ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [SF/OS GOT7] COME AND GET GOT7 MOMENTS ! [Status : JackBam]

    ลำดับตอนที่ #15 : [SF AmeriThaiKong] THE DAY WHEN YOU'RE NOT BY MY SIDE

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 2.27K
      16
      26 ต.ค. 60

     

    THE DAY WHEN YOU’RE NOT BY MY SIDE

    [SF AmeriThaiKong]


     

                ร่างเล็กๆของเด็กชายวัยสิบต้นๆนั่งพิงพนักโซฟานุ่ม มือบางๆตามขนาดของตัวเล็กของเจ้าตัวไล่จิ้มไปตามหน้าจอไอพอด ไล่ขึ้นลงดูรูปที่ครอบครัวที่ไทยส่งมาให้เขาดู ความรู้สึกหน่วงเกิดขึ้นภายในจิตใจ


    เขาคิดถึงบ้าน


    คิดถึงครอบครัว


    คิดถึงหม่าม้า


    คิดก่อนจะพยายามไล่ความรู้สึกทั้งหมดออกไปแล้วเลื่อนดูรูปต่อไป เห็นรูปอาหารจากไทยมากมายจึงเกิดความรู้สึกอยากทานขึ้นมาบ้าง คิดได้ดังนั้นจึงเอ่ยถามอีกสองคนที่อยู่ในห้องด้วย


    ฮยอง เย็นนี้กินอะไรกันดีอ่ะเสียงเล็กๆของเด็กชายอายุราว15ปี ที่หากหลับตาฟังแล้วคงแทบแยกไม่ออกว่าเป็นของเด็กผู้ชายหรือหญิง เอ่ยถามเด็กหนุ่มสองคนที่กำลังขยับท่าทางออกสเต็ปตามจังหวะเพลงหนักๆด้วยท่วงท่าแข็งแรงและพริ้วไหว


    ผ่านไปชั่วครู่เมื่อเห็นว่ายังไร้เสียงตอบรับจากอีกฝ่าย ดวงตากลมโตจึงละสายตาออกจากไอพอดเครื่องบางในมือ เงยหน้าขึ้นมองพี่ชายทั้งสองที่กำลังซ้อมเต้นด้วยความมุ่งมั่นอยู่กลางห้องซ้อม แบมแบมมองทั้งสองที่ดูมุ่งมั่นและมีสมาธิจดจ่ออยู่กับการเต้น คนหนึ่งคือพี่ชายสายเลือดจีนที่มาจากอเมริกา ผมสีน้ำตาลสว่างของเจ้าตัวพริ้วไปตามแรงเคลื่อนไหว ใบหน้าขาวใสมีเหงื่อผุดพรายตามไรผม ดวงตาเรียวสวย สันจมูกโด่งรับกับริมฝีปากที่พึมพัมจังหวะการเต้นออกมาเบาๆ


    ข้างกันนั้นมีเด็กหนุ่มอายุไร่เรี่ยกัน ร่างกายที่ดูบึกบึนกว่าตามแบบฉบับนักกีฬา ใบหน้าคมคาย จมูกโด่งเป็นสัน คิ้วหนาพาดผ่านดวงตาคมโตที่บางครั้งกลับทำให้เจ้าตัวดูน่ารักน่าชัง แต่ความน่ารักนั้นกลับหมดไปสิ้นเมื่อสไตล์เจ้าตัวนั้นสุดแสนจะswag แถมยังมีดีกรีเป็นถึงอดีตจ้าวเหรีญทองเอเซียนเกมส์


    จ้องใบหน้าแสนหล่อเหลาของทั้งสองได้สักพักก็ต้องยอมรับออกมาครั้งที่เท่าไหร่แล้วก็ไม่รู้ว่า พี่ชายของเขาทั้งสองคนนี้ดูดีมากจริงๆ การเต้นที่เจ้าตัวเคยบอกว่าไม่มีประสบการณ์มาก่อนก็พัฒนาขึ้นอย่างรวดเร็ว อีกทั้งสกิลการแรปของทั้งคู่ยังจัดได้ว่าเข้าขั้น แถมความสามารถด้านMatrail Artยังโดดเด่นในหมู่เด็กฝึกด้วยกัน


    โปรไฟล์ดี ความสารถมารถครบเครื่องที่มาพร้อมกับใบหน้าที่แสนดึงดูดจนมีข่าวลือล่องลอยออกมาในหมู่เด็กฝึกว่า ทั้งสองคนอาจจะได้เดบิวท์เร็วๆนี้


