ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Monsta X] Twin Story

    ลำดับตอนที่ #32 : Twin Story 'CHOICES' : CHAPTERS 15 [END]

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 868
      7
      30 ก.ย. 59



    Chapters 15

     

                -WONHO-


                “มะ มินโฮ”


                ผมหรี่ตามองคนที่กำลังรีบวิ่งมาทางนี้ ก่อนจะเซไปข้างหลังเมื่อถูกดันให้หลบทาง ในมือของมินโฮมีกุญแจ ก่อนที่เขารีบไขลูกกุญแจที่ล็อคโซ่พันตัวรอบฮยองวอนออกอย่างรนๆ เห็นแบบนั้นผมเลยเข้าไปช่วย ทำให้ได้เห็นชัดขึ้นว่าสภาพของมินโฮสะบักสะบอมมากกว่าผมซะอีก ที่ใบหน้าเขามีเลือดไหลอาบลงมา นอกจากนั้นผมยังเห็นมีดเล่มเล็กๆที่ปักอยู่ที่หลังของเขาอยู่เลย


                “นี่คุณ..”


                “รีบพาฮยองวอนออกไป”เขาพูด ดึงให้ฮยองวอนลุกขึ้นยืน ก่อนจะมองหน้าผม  “มีรถจอดอยู่ข้างหน้า ขับออกไปจากที่นี่ให้เร็วที่สุดนะ”


                “ปะ ไปด้วยกันสิ”ฮยองวอนพูดเสียงเครือ ไม่ยอมปล่อยมือออกจากมือโชกเลือดของมินโฮ “ไปด้วยกันมินโฮ”


                “ไม่ทันแล้ว..”เขาพูดอย่างอ่อนแรง ก่อนจะยิ้มบางๆ “รีบไปนะฮยองวอน”


                “แต่..”


                “พาฮยองวอนออกไปได้แล้ว ฉันต้องจัดการกับระเบิดนี่ก่อน”มินโฮพูดกับผม ก่อนจะมองระเบิดที่ตอนนี้เหลือเวลาอีกแค่สามนาทีเท่านั้น “ไปสิวะ!!!!!!!!!


                ผมพยักหน้าแล้วดึงฮยองวอนให้ตามมา ฮยองวอนคงยังไม่เห็นมีดที่ปักคาอยู่ที่หลังของมินโฮ ไม่ใช่ว่าผมไม่รู้ว่าคนๆนี้คิดจะทำอะไร ความคิดของผมอาจจะถูก แต่มันก็อาจจะไม่ถูก บางทีอาจจะมีคนมาช่วยเขาก็ได้


                “ฮยองวอน”


                ทั้งผมและฮยองวอนต่างก็หยุด เมื่อทุ้มที่เริ่มอ่อนแรงเปล่งเสียงออกมาอย่างยากลำบาก ร่างหนาทิ้งตัวนั่งลงบนเก้าอี้ที่ฮยองวอนเคยนั่ง ก่อนจะระบายรอยยิ้มซึ่งผมว่าคงไม่มีใครเคยได้เห็นแน่ๆ


                “เริ่มต้นชีวิตใหม่ให้ดีนะ”


                “ฮึก..”


                “ชีวิตนาย ..ฉันคืนให้ ให้ทุกๆอย่าง”


                “มินโฮ”


                “ไปเถอะ ฉันเหนื่อยแล้ว ..อยากจะพักสักหน่อย”


                ผมเผลอกัดริมฝีปากด้วยความกดดัน แม้ว่าเราจะไม่ได้รู้จักกันมาก่อน ไม่เคยมีเรื่องอะไร แถมผมเกลียดเขาซะด้วยซ้ำ แต่ผมนับถือใจผู้ชายคนนี้ ผมรู้ว่าแววตาที่เขาใช้มองฮยองวอนมันต้องการจะสื่อว่าเขารักฮยองวอนมากแค่ไหน


