ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Monsta X] Twin Story

    ลำดับตอนที่ #7 : Twin Story 'CHANGE' : CHAPTERS 6

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 874
      15
      5 ก.ค. 59

    โปรดอ่านก่อนค่า : ตอนแรกตัวละครในเรื่องที่เป็นน้องต่างสายเลือดของแฝด ไรท์ให้ใช่ชื่อ “ชเวจินฮยอก” ซึ่งเป็นชื่อที่ไม่ได้มีตัวตนอะไรอยู่จริงๆ(มี แต่เป็นดาราซึ่งคนละจินฮยอกกันเน๊อะ) เพราะตอนแรกตั้งใจไม่ได้ให้มีบทบาทอะไรมากมาย แต่ตอนนี้มีการเปลี่ยนแปลงพล็อตนิดหน่อย ก็เลยของเปลี่ยนนะคะ เพราะงั้นหากอ่านตั้งแต่ตอนนี้แล้วเจอชื่อ “กวักมินจุน” ขอให้เข้าใจว่าเขาคือน้องต่างสายเลือดของแฝดนั่นแหละเน๊อะ ตอนก่อนๆเดี๋ยวไรท์ไปตามแก้ทีหลัง แต่หลังจากนี้อย่าลืมนะทุกคน จินฮยอก คือ มินจุน มินจุนเท่านั้นนะคะ ส่วนเรื่องอิมเมจ อยู่ด้านล่างของตอนเลยค่ะ ไรท์ว่าหน้ามินจุนนี่เหมาะมากกับบทนี้ ก็เลยเอามา อย่าลืมว่าเป็นแค่ฟิคที่เกิดจากจินตนาการของไรท์เท่านั้นนะคะ เพราะงั้น อ่านอย่างมีสติ สนุกไปกับเนื้อหาที่ไรท์มอบให้เน๊อะ ขอบคุณค่ะ





    T
    B



    Chapters 6

     

                -Hoseok Part-


                ผมเดินออกมาแล้วจัดการล็อคประตูบ้านเพื่อเตรียมออกไปเรียน หลังจัดการทุกอย่างเรียบร้อยแล้วก็เดินออกไปตามทางเดิมที่เคยเดินอยู่ทุกวัน ปกติเช้าๆแบบนี้จะไม่มีใครหรอกนะ แต่วันนี้กลับมี


                แถมเยอะด้วยสิ


                “ไอ้วอนโฮ”


                ผมได้ยินเสียงเรียก เลยแอบลอบกลืนน้ำลายเอื๊อกใหญ่ลงคอ มีชีวิตรอดปลอดภัยสงบสุขมาตั้งหลายวัน แต่ทำไมวันนี้ถึงได้ซวยตั้งแต่ก้าวเท้าออกจากบ้านงี้อ่ะ แล้วมากันตั้งหกเจ็ดคน ผมคนเดียวจะไปสู้อะไรได้


                “เฮ้ย เรียกแล้วทำเป็นไม่ได้ยินเหรอวะ”


                ผมไม่ได้สนใจเสียงของพวกนั้น แต่รีบเดินเร็วๆผ่านพวกเขาไป แต่มันทำได้ง่ายๆที่ไหน ถ้าหากคนมันอยากจะหาเรื่อง ยังไงก็หนีไม่พ้นอยู่ดีนั่นแหละ


                “มึงจะไปไหน”


                ผมเสียหลักเมื่อถูกกระชากคอเสื้อเข้าไปหา ดังนั้นตอนนี้เลยต้องเก็บอาการกลัวเอาไว้สุดฤทธิ์ ให้ใครรู้ไม่ได้เด็ดขาดว่าคนที่พวกเขากำลังหาเรื่องอยู่ตอนนี้ไม่ใช่วอนโฮ


                “มีอะไร กูไม่ว่าง”


                ถึงคำหยาบจะไม่ใช่สิ่งที่ผมชอบ แต่เพื่อเอาตัวรอดไปก่อนผมก็ต้องทำน่ะนะ


                “หึ! กวนตีนกูเหรอมึง”


                ผมทำตาให้โตมากที่สุด พยายามที่จะไม่กระพริบตา แม้ว่ากำปั้นใหญ่ๆจะเงื้อขึ้นเตรียมอัดเข้าหน้าผมเต็มทีแล้วก็ตาม


                “มึงจะทำอะไร!!