    อาจจะเป็นเพียงข่าวลือ


    แต่ถ้าไม่มีไฟ ก็คงไม่มีควัน


    ฮยอง ตอบผมก่อนสิ เย็นนี้ฮยองจะกินอะไรอ่ะผมเอ่ยถามอีกรอบด้วยเสียงที่ดังขึ้นเพื่อดึงพวกเขาให้ออกจากสมาธิ ทั้งสองคนชะงักไปเล็กน้อย ทำท่าครุ่นคิดแม้ร่างกายจะยังคงขยับตามเสียงเพลง


    ผมอยากกิน-”


    เย็นนี้พวกฉันนัดกับแจบอม จินยองว่าจะไปกินพิซซ่าด้วยกันน่ะเสียงทุ้มของมาร์คฮยองเอ่ยตอบขัดจังหวะที่ผมกำลังจะพูดความต้องการของตัวเองออกไป


    ผมชะงักไปอย่างไม่รู้จะพูดอะไร ในใจเกิดความรู้สึกวูบขึ้นอย่างประหลาดก่อนมันจะค่อนชาแล้วหายไป ทิ้งไว้เพียงความรู้สึกหน่วงอยู่ลึกๆในใจของคนตัวเล็ก


    เป็นจังหวะเดียวกับที่เสียงเพลงหยุดลง ทั้งสองหยุดเต้นพรางหอบเล็กน้อย ผมมองมาร์คฮยองกับแจ็คสันฮยองที่เดินไปหยิบผ้าและขวดน้ำที่อยู่ด้านข้าง ก่อนที่แจ็คสันฮยองจะเดินเข้ามาทางผม


    นายก็ไปกับพวกเราด้วยสิเขาเอ่ยบอกพรางหย่อนตัวนั่งลงที่โซฟาข้างกายผม


    อือ นายก็ไปด้วยกันสิ สองคนนั้นก็บ่นถึงนายอยู่มาร์คฮยองที่ยืนพิงตู้อยู่อีกฝั่งของห้องกระดกน้ำขึ้นดื่มแล้วบอกสมทบ


    ผมหยุดคิด


    จะว่ายังไงดีล่ะ ไม่ใช่ไม่อยากไป แต่รู้สึกว่าตัวเองไม่สมควรไปยังไงก็ไม่รู้ ถึงผมจะสนิทกับแจบอมฮยองแล้วก็จินยองฮยอง แต่ตั้งแต่ที่ทั้งคู่เดบิวท์เป็นดูโอ้คู่กันไปแล้ว ผมก็ไม่ค่อยได้เจอพวกเขาเท่าไหร่นัก ต่างกับพี่ชายของเขาทั้งสองคนที่ช่วงหลังๆมานี้สนิทกับคู่หูJJ Projectซะเหลือเกิน ไปไหนมาไหนด้วยกันบ่อย หลายครั้งที่ไปซ้อมด้วยกันก็บ่อย กลับหอด้วยกันก็บ่อย จนมีข่าวลืออกมาอีกว่าทั้งสี่จะได้เดบิวท์ด้วยกัน


    ก่อนแจ็คสันฮยองจะมา ผมก็อยู่กับมาร์คฮยอง และหลังจากแจ็คสันฮยองเข้ามา พวกเราก็อยู่กันสามคนมาตลอด เป็นอินเตอร์ไลน์ที่สนิทกันที่สุด พวกเราต่างเข้าใจกันและกัน พวกเขาคอยดูแลผม และผมเคยมีพวกเขาอยู่เคียงข้างมาตลอด


    แต่วันนี้ผมเริ่มไม่แน่ใจเสียแล้ว


    ไม่แน่ใจว่าผมจะมีพวกเขาอยู่เคียงข้างผมไปถึงเมื่อไหร่


    และตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้ที่เขาเริ่มมีความรู้สึกว่าตัวเองห่างออกจากของทั้งสองคนทีละนิดๆ อาจจะเป็นเพราะเรื่องของอายุที่ตอนนี้ทั้งสองเข้าสู่ช่วงวัยรุ่นอย่างเต็มตัว ต่างกับเขาที่ยังคงเป็นแค่เด็กอายุ14ตัวน้อย ได้เจอกับเพื่อนที่คุยกันรู้เรื่องมากกว่า ถูกคอกว่า มันก็ต้องน่าสนใจกว่ากันเป็นธรรมดา ใครมันจะมานั่งดูแลเด็กได้ตลอดกัน