                ผมรู้เพราะมันเป็นสายตาแบบเดียวกันกับผม


                คนเราถูกคนถูกลิขิตโชคชะตามาแล้ว ผมอาจจะโชคดีกว่าเขาที่ฮยองวอนรักผม


                ผมสบตากับแววตาคมที่มุ่งมั่นคู่นั้นเป็นครั้งสุดท้าย ก่อนจะรีบพาฮยองวอนมาที่รถที่จอดรออยู่จริงๆ ก่อนจะรีบขับรถออกไปให้เร็วที่สุด หลังจากนั้นเพียงไม่นานนัก เสียงระเบิดก็ดันลั่น ถ้าช้ากว่านี้อีกนิดเดียว เราอาจจะไม่พ้นวิถีระเบิดก็ได้


                “ฮึก ..ฮือ”


                ฮยองวอนปล่อยโฮออกมาอย่างขาดใจ ซึ่งผมไม่ได้พูดอะไร แค่จับมือเขาเอาไว้ให้แน่นที่สุด อยากให้เขารู้ว่าผมอยู่ตรงนี้กับเขาเสมอ


                และหวังว่ามินโฮจะเข้าใจถึงสายตาที่ผมพยายามจะสื่อไปให้เขา


                ว่าผมจะดูแลฮยองวอนให้ดีที่สุด ให้ดียิ่งกว่าที่เขาเคยทำมา ไม่ต้องห่วงนะมินโฮ

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

                ผ่านมา 1 อาทิตย์หลังจากเหตุการณ์ที่ผมคิดว่ามันน่าจะเลวร้ายที่สุดที่ผมเคยเจอมาแล้วล่ะ ความจริงแล้วผมนี่ก็ใช้ชีวิตโลดโผนดีเหมือนกันนะ เสี่ยงตายมาสองครั้งแล้ว คิดว่าถ้ามีครั้งต่อไป ผมคงหมดโควตาแล้วล่ะมั้ง


                เรื่องราวที่เกิดขึ้นเป็นข่าวคึกโครมในแวดวงธุรกิจเลยก็ว่าได้ ผมไม่รู้หรอกว่าก่อนหน้านั้นมันเกิดอะไรขึ้น ก่อนที่มินโฮจะเอากุญแจพวกนั้นมาช่วยไขให้ฮยองวอน แต่มินฮยอกบอกว่าพ่อมันได้รับข้อมูลและหลักฐานทุกๆอย่างเกี่ยวกับธุรกิจมืดที่มินโฮเป็นคนบริหาร ทำให้ตำรวจสามารถเข้าทลายแก๊งได้สำเร็จ ลูกน้องของมินโฮมีหลายคนที่หายสาบสูญ ส่วนหัวหน้าแก๊งอย่างมินโฮ


                ใช่.. เขาตายไปพร้อมกับระเบิดนั้น


                เหตุผลที่เขาไม่หนีมากับผมกับฮยองวอนมันพอเดาได้สองทาง หนึ่งอาจจะเป็นเพราะเขาอยากตายเพื่อหนีความผิด สองอาจจะเป็นเพราะเขารู้ตัวว่าหนีไปก็ไม่รอดอยู่ดีเลยไม่หนี


                หรืออาจจะมีข้อที่สามที่ผมไม่รู้


                นอกจากแก๊งของมินโฮ แก๊งตรงข้ามที่เป็นคนจับตัวฮยองวอนไปก็ถูกทลายเหมือนกัน คราวนี้ไอ้ซังอูไม่ได้ไปนอนในคุกแล้ว เพราะผมมารู้จากจูฮอนที่หลังว่ามันถูกฆ่าตายช่วงที่มันกำลังหาทางหลบหนี


                ตอนนี้คงพูดได้เต็มปากเต็มคำแล้วล่ะ ว่าผมและทุกๆคนสามารถใช้ชีวิตวัยรุ่นแบบปกติได้สักที


                “วอนโฮ ไปกัน”


                “อื้ม”ผมลุกจากเก้าอี้หลังนั่งคิดอะไรเพลินๆ ยีหัวฮยองวอนที่เดินลงมาจากข้างบนเบาๆก่อนที่เราสองคนจะเดินไปพร้อมกัน ไปเพื่อไว้อาลัยให้กับคนที่จากไป


                ใช้เวลาไม่นานนักเราก็มาถึง ฮยองวอนวางช่อดอกไม้ลงบนแท่น ก่อนจะก้มหัว ผมยืนอยู่ด้านหลัง มองเขาอยู่ห่างๆ ก่อนจะรีบขยับเข้าไปใกล้ เมื่อจู่ๆก็มีคนเดินปรี่มาทางนี้


                “เฮ้ย..”