                “อ้าว มาแล้วเหรอวะไอ้มินจุน มึงมาดูดิ กูจับใครได้”


                ผมหันไปมองทั้งที่ยังถูกขยุ้มคอเสื้ออยู่ มินจุนเดินออกมาจากบ้าน เอามือล้วงกระเป๋าแล้วก็มองหน้าคนที่น่าจะเป็นเพื่อนของเขาแล้วลากสายตามามองผมนิ่งๆ


                “มึงไม่ต้องห่วง เดี๋ยวกูจะจัดการมันเอง”


                “ไม่ต้อง”


                “ฮะ”


                “กูบอกว่าไม่ต้องไง”พูดจบมินจุนก็ปัดมือเพื่อนเขาออกจากมือผมก่อนจะดึงผมออกจากวงล้อม


                “เป็นไรของมึงวะ”


                “จะรีบไปไม่ใช่เหรอ พวกมึงจะมามัวเสียเวลาทำไม กูน่ะ ยังมีเวลาจัดการมันอีกเยอะ”


                “ก็จริง”คนที่กำคอเสื้อผมเป็นคนพูดก่อนจะหันไปหาคนอื่นๆแล้วหันมาชี้หน้าผม “เพราะวันนี้พวกกูรีบหรอกนะ มึงถึงได้รอดตัว คราวหลังอย่ามากวนตีนกูให้มากนัก ไม่งั้นอย่าหาว่ากูไม่เตือน”


                พูดจบพวกนั้นก็เดินไป มินจุนเดินรั้งท้าย เขาหันกลับมามองผม ทำเหมือนจะพูดอะไรแต่สุดท้ายก็ไม่ได้พูด ผมยืนนิ่งอยู่อย่างนั้นจนเมื่อทุกคนไปกันหมดแล้ว ผมถึงได้ยกมือขึ้นมากุมหน้าอกแล้วหายใจหอบๆด้วยความเหนื่อย


                กลัวแทบแย่


                หลังตั้งสติให้คงที่แล้ว ผมก็เดินไปที่ป้ายรถเมล์เหมือนทุกวัน


                “ไง”


                ผมสะดุ้งเฮือก แต่เมื่อเห็นว่าจูฮอนคือคนที่เรียก ผมถึงได้ถอนหายใจแล้วรีบวิ่งไปหาเขา “จะ จูฮอน”


                “เป็นไรเนี่ย หน้าซีดเชียว”


                “...”


                “แล้วทำไมวันนี้ออกมาช้าจัง นึกว่าไปเรียนแล้วซะอีก”


                “คะ คือเมื่อกี้.. ใครก็ไม่รู้มายืนกันเต็มหน้าบ้านเลยน่ะสิ”


                “จำหน้าพวกมันได้ไหม”จู่ๆจูฮอนก็ถามด้วยเสียงเครียดๆ


                “จำได้ ฉันว่า.. พวกนั้นน่าจะเป็นเพื่อนของมินจุน”


                “อ๋อออออออ”คราวนี้จูฮอนลากเสียงยาว ขมวดคิ้วมองผม “แล้วนี่ไม่ได้เจ็บตรงไหนใช่ปะ”


                “ไม่ มินจุนมาห้ามไว้ก่อนน่ะ”


                “ห้าม? ไอ้มินจุนอ่ะนะที่เข้ามาห้าม”


                “อืม”


                “ประสาทไปแล้วเหรอวะปกติก็มันนั่นแหละที่พุ่งเข้ามาหาเรื่องฝ่ายเดียว”จูฮอนบอก แต่ผมก็ยังยืนยันว่ามินจุนมาห้ามจริงๆ จูฮอนเลยถอนหายใจเบาๆ “เอาเหอะ ต่อไปก็อย่าไปปะทะกับพวกมันอีกแล้วกัน ถ้าพวกมันมารอหน้าบ้านก็กลับเข้าบ้านไปซะ ไอ้เวรพวกนั้นน่ะเพื่อนไอ้มินจุน เก่งแม่งแต่หาเรื่องคนอื่น ถ้าหากเป็นไอ้วอนโฮ ไอ้เวรพวกนั้นคงโดนแล้วล่ะ”


