ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Monsta X] Twin Story

    ลำดับตอนที่ #15 : Twin Story 'CHANGE' : CHAPTERS 14 End Part ปล. อย่าลืมอ่านทอล์คค่ะ

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 865
      13
      29 ก.ค. 59


    T
    B

    Chapters 14

     

                ผมทำได้เพียงแค่ขยับสายตามองไปรอบๆเท่านั้น ขยับตัวไม่ได้เลยเพราะถูกมัดติดกับเก้าอี้จนแน่นไปหมด ผมถูกซังอูจับมาอีกแล้ว พวกนี้ได้แต่มองผมด้วยสายตาเยาะเย้ย แต่ไม่ได้ทำอะไร เหมือนว่ากำลังรอใครบางคนอยู่


                “ไอ้หน้าโง่เอ๊ย รู้ก็รู้ว่าถูกเพ่งเล็ง ก็ยังกล้าเพ่นพ่านไปไหนมาไหนคนเดียวอีก”ซังอูพูด เดินมาจิ้มหน้าผากผมแรงๆ “คิดว่าแกจะโชคดีมีคนมาช่วยทันเวลาทุกครั้งหรือไงวะ!!!


                ผมไม่ได้ตอบโต้ ทำได้แค่มองเขานิ่งๆ เพราะแบบนั้นเลยยิ่งเหมือนเป็นการยั่วโทสะอีกฝ่ายหรือเปล่าก็ไม่รู้ เพราะหมัดหนักๆอัดเข้ามาเต็มหน้าของผม จนรับรู้ถึงกลิ่นฝาดของเลือด


                “หน้ามึงนี่กวนตีนเหมือนไอ้วอนโฮไม่ผิด เห็นแล้วคันมือคันตีนชิบหาย”


                “...”


                “มองหน้ากูทำไม หรืออยากโดนอีกสักหมัดฮะ!!!


                “ก็แค่มอง.. นายนี่มันเก่งแค่กับคนไม่มีทางสู้สินะ”


                “มึงว่าไงนะ”


                “พอเจอคนเก่งๆเข้าหน่อยก็วิ่งหางจุกตูด แผลที่หน้าก็ยังไม่หายดี คิดว่าเก่งนักเหรอ”ผมพูด ฉีกยิ้มหวาน “อย่าคิดว่าอะไรๆมันจะเป็นเหมือนที่คิดสิ ฉันรอดมาตั้งกี่ครั้ง ครั้งนี้ฉันก็ต้องรอดเหมือนกัน”


                “เหี้ยเอ๊ย นี่มึงจะกวนโมโหกูใช่ไหม ได้เลย ได้”


                “เฮ้ย ซังอู อย่าเว้ย เขาสั่งว่าอย่าเพิ่งทำอะไรมัน”


                “ฮึ่ย!!!


                เมื่อถูกเตือนคำสั่ง ซังอูก็ยอมถอยออกไป ผมเลยมองไปรอบๆอีกครั้งเพื่อประมวลสถานการณ์ มันก็เหมือนๆเดิมที่คนพวกนี้ใช้จำนวนคนมากๆ ความจริงก็ไม่ได้เก่งอะไรนักหรอก


                ในเวลาที่ไม่มีใครสนใจ ผมก็พยายามขยับมือ เพื่อขอบกางเกงเอาไว้ พวกนี้คงประมาทมากเกินไป ถึงไม่ค้นตัวผมให้ดีก่อน เพราะถึงแม้ว่าจะเอาของของผมไปหมดแล้ว แต่ก็ยังเหลืออีกอย่าง..


                มีดพก


                มีดที่ผมพกเอาใส่ไว้กับขอบกางเกง เมื่อหยิบมีดออกมาได้แล้ว ผมก็เอามันมาตัดเชือกที่มัดอยู่ พยายามซ่อนสีหน้าเอาไว้ แม้ว่ามีดมันจะโดนมือผมจนได้เลือด แต่ก็ต้องกัดฟันไม่ให้ใครรู้หรือทันสังเกตเห็น เมื่อเชือกหลุดออกจากกันผมก็จับมันเอาไว้ ทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น พอดีกับที่ประตูโกดังถูกเปิดเข้ามา พร้อมกับการปรากฏตัวของคนที่ผมคุ้นหน้าคุ้นตา


                “ไงจ๊ะลูกชายที่รัก”


                “..ทำแบบนี้ทำไมครับ”


                “คำถามแบบนี้ ลูกแม่ไม่ควรจะถามเลยนะ”แม่ของมินจุนพูด ยิ้มหวานก่อนที่ริมฝีปากคลี่ยิ้มนั้นจะเปลี่ยนไป มือของเธอจิกเข้าที่หัวของผม “ถ้าไม่มีเด็กนรกอย่างพวกแกสองคน ลูกชายของฉันก็จะมีอนาคตที่ดีกว่านี้”


                “ผมไม่เข้าใจ”


