อนไปบนหัวของหมอนั่นแรงๆด้วยความหมั่นไส้ทีนึง
แบมแบมอ้าปากค้าง ร้องไม่ออก เอามือกุมหน้าผากย่นหน้าด้วยความเจ็บ
เหอะ แต่เชื่อเถอะว่าถ้าผมดีดมะกอกใส่หน้าผากแบมแบมแบบที่ผมดีดจินยองมันต้องเจ็บกว่านั้นมากแน่ๆ ไม่เชื่อพวกคุณก็ลองดีดตัวเองดูสิ แถมที่ตีไปก็โดนมือแจ็คสันไปซะครึ่งแล้วด้วย
แต่จะว่าไป ถ้าก่อนหน้านี้มีใครบอกว่าผมจะใจอ่อนกับเด็กเกรียนที่กวนเท้าผมก่อน ผมคงเดินเข้าไปตบกระหัวมันเป็นจังหวะฮิปฮอปสักชุดนึง…
สมาชิกคนนั้นที่บางครั้งป้ำๆเป๋อๆ และบ่อยครั้งที่เกรียนจนน่าหมั่นไส้ แต่ก็บ่อยครั้งเช่นกันที่เขาทำให้ผมรู้สึกดีจนประหลาด
“หลังจากเดบิวท์แล้ว มีอะไรที่เปลี่ยนแปลงไปบ้างรึเปล่าคะ อา..เริ่มที่คุณเจบีก่อนเลยค่ะ”คำถามที่ยิงตรงมาที่ผม ทำเอาผมชะงักไปนิดนึงก่อนตอบเรื่องที่เกิดกับผมเมื่อไม่นานมานี้
“อืม.. ผมเสียเพื่อนไปเพราะการซ้อมที่หนักของพวกเราครับ”
“ฮยองยังมีผมอยู่นะ”
!
คำที่สวนขึ้นมาทันทีที่ผมพูดจบพร้อมกับสายตาที่มองตรงมา เป็นอีกครั้งนึงที่สายตาซื่อๆ ที่สื่ออกมาอย่างตรงไปตรงมาทำให้ผมชะงักไปสักครู่ รู้สึกได้ถึงหัวใจที่กระตุกวูบไปครู่หนึ่ง ก่อนจะนึกขึ้นได้ และเผลอหลุดยิ้มออกมาอย่างไม่ตั้งใจ
“อา จริงสินะ”
และถ้าก่อนหน้านี้มีใครมาบอกว่า ผมจะใจกระตุกเพียงเพราะคำพูดสั้นๆประโยคเดียวจากเด็กชายที่น่าหมั่นไส้คนนึง ผมคงกระโดดถีบยอดอกไอ้หมอนั่นทันทีที่มันพูดจบประโยคเช่นกัน
เวลาที่พวกเราไปตามงานต่างๆ ผมที่มีเป็นลีดเดอร์และมีภาพลักษณ์สุดแสนจะชิคและเซ็กซี่สามารถรักษาภาพพจน์ที่ดีของผมได้เสมอ จนกระทั่งมาอยู่กับสมาชิกคนนึง
“ฮวาจังฮาจี มัลลาโก!”
“กวาจักกีมยอน โจเกทซอ เชบัล!”
“แบมแบมนะขรับโผมม”
“มาบงสะหวันชันเจ็ด!”
สิ่งเหล่านี้ที่ผมมักจะทำคือการล้อเลียนเสียงและสำเนียงวิธีการพูดที่ฟังค่อนข้างน่ารัก หรือล้อการร้องแรปท่อนของเขา ล้อไปพร้อมกับกระโดดเต้นวิ่งไปทั่วอย่างคนบ้าคลั่ง รู้ทั้งรู้ว่าเขาไม่ชอบให้ล้อ แต่นั่นล่ะที่ยิ่งทำให้ผมล้อ
ก็เวลาเขาหัวเราะเขินๆหรือท่าทางที่ดูไม่พอใจหน่อยๆของเขามันก็น่ารักไม่ต่างกันนั่นแหละครับ
หนักเข้าหน่อยหลายครั้งผมก็ชอบทำหน้าประหลาดตาเหลือกฟันยื่นไปเพียงแค่เด็กนั่นเรียกให้ผมทำเป็นเพื่อน หรือทำท่าทางน่ารักแอ๊บแบ๊วเพียงเพราะเขาทำเวลาถ่ายรูป ผมก็เลยทำตาม
เหตุผลมีแค่นั้นจริงๆ ผมก็แค่เผลอทำตามเขาโดยไม่ได้ตั้งใจ
โดยทั้งหมดทั้งมวลนี้แทบจะไม่สมกับฉายาsexy and chicของผมเลยสักนิด
และถ้าเมื่อก่อน หากมีใครมาบอกว่าผมจะหลุดจากภาพลักษณ์แสนจะเท่ที่ผมหวงนักหวงหนา และกลายเป็นคนสติปลิวหายเพียงเพราะเด็กน่ารักที่มักจะทำตัวเกรียนแตกคนนึง ผมคงจะเดินเข้าไปกระทืบให้หมอนั่นให้สลบคาเท้าแบบไม่รอช้าและไม่มีการเจรจาทันที