                “..ก็ฉันไม่ใช่วอนโฮนี่”ผมพึมพำเบาๆ


                “เฮ้ยๆๆ ไม่ได้ว่านาย ฉันแค่พูดเฉยๆ ไม่ต้องคิดมาก เป็นแบบนายก็ดีแล้ว”


                “อืม.. อ๊ะ หวัดดีชางกยุน”


                จูฮอนหันไปมองข้างหลังเมื่อผมทักคนที่เดินเข้ามาที่ป้ายรถเมล์


                ยังจำกันได้ใช่ไหม ครั้งแรกที่ผมเจอจูฮอน ผมเข้าใจว่าเขาชื่อชางกยุนเพราะเสื้อสูทที่เขาใส่ ถามว่าชางกยุนเป็นใคร เขาก็คือรุ่นน้องร่วมโรงเรียน เป็นเด็กห้องคิง ที่ดูลักษณะเหมือนผมไม่มีผิด บุคคลประเภทที่จะถูกเรียกว่าเป็นเด็กเนิร์ดน่ะ


                “...”


                เขาไม่ได้ตอบผม แต่นั่งลงเพื่อรอรถ ผมเลยเกาหัวตัวเอง โดยมีสายตาของจูฮอนจ้องมาเหมือนกำลังตำหนิ


                “อะ อะไร”


                “นายคิดว่าไอ้วอนโฮมันจะไปทักทายไอ้เนิร์ดนั่นแบบนั้นมะ ถามจริง”


                “ก็..”


                “อย่าทำอะไรให้มันชัดเจนนัก บอกแล้วไง ถ้าความจริงเรื่องนายถูกเปิดเผย นายจะไม่ปลอดภัย ไอ้วอนโฮก็ด้วย”


                มันก็จริง


                “ต่อไปฉันจะระวังนะ”

     

     

     

     

     

     




















     

     

     

     

                ตอนนี้เป็นเวลาพักกลางวัน ก็เหมือนเคยที่ผมไม่ได้ออกไปที่โรงอาหาร ผมไม่ชอบความวุ่นวาย แล้วยิ่งผมมีความลับที่ต้องปกปิด ผมก็ยิ่งไม่อยากออกไป


                ปกติช่วงกลางวันจะมีแค่ผมอยู่คนเดียวในห้อง ตอนที่กำลังหยิบกล่องข้าวเล็กๆที่เอาใส่กระเป๋ามาทุกวัน ประตูห้องเรียนก็ถูกดึงให้เปิดออก ผมเงยหน้ามอง ก็เห็นว่าเป็นฮยอนอูนั่นเอง


                เขาเดินเข้ามาพร้อมกับแซนวิช แล้วก็มานั่งที่ของเขา ซึ่งก็คือข้างผม


                “ฮะ ฮยอนอู”


                “...”เขาไม่ได้ตอบอะไร แกะแซนวิช แล้วก็ดึงผ้าปิดปากออก


                ผมว่าจะถามตั้งแต่เช้าแล้วว่าเขาป่วยมากไหม เพราะเห็นใส่ผ้าปิดปากไว้ตลอด แต่เมื่อผมเห็น ความคิดผมก็เปลี่ยนไปทันที


                “นี่นายไปมีเรื่องกับใครมา”ผมถามเมื่อเห็นรอยช้ำใหญ่ๆที่มุมปากของเขา ที่แก้มก็มีรอยถลอกเล็กน้อย


                “..ล้มเฉยๆ”เขาพูดเสียงเรียบ กัดแซนวิชที่ถืออยู่ “โอ๊ะ”


                “รอเดี๋ยวนะ”


                ผมบอกเขาแล้วหันไปเปิดกระเป๋าหยิบกล่องเล็กๆที่ผมพกติดตัวทุกวันจนติดเป็นนิสัยขึ้นมาเปิดออก


                “พกกล่องยาด้วยเหรอ”


                “เผื่อไว้น่ะ”ผมบอกเขา เอาสำลีชุบกับแอลกอฮอลล์แล้วมองหน้าเขา “ขอโทษทีนะ มันจะแสบๆ”