                “หึ! งั้นฉันจะอธิบายให้แกเข้าใจเอง เพราะพ่อของแกไง เพราะพ่อแกไม่เคยรักฉันกับมินจุนเลย!!! ไอ้แก่นั่นรักแต่พวกแกสองคน ทรัพย์สมบัติที่มีทั้งหมดก็ยกให้พวกแก ไม่เหลือมาให้ฉันกับมินจุนเลยสักนิด”


                “ไม่จริงหรอก พ่อรักคุณพ่อรักมินจุนเหมือนลูก”


                “หุบปาก”


                ใบหน้าผมหันไปตามแรงเหวี่ยงของฝ่ามือ รู้สึกแสบๆที่แก้ม แต่ก็หันมาสบตากับเธอ


                “ถ้ามันรัก มันจะไม่มีทางทำแบบนั้น ยกบ้านที่ฉันกับลูกอยู่ให้ไอ้วอนโฮงั้นเหรอ แล้วเราสองคนแม่ลูกจะไปอยู่ที่ไหนล่ะ ส่งเสียให้ไอ้วอนโฮมันเรียนโรงเรียนเอกชนราคาแพง ส่วนมินจุนให้เรียนโรงเรียนเฉพาะทางธรรมดาๆ อะไรๆก็ให้แต่ไอ้วอนโฮ แล้วมินจุนของฉันล่ะ เคยได้รับอะไรจากมันบ้าง”


                “...”


                “ทั้งๆที่ฉันกับมินจุนคอยดูแลมันอยู่ตลอดเวลาที่มันป่วย แต่มันก็ไม่เคยมองเห็นค่าเลย กลับนึกถึงแต่แกกับน้องชายแกที่ไม่เคยจะมาเหลียวแลเลยสักครั้ง”


                “อย่าพูดอะไรที่คุณไม่รู้จะดีกว่า”ผมพูด มองหน้าเธออย่างไม่ยอมแพ้


                “อย่ามาทำปากเก่งกับฉันทั้งที่อีกไม่กี่นาทีแกก็จะลาโลกไปอยู่กับพ่อสุดที่รักของแก”


                “...”


                “แม้แต่มินจุนของฉัน ก็ยังเอาแต่เข้าข้างแก ปกป้องแก เขารักแกมากกว่าตัวเองด้วยซ้ำ ลูกชายของฉันเป็นคนดีมากขนาดไหน เขาไม่ควรมีอนาคตที่ดีกว่านี้เหรอ”


                “...”


                เธอมองหน้าปผมอย่างเคียดแค้น ก่อนจะยื่นมือไปตรงหน้าซังอู ก่อนที่ซังอูจะวางสิ่งที่ทำให้ผมหายใจไม่ทั่วท้อง


                ปืน


                “ถ้าไม่มีแกสองคน ทุกๆอย่างก็จะเป็นของมินจุน”


                เธอขึ้นนก เตรียมจะเหนี่ยวไกปืน สายตาของทุกคนที่นี่มองมาอย่างสมเพชผม ไม่มีใครที่พอจะมีจิตใจดีอยากจะช่วยผมเลยสักคน ก็ช่าง


                ผมไม่แคร์หรอก


                “นะ นี่แก..”


                ทุกคนดูตกใจ เมื่อจู่ๆผมก็ลุกขึ้นยืนแถมมือของผมก็ยังเป็นอิสระจากการมัดแล้ว ผมยิ้มมุมปาก แล้วเดินเข้าไปใกล้ ปากกระบอกปืนกดอยู่ที่หน้าอกของผม


                “สวัสดีอย่างเป็นทางการอีกครั้งนะครับคุณแม่”


                “กะ แกเป็นใคร”


                “โธ่ อยู่ด้วยกันมาตั้งนาน ไม่เจอกันแค่เดือนกว่าๆจำกันไม่ได้ซะแล้วเหรอ ไม่เป็นไรๆ ผมจะแนะนำตัวอีกทีก็ได้”


                “...”


                “ผม ชินวอนโฮ


                ใช่แล้ว..


                ผมคือวอนโฮ ไม่ใช่โฮซอก
























     

     

     

     

                -HOSEOK-


                ผมยังคงสับสน เพราะทุกอย่างมันเกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว สับสนที่จู่ๆวอนโฮก็โผล่มาช่วยผมในระหว่างทางที่ผมถูกจับ



                -ย้อนกลับไปเมื่อครึ่งชั่วโมงที่แล้ว-


                โชคดีที่ยาสลบที่ผมได้รับมันเป็นแบบไม่แรงมากนัก ไม่นานผมก็ตื่น และตื่นขึ้นมาทันเห็นเหตุการณ์ทุกอย่างเข้าพอดี เห็นว่ารถจอด พวกนั้นโวยวายกันใหญ่ว่ามีคนมาขวาง จู่ๆประตูรถฝั่งที่ผมนั่งก็ถูกเปิดออก แล้วตัวผมก็ถูกดึงออกจากรถ ตอนแรกผมไม่รู้ว่าใครคือคนที่เข้ามาช่วยผม เพราะเขาใส่หมวกปิดลงมาครึ่งหน้า รู้แค่ว่าหลังจากนั้นสองสามคนที่เป็นคนพาตัวผมมาก็โดนเล่นงานจนเละเทะ