                “ยูซู!!!


                ตอนแรกนึกว่าเป็นคนแปลกหน้า แต่เหมือนจะไม่ใช่เพราะฮยองวอนเรียกชื่อออกมา ผมมองอย่างไม่ค่อยไว้ใจ แต่ฮยองวอนกันมามองแล้วส่ายหน้าเบาๆเป็นเชิงว่าไม่มีอะไร ผมก็เลยแค่ยืนอยู่ข้างหลังเขา ไม่ได้หลบไปไหน ยังไงซะเราก็ไม่มีความลับต่อกันอยู่แล้ว


                “ฉันมีเวลาไม่มากนัก แกน่าจะรู้นะฮยองวอน”


                “มีเรื่องอะไร”


                “ขอบใจที่แกยังนึกถึงนาย”


                “...”


                “ล็อคเกอร์ที่สิบห้า”


                ผมหรี่ตาเมื่อเห็นว่าไอ้คนแปลกหน้า(สำหรับผม)หย่อยกุญแจใส่มือของฮยองวอน พูดแค่นั้นแล้วก็รีบวิ่งออกไป ฮยองวอนหันมามองผม


                “นายมีธุระต่อไหม เดี๋ยวฉันไป..”


                “ไม่มี จะไปกับนาย”


                “หึๆ”


                “อย่ามาหัวเราะนะ ใครจะปล่อยให้คลาดสายตา”ผมพูดดุๆ ก่อนที่ฮยองวอนจะหันไปโค้งให้กับหลุมศพอีกครั้งแล้วเดินออกไป โดยมีผมเดินหน้ามุ่ยตาม


                จากที่นี่ไม่ไกล มีสถานที่ที่มีล็อคเกอร์ไว้ให้เช่าสำหรับเก็บของ ฮยองวอนเดินตรงไปยังล็อคเกอร์หมายเลขสิบห้า ก่อนจะไขกุญแจเข้าไปซึ่งแน่นอนว่ามันเปิดได้ ในนั้นมีเพียงซองเอกสารหนึ่งซองวางอยู่เท่านั้น ฮยองวอนก็เลยหยิบมันขึ้นมา คือผมก็ไม่ได้เป็นคนสอดรู้สอดเห็นนะ แต่มาขนาดนี้ เป็นคุณ ก็ต้องอยากรู้มะ


                Rtttt


                “ไม่รับโทรศัพท์เหรอวอนโฮ”


                “ฮะ อะ อะไร อ๋อ ทะ โทรศัพท์เหรอ”


                “รับสิ”


                ผมจิ๊ปากขัดใจ สุดท้ายก็ต้องหยิบโทรศัพท์ออกมากดรับ นี่อยากจะด่าอยู่หรอกนะ ถ้าหากปลายสายที่โทรมาไม่ใช่แม่น่ะ


                โธ่แม่ โทรมาทำไมตอนนี้กันนะ

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

                -HYUNGWON-


                ผมแอบขำกับท่าทางของวอนโฮที่แม้จะคุยโทรศัพท์อยู่ แต่ก็ชะเง้อคอยาวมาทางผมที่กำลังแกะซองเอกสารนี้แล้วดึงเอากระดาษขนาดเอสี่ขึ้นมาเปิด คิ้วของผมขมวดเข้าหากันโดยอัตโนมัติ เพราะมันคือซองฉโนดที่ดิน ที่ตั้งอยู่ในกวังจู ผมจะไม่ตกใจเท่าไหร่นะ ถ้าหากเจ้าของที่ดินนี้ไม่ใช่ชื่อของผม