ตั้งแต่Got7เดบิวท์มา พวกเรามักจะมีงานเข้ามาเรื่อยๆ ทั้งถ่ายแบบ อัดรายการ รวมถึงการสัมภาษณ์แบบเจาะลึกย่อมตามมาด้วยเช่นกัน
“ถ้าตัวเองเป็นผู้หญิง อยากจะเดทกับสมาชิกที่เหลือคนไหนมากที่สุดคะ”สตาฟท์ที่มาสัมภาษณ์เอ่ยถามตามสคริปท์
งานครั้งนี้เป็นการถ่ายแบบและสัมภาษณ์ลงนิตยสาร ระหว่างที่รอสมาชิกคนอื่นถ่ายแบบเดี่ยว คนที่เหลือก็จะมีสัมภาษณ์เดี่ยวเช่นกัน
อยากเดทกับใครน่ะเหรอ อืม…
ในระหว่างสมาชิกทั้งหมด ก็มีอยู่หนึ่งคนเหมือนกันที่มักจะทำให้ผมหมั่นเขี้ยวบ่อยๆ แต่เวลาคิดหรือจะทำอะไร กลับทำให้ผมนึกถึงเจ้านั่นอยู่ร่ำไป
ผมมองตรงไปที่ร่างเล็กร่างหนึ่งที่กำลังนั่งให้สัมภาษณ์อยู่ไม่ไกลเท่าไหร่นัก ผมสีบลอนด์สว่างกับรอยยิ้มกว้างน่ารักประจำตัว เสียงหวานๆที่ผมชอบล้อเลียนบ่อยๆเอ่ยเจื้อยแจ้วไปตามประสา
อา..ตั้งแต่เมื่อไหร่กันนะที่เวลาผมจะทำอะไรกลับนึกถึงเขาตลอด ตั้งแต่เมื่อไหร่กันที่สายตาของผมมักจะคอยมองตามเขาตลอดเวลา
ตั้งแต่เมื่อไหร่กันที่ความคิดของผมทุกอย่างจะประมวลออกมาเป็นชื่อของ…
“แบมแบม”
ใช่ เป็นชื่อของเด็กคนนี้
เพราะอะไรน่ะเหรอ คงเพราะ…
“เขาน่ารักครับ”
ใช่ น่ารักมาก
คำว่าน่ารัก อาจจะฟังดูง่ายและทั่วไป คนทั่วไปคงหมายถึงหน้าตาลักษณะภายนอก แต่สำหรับผมที่บอกว่าเขาน่ารักนั้น ผมหมายถึง นิสัยของเขา ความห่วงใยที่มีให้คนอื่นในแบบฉบับเด็กเกรียน ความใส่ใจของเขาที่มีต่อคนอื่น ต่อพวกผม ต่อแฟนคลับ ความดื้อซนที่ชอบวิ่งป่วนไปทุกที่ ความร่าเริงสดใสที่เขามักจะทำให้ใครๆยิ้มได้เสมอ ทุกๆอย่าง ทุกการกระทำ รอยยิ้มและเสียงหัวเราะของเขา มันช่วยชโลมจิตใจของคนรอบข้างได้เสมอ...
และผมก็เป็นคนนึงที่เขาเข้ามาทำให้ผมเปลี่ยนไปขนาดนี้ อาจจะเป็นเพราะความเคยชินที่ผมมีตั้งแต่เมื่อก่อนที่ต้องคอยดูแลเขาบ้าง ติดจนถึงตอนนี้กลายมาเป็นความเคยชินในการคอยดูแลเขาห่างๆ แววตา รอยยิ้ม เสียงหัวเราะ ใบหน้าและการกระทำทุกอย่างของเขา มักจะอยู่ในสายตาของผมเสมอ
และตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้ที่ผมเปลี่ยนจากอิมแจบอมคนอารมณ์ร้อนกลายมาเป็นลีดเดอร์เจบี และต่อไปที่ผมอยากจะเป็นก็คือ…
พี่บีคนชิคของน้องแบม
และถ้าเมื่อก่อน มีคนมาบอกว่าผมจะชอบและหลงไหลเด็กเกรียนอย่างแบมแบมผมคงจะเดินเข้าไปตบหัวมันก่อนจะตามด้วยถีบยอดอกแล้วกระทืบซ้ำโดยไม่เจรจาทันที
และถ้าตอนนี้มีคนมาถามว่า ผมชอบแบมแบมเหรอ ผมจะรีบตอบกลับไปทันทีว่า...
“ไม่ ผมไม่ชอบผู้ชาย”
BBAM มาแล้ว ตอนนี้เรียบๆแต่แต่งยากมาก ขอสารภาพว่าแอบค้างไว้นานมาก 55555
สนุกไม่สนุกก็บอกกันน้า ขอบคุณที่ติดตามนะคะ
เม้นวันละนิด จิตแจ่มใส
จะมุ้งมิ้งลงทวิต โปรคติดแท็ก #ficgetgot7
--------------------------------
ย้ำสำหรับคนที่อยากได้ริสแบนด์แบบนี้นะคะ
เราลงกติกาไว้ในตอนที่แล้ว แบคกลับไปดูตอนที่แล้วได้เลยจ้า
ความคิดเห็น