                “รีบไปที่สนามบินซะ ทุกอย่างพร้อมรอนายอยู่ที่นั่นแล้ว”เสียงทุ้มๆเอ่ยบอกกับผมขณะที่เขากำลังแก้มัดให้ผม


                วินาทีนั้นหัวใจของผมเต้นรัว ผมว่าผมจำได้นะ “วะ วอนโฮเหรอ”


                หมวกที่เขาใส่อยู่ถูกถอดออก ก่อนจะมองหน้าผมด้วยสายตาเรียบนิ่ง มือที่เป็นอิสระยกขึ้นมาปิดปากตัวเองแน่น “นะ นาย..”


                “ไม่ต้องถามอะไรมาก เดี๋ยวคนนี้จะพานายไปที่สนามบิน ทุกอย่างจัดการเรียบร้อยแล้ว นายต้องกลับอเมริกา”


                “นี่มันอะไรกัน”


                “เอาไว้ค่อยคุยกัน”เขาพูด แล้วดันหลังผมไปที่รถคันหนึ่งซึ่งมีคนอยู่ในนั้น เขาก้มลงไปแล้วพูดกับคนที่ประจำที่คนขับ “มินฮยอก ฉันฝากด้วยนะ”


                “ครับรุ่นพี่ ไม่ต้องห่วง”


                “อืม”


                ผมยังขืนตัว ไม่ยอมขึ้นไปนั่งบนรถ คว้าแขนของวอนโฮเอาไว้ “วอนโฮ ไม่ได้นะ ห้ามไป”


                “...”


                “นายก็รู้ว่ามันอันตราย นายไปไม่ได้นะ ฉันขอร้องล่ะ”


                วอนโฮมองหน้าผม ดึงมือผมที่จับแขนเขาออก ก่อนจะวางมือของเขาลงบนหัวผม ยิ้มบางๆ “ไม่ไปมันก็ไม่จบสักทีสิ ไม่ต้องห่วงนะ ฉันโอเค พวกฉันเยอะแยะ”


                “แต่..”


                “แม่คิดถึงนายมากเลยนะ กลับไปเถอะ”


                “ฉันไม่ไป”ผมพูดหนักแน่น วอนโฮดูตกใจเล็กน้อยที่ผมปฏิเสธที่จะกลับไปในที่ของตัวเอง


                “อย่ามางี่เง่าน่า กลับไปซะ ที่นี่มันไม่ใช่ที่ของนาย”


                “แล้วคิดว่ามันเป็นที่ของนายหรือไง นายบอกว่าแม่คิดถึงฉัน แล้วไม่คิดบ้างเหรอว่าแม่ก็ต้องคิดถึงนายมากแน่ๆ ฉัน ..ฉันจะไม่กลับไป ฉันจะอยู่ที่นี่”


                “แล้วมันมีเหตุผลอะไรให้นายอยู่ที่นี่วะโฮซอก อย่าดื้อได้ปะ”


                “ฉันไม่ได้ดื้อ เหตุผลน่ะฉันมีแน่.. ฉะ ฉัน.. ฉันจะไม่ไป ไม่กลับ จะอยู่ที่นี่”


                “...”


                “ถ้าฉันไปโดยไม่ได้บอก เขาต้องโกรธแน่ๆ ไม่สิ ยังไงฉันก็จะไม่ไปเด็ดขาด”


                “เขา? เขานี่เขาไหน ไอ้จูฮอนเหรอ เรื่องนั้นช่างเถอะน่า ฉันเคลียร์กับมันได้”


                “มะ ไม่ใช่สักหน่อย”


                “งั้นใครอีก..”


                “...”


                “ไม่พูดงั้นก็กลับไปได้แล้วอีกชั่วโมงเครื่องออก เดี๋ยวตกเครื่อง”


                “นายทำแบบนี้ไม่ได้นะ มาไล่ฉันไปไม่ได้”ผมเถียงเขาทั้งน้ำตาที่มันไหลออกมาเอง เขย่าแขนวอนโฮรัวๆ “ฮึก นายไลฉันกลับไปไม่ได้ ฉันจะอยู่ที่นี่ จะอยู่กับนาย ไม่ไป ไม่เอา ฮือออออ”


                “- -“วอนโฮมองผม ถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่แล้วจับไหล่ทั้งสองข้างของผมเอาไว้ “ฟังฉันนะ ที่นี่มันอันตราย นายก็น่าจะรู้อยู่แล้ว ฉันไม่ได้ไล่เพราะฉันไม่อยากให้นายอยู่ แต่ฉันไล่เพราะฉันเป็นห่วง นายควรกลับไปในที่ที่มันเป็นของนาย ที่นั่นมีพ่อนาย แม่นาย เพื่อนๆของนาย พวกนั้นอยู่ที่นั่นกันหมด ไหนจะเรื่องเรียนนายอีก แล้วถ้าจู่ๆนายจะมาอยู่ที่นี่แล้วแม่ล่ะ นายจะทิ้งแม่เหรอ ไม่คิดถึง ไม่ห่วงแม่หรือไง”


                “ฮึก..”