    อืมมมผมส่งเสียงในลำคอแสร้งทำท่าทางครุ่นคิด ก่อนจะเบะปากออกมาเล็กน้อย


    อะไรกัน! มันคิดยากตรงไหนฮึแบมแบ๊มม!”แจ็คสันฮยองว่าเข้าให้ก่อนจะคว้าคอผมเข้าไปซบกับอกของเขา ลำแขนแกร่งที่ล็อคคอผมอยู่เขย่าคอผมไปมาเล็กน้อยอย่างตั้งใจจะกวนอารมณ์


    ผมเบี่ยงตัวพรางดันแขนที่คล้องผมอยู่ออก แจ็คสันฮยองมองอย่างแปลกใจเล็กน้อย ก็แหงล่ะ ปกติเขาจะจับผมให้นั่งท่าไหนผมก็อยู่ท่านั้นมาตลอดนี่นา


    ผมเหล่สายตามองมาร์คฮยองเล็กน้อย เห็นว่าเขาก็มองมาทางผมราวกับรอคำตอบอยู่เหมือนกัน


    ทำไมต้องทำเหมือนรอคำตอบจากผมด้วย ทั้งๆที่


    หึ ผมไปไม่ได้ นัดกับยูคยอมไว้ว่าจะไปกินไอติมด้วยอ่ะ


    ผมโกหกไปแบบนั้น ความจริงแล้วยูคยอมมันรู้เรื่องอะไรซะที่ไหนล่ะ


    มันก็แค่ข้ออ้างของผม


    ข้ออ้างที่จะไม่ทำให้ผมรู้สึกว่าตัวเองเป็นส่วนเกินของคนอื่น


    งั้นเหรอ...เอางั้นก็ได้ ไปกันเถอะแจ็คสัน พวกนั้นรออยู่ เดี๋ยวจะสายมาร์คฮยองพูดก่อนจะเดินไปหยิบเป้ของตัวเอง แล้วชักชวนแจ็คสันฮยองออกไป


    มาร์คฮยองที่หยิบกระเป๋าแล้วเดินมาขยี้หัวผมเบาๆ


    “See you then, Bambam”ก่อนจะเดินออกไปจากห้อง แจ็คสันฮยองที่เดินไปหยิบกระเป๋าที่มุมห้องก็เดินกลับมาทางผม


    “See ya my Bam”เขาดึงแก้มผมเบาๆก่อนพูดแล้วก็เดินออกจากห้องตามมาร์คฮยองไป


    เห็นมั๊ย จะทำเป็นเหมือนรอคำตอบผมทำไม ทั้งๆที่ไม่ว่าผมจะตอบอะไร


    พวกเขาก็คงจะไม่สนใจอยู่ดี         

     .

    .


    หม่าม้า แบมอยากกลับบ้านอ่ะ คิดถึงบ้านแล้วเนี่ยผมบ่นงุ้งงิ้งๆออกมาตอนที่คุยสไกป์กับหม่าม้า


    เอาจริงๆผมว่าอาการโฮมซิกของผมคงกำเริบล่ะ ถ้าผมเริ่มมีอาการแบบนี้ ผมรู้ตัวเลยว่าผมจะชอบงอแง และเหมือนหม่าม้าของผมก็คงจะรู้ข้อนี้ของผมดี


    ไม่เอาสิครับแบมแบม ไม่งอแงนะครับ เดี๋ยวไม่กี่เดือนหม่าม้าก็จะบินไปหาแล้วนะต้นประโยคน้ำเสียงของหม่าม้าฟังดูดุเล็กน้อย แต่ท้ายประโยคกลับฟังอ่อนโยนเหมือนอยากจะปลอบใจผม


    ยิ่งได้ฟังน้ำเสียงอ่อนโยนแบบนี้แล้วผมยิ่งอดอ้อนมากขึ้นไม่ได้


    หม่าม้ามาเร็วกว่าเดิมไม่ได้หรอ แบมอยากเจอเร็วๆอ้ะผมว่าพรางเบะปาก แต่อีกฝ่ายกลับหัวเราะขึ้นมา


