The Last Of Us[Fiction]:Too Late [Tess x Joel]
ความสัมพันธ์ที่ในเกมไม่เคยกล่าวถึง ระหว่าง เทสส์ และ โจเอล พวกเขา เป็นเพียงเพื่อนร่วมงานกันจริงหรือ
ผู้เข้าชมรวม
673
ผู้เข้าชมเดือนนี้
7
ผู้เข้าชมรวม
สวัสดีคะรีดเดอร์ทุกๆท่าน
ไรเตอร์กลับมาอีกครั้งแล้วนะคะกับผลงานใหม่
งานเก่าก็ไม่ได้ทิ้งนะคะเดี๋ยวจะทยอยทำให้
เหตุเกิดจากการดูพี่ชุดนอนเล่าเนื้อเรื่องของเกม The Last of Us มา
พี่เค้าบอกว่า
"ความสัมพันธ์ระหว่าโจเอลกับตัวละครที่ชื่อเทสส์ตัวเกมไม่ได้บอกไว้
แต่ให้ผู้เล่นไปจิ้นกันเอาเอง"
บวกกับเช่นนี้พี่คิว Xcrosz ก็แคสเกมนี้ด้วย
ก็เลยจัดการมโนเนื้อเรื่องขึ้นมา...
.
.
.
.
.
.
.
ถึงแม้ว่าเทสส์จะเป็นตัวละครที่โลดแล่นอยู่ในเกมไม่นาน
แต่ก็เป็นเชื้อเพลิงสำคัญที่เติมไฟในตัวโจเอล
ให้เขาอยากเดินทางส่งตัวเอลลี่ต่อไป
เลยเริ่มรู้สึกว่า 2 คนนี้มันไม่ธรรมดา
.
.
พอแต่งแล้วไปลองอ่านก็ให้ความรู้สึกว่าสงสารเทสส์ขึ้นมาเลยค่ะ ToT
ท่านผู้อ่านคิดว่าอย่างไรกันบ้าง
ก็อย่าลืมทิ้งความคิดเห็นเอาไว้ด้วยนะคะ
จะได้นำไปปรับปรุงแก้ไข
*สำหรับตอนนี้...........
สวัสดีค่ะ*
*ของพี่ชุดนอนชัดๆ >[]<
เนื้อเรื่อง
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
“ฉันพอจะซื้อเวลาให้พวกนายได้ แต่พวกนายต้องรีบหนีไปซะ” เสียงกร้าวอย่างตัดสินใจแน่วแน่ของฉันเอ่ย
ขึ้นหลังจากที่รถทหารแล่นมาบนถนนหน้าพิพิธพันธ์เก่าแห่งนี้ มันยิ่งทวีความเครียดที่แต่เดิมมีอยู่แล้วเมื่อพบว่าภารกิจ
ส่งตัวเด็กล้มเหลวเพราะคนที่จะมารับตัวเด็กตายเกลี้ยงไม่เหลือซักคน และเมื่อฉันบอกโจเอลว่า...
ฉันถูกกัด...
“นี่คุณหมายความว่าจะให้พวกเราทิ้งคุณไว้ที่นี่งั้นเหรอ!!!-ไม่มีทาง!!!” เอลลี่โวยวายขึ้นมาแทบจะพร้อมๆ
กับโจเอลจนคล้ายกับการต่อประโยค แต่ตอนนี้ไม่มีเวลาจะให้เสียอีกแล้ว...
“ฉันไม่อยากจะกลายเป็นไอ้ตัวนั้น!!”ฉันได้ยินเสียงตัวเองโผล่งยอมรับออกไป แต่ทั้งๆที่ฉันเป็นพูดมันออก
ไปแท้ๆ แต่ฉันกลับรู้สึกเหมือนกับว่ากำลังฟังคนอื่นพูดอยู่ น้ำเสียงนั่น ช่างฟังดูเจ็บปวดเหลือเกิน “เพราะงั้นได้
โปรด...ช่วยทำให้เรื่องนี้มันง่ายกับฉันด้วยเถอะ”
“แต่เรายังสู้ไ-“
“ไปซะ!!!!!”ฉันตะโกนออกมาสุดเสียง แล้วเบือนสายตาไปสบกับโจเอลที่กำลังพูดแย้ง พยายามถ่ายทอดทุกสิ่ง
ออกมา ทั้งคำขอโทษ ความเสียใจ ความกลัว ความสิ้นหวัง และ คำบอกลา...