                “เชื่อฉันนะโฮซอก ได้โปรด..”


                “แต่ฉันไม่”


                “เอาเป็นว่าถ้าฉันเคลียร์ที่นี่พร้อม แล้วนายเคลียร์ตัวเองพร้อม ฉันจะให้ไอ้บ้านั่นไปรับนายกลับมา”


                “..นายรู้หรือไง”


                “เดาไม่ยากหรอกน่า”วอนโฮยิ้มมุมปาก ยีผมผมจนยุ่งแล้วดันผมเข้าไปในรถ “ขอบคุณมากนะโฮซอก ที่ทำเพื่อฉัน”


                “วอนโฮ..”


                “สัญญาแล้วไง เชื่อฉันดิวะ”


                “..ฉันแค่จะบอกว่า ดูแลตัวเองด้วยนะ นายห้ามกลับไปเป็นแบบนั้นอีกรอบนะ”


                “...”


                “ฉันอยู่ไม่ได้ถ้าไม่มีนาย เข้าใจใช่ไหม หัวใจเราเชื่อมถึงกัน นายเจ็บ ฉันก็เจ็บ ถ้านายไม่อยู่ ฉันก็คงอยู่ไม่ได้เหมือนกัน”


                วอนโฮมองผม พยักหน้า “รู้แล้ว คนอย่างฉัน ไม่ตายง่ายๆหรอกน่า แล้วเจอกันโฮซอก”


                นั่นเป็นคำบอกลาทั้งที่เราเพิ่งเจอกันอีกครั้งไม่ถึงห้านาทีด้วยซ้ำ แล้วถ้าถามว่าตอนนี้ผมอยู่ไหนน่ะเหรอ คำตอบก็คือกำลังนั่งกระวนกระวายอยู่ในสนามบินเพื่อรอขึ้นเครื่องยังไงล่ะ


                มินฮยอกที่เป็นคนมาส่งผม บอกแค่ว่าวอนโฮจะปลอมเป็นผม แล้วก็ทำเป็นถูกจับตัวไป หลังจากนั้นก็จะจัดการทุกอย่าง ผมไม่รู้ว่าจัดการทุกอย่างคืออะไร แล้วเขาจะปลอดภัยหรือเปล่า ผมรู้ก็แค่ผมห่วง ห่วงทุกคนมากๆ


                “มินฮยอกครับ”


                “มีอะไรเหรอครับรุ่นพี่”


                “ขะ ขอยืมโทรศัพท์หน่อยได้ไหมครับ”


                “จะโทรไปหารุ่นพี่วอนโฮเหรอครับ ผมว่าอย่าเลย ตอนนี้น่าจะยังไม่สะดวก”


                “เปล่าครับ คือ คือมีคนที่พี่อยากคุยด้วย ..จะโทรหาแม่น่ะ”


                ได้ยินแบบนั้น เขาเลยยอมยื่นโทรศัพท์ของเขามาให้ผม ผมไม่ได้โกหกมินฮยอกหรอกนะ ผมโทรหาแม่จริงๆ เสียงสัญญาณดังอยู่สักพัก ปลายสายก็รับ


                “แม่ครับ ผมโฮซอกเองนะ”


                (โฮซอก ลูกอยู่ไหนแล้ว น้องชายเรานี่ดื้อจริงๆเลยนะ นี่ได้เจอกันหรือยัง วอนโฮเขากลับไปเกาหลีตั้งแต่เมื่อสองวันก่อนแล้วนะลูก)


                “..เจอกันแล้วครับ”


                (ดีแล้วจ้ะ แล้วนี่ ลูกกำลังจะกลับมาที่นี่ใช่ไหม ถึงเมื่อไหร่ก็โทรหาแม่นะ แม่จะไปรับ)


                “มะ แม่ครับ”


                (มีอะไรจ๊ะลูก)


                “..ผมรักแม่มากๆนะครับ ไม่เคยไม่รัก ไม่เคยไม่เป็นห่วงเลย แล้วตอนนี้ผมก็คิดถึงแม่มากด้วยเหมือนกัน”


                (โฮซอก ..มีเรื่องอยากบอกแม่ไหม)


                ผมพยักหน้า ทั้งที่รู้ว่าปลายสายไม่มีทางเห็นหรอก น้ำตาหยดเผาะลงบนหลังมือ ผมเลยต้องยกมันขึ้นมาเช็ด แล้วพูดเสียงสะอื้น “ถ้าผมไม่กลับไปแม่จะโอเคไหมครับ”


                (...)