                เมื่อเปิดดูแผ่นต่อไปผมก็เห็นว่าเป็นรูปหลายรูปเลย เป็นสถานที่ที่ผมไม่เคยเห็น เป็นบ้านหลังใหญ่ที่แม้จะไม่เคยเห็นแต่กลับรู้สึกคุ้น จู่ๆน้ำตาก็คลอขึ้นมาโดยไม่รู้ตัวเมื่อมองเห็นป้ายที่ติดอยู่หน้าตัวบ้าน


                -บ้านความสุข-


                ภาพในอดีตไหลเข้ามาในหัวของผมไม่ขาด ตอนที่ผม 10 ขวบ ช่วงเวลาที่ไม่ได้ทำอะไร ผมก็แค่เอากระดาษกับดินสอมาตั้งแล้วนั่งขีดๆเขียนๆไปตามประสาเด็ก มันไม่ได้สวยงามอะไรเลยสักนิดเดียว เป็นภาพที่เส้นเบี้ยวๆเละๆด้วยซ้ำ


                “ทำอะไรน่ะ ทำไมไม่ออกไปทำงาน”


                “คะ คุณมินโฮ คือว่า ..ผม ผมวาดรูปครับ บ้านความสุข ผมอยากให้เด็กที่ไม่มีที่อยู่มาอยู่ที่นี่”


                “ไร้สาระ”


                “...”


                “ไม่ยอมออกไปทำงาน แต่มานั่งทำเรื่องไร้สาระแบบนี้ คงอยากตายสินะ”


                “คุณมินโฮ โอ๊ย ผมเจ็บนะครับ”


                หลังจากเขาทุบตีผม เขาก็ฉีกกระดาษแผ่นนั้นเป็นชิ้นๆ กระดาษที่ผมไม่คิดว่าจะได้เห็นมันอีก ทว่าวันนี้ผมกลับเห็น แม้จะยับยู่ยี่ และขาดเป็นชิ้นๆ แต่มันก็ได้รับการซ่อมแซมด้วยกระดาษเทปใสที่บรรจงติดจนกลับมาเป็นกระดาษเอสี่เหมือนเดิม


                “ฮึก..”ผมกลั้นสะอื้นเอาไว้ แต่ไม่สามารถหยุดให้มือไม่สั่นได้ เพราะมือผมกำลังสั่น ยามที่เปิดไปเจอกระดาษแผ่นสุดท้าย ที่เป็นลายมือซึ่งผมจำได้ดีว่าเป็นลายมือของมินโฮ

     



                หวัดดีนะฮยองวอน เมื่อไหร่ที่นายได้อ่านจดหมายนี้ นั่นหมายความว่าฉันไปอยู่ในที่ที่ไกลแสนไกลแล้ว ฉันได้รับจุดจบที่น่าสมเพช ซึ่งมันก็สมแล้วกับสิ่งที่ฉันเคยทำมาทั้งหมด ชดใช้กรรมที่นี่ไม่ได้ ก็ขอไปชดใช้ที่อื่นแล้วกันนะ

                ใช้ชีวิตที่ฉันคืนให้นายให้ดีล่ะ อย่าเจ็บ อย่าป่วย อย่าเอาตัวเข้าไปพัวพันกับเรื่องไม่ดีอีก

                ขอโทษสำหรับทุกอย่างที่ผ่านมา ฉันรู้ว่าแค่คำขอโทษมันคงช่วยย้อนเวลาให้ฉันกลับไปแก้ไขสิ่งที่เกิดขึ้นไม่ได้ แต่ถ้าหากว่าฉันมีโอกาสย้อนเวลาได้สักครั้ง ฉันจะขอกลับไปแก้ไขในสิ่งที่เคยทำไม่ดีกับนายเอาไว้

                ฉันจะไม่ทำร้ายร่างกาย ไม่ทำร้ายจิตใจของนาย แต่จะรัก ดูแล และทะนุถนอมนายให้ดีที่สุดเท่าที่ฉันจะสามารถทำได้

                แต่ว่าฉันไม่ได้รับโอกาสนั้น..