“ไปเถอะนังหนู...” โจเอลละสายตาไปจากฉัน หันหลัง แล้วออกเดินจากไปโดยไม่พูดอะไรอีก
“หนูขอโทษ...หนะ..หนูไม่ได้ตั้งใจจะให้มันเป็นแบบนี้..”ฉันมองตาเด็กสาวแล้วพยักหน้าเป็นเชิงว่าเข้าใจดี
แล้วเธอจึงเดินตามโจเอลไป
ไปจากฉันอีกคน...
ฉันกระชับปืนในมือแน่น สูดหายใจเข้าเต็มปอด...
“เรารู้ว่าพวกคุณอยู่ในนั้น!!! ยอมมอบตัวแต่โดยดี จะได้ไม่มีการล้มตาย!!”
เตรียมใจและกายให้อยู่ในภาวะพร้อมยิง...
ปึ้ง!!! ปั้งๆๆๆๆๆๆ!!!!!!
ประตูถูกกระแทกเปิดออกพร้อมกับกลุ่มนายทหารที่กรูกันเข้า ฉันสาดกระสุนไม่ใส่เลือกหน้า พร้อมๆกับที่มีห่า
กระสุนพุ่งตรงใส่ร่างของฉันเช่นกัน ความเป็บปวดค่อยๆรุกไล่จากปากแผลเข้าสู่ขั้วหัวใจ แต่แล้วฉันก็ต้องแปลกใจเมื่อ
พบว่าความเจ็บปวดนั้นไม่ได้เกิดจากบาดแผลกระสุนเพียงอย่างเดียว
แต่มันเป็นความเจ็บปวดที่หัวใจที่กำลังจะหยุดเต้น...
ความเจ็บปวดเมื่อรู้ว่าฉันจะไม่ได้พบหน้าโจเอลอีกต่อไป....
ทั้งๆที่ฉันยังไม่ได้ตอบเขา...
มันสายไปแล้ว สายไปมากแล้วใช่ไหม....
ร่างของฉันค่อยๆล้มลง ความทรงจำหนึ่งค่อยๆหลั่งไหลเข้ามาช้าๆ ราวกับโลกทั้งใบหยุดนิ่ง...
‘เธอต้องบ้าไปแล้วแน่ๆ!! ฉันบอกเธอแล้วไม่ใช่เหรอว่างานขนของรอบนี้มันเสี่ยงเกินไป แล้วนี่ยังจะแอบฉัน
ไปทำงานคนเดียวอีก นี่เธอคิดอะไรอยู่กันแน่ หา!’ โจเอลเอ็ดฉันเสียงดังราวกับเด็กน้อยที่ไม่เชื่อฟังผู้ใหญ่ เอามือกุม
ขยับแล้วเดินไปเดินมาอยู่ตรงหน้าฉันที่กำลังทำแผลที่ต้นแขน
‘ก็เห็นว่ามันคุ้มดี เสี่ยงหน่อยแต่ก็ได้การ์ดมาหลายใบอยู่นะ ทำไมต้องเครียดขนาดนั้นด้วย เป็นห่วงรึไง??’
‘ก็ใช่นะสิ’ โจเอลตอบออกมาอย่างรวดเร็วราวกับไม่ต้องคิด พลางหยิบผ้าชุบแอลกอฮอล์ล้างแผลไปจากมือฉั
น ‘คู่หูรู้งานอย่างเธอไม่ใช่จะหาได้ง่ายๆนี่’ ขากดผ้าลงบนแผลอย่างเบามือ ความแสบซ่านแล่นจี๊ดขึ้นสู่สมอง แต่ฉันก็
กัดฟังทนไม่ร้องออกมา โจเอลทำเสียงจิ๊ปากเบาๆอยู่ในลำคอ
‘นายนี่พูดจาชวนคิดไปไกลนะเนี่ย ไอ้ที่ยอมรับออกมาก็รีบขยายความให้มันไวๆหน่อยสิ พูดซะอย่างกับว่า
นายมีใจให้ฉันอย่างนั้นละฉันพูดพลางแสร้งหัวเราะ ฉันไม่อยากให้เขารู้เลย ว่าประโยคแรกที่เขาพูดอกนั้น ทำให้ใจฉัน
สั่นขนาดไหน
‘ทำไม? หรือเธอคิดอะไรละ…’ โจเอลย้อนถามฉันที่ถึงกับชะงักกึกแล้วหันหน้าหนีทันที สีหน้าของฉันคงเลิก
ลักมากจนโจเอลสังเกตได้ เขาเลยค่อยๆโน้มหน้าเข้ามาเพื่อจะมองตาฉันให้ชัดๆ ลมหายใจอุ่นๆที่รดแก้มทำให้ฉันตกใจ
จนสะดุ้ง เผลอหันหน้าไปทางเขา ส่งผลให้ปลายจมูกของเราชนกันแล้วฉันก็ดันสบตาโจเอลไปโดยไม่ได้ตั้งตัว
ตึก...ตึก...ตึก...ตึก...