                “แม่อย่าเข้าใจผิดนะครับ ไม่ใช่ว่าผมไม่อยากเจอ ตะ แต่.. ผม ..ผมชอบที่นี่ ผมอยากอยู่ที่นี่ ผมไม่อยากกลับไปที่นั่น ที่ที่ผมมีแค่เพื่อน แต่ไม่มีมิตรภาพ”


                ผมรู้แล้ว ว่าเพื่อนกับมิตรภาพต่างกันยังไง


                เพื่อนก็แค่คนที่รู้จักกันผิวเผิน ไม่ใช่คนคอยอยู่เคียงข้างกันในวันที่อ่อนแอ ไม่ใช่คนที่จะมาช่วยเหลือดูแลกันและกันแม้ว่าตัวเองจะลำบาก ซึ่งสิ่งเหล่านั้นทำให้คำว่าเพื่อนกับมิตรภาพต่างกัน


                ที่นี่ทำให้ผมรู้จักคำว่ามิตรภาพ ถึงจะมีคนใจร้ายอยู่มากมาย แต่ในผู้คนเหล่านั้นพาให้ผมได้พบเจอกับจูฮอน ชางกยุน และฮยอนอู พวกเขามีแต่ความรัก ความจริงใจ และความหวังดีมอบให้กับผม นั่นแหละคือมิตรภาพที่ผมโหยหา


                (โฮซอก)


                “ฮึก..”


                (ลูกแม่โตขึ้นมากเลยนะ แม่ดีใจที่ลูกได้เจอกับมิตรภาพ และภูมิใจมากๆที่ลูกแม่เรียนรู้ที่จะใช้ชีวิตในแบบที่ตัวเองชอบ)


                “...”


                (ลูกอยู่ที่ไหนแล้วสบายใจ ลูกก็อยู่ที่นั่นเถอะจ้ะ ไม่ต้องเป็นห่วงแม่นะ ไม่ต้องกลัวเลยว่าแม่จะเหงา เอาไว้ถ้าคิดถึงกันเดี๋ยวแม่ไปหาลูกสองคนที่นู่นก็ได้ หรือไม่ลูกก็พาวอนโฮมาเยี่ยมพ่อกับแม่ในช่วงวันหยุดก็ยังได้เลย)


                “แม่ครับ..”


                (แม่ผิดเองที่ปล่อยให้ลูกสองคนต้องแยกจากกันทั้งที่ไม่ควรต้องแยกกันเลย พวกลูกคือฝาแฝด คือพี่น้อง ต่อไปนี้ถ้ามีโฮซอกอยู่ที่นั่น วอนโฮก็คงไม่ต้องเหงา แล้วก็รู้สึกโดดเดี่ยวอีกแล้วเน๊อะ)


                “ฮึก..”


                (แต่ยังไงลูกก็ต้องกลับมาจัดการเรื่องที่นี่ให้เรียบร้อยก่อน รู้ใช่ไหม)


                “ครับ.. ผะ ผมรู้”


                (มาให้แม่กอดให้หายคิดถึงก่อนด้วย เอาไว้คุยกันจ้ะ แม่จะรอนะ)


                “ครับ รักแม่นะครับ”


                ผมบอกแล้วกดวางสาย ก่อนจะส่งโทรศัพท์คืนให้มินฮยอก ซึ่งส่งผ้าเช็ดหน้าของเขามาให้ผม “ขอบคุณนะมินฮยอก”


                “ไม่เป็นไรครับ”เขาพูดยิ้มๆ ก้มมองนาฬิกาข้อมือ “ผมว่าตอนนี้พี่โฮซอกต้องรีบเข้าไปแล้วล่ะครับ”


                “...”ผมลุกขึ้นยืนตามที่เขาบอก หันไปมองรอบๆอย่างใจหาย แม้จะรู้ว่าไปแค่ไม่นานเดี๋ยวผมก็ต้องกลับมา แต่.. ผมไม่ได้บอกใครเลยนะ


                ฮยอนอูจะเป็นยังไงบ้างถ้าเขารู้ว่าผมไม่อยู่


                “รุ่นพี่ครับ..”