    แหน่ะ ยังจะปากยื่นปากยาวแบบนั้นอีกว่าก่อนจะหัวเราะต่อ ยิ่งได้ยินแบบนั้นผมยิ่งแบะปากมากขึ้น


    หม่าม้าอย่าล้อแบมสิ ก็แบมอยากกลับบ้านผมพูดหน้างอ


    ม้าไม่ได้ล้อ ก็ลูกชายหม่าม้าน่ารัก หม่าม้าก็เลยมีความสุขหม่าม้าพูดยิ้มๆผ่านจอเล็กๆ


    ไม่เอานะครับ ไม่งอแงเนอะ ลูกชายหม่าม้าเก่งจะตาย ถ้าเหงาแบมก็ไม่เล่นกับพี่มาร์คพี่แจ็คก่อนนะครับ อ๊ะ แบม ม้าต้องไปก่อนนะ เดี๋ยวพรุ่งนี้ม้าจะสไกป์มาใหม่นะครับ บ๊ายบายครับ ม้ารักแบมนะ


    หม่าม้าว่ายาวเหยียดไม่รอผมตอบกลับสักคำก่อนที่ภาพของอีกฝ่ายจะหายไปจากจอ


    ผมถอนหายใจหน่อยๆอย่างเบื่อหน่าย


    เล่นอะไรล่ะหม่าม้า  เดี๋ยวนี้แค่คุย ผมยังไม่ค่อยได้คุยกับลูกรักของหม่าม้าเท่าไหร่เลย คิดพรางเก็บไอพอดใส่กระเป๋ากางเกงก่อนจะเตรียมตัวลุกขึ้นไปซ้อมร่วมกับเด็กฝึกคนอื่นๆ แต่พลันไอพอดในมือกลับสั่นเตือนเป็นสัญญานว่ามีข้อความจากโปรแกรมแชทส่งมา 

    จากมาร์คฮยอง


    ‘ไปกินข้าวก่อนได้เลยนะ ไม่ต้องรอ’


    ส่งมาเพียงเท่านั้น ผมเก็บไอพอดลงกระเป๋าอีกครั้ง ลุกขึ้นไปเต้นพร้อมกับความรู้สึกราวกับคนถูกทิ้ง


    อีกครั้ง


    อีกครั้งแล้วที่พวกเขาทิ้งให้ผมไปกินข้าวกับคนอื่น ครั้งที่เท่าไหร่กันนะ ผมจำไม่ได้แล้วล่ะ


    ไม่ใช่ว่าผมไม่เคยไปกินกับคนอื่นๆ บ่อยครั้งที่พวกเรามีตารางเรียนไม่ตรงกัน เลยต้องแยกกันบ้าง หรือไม่ก็ต่างคนต่างไปกับคนอื่นบ้าง


    ผมไม่ได้อยากทำตัวน้ำเน่าในละครหลังข่าวหรอกนะ แต่ก็ไม่รู้สิ


    ความรู้สึกครั้งนี้มันต่างออกไปจากครั้งอื่น


    มันคล้ายกับความรู้สึกที่ว่า


    พวกเขาไม่ได้สนใจผมอีกต่อไปแล้ว

     

     

    หลังจากที่เลิกซ้อมแล้ว ผมก็ตรงกลับหอพักกับยูคยอมเลย


    อะไรนะ? มาร์คฮยองกับแจ็คสันฮยองน่ะเหรอ? 

    ใครจะไปรู้ล่ะ


    วันนี้เลิกซ้อมเสร็จผมก็ชวนยูคยอมมันกลับเลย ป่านนี้แล้ว บางทีอาจจะไปเที่ยวกับคนอื่นต่อแล้วก็ได้


    แต่ผมก็ปฏิเสธไม่ได้อีกนั่นแหละว่าลึกๆแล้วผมอยากให้พวกเค้าโทรมาหาผมบ้าง...

    .

    .

    .

    .

