The Last Of Us[Fiction]:Too Late [Tess x Joel] - The Last Of Us[Fiction]:Too Late [Tess x Joel] นิยาย The Last Of Us[Fiction]:Too Late [Tess x Joel] : Dek-D.com - Writer

    The Last Of Us[Fiction]:Too Late [Tess x Joel]

    ความสัมพันธ์ที่ในเกมไม่เคยกล่าวถึง ระหว่าง เทสส์ และ โจเอล พวกเขา เป็นเพียงเพื่อนร่วมงานกันจริงหรือ

    ผู้เข้าชมรวม

    673

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    7

    ผู้เข้าชมรวม


    673

    ความคิดเห็น


    0

    คนติดตาม


    1
    เรื่องสั้น
    อัปเดตล่าสุด :  26 ก.พ. 59 / 01:04 น.


    ข้อมูลเบื้องต้น

    สวัสดีคะรีดเดอร์ทุกๆท่าน

    ไรเตอร์กลับมาอีกครั้งแล้วนะคะกับผลงานใหม่

    งานเก่าก็ไม่ได้ทิ้งนะคะเดี๋ยวจะทยอยทำให้

    เหตุเกิดจากการดู
    พี่ชุดนอนเล่าเนื้อเรื่องของเกม The Last of Us มา

    พี่เค้าบอกว่า 

    "ความสัมพันธ์ระหว่าโจเอลกับตัวละครที่ชื่อเทสส์ตัวเกมไม่ได้บอกไว้

    แต่ให้ผู้เล่นไปจิ้นกันเอาเอง"

    บวกกับเช่นนี้พี่คิว Xcrosz ก็แคสเกมนี้ด้วย

    ก็เลยจัดการมโนเนื้อเรื่องขึ้นมา...
    .
    .
    .
    .
    .
    .
    .
    ถึงแม้ว่าเทสส์จะเป็นตัวละครที่โลดแล่นอยู่ในเกมไม่นาน

    แต่ก็เป็นเชื้อเพลิงสำคัญที่เติมไฟในตัวโจเอล

    ให้เขาอยากเดินทางส่งตัวเอลลี่ต่อไป

    เลยเริ่มรู้สึกว่า 2 คนนี้มันไม่ธรรมดา
    .
    .

    พอแต่งแล้วไปลองอ่านก็ให้ความรู้สึกว่าสงสารเทสส์ขึ้นมาเลยค่ะ ToT

    ท่านผู้อ่านคิดว่าอย่างไรกันบ้าง

    ก็อย่าลืมทิ้งความคิดเห็นเอาไว้ด้วยนะคะ

    จะได้นำไปปรับปรุงแก้ไข


    *สำหรับตอนนี้...........

    สวัสดีค่ะ*

    *ของพี่ชุดนอนชัดๆ >[]<

     

    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ

      ฉันพอจะซื้อเวลาให้พวกนายได้ แต่พวกนายต้องรีบหนีไปซะ เสียงกร้าวอย่างตัดสินใจแน่วแน่ของฉันเอ่ย

      ขึ้นหลังจากที่รถทหารแล่นมาบนถนนหน้าพิพิธพันธ์เก่าแห่งนี้ มันยิ่งทวีความเครียดที่แต่เดิมมีอยู่แล้วเมื่อพบว่าภารกิจ

      ส่งตัวเด็กล้มเหลวเพราะคนที่จะมารับตัวเด็กตายเกลี้ยงไม่เหลือซักคน และเมื่อฉันบอกโจเอลว่า...



                         ฉันถูกกัด...


                         นี่คุณหมายความว่าจะให้พวกเราทิ้งคุณไว้ที่นี่งั้นเหรอ!!!-ไม่มีทาง!!!” เอลลี่โวยวายขึ้นมาแทบจะพร้อมๆ

      กับโจเอลจนคล้ายกับการต่อประโยค แต่ตอนนี้ไม่มีเวลาจะให้เสียอีกแล้ว...


                           ฉันไม่อยากจะกลายเป็นไอ้ตัวนั้น!!”ฉันได้ยินเสียงตัวเองโผล่งยอมรับออกไป แต่ทั้งๆที่ฉันเป็นพูดมันออก

      ไปแท้ๆ แต่ฉันกลับรู้สึกเหมือนกับว่ากำลังฟังคนอื่นพูดอยู่ น้ำเสียงนั่น ช่างฟังดูเจ็บปวดเหลือเกิน
      เพราะงั้นได้

      โปรด...ช่วยทำให้เรื่องนี้มันง่ายกับฉันด้วยเถอะ



      แต่เรายังสู้ไ-


      ไปซะ!!!!!”ฉันตะโกนออกมาสุดเสียง แล้วเบือนสายตาไปสบกับโจเอลที่กำลังพูดแย้ง พยายามถ่ายทอดทุกสิ่ง

      ออกมา ทั้งคำขอโทษ ความเสียใจ ความกลัว ความสิ้นหวัง และ คำบอกลา...