                “อะ อื้ม รู้แล้วล่ะ ขอโทษทีที่พี่เหม่อ”ผมพูดกับมินฮยอกที่สะกิดเรียกผม “มินฮยอก มีกระดาษไหม”


                “มีครับ”


                “พี่ขอหน่อยสิ”


                มินฮยอกยื่นเศษกระดาษเล็กๆให้ผมพร้อมกับปากกา ผมย่อตัวลงแล้วตั้งใจเขียนข้อความเอาไว้ ก่อนจะส่งให้มินฮยอก


                “ฝากให้วอนโฮด้วย บอกว่าให้เอาให้เขา


                “ได้ครับ โชคดีนะครับรุ่นพี่”


                “ดูแลวอนโฮด้วยนะ”ผมบอกย้ำอีกครั้งแล้วยอมเดินเข้าไปด้านใน


                ขอให้เรื่องทุกอย่างมันผ่านพ้นไปด้วยดี ผมขอร้อง ทุกๆคนจะต้องปลอดภัย แล้วก็ฮยอนอู..


                ช่วยรอฉันหน่อยนะ


                ...


                แล้วฉันจะรีบกลับมาหานาย

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

                -HYUNWOO-


                ผ่านไปหนึ่งอาทิตย์หลังจากเรื่องวุ่นวายของวอนโฮได้จบลง แม่เลี้ยงวอนโฮถูกจับข้อหาทำร้ายร่างกายโดยเจตนา ฉ้อโกงทรัพย์สินที่ไม่ใช่ของตัวเอง บิดเบือนความเป็นจริงทำให้เกิดความเข้าใจผิด แล้วก็อีกหลายๆข้อหายิบย่อย ถึงแม้ว่าที่ผ่านมาเราจะต้องพบเจอกับเรื่องวุ่นวายมากมาย แต่การสอบก็คือสิ่งที่เราไม่อาจหนีมันพ้น


                วันนี้คือวันสอบวันสุดท้าย.. และตอนนี้ผมทำข้อสอบเสร็จหมดแล้ว กำลังเดินออกจากโรงเรียนเพื่อกลับคอนโดของตัวเอง


                “ไงฮยอนอู”


                “..หวัดดี”ผมเอ่ยทักอีกฝ่ายที่ดูจะชิลๆ แม้ว่าที่หน้าจะมีรอยฟกช้ำนิดหน่อย ซึ่งมันก็เป็นภาพที่ชินตาไปแล้วน่ะนะ “โอเคใช่ไหม ..วอนโฮ”


                ใช่ คนตรงหน้าผมคือวอนโฮ วอนโฮที่หายไปหนึ่งเดือนกว่าๆ แล้วมีคนที่หน้าตาเหมือนเขามาแทนที่ คนที่จู่ๆก็หายไปไม่บอกกล่าวกัน คนที่ไม่แม้แต่จะบอกลากัน คนที่ทิ้งผมไปทั้งที่สัญญาว่าจะไม่ไปไหน


                คนที่ทำให้ผมคิดถึงเขาแทบบ้าอยู่ทุกวัน


                “โอเคดิ มีไรที่ฉันต้องไม่โอเควะ”วอนโฮพูดแล้วยิ้มกวนๆในแบบของเขา


                ทุกอย่างในวันนี้คลี่คลายลงอย่างดี คนผิดได้รับโทษ ความจริงทุกอย่างปรากฏ ผมรีบตามไปที่โกดังนั้นหลังจากรู้เรื่องว่าเขาคนนั้นถูกจับตัวไป ผมไปเพื่อช่วย แต่กลับกลายเป็นว่าผมไปไม่ทันช่วย หนำซ้ำยังได้ช็อคแทนอีกที่รู้ว่าคนที่ถูกจับไปคือวอนโฮ ส่วนเขาน่ะเหรอ


                ก็นั่นแหละ หายไป


                พวกซังอูก็ถูกจับอีกหลายข้อหาเช่นกัน แม้แต่พวกแก๊งมาเฟียของเขาก็ไม่คิดจะช่วยอะไร แหงล่ะ ใครจะอยากเดือดร้อน ซังอูได้รับโทษไปแล้ว ส่วนอีกคนคือมินจุน..


                ผมรู้สึกว่าเขาเป็นผู้ชายที่น่าสงสารมาก เพราะว่าคนที่นำหลักฐานทุกๆอย่างไปมอบให้กับตำรวจ ก็คือตัวเขาเอง ต้องเจ็บปวดและเข้มแข็งแค่ไหนนะ ถึงจะสามารถทำเรื่องแบบนั้นได้ นับถือความแข็งแกร่งของมินจุนจริงๆเลย


                “ฉันรู้เรื่องจากไอ้จูฮอนหมดแล้วนะ ว่าช่วงที่ฉันไม่อยู่ แกช่วยดูแลโฮซอก”


                “...”


                “ขอบใจแกมาก”


                ผมยิ้ม พยักหน้าเบาๆ “ก็ทำเท่าที่ทำได้”


                “เท่าที่ทำได้ของแกมันสุดยอดมากๆเลยนะเว้ย”วอนโฮพูด ตบบ่าผมเบาๆ “ตอนนี้เก่งแล้วนี่ เป็นเพื่อนซี้กันได้ละ ฮ่าๆๆ”


                “..อืม”


                ผมดีใจนะ ไม่ใช่ไม่ดีใจ แต่ผมหัวเราะไม่ออกจริงๆ ตอนนี้จิตใจผมมันห่อเหี่ยวไปหมดแล้ว


                “ถึงฉันจะไม่ได้เห็นกับตาตัวเอง แต่ฉันก็มั่นใจแล้วแหละ ว่าแกทำได้”


                “ทำอะไร สู้น่ะเหรอ”


                “เปล่า”


                “...”