                ฮยอนอูไม่ได้พูดอะไร ผมก็เลยแตะลงไปบนแผลของเขา ตามปกตินะ เวลาทำแผลให้ใครซึ่งก็ไม่บ่อยนักหรอก โดนแอลกอฮอลล์กันเข้าไปก็สะดุ้งโวยวายกันทุกคน แต่นี่ฮยอนอูกลับนิ่งซะงั้นอ่ะ


                เขาเป็นคนปะเนี่ย


                ผมยิ้มบางๆ แล้วแกะพลาสเตอร์ยาออกมาแปะลงไปที่แผลของเขา ไม่รู้ตัวเลยว่าขยับเข้าไปใกล้เขามากขนาดไหน รู้แค่ว่าปลายจมูกของเขาเฉียดไปเบาๆที่หน้าผากของผม


                “.//////.


                “...”


                “สะ เสร็จแล้ว”ผมอึกอักแล้วรีบผละออกมา “หายเร็วๆนะ.. แล้วก็ระวังด้วยล่ะ”


                “อืม”


                ผมพยักหน้า ก้มลงมองข้าว ตักเข้าปากเคี้ยวๆ แม้ว่ามันแทบจะไม่รับรู้รสมันเลยก็เถอะ


                หัวใจของผมเต้นแรงมาก รู้สึกมวนท้องเหมือนมีอะไรไปวิ่งอยู่ในนั้น หน้าก็ร้อน ให้เดามันต้องแดงมากแน่ๆ ผมไม่ชอบเวลาที่ตัวเองเป็นแบบนี้ ไม่เคยเป็นมาก่อน เป็นกับคนๆนี้คนแรกเลย ไม่ได้ละ ต้องรีบกลับไปเป็นปกติ


                “ทะ ทำไมมานั่งกินในห้องอ่ะ”ผมถามเขา พยายามควบคุมเสียงไม่ให้สั่น


                “..คนเยอะ”


                แล้วฮยอนอูผู้พูดน้อยก็ตอบกลับมาแค่นั้น และทำให้ผมถามอะไรต่อไม่ออก โธ่ ฮยอนอู ช่วยพูดเยอะกว่านี้ทีได้ไหม ไม่ไหว แบบนี้ผมทนไม่ไหวแล้วนะ


                “ดะ เดี๋ยวฉันมานะ”


                ผมพูดแล้วรีบลุกขึ้นยืนแทบจะทันทีที่พูดจบ ก่อนจะวิ่งออกไปข้างนอก ตรงไปที่ห้องน้ำ เปิดน้ำในอ่างแล้วกวักใส่หน้าตัวเอง เห็นไหมล่ะ หน้าผมแดงมากจริงๆ


                “เป็นอะไรหรือเปล่า”


                “หือ..”


                ผมหันไปมองข้างๆ หลังจากได้ยินเสียงเนือยๆ มองไปอีกข้างก็ไม่เห็นว่ามีคนอื่น ผมเลยชี้ตัวเอง “ถะ ถามผมเหรอ”


                “อือ”


                “เปล่า เปล่าน่ะ”ผมส่ายหน้ารัวๆ แล้วเดินออกมาจากห้องน้ำ กลับไปที่ห้องเรียน ฮยอนอูยังอยู่ เขากินแซนวิชหมดแล้ว เมื่อเห็นผมเขาก็เลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย


                “มะ มีอะไรเหรอ”


                “..ขอกินนี่ได้ไหม”


                “ฮะ”


                “แซนวิชมันไม่อิ่ม”


                ผมหัวเราะเบาๆ กับท่าทางเด็กๆของเขา คนอะไรจะหน้านิ่งอย่างกับหุ่นยนต์อยู่ตลอดเวลา


                อ๋อ คนอย่างซนฮยอนอูไง


                “กินสิ”


                ผมพูดยิ้มๆ เดินไปนั่งที่ตัวเอง อาการเมื่อกี้มันเริ่มหายไปแล้วล่ะ ตอนนี้กลายเป็นอาการของคนคาดหวังแทน เมื่อเขาหยิบคิมบับที่ผมเป็นคนทำใส่เข้าปาก


                ปกติผมไม่เคยทำอาหารให้ใครกินนะ ทำเอง กินเองคนเดียว อร่อยบ้าง ไม่อร่อยบ้าง แต่ไอ้คิมบับวันนี้จะอร่อยไหมนะ ฮยอนอูเขาจะชอบหรือเปล่า


                “...”