    แต่ผมก็คงได้แค่หวังนั่นแหละ


    เพราะอะไรน่ะเหรอ


    ก็ภาพมันฟ้องอยู่ตรงหน้า

     

    แม้จะมืดมากแล้ว แต่ผมก็จำพวกเขาได้แน่นอน


    ภาพคุ้นตาของคนสี่คนที่เดินอยู่ด้วยกัน แจบอมฮยองเดินคุยข้างจินยองฮยองที่กำลังปั่นจักรยานคันโปรดไปอย่างช้าๆ โดยมีมาร์คฮยองที่ยืนอยู่บนสเก็ตบอร์ดสองมือจับเชือกที่ผูกไว้ที่จักรยานของจินยองฮยอง ปล่อยให้แผ่นสเก็ตเคลื่อนไปตามแรงดึงของจักรยาน และข้างกันนั้น มีแจ็คสันฮยองอยู่ด้วย 

    ไม่ใกล้ไม่ไกลกันจากตรงนี้ ทั้งสี่เดินผ่านหน้าผมไปโดยมีแฟนคลับกลุ่มเล็กๆเดินตามไปห่างๆ พวกเค้าสี่คนไม่เห็นผม เพราะผมยืนอยู่คนเดียวตรงมุมถนนและมีเสาไฟบังผมอยู่พอดี แต่ถึงผมจะเดินไปขวางด้านหน้า ก็อาจจะไม่เห็นผมอยู่ดี ก็เดินคุยกันหัวเราะสนุกสนานขนานนั้น คงไม่มีเวลามาสนใจผมหรอก


    ผมหยิบมือถือขึ้นมาเช็ค ไม่มีมิสคอล ไม่มีเมสเสส ผมถอนหายใจก่อนจะเก็บมันลงกระเป๋า แล้วออกเดินอีกครั้งไปทิศตรงข้ามกับที่อีกสี่คนเดินไป


    วันนี้ยูคยอมและเด็กฝึกเกือบทุกคนกลับบ้านกันหมด ผมเบื่อๆ ขี้เกียจอยู่ที่หอพัก เลยออกมาเดินเล่นคนเดียว ผมไม่ได้พิศวาสการไปไหนมาไหนคนเดียวนักหรอก ตอนแรกก็ว่าจะรอพวกฮยองกลับหอมาก่อน แต่ตอนนี้ผมว่า ผมน่าจะฝึกการอยู่คนเดียวให้มันชินได้แล้วล่ะ 

    ไม่สิ


    ผมว่า...


    ผมน่าจะฝึกการอยู่โดยไม่มีพวกเขาทั้งสองคนให้ได้


    ไม่มีมาร์คฮยอง


    ไม่มีแจ็คสันฮยอง


    ผมก็ควรจะอยู่ให้ได้... ใช่มั๊ย


    ผมเดินเข้าร้านเครื่องดื่มร้านประจำนะแวกหอพักที่ผมเคยมาบ่อยๆ ทักทายเจ้าของร้านด้วยความคุ้นเคยก่อนจะสั่งเครื่องดื่มไป


    ผมเดินมานั่งรอที่โต๊ะ มองไปรอบร้านด้วยบรรยากาศที่คุ้นเคย ผมมองไปที่รูปโพลาลอยเล็กๆมากมายที่ติดตกแต่งอยู่ข้างผนัง มีอยู่สองรูปที่ถึงจะอยู่ไกลจากตรงนี้ ก็จำได้แม่นว่าเป็นรูปของใคร


    ผมลุกขึ้นเดินไปดูรูปนั้น


    รูปแรกรูปของผมกับมาร์คฮยอง


    วันนั้นเจ้าของร้านจะตกแต่งร้านใหม่โดยถ่ายรูปลูกค้าที่มาวันนั้นติดข้างผนังไว้ และปกติร้านนี้ส่วนมาก ผมกับมาร์คฮยองมากันแค่สองคน เพราะเป็นร้านเครื่องดื่มที่เน้นกาแฟ และแจ็คสันฮยองไม่ชอบดื่มกาแฟ

    แต่พอเจ้าตัวมาเห็นรูปในครั้งถัดมา ก็ร้องโวยวายไม่เลิกที่ไม่มีรูปของเขาอยู่ด้วย งอนผมกับมาร์คฮยองไปพักใหญ่เลยล่ะ จนสุดท้ายเจ้าของร้านต้องถ่ายรูปพวกเราสามคนอีกครั้งเพื่อให้เอาใจแจ็คสันฮยอง และนั่นก็เป็นที่มาของรูปที่สอง


    รูปของมาร์คฮยอง แจ็คสันฮยอง และผม


    พวกเรายืนกอดคอยิ้มแป้นให้กล้องกันทุกคน วันนั้นมาร์คฮยองบ่นแจ็คสันฮยองไปหลายรอบเลยว่าก็เพราะเขาไม่ชอบกาแฟเองนี่นา จะมาโทษพวกเราได้ยังไง