                ชินวอนโฮคือคนดีนะ ฉันมั่นใจว่าเขาสามารถดูแลนายได้ดี เผลอๆคงดีกว่าฉัน เขาคงทำให้นายมีความสุขได้ นายจะต้องไม่ร้องไห้เพราะเสียใจกับเรื่องอะไรอีกแล้วนะ หลังจากนี้ชีวิตนายควรมีแต่ความสุข ฉันจะคอยเฝ้าดูนายอยู่ในที่ที่ไกลแสนไกล

                สิ่งเดียวที่ฉันสามารถให้นายได้ แม้ในวันที่ฉันไม่อยู่แล้วก็คงมีแต่สิ่งนี้ จำได้ไหม บ้านแห่งความสุขของนาย

                มันเป็นของนายนะ ทำตามสิ่งที่นายฝันเอาไว้เถอะ เด็กๆพวกนั้นต้องมีความสุขมากแน่ๆ ถ้าหากมีนายดูแลพวกเขาอยู่

                ฉันอาจจะทำเรื่องเลวๆมาเยอะ เยอะจนนับไม่ถ้วน มือของฉันมันสกปรกเกินกว่าจะดึงนายเข้ามากอดเอาไว้ได้ แต่สิ่งหนึ่งที่ฉันมั่นใจว่ามันบริสุทธ์ที่สุดก็คือสิ่งนี้นะ

                ความรักที่ฉันมีให้นาย

                ให้นายแค่คนเดียว แม้ว่านายจะเกลียดฉันมากก็ตาม ..รักมากๆนะ แชฮยองวอน

                มินโฮ

     



                ทันทีที่อ่านจดหมายนี้จบ ผมก็ทรุดตัวลงไปนั่งร้องไห้อยู่กับพื้น จนวอนโฮที่วางสายต้องรีบโผเข้ามาหาแล้วประคองร่างที่กำลังสั่นของผมเอาไว้


                “ฮยองวอน”


                “ฮึก ..ฮือ”


                วอนโฮโอบผมส่วนอีกมือก็หยิบเอากระดาษแผ่นที่ผมถือเอาไว้ขึ้นมาแล้วอ่านในขณะที่ผมปล่อยโฮออกมาเหมือนเด็ก ผ่านไปไม่ถึงหนึ่งนาที วอนโฮก็กอดผมเอาไว้แน่น มือหนาลูบหัวผมอย่างปลอบโยน ก่อนที่ริมฝีปากของเขาจะกดจูบลงบนหน้าผากของผม


                “ไม่เป็นไรนะ”


                หากผมมีโอกาสได้ย้อนเวลา ผมก็อยากจะย้อนเวลาไปในช่วงวินาทีสุดท้ายของชีวิตมินโฮ


                อยากกลับไปแล้วบอกกับเขาว่า


                ผมไม่ได้เกลียดเขา


                ไม่เคยเกลียดเลย..

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

                -WONHO-


                ผมดึงผ่านวมผืนหนาขึ้นมาห่มคลุมร่างของฮยองวอนเอาไว้ ก่อนจะเดินลงไปข้างล่าง ฮยองวอนน่ะร้องไห้หนักจนเหนื่อยแล้วก็หลับไป ผมถึงต้องแบกเขาขึ้นหลังแล้วพากลับมาบ้าน


                “กลับมาแล้วววววววววววว”


                “- -


                “อ้าว เป็นอะไรอ่ะ ทำไมทำหน้าแบบนั้น แล้วฮยองวอนไปไหน”


                ผมไม่ได้ตอบโฮซอก แค่เลื้อยตัวลงไปนอนคว่ำหน้าอยู่บนโซฟา เห็นแบบนั้นโฮซอกก็เลยเดินดุ่มๆเข้ามาแล้วหาดป๊าบเต็มๆที่หลังผม


                “อั่ก อะไรของนายวะโฮซอก”


                “ถามไม่ได้ยินหรือไงฮะ”


                “ไอ้โหดเอ๊ย ..ฮยอนอู มึงทนได้ไงเนี่ย มือหนักตีนหนักชิบหาย”