                “...”ผมมองเขาที่มองตาผมเงียบๆไม่ได้พูดอะไร


                “...”


                “...”


                “..มองทำไม”เขาถาม


                “อะ เอ่อ อร่อยไหม”


                “อือ”เขาพยักหน้า แล้วหยิบขึ้นมาอีกชิ้น คิดว่าเขาจะเอาเข้าปากตัวเอง แต่เปล่า เมื่อคิมบับถูกยื่นมาจ่ออยู่ที่ปากผม “อาาาาาา..”


                “.////.


                ให้ตายเถอะ


                “เร็วสิ จะได้รู้ไงว่าอร่อยไหม”


                “อะ อืม..”ผมพยักหน้าช้าๆ แล้วอ้าปากรับคิมบับที่เขาส่งเข้าปาก ปลายนิ้วของเขาแตะที่ริมฝีปากของผมแผ่วเบา แต่หัวใจของผมนี่สิมันไม่เบาเลย กลับมาเต้นแรงอีกแล้ว แรงกว่าเก่าด้วยซ้ำ


                ฮยอนอูอาจจะไม่ได้รู้สึกเหมือนผม เพราะเขาก็ยังเป็นเขาเหมือนเดิม หน้านิ่งๆ หยิบคิมบับเข้าปากไปเรื่อยๆ เรานั่งเงียบๆกันอยู่แบบนั้น จนกระทั่งหมดเวลาพัก อาจารย์โฮมรูมก็เข้ามาในห้อง ส่วนฮยอนอูก็ฟุบลงไปกับโต๊ะ และผมคิดว่าเขาคงหลับไปแล้วล่ะ


                เป็นแบบนี้ทุกครั้งหลังจากพักกลางวัน


                แต่หลับตอนนี้ก็ดีเหมือนกัน ผมยังไม่กล้าพอจะพูดคุยกับเขาตอนนี้หรอก เขินแรงมากจริงๆ


                “เอาล่ะ นั่งที่กันได้แล้ว”อาจารย์พูด ทุกคนต่างก็มานั่งที่ของตัวเอง เมื่อเป็นแบบนั้นอาจารย์ก็เริ่มพูดต่อ “วันนี้เราจะมีนักเรียนใหม่ย้ายเข้ามา”


                เพียงเท่านั้น เสียงฮือฮาก็ดังทั่วห้อง ผมไม่ได้สนใจ แต่เหลือบมองฮยอนอูอย่างเป็นห่วง กลัวว่าเสียงดังจะทำเขาตื่น แต่ก็ดีที่เขายังหลับต่อ


                “เงียบๆกันหน่อย ..เชิญ”


                เมื่ออาจารย์พูดจบ ประตูห้องก็ถูกเปิดออก พร้อมกับร่างของชายหนุ่มรูปร่างสูง แต่ติดไปตรงที่ตัวบางๆในชุดไปรเวทที่เดินเข้ามา นั่นมันคนที่ผมเจอในห้องน้ำนี่นา


                “แนะนำตัวกับเพื่อนหน่อยสิ”


                ผมมองเขา เช่นเดียวกับที่ดวงตากลมโตแต่ดูลึกลับนั่นหันมามองผมพอดี


                “..ผมแชฮยองวอน”        





















      


    เบิกตัว แชฮยองวอนนนนนนนนนนนน

    ตอนนี้ขอไม่ทอล์คไรมาก ไว้เจอกันวันศุกร์ บุคคลนี้จะเข้ามามีบทบาทยังไง ต้องรอติดตามค่ะ

    แอบกระซิบว่าตอนหน้าจะโฮซอกของพวกเราจะเริ่มสืบเรื่องน้องชายอย่างจริงจังละนะ ส่วนจะได้เบาะแสมากน้อยแค่ไหน

    ก็ต้องรออ่านอีกนั่นแหละ รักๆค่ะ

    ปล. พี่นูคนซึนเอ๊ยยย 


    #วอนโฮซอก


    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×