                “ฉันสามารถไว้ใจ ฝากชีวิตของโฮซอกไว้กับแกได้ไง”


                ผมเงียบ เงียบอยู่นานมากก่อนจะแค่นหัวเราะ “แต่เขาคงไม่ต้องการฝากมันไว้กับฉันเท่าไหร่มั้ง”


                “ตัวก็ใหญ่ ไหงขี้น้อยใจจังวะ”วอนโฮพูด แล้วส่งกระดาษแผ่นเล็กๆมาให้ผม “ความจริงจะให้ตั้งแต่วันแรกที่ได้มาแล้ว แต่เอาไว้สอบเสร็จแล้วค่อยให้ทีเดียว”


                “...”ผมรับกระดาษมาอย่างงงๆ


                “ไปนะ”


                เมื่อวอนโฮเดินผ่านไปแล้ว ผมก็คลี่กระดาษแผ่นนั้นออก ทันทีที่เปิดก็เห็นลายมือที่ผมจำได้ดีว่ามันเป็นลายมือของใคร ข้อความสั้นๆที่เขาทิ้งไว้ ทำให้จิตใจที่ห่อเหี่ยวของผมมันพองโตขึ้นมาอีกครั้ง


                กลับไปเคลียร์ธุระ แล้วจะรีบกลับมาหานายนะฮยอนอู


                นอกจากข้อความนั้นก็มีรอยขีดฆ่าที่เหมือนว่าเจ้าตัวจะขีดข้อความที่เขียนไปเสร็จแล้วออก ฮยอนอูเอากระดาษเข้ามาใกล้ แล้วส่องมันอย่างตั้งใจ หัวใจเต้นถี่แรงขึ้นเมื่อมั่นใจว่าตัวเองไม่น่าอ่านผิด


                ข้อความที่เขียนเอาไว้สั้นๆว่า รัก


                “ฮยอนอู”


                ผมผละออกจากกระดาษ เมื่อได้ยินเสียงวอนโฮเรียกผม ก่อนจะหันไปมอง และสิ่งที่เห็นทำให้ขาแทบจะไม่มีแรง แต่ก็ต้องรวบรวมแรงที่มีเอาไว้


                วอนโฮยืนยิ้มอยู่ตรงนั้น และข้างๆเขาก็คือคนที่มีหน้าตาเหมือนเขาจนแทบจะแยกไม่ออก ผมเม้มปากแน่น ก้าวเดินเข้าไปใกล้ทั้งสองคนช้าๆ จนกระทั่งหยุดยืนประจันหน้ากัน ผมไม่ลังเลเลยที่จะดึงเอาร่างของคนที่ผมคิดถึงมากอดแนบอก


                “คิดถึง”พูดแค่คำๆเดียวเท่านั้น แล้วรัดเขาแน่นมากขึ้นจนอีกฝ่ายดิ้นอยู่ในอ้อมแขนของผม


                “นะ นี่ไม่กลัวคว้าตัวมากอดผิดเลยหรือไง อุตส่าห์แต่งตัวเหมือนกันด้วยนะ”คนตัวเล็กพูดเสียงอู้อี้เพราะใบหน้าจมอยู่กับไหล่ของผม


                “เหมือนกันขนาดไหนฉันก็แยกออกอยู่ดี”


                “...”


                ว่าคนไหนคือโฮซอกของฉัน”


                “งื้อ..”


                ก่อนที่คนตัวเล็กจะขาดอากาศหายใจ ผมก็ค่อยๆผละตัวออก ยกมือขึ้นลูบแก้มของเขาเบาๆ มองด้วยความโหยหา จนวอนโฮที่ยืนมองอยู่กระแอมใส่


                “ฉันก็ยืนหัวโด่อยู่ตรงนี้ปะล่ะ”


                “อ๊ะ จริงด้วย”โฮซอกพูด ทำเหมือนเพิ่งนึกขึ้นได้แล้วหัวเราะคิกคักที่เห็นใบหน้ายุ่งๆของน้องชายตัวเอง “โอ๋ๆๆ ล้อเล่นหรอกน่า”


                “เห๊อะ จริงๆเลย”วอนโฮพูดแค่นั้น หันมายักคิ้วให้ผม “ตามสบายนะ ฉันไม่หวง”


                “เฮ้ย หวงกันหน่อยก็ได้ไหมล่ะ”


                “หรืออยากจะให้หวง นี่ถ้าหวงไม่ให้เข้าใกล้กันเลยนะ เอาแบบนั้นไหม เอาไหมๆ”


                “ไม่เอา!!!