                “ไม่เห็นจะรู้เลยนะ”ฮยอนอูพูด ยิ้มซะตาตี่ไปหมด ผมเบ้ปากใส่มันอย่างหมั่นไส้แล้วนั่งลง ก่อนจะเล่าทุกๆอย่างที่เพิ่งเจอมาในวันนี้ให้ทั้งสองคนฟัง พอเล่าจบเท่านั้นแหละ


                ฝาแฝดผมแม่งก็ปล่อยโฮออกมาอย่างกับเป็นเรื่องของตัวเองงั้นแหละ


                “ฮืออออออ ทำไมคุณมินโฮเขารักฮยองวอนจังเลย”


                แล้วไอ้ฮยอนอูนะ แทนที่จะปรามๆกันบ้าง ดันไปโอ๋ แถมเออออไปด้วยอีก เออดี พากันอารมณ์อ่อนไหวกันให้หมด


                “นี่ช่วยสนใจที่ฉันกำลังเครียดอยู่ได้ปะวะ”ผมพูดเสียงเรียบ


                โฮซอกเลยปาดน้ำตาแล้วหันมามอง “จะเครียดเรื่องอะไร กลัวฮยองวอนไม่รักเหรอ”


                “- - รู้นี่”


                “บ้า คิดอะไรของนาย”


                “ทำไมวะ ทีนายยังเคยกลัวไอ้ฮยอนอูทิ้..อุ๊บ”


                “หุบปากไปเลยนะ”โฮซอกตะครุบปากผมก่อนจะถลึงตาใส่ ผมปัดมือเขาออกแล้วกลอกตา


                “ก็ดูดิ ไอ้คุณมินโฮนี่แม่งแย่งซีนสุดๆอ่ะ พระเอกไปไหมล่ะ แบบนี้จะไม่ให้ฉันกลัวได้ไงวะ ฮยองวอนน่ะ ร้องไห้หนักมาก เสียใจหนักมากเลยนะเว้ย”


                “...”


                “สองคนเคยอยู่ด้วยกันมาตั้งนาน ไอ้ฉันน่ะ ถึงจะเคยเจอกันตั้งแต่เด็ก แต่มันไม่ถึงหนึ่งอาทิตย์ด้วยซ้ำ พอกลับมาเจอกัน ก็แค่แค่สี่เดือนกว่าๆ บางทีก็คิดนะ ถ้าหากฮยองวอนเกิดรู้สึกรักไอ้คุณมินโฮขึ้นมา แล้วฉันจะเอาอะไรไปสู้ ..ฉันก็มีแค่ความรักเท่านั้นแหละวะ ที่มั่นใจว่าไม่แพ้ใครแน่”


                “แค่นั้นก็พอแล้วไม่ใช่เหรอ”ฮยอนอูพูด กระตุกยิ้มเล็กน้อย


                “...”


                “คนเราจะไปต้องการอะไรอีก นอกจากความรัก มีความรักที่ดี ความสุขก็ตามมา ฉันว่าฮยองวอนก็คงต้องการแค่นี้แหละ และนายก็สามารถให้ได้”


                “ใช่”โฮซอกเองก็เสริม “นายไม่เห็นเหรอว่าฮยองวอนมีความสุขแค่ไหนเวลาที่อยู่กับนาย ครั้งแรกที่ฉันรู้จักกับฮยองวอนน่ะ แววตาเขามีแต่ความเศร้า แต่ตอนนี้ นายเป็นคนทำให้ความเศร้าเหล่านั้นจางหายไปนะวอนโฮ”


                “...”


                “มั่นใจตัวเองหน่อยดิ ..ความรักของนายนั่นแหละ ที่สามารถทำให้ฮยองวอนมีความสุขที่สุดได้”


                หลังพากันพูดแบบนั้นทั้งโฮซอกและฮยอนอูก็พากันเดินเข้าไปในครัวเพื่อทำอาหาร ส่วนผมก็นั่งอยู่ที่เดิม ครุ่นคิดอะไรต่างๆมากมาย สุดท้ายก็เดินขึ้นไปบนห้อง นั่งลงบนเตียงยื่นมือออกไปลูบผมนุ่มเบาๆ ก่อนจะก้มลงไปแล้วกดจูบที่ริมฝีปากอิ่มสีระเรื่อด้วยความรักที่เต็มเปี่ยมอยู่ในหัวใจ


                “อื้อ..”