ใจของฉันเต้นรัวเร็วราวกับจังหวะกลอง ระหว่างเรามันควรจะเป็นแค่เพื่อนร่วมงานเท่านั้นสิ แล้วนี่ฉันคิด
อะไร...
นี่ฉัน...รู้สึกอะไร...
‘ฉันไปอาบน้ำก่อนนะ...ฝันดีละ’ ฉันรีบเอ่ยตัดบททันที่ได้สติ รีบเดินไปทางห้องของฉันทันที เข้าห้อง ปิด
ประตู แล้วเอาหูแนบกับมันเพื่อฟังเสียงภายนอกที่มีแต่ความเงียบ จนเมื่อผ่านไปพักใหญ่ๆ ฉันก็ได้ยินเสียงเปิดแล้วปิด
ประตูห้องตรงข้าม เป็นสิ่งยืนยันให้รู้ว่าโจเอลก็กลับเข้าห้องของเขาไปแล้วเช่นกัน
ฉันพลิกตัวเอาหลังแนบกับประตู หลับคู่นี้ลง พลางถามตัวเองอยู่ซ้ำๆว่าความรู้สึกนี้มันคืออะไร เพราะลึกๆใน
ใจของฉันก็รู้ดี ว่าต่อให้ฉันเลี่ยงการตอบคำถามของโจเอลมาได้
แต่ฉันก็ไม่อาจเลี่ยงการตอบคามใจตัวเองได้อยู่ดี.....
เมื่อภาพความทรงจำสิ้นสุดลงเวลารอบๆตัวก็ดูเหมือนจะกลับมาเดินอีกครั้ง เขาว่ากันว่าก่อนเราจะตาย ความ
ทรงจำอันแสนสำคัญจะหวนกลับมาหาเราอีกครั้ง ตลกสิ้นดีที่ความทรงจำที่เข้ามาในหัวฉันกลับเป็นเหตุการณ์นี้ ร่างกาย
ของฉันรู้สึกมึนชาไปหมด มันคงจะถึงเวลาของฉันแล้วสินะ มันจริงหรือที่เคยมีคนกล่าวไว้ว่าไม่มีอะไรสายเกินแก้ แต่
คราวนี้ฉันรู้...รู้ว่าทุกๆอย่างสายเกินไปแล้วสำหรับฉัน สายเกินไปจริงๆ ชั่วแวบหนึ่งคำพูดที่ฉันไม่ได้นึกถึงมานานนับ
ตั้งแต่วันที่ทุกอย่างเริ่มต้นก็ผุดขึ้นมา เมื่อถึงตอนนี้หากฉันเอ่ยมันออกมาก็คงจะดูโง่เง่าเอาซะมากๆ แต่ว่า..แต่ว่า...
ฉันยังไม่อยากตาย...
ฉันยังอยากจะได้ยินเสียงของเขา....
ยังอยากจะเจอหน้าเขา...
ยังอยากพูดกับเขา...
ยังอยากจะตอบคำถามของเขา....ว่าความรู้สึกที่ฉันมีให้
ก็คือความรัก...
น้ำตาของฉันไหลรินออกมาเป็นสาย และฉันคงจะสะอื้นแน่ๆหากยังมีแรงเหลือมากพอ แต่ตอนนี้ แม้แต่จะ
หายใจฉันก็แทบจะไม่มีแรงแล้ว... สิ่งสุดท้ายที่ฉันทำได้ คือการเปล่งเสียงขาดๆหายๆนี่ออกไป ประโยคสุดท้ายที่ฉัน
อยากจะให้เขาได้ยินก่อนที่ความมืดมิดตลอกกาลจะมาเยือน
“ฉัน...รัก...นาย...”
ฉันรักนายนะ...
แต่มันคงสายไปแล้วละ...
โจเอล
END…
ผลงานอื่นๆ ของ Lady_N_Hood ดูทั้งหมด
ผลงานอื่นๆ ของ Lady_N_Hood
ความคิดเห็น