    เปล่าหรอก ผมก็ไม่เคยดื่มกาแฟหรอกครับ ผมมาทีไรก็สั่งแต่นมปั่นทุกทีนั่นแหละ พวกฮยองไม่อยากให้ผมดื่มกาแฟ พวกเขาบอกว่าผมยังเด็กไป


    ผมเผลอยิ้มให้น้อยๆกับรูปใบนั้นเมื่อนึกถึงวันเก่าๆ


    อา คิดแล้วก็เหงาแปลกๆยังไงไม่รู้แฮะ


    "เอ้าแบมแบม นมสดคาราเมลปั่นเพิ่มวิปครีมเยอะๆเหมือนเดิมได้แล้วจ้าหนุ่มน้อย"เสียงของเจ้าของร้านเรียกสติผมให้กลับมา


    ผมหันไปหาก่อนจะหยิบเงินออกมาจ่ายแล้วรับแก้วมา


    "อา จริงสิ เจ้ามาร์คกับแจ็คสันไปไหนซะล่ะพักนี้ไม่ค่อยเห็นมาด้วยกันเลย"เธอถามในขณะที่กำลังหยิบเงินทอนให้ผม


    ผมยิ้มรับนิดหน่อย

     

    "พวกฮยองช่วงนี้ซ้อมหนักน่ะฮะ เลยไม่ค่อยว่างกัน"


    เธอเงยหน้าขึ้นมองผม ยื่นเงินทอนมาให้พรางพูดเย้าแหย่ผม


    "พวกนั้นเค้าซ้อมหนัก แล้วเราล่ะ แอบขี้เกียจบ้างรึเปล่าเนี่ย ระวังเถอะ พี่ๆเราจะหนีไปเดบิวท์ซะก่อนนา"


    ผมใจกระตุกไปวูบนึง รู้สึกเหมือนมีคนมาจิ้มจึ๊กอยู่กลางอก


    ผมรู้ว่าเธอเพียงแค่แหย่ผมเล่น และเธอไม่ได้ทำเป็นครั้งแรก แต่มีหลายครั้งที่เราคุยกันเรื่องนี้ และผมก็ไม่เคยถือสาหรือคิดมากอะไร เพราะทั้งเธอและผมรู้ดีว่าผมไม่ยอมแพ้กับสายอาชีพนี้แน่นอน


    ผมหัวเราะให้เธอเล็กน้อย เธอบอกให้ผมสู้ๆและวันหลังให้พามาร์คฮยองกับแจ็คสันฮยองมาบ้าง


    ผมเดินออกจากร้าน จริงๆแล้วผมน่าจะสั่งนมร้อนนะ เพราะนมปั่นมันเย็นมากเลยล่ะ เย็นจัดจนมันชาไปหมดทั้งหัวใจและความรู้สึก...


    'นี่ มีข่าวลือมาว่ามาร์คกับแจ็คสันจะได้เดบิวท์ล่ะ'


    'ใช่ๆ กับพวกJJ Projectด้วยนะ'


    'แบมแบมจะได้ทันเดบิวท์พร้อมกับพวกแจ็คสันมั๊ยนะ ยังเด็กอยู่เลย'


    'นั่นสิ ถูกทิ้งไว้คนเดียว เหงาแย่เลย'


    คำพูดมากมายที่เมื่อก่อนไม่รู้ว่าทำไมผมถึงไม่เคยใส่ใจมันเลยสักครั้งลอยกลับเข้ามาในกระบวนความคิด


    คงเป็นเพราะว่าเมื่อก่อนผมมั่นใจว่าผมจะยังมีพวกเขาอยู่เคียงข้างผมไปตลอด


    แล้วทำไมตอนนี้ผมถึงไม่มั่นใจล่ะ


    เพราะอะไรกัน


    หรือเพราะผมไม่ได้มีพวกฮยองอยู่เคียงข้างแล้วใช่หรือเปล่า


    ผมเหงา ผมอยากกลับบ้าน อยากเจอทุกคน ผมอยากโทรหาหม้าม้า แต่คิดว่าตอนนี้อาจจะนอนไปแล้วก็ได้ ผมเลยเลือกที่จะไม่โทรไปกวน


    ถ้าเป็นแต่ก่อนมาร์คฮยองก็จะมาชวนเล่นเกม แล้วก็มีแจ็คสันฮยองคอยป่วนผมอยู่เรื่อยๆ ผมเลยผ่านมาได้ทุกครั้งที่คิดถึงบ้าน