                ฮยองวอนเผลอเผยอริมฝีปากขึ้นผมจึงอาศัยจังหวะนั้น ใช้เรียวลิ้นเข้าไปไล่ต้อนความหอมหวานที่ต่อให้ได้มาแค่ไหนก็คงไม่พอ รู้หรอกนะว่าแกล้งหลับ


                ต้องแกล้งซะหน่อย


                ผมเห็นว่าฮยองวอนแอบไปยืนอยู่ตรงบันไดตั้งแต่ฮยอนอูพูดละ ก็หมายความว่าตอนนี้เขาคงรู้ว่าผมกังวลกลัวว่าเขาจะไม่รักผมแล้ว ผมถึงได้ตามขึ้นมา ตั้งใจว่าเราจะต้องคุยกันให้รู้เรื่อง


                “วะ วอนโฮ พอก่อน..”ฮยองวอนพูดเสียงแผ่ว ดันผมออกแล้วก็ยันตัวขึ้นนั่ง กอบโกยอากาศที่ขาดไปเข้าปอดยกใหญ่


                ผมหัวเราะแล้วยีผมเขาเบาๆ “จะแกล้งหลับทำไม”


                “...”เขาเงียบ ค่อยๆมองตาผม แก้มใสขึ้นสีจนผมอดใจไม่ไหวต้องฝังจมูกลงไปแล้วสูดฟอดใหญ่ “อื้อ..”


                “ว่าไง ตอบมาเลย”


                “..ก็ไม่อยากให้นายรู้ว่าแอบฟัง”


                “แอบฟังแล้วยังไงล่ะ เป็นไงบ้าง”


                “ก็.. เสียใจ”


                “หือ”ผมเลิกคิ้วขึ้น จับมือทั้งสองข้างเอาไว้หลวมๆ “เสียใจเรื่องอะไร”


                “..เสียใจที่นายไม่มั่นใจในตัวฉันเลย”


                “...”


                “ทำไมถึงกลัวล่ะวอนโฮ ..ทั้งที่ฉันรักนายมากขนาดนี้”ฮยองวอนพูด ตั้งแต่เกิดเรื่องนั้น เขาก็กลายเป็นคนอ่อนไหว บ่อน้ำตาตื้นตามโฮซอกไปติดๆ ดูสิ แค่นี้ก็ร้องไห้แล้ว


                “ไม่ร้องสิ”ผมพูด ใช้ปลายนิ้วไล้น้ำตาที่ข้างแก้มออกให้อย่างเบามือ “ฉัน.. เห็นว่ามินโฮทำอะไรให้นายตั้งเยอะแยะ แถมนายก็ยังดูเสียใจมาก ฉัน ..ฉัน ก็เลย..”


                “ฉันเสียใจไม่ได้เหรอ ที่คนที่ทำทุกอย่างเพื่อฉันต้องตายไปแบบนั้น”


                “...”


                “ก็แค่เสียใจเท่านั้นเอง แต่นั่นไม่ได้หมายความว่าฉันจะเลิกรักนายแล้วไปรักเขานะ”


                “ฮยองวอน ฉัน ขอโทษนะที่คิดอะไรบ้าๆแบบนั้น”


                “ฉันรักนายไปแล้ว แล้วก็คงรักใครอีกไม่ได้”


                ผมดึงร่างบางเข้ามาสู่อ้อมแขน กระชับให้ร่างของเราแนบชิดกันมากขึ้นจนไม่มีช่องว่างให้แม้แต่อากาศผ่านไปได้ด้วยซ้ำ


                “ฉันรักนายนะฮยองวอน ขอโทษจริงๆที่ไม่มั่นใจในความรักของนาย ต่อไปนี้ฉันจะไม่เป็นแบบนี้นะ”


                “อื้อ”ฮยองวอนพยักหน้า กอดตอบผมแนบแน่นเช่นกัน “ฉันรักนายมากๆเลยนะวอนโฮ”