      ไปเถอะนังหนู...โจเอลละสายตาไปจากฉัน หันหลัง แล้วออกเดินจากไปโดยไม่พูดอะไรอีก


      หนูขอโทษ...หนะ..หนูไม่ได้ตั้งใจจะให้มันเป็นแบบนี้..ฉันมองตาเด็กสาวแล้วพยักหน้าเป็นเชิงว่าเข้าใจดี 

      แล้วเธอจึงเดินตามโจเอลไป

      ไปจากฉันอีกคน...


      ฉันกระชับปืนในมือแน่น สูดหายใจเข้าเต็มปอด...


      เรารู้ว่าพวกคุณอยู่ในนั้น!!! ยอมมอบตัวแต่โดยดี จะได้ไม่มีการล้มตาย!!


      เตรียมใจและกายให้อยู่ในภาวะพร้อมยิง...


      ปึ้ง!!! ปั้งๆๆๆๆๆๆ!!!!!!


      ประตูถูกกระแทกเปิดออกพร้อมกับกลุ่มนายทหารที่กรูกันเข้า ฉันสาดกระสุนไม่ใส่เลือกหน้า พร้อมๆกับที่มีห่า

      กระสุนพุ่งตรงใส่ร่างของฉันเช่นกัน ความเป็บปวดค่อยๆรุกไล่จากปากแผลเข้าสู่ขั้วหัวใจ แต่แล้วฉันก็ต้องแปลกใจเมื่อ

      พบว่าความเจ็บปวดนั้นไม่ได้เกิดจากบาดแผลกระสุนเพียงอย่างเดียว


       

      แต่มันเป็นความเจ็บปวดที่หัวใจที่กำลังจะหยุดเต้น...


       

      ความเจ็บปวดเมื่อรู้ว่าฉันจะไม่ได้พบหน้าโจเอลอีกต่อไป....


       

      ทั้งๆที่ฉันยังไม่ได้ตอบเขา...


       

      มันสายไปแล้ว สายไปมากแล้วใช่ไหม....


       

      ร่างของฉันค่อยๆล้มลง ความทรงจำหนึ่งค่อยๆหลั่งไหลเข้ามาช้าๆ ราวกับโลกทั้งใบหยุดนิ่ง...


      เธอต้องบ้าไปแล้วแน่ๆ!! ฉันบอกเธอแล้วไม่ใช่เหรอว่างานขนของรอบนี้มันเสี่ยงเกินไป แล้วนี่ยังจะแอบฉัน

      ไปทำงานคนเดียวอีก นี่เธอคิดอะไรอยู่กันแน่ หา
      !’  โจเอลเอ็ดฉันเสียงดังราวกับเด็กน้อยที่ไม่เชื่อฟังผู้ใหญ่ เอามือกุม

      ขยับแล้วเดินไปเดินมาอยู่ตรงหน้าฉันที่กำลังทำแผลที่ต้นแขน


      ก็เห็นว่ามันคุ้มดี เสี่ยงหน่อยแต่ก็ได้การ์ดมาหลายใบอยู่นะ ทำไมต้องเครียดขนาดนั้นด้วย เป็นห่วงรึไง??’


      ก็ใช่นะสิ โจเอลตอบออกมาอย่างรวดเร็วราวกับไม่ต้องคิด พลางหยิบผ้าชุบแอลกอฮอล์ล้างแผลไปจากมือฉั

       คู่หูรู้งานอย่างเธอไม่ใช่จะหาได้ง่ายๆนี่ ขากดผ้าลงบนแผลอย่างเบามือ ความแสบซ่านแล่นจี๊ดขึ้นสู่สมอง แต่ฉันก็

      กัดฟังทนไม่ร้องออกมา โจเอลทำเสียงจิ๊ปากเบาๆอยู่ในลำคอ


      นายนี่พูดจาชวนคิดไปไกลนะเนี่ย ไอ้ที่ยอมรับออกมาก็รีบขยายความให้มันไวๆหน่อยสิ พูดซะอย่างกับว่า

      นายมีใจให้ฉันอย่างนั้นละฉันพูดพลางแสร้งหัวเราะ ฉันไม่อยากให้เขารู้เลย ว่าประโยคแรกที่เขาพูดอกนั้น ทำให้ใจฉัน