                “หึ! ไปละ เห็นแล้วรำคาญลูกกะตา แต่จะพลอดรักกันก็ช่วยไปในที่ที่มันลับตาหน่อย อย่าลืม ตอนนี้ใครๆก็เข้าใจว่านายคือฉัน ให้คนอื่นคิดว่าฉันกับฮยอนอูพลอดรักกันแล้วมันแบบ ..บรึ๋ย ขนลุกว่ะ”


                บ่นรัวๆแล้ววอนโฮก็เดินจากไปจริงๆ ผมยิ้มบางๆ แล้วมองโฮซอกที่แลบลิ้นใส่วอนโฮ เห็นแบบนั้นผมเลยเอาสองมือแนบแก้มนิ่มเบาๆจับให้หันมาทางผม


                “อื้อ อะไรเนี่ยฮยอนอู”


                “..ปล่อยให้คิดถึงตั้งนาน”


                “มะ มาคิดถึงทำไมล่ะ”


                “...”


                “ไม่ได้เป็นอะไรกันสักหน่อย”


                ผมยิ้มเมื่อเห็นใบหน้ากระเง้ากระงอดของอีกฝ่าย เห็นแล้วมันก็อดไม่ได้ที่จะก้มลงไปแล้วฝังจมูกลงบนแก้มนุ่มเบาๆ


                “ฉันรักนายนะโฮซอก”


                “...”


                “คบกับฉันได้หรือเปล่า”


                โฮซอกมองหน้าผม แก้มเริ่มขึ้นสีแดงระเรื่อ ก่อนจะพยักหน้าลงแรงๆ “อื้ม ฉันรอให้นายพูดคำนี้มาตั้งนานแล้วเนี่ย”


                ผมไม่ได้พูด แค่ดึงข้อมือเขาให้เดินตามออกมา โฮซอกขืนตัวไว้เล็กน้อย


                “ไปไหนเหรอฮยอนอู”


                ผมหันไปมองเขา ยิ้มจนตาหยีแล้วยักไหล่


                “ก็วอนโฮบอกให้ไปในที่ลับตาคนไง”


                .//////.


                “ฉันอยากพลอดรักน่ะ”














    - E N D -






























    คนบ้าาาาาาาาา ฮยอนอูคนบ้า พลอดรักอะไรของเธอ เขินเลย >///<

    ในที่สุด เรื่องราวทุกอย่างก็ลงล็อค อ่า จะบอกว่าทุกอย่างก็ไม่ได้เน๊อะ เพราะมีแค่เรื่องของคู่นี้คู่เดียวที่คอมพลีส

    แต่ไม่ต้องกลัวไปว่าจะคิดถึงชยอโฮ บอกไว้แล้วว่าหลังจากนี้ก็ยังมีชยอโฮโผล่มาเรื่อยๆ แค่ไม่ได้เป็นคู่หลักเท่านั้นเอง

    ส่วนเรื่องราวที่เกิดขึ้น ระหว่าง วอนโฮ กับ แม่เลี้ยง ไรท์ขออนุญาต ยกยอดไปอยู่ในอินโทรพาร์ทของวอนโฮเลยนะคะ

    มันจะได้ยาวๆไปเลย ซึ่งถามว่าจะได้อ่านกันตอนไหน บอกเลยว่าวันพรุ่งนี้แหละ หรือไม่ ถ้าคอมเม้นท์ไหลเยอะๆ

    ไรท์อาจจมาต่อให้คืนนี้เลยก็ได้เน๊อะ


    ปล. ความจริงคู่นี้ก็จบที่ตอนที่ 15 อย่างที่ไว้ตอนแรกนั่นแหละ เพราะไรท์แบ่งเอาไว้คู่ละ 15 ตอน แต่..

    ขออนุญาตลงแค่นี้ แล้วจะยกยอดตอนที่ 15(ซึ่งฟินตัวแตก) ไปไว้ในหนังสือแทนนะคะ แบบสอบถามไม่ต้องทำแล้วนะคะ

    เพราะไรท์ได้ยิดคนที่สนใจตามที่ต้องการแล้ว รายละเอียดหนังสือจะอยู่ในตอนหน้า พร้อมกับแบบฟอร์มจองหนังสือด้วย

    อันนี้ไม่เกี่ยวกันนะ ใครที่ทำแบบสอบถามไปแล้ว ก็ยังต้องไปทำแบบฟอร์มจองหนังสือกันด้วยนะ อย่าลืม!!!

    เกือบลืมไปอีกเรื่อง

    กิจกรรมแจกโปสการ์ดติดตามได้ที่แท๊ก #วอนโฮซอก นะคะ ยังไม่หมดเขตนะ หมดเขตสิ้นเดือน


    ไว้เจอกันค่ะ รักๆ


    #วอนโฮซอก

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×