                ผมผละออก เลื่อนมือขึ้นไปจับที่ไหล่ของฮยองวอนเอาไว้ ระบายรอยยิ้มที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความสุขออกมาเช่นเดียวกันกับฮยองวอน


                “อยู่ด้วยกันตลอดไปเลยนะ”


                “อื้ม”


                เมื่อได้รับคำตอบที่น่าพอใจ ผมก็ค่อยๆขยับใบหน้าเข้าไปใกล้ๆกับใบหน้าน่ารักของฮยองวอน ปลายจมูกเราเฉียดกัน และก่อนที่ริมฝีปากจะสัมผัสโดนกันอีกครั้งนั้น..


                “โอ๊ยยยยยยยยยยย มาพลอดรักกันแล้วประตูก็ไม่ยอมปิด”


                เสียงของโฮซอกทำให้ทั้งผมทั้งฮยองวอนต่างผละออกจากกันอย่างตกใจ ผมลุกขึ้นยืนแล้วหันไปทำหน้าเหวี่ยงใส่ไอ้ตัวแสบที่หน้าเหมือนผมเต็มที่


                “อะไรของนายวะโฮซอก”


                “ในฐานะที่ฉันเป็นพี่ชายของนาย ฉันขอสั่งห้ามนายทำอะไรฮยองวอน จนกว่าจะเรียนจบ”


                “วะ ว่าไงนะ”


                “ต่อไปนี้ห้าม  ห้าม ห้าม”


                “ไอ้ ทำไมฉันต้องทำตามนายด้วย”


                “เพราะนายเป็นน้องฉันไง”


                “ฉันไม่ใช่น้องนายสักหน่อย อย่ามาตู่”


                “ไม่รู้ไม่สน”โฮซอกแลบลิ้นก่อนจะผลักผมซะกระเด็นไปติดผนังห้อง “ฮยองวอนนน”


                “หะ หือ .///.


                “ไปกินข้าวกัน กับข้าวเสร็จแล้วนะ”


                “อื้อ”


                พูดจบไอ้ตัวแสบก็จูงมือฮยองวอนออกไปจากห้องผ่านหน้าผมไปทันที ผมทึ้งหัวตัวเองด้วยความหงุดหงิด ก่อนจะลงไปดิ้นอยู่บนเตียง


                “ชินโฮซอก ไอ้ตัวแสบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบ”





















































    -END-












    เป็นตอนจบที่ไรท์น่าโดนตบมากเหลือเกิน ฮาาาาาาา

    ความจริงยังเหลืออีกตอนสำหรับคู่นี้นะ แต่มันอยู่ในเล่มค่าาาาา

    เนื้อหาภายในเล่ม มีสเปเชี่ยลค่อนข้างจะหลายตอน เพราะมีทั้งสเปเชี่ยลที่เป็นคู่ กี้กี แล้วก็ จูเอ็ม

    รวมคู่หลักด้วยอีกนิดๆหน่อยๆ นอกเหนือไปจากนั้นยังมีสตอรี่ของคุณมินโฮ ที่น่าจะได้ใจใครไปหลายคนเลยทีเดียว

    โอนเงินวันสุดท้ายแล้วนะคะ มาย้ำเตือนอีกครั้ง ใครที่ยังไม่พร้อมโอน

    ให้แจ้งไรท์มา จะได้สั่งมาเผื่อ เพราะไรท์ไม่ได้เปิดพรีรอบสองนะคะ แถมสต็อคไว้แค่ 7 เล่มเท่านั้นเอง

    วันพรุ่งนี้สี่โมงเย็นไรท์จะส่งยอดให้กับโรงพิมพ์แล้วนะ น่าจะได้หนังสือราวๆกลางเดือนตุลาคม

    ส่วนใครที่อยากจะนัดรับหน้างานแฟนมีท รอฟอร์มพรุ่งนี้นะคะ เดี๋ยวไรท์จะเอามาลงให้

    จะคืนค่าจัดส่งให้ด้วย สำหรับคนนัดรับ ขอบคุณสำหรับการติดตามค่ะ รักๆนะคะ


    #วอนโฮซอก

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×