    ร่างโปร่งทำเพียงเดินไปเรื่อยๆ เขาไม่รู้ว่าตอนนี้เขาเดินมาแถวย่านไหนเสียด้วยซ้ำ แต่ที่แน่ๆคือเขาไม่มีความคิดที่จะกลับหอเวลานี้ ท้องฟ้ายามนี้มืดสนิท ไม่มีแม้แต่แสงดาวหรือแสงจันทร์ที่สาดส่องลงมาเลยสักนิด มีแค่เพียงแสงส้มสลัวๆจากไฟข้างทางที่พอจะส่องสว่างให้เห็นสภาพแวดล้อมรอบด้านที่ไร้ผู้คน


    ไม่มีใครอยู่ข้างๆผมเลย


    ไม่มีใครเลยสักคน


    แบมแบมทรุดตัวลงนั่งยองๆ หลังพิงไปกับกำแพงข้างทาง บางกำโทรศัพท์ในมือแน่น นึกอยากคุยกับพี่ชายทั้งสองคน


    แต่ไม่กล้าโทรหา…


    แล้วทำไมพวกฮยองไม่โทรตามผมล่ะ ไม่สงสัยเลยหรอว่าผมอยู่ไหน ทำไมไม่โทรมาถามผมเหมือนทุกทีล่ะว่า…

    ทำไมไม่รอกลับพร้อมกัน


    ทำไมถึงกลับไปก่อน


    กลับไปกับใคร


    ทำไมไม่อยู่ที่หอ


    แอบออกไปไหนน่ะ


    เป็นอะไรรึเปล่า


    ทำไมถึงทำหน้างอแง


    อยากกลับบ้านใช่มั๊ย


    คิดถึงหม่าม้าใช่รึเปล่า


    ไม่เป็นไรนะ นายยังมีพวกเรา


    มาแข่งเกมกับฮยองสักตาก่อนมั๊ย


    อย่าร้องนะ เดี๋ยวคืนนี้เราแอบไปกินไอติมกัน ฮยองเลี้ยงนายเอง

    ไม่ต้องร้องหรอกน่า เราจะอยู่เป็นเพื่อนนาย

     

    นายจะไม่เหงา เราจะอยู่กับนายนะ

     

    จะอยู่ข้างๆไม่ไหนนี่แหละ

     

    พวกเราจะดูแลนายเอง แบมแบม


               แล้วตอนนี้ล่ะ พวกฮยองอยู่ไหน  อึก
     

    ร่างเล็กนั่งชันเข่าคุดคู้ ใบหน้าซุกลงกับหัวเข่า มีเพียงแผ่นหลังบางที่สั่นเทา และแว่วเสียงสะอื้นที่เจ้าตัวพยายามกลั้นมันไว้ สองแขนเล็กๆโอบรอบตัวเองแน่น หวังช่วยคลายความรู้สึกที่โดดเดี่ยวของตน

     

    ไร้แสงเดือน


    ไร้แสงดาว

     

    ไร้ผู้คนปลอบใจ

     

               มีเพียงอากาศหนาวยามค่ำคืน ลอยระเรื่อยราวกับตอกย้ำความเดียวดายของเจ้าตัว

     

    ในเมื่อไม่มีใคร


    เขาก็ต้องกอดตัวเอง


    มาร์คฮยอง อึก

     

    แจ็คสันฮยอง


    ฮึก พวกฮยองยังอยู่กับผมรึเปล่า…?


    [Continue Next Chapter ]

       

    ผมจะสูญเสียอะไรไปก็ได้ ที่ไม่ใช่พวกพี่...

     



     

    คุยกันหน่อยน้า

    ตอนนี้แบมรู้สึกแบบโดดเดี่ยว ไม่มีใคร ส่วนนึงมาจากอาการโฮมซิก พอมาเจอคนที่สนิทที่สุดค่อยๆห่างไปเลยรู้สึกนอยหนักเลย

    ขอบคุณที่ติดตามนะค้าาาา :D

    [ยังเหลืออีกตอนน้า มาดูกันว่าจะแฮปี้เอ็น หรือแบดเอ็น มาเอาใจช่วยน้องแบมกันค่า ฮืออ]

    แก้ไข 25/10/60

    #ficgetgot7

     

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×