      สั่นขนาดไหน


      ทำไม? หรือเธอคิดอะไรละ…’ โจเอลย้อนถามฉันที่ถึงกับชะงักกึกแล้วหันหน้าหนีทันที สีหน้าของฉันคงเลิก

      ลักมากจนโจเอลสังเกตได้ เขาเลยค่อยๆโน้มหน้าเข้ามาเพื่อจะมองตาฉันให้ชัดๆ ลมหายใจอุ่นๆที่รดแก้มทำให้ฉันตกใจ

      จนสะดุ้ง เผลอหันหน้าไปทางเขา ส่งผลให้ปลายจมูกของเราชนกันแล้วฉันก็ดันสบตาโจเอลไปโดยไม่ได้ตั้งตัว


      ตึก...ตึก...ตึก...ตึก...


      ใจของฉันเต้นรัวเร็วราวกับจังหวะกลอง ระหว่างเรามันควรจะเป็นแค่เพื่อนร่วมงานเท่านั้นสิ แล้วนี่ฉันคิด

      อะไร...


      นี่ฉัน...รู้สึกอะไร...


      ฉันไปอาบน้ำก่อนนะ...ฝันดีละ ฉันรีบเอ่ยตัดบททันที่ได้สติ รีบเดินไปทางห้องของฉันทันที เข้าห้อง ปิด

      ประตู แล้วเอาหูแนบกับมันเพื่อฟังเสียงภายนอกที่มีแต่ความเงียบ จนเมื่อผ่านไปพักใหญ่ๆ ฉันก็ได้ยินเสียงเปิดแล้วปิด

      ประตูห้องตรงข้าม เป็นสิ่งยืนยันให้รู้ว่าโจเอลก็กลับเข้าห้องของเขาไปแล้วเช่นกัน


      ฉันพลิกตัวเอาหลังแนบกับประตู หลับคู่นี้ลง พลางถามตัวเองอยู่ซ้ำๆว่าความรู้สึกนี้มันคืออะไร เพราะลึกๆใน

      ใจของฉันก็รู้ดี ว่าต่อให้ฉันเลี่ยงการตอบคำถามของโจเอลมาได้




      แต่ฉันก็ไม่อาจเลี่ยงการตอบคามใจตัวเองได้อยู่ดี.....


       

      เมื่อภาพความทรงจำสิ้นสุดลงเวลารอบๆตัวก็ดูเหมือนจะกลับมาเดินอีกครั้ง เขาว่ากันว่าก่อนเราจะตาย ความ

      ทรงจำอันแสนสำคัญจะหวนกลับมาหาเราอีกครั้ง ตลกสิ้นดีที่ความทรงจำที่เข้ามาในหัวฉันกลับเป็นเหตุการณ์นี้ ร่างกาย

      ของฉันรู้สึกมึนชาไปหมด มันคงจะถึงเวลาของฉันแล้วสินะ มันจริงหรือที่เคยมีคนกล่าวไว้ว่าไม่มีอะไรสายเกินแก้ แต่

      คราวนี้ฉันรู้...รู้ว่าทุกๆอย่างสายเกินไปแล้วสำหรับฉัน สายเกินไปจริงๆ ชั่วแวบหนึ่งคำพูดที่ฉันไม่ได้นึกถึงมานานนับ

      ตั้งแต่วันที่ทุกอย่างเริ่มต้นก็ผุดขึ้นมา เมื่อถึงตอนนี้หากฉันเอ่ยมันออกมาก็คงจะดูโง่เง่าเอาซะมากๆ แต่ว่า..แต่ว่า...


       

      ฉันยังไม่อยากตาย...

       

      ฉันยังอยากจะได้ยินเสียงของเขา....


       

      ยังอยากจะเจอหน้าเขา...


       

      ยังอยากพูดกับเขา...


       

      ยังอยากจะตอบคำถามของเขา....ว่าความรู้สึกที่ฉันมีให้


       

      ก็คือความรัก...


       

      น้ำตาของฉันไหลรินออกมาเป็นสาย และฉันคงจะสะอื้นแน่ๆหากยังมีแรงเหลือมากพอ แต่ตอนนี้ แม้แต่จะ

      หายใจฉันก็แทบจะไม่มีแรงแล้ว... สิ่งสุดท้ายที่ฉันทำได้ คือการเปล่งเสียงขาดๆหายๆนี่ออกไป ประโยคสุดท้ายที่ฉัน

      อยากจะให้เขาได้ยินก่อนที่ความมืดมิดตลอกกาลจะมาเยือน


      ฉัน...รัก...นาย...


      ฉันรักนายนะ...

      แต่มันคงสายไปแล้วละ...

       

      โจเอล

      END…



      ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

      loading
      กำลังโหลด...

      ความคิดเห็น

      ×