ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Monsta_X] Another Time

    ลำดับตอนที่ #20 : Another Time : C H A P T E R S 1 8

    • อัปเดตล่าสุด 17 ม.ค. 59



      

    Chapters 18

     

                ภายในวังหลวงเต็มไปด้วยความวุ่นวายมากมายที่ยากจะจัดการให้สงบลงได้ เมื่อองครักษ์ชินผู้ซึ่งถูกกล่าวหาว่ามีมนต์ดำและเป็นกบฏปรากฏตัวขึ้น เพื่อแสดงความบริสุทธิ์ของตัวเอง จนทำให้มีการสอบสวนเรื่องทุกอย่างใหม่อีกครั้ง


                ประวัติศาสตร์หน้าใหม่ถูกบันทึกเอาไว้ว่าองครักษ์ชินเป็นผู้บริสุทธิ์ที่โดนใส่ความเพียงเท่านั้น หลังจากมีพยานบุคคล และพยานแวดล้อมยืนยันตัวตน จูมยองช่วยเป็นพยานคนสำคัญให้กับองครักษ์ชิน ระหว่างนั้นก็ลอบมองท่าทีของขุนนางที่รอฟังคำตัดสินไปด้วย ไม่มีใครแสดงท่าทางมีพิรุธอย่างที่โฮซอกคาดการณ์ แต่แล้วจูมยองก็สังเกตเห็นว่ามีใครบางคนที่แสดงสีหน้ากลืนไม่เข้าคายไม่ออกแล้วลุกหนีไปในที่สุด


                บุตรชายของขุนนางฝ่ายซ้าย


                หลังเสร็จสิ้นการไต่สวน องครักษ์ชินได้รับแต่งตั้งให้กลายเป็นองครักษ์มือขวาขององค์ชายรัชทายาทตามเดิม เขาพ้นความคิด และสามารถไปไหนมาไหนได้อย่างอิสระ และสิ่งแรกที่ทำก็คือการไปยังสุสาน สถานที่ที่บุคคลที่เขารักทั้งสามนอนพักอย่างสงบอยู่ที่นี่


                “ท่านพ่อ ท่านแม่ ข้ามาเยี่ยมพวกท่านแล้ว ไม่ต้องห่วงข้า ลูกของพวกท่านจะดูแลตัวเองให้ดีที่สุด”


                หลังจากนั้นชายหนุ่มก็เดินต่อไปยังพื้นที่ที่ดวงใจของเขาอยู่ มือหนาแตะลงไปบนเนินดินที่สูงขึ้นมาเล็กน้อย หยาดน้ำตาไหลซึมออกมา ก่อนจะคลี่ยิ้มบางๆ


                “น้องเสียสละเพื่อพี่เหลือเกินอินฮยอง”


                ...


                “ไม่ว่าอย่างไร พี่จะต้องทำทุกทางไม่ให้การตายของน้องสูญเปล่า คนทำผิดจะต้องได้รับการลงโทษ”พูดจบชายหนุ่มที่ขึ้นชื่อว่าเก่งกาจและแข็งแกร่งที่สุดก็ร้องไห้ ไหล่หนาสั่นก่อนที่สุดท้ายจะฟุบลงไปกับดินตรงหน้าอย่างไม่หวาดกลัวความเปรอะเปื้อน “ขอบคุณที่ช่วยเหลือพี่จนวินาทีสุดท้ายของน้อง พี่ขอโทษที่เป็นสามีที่แย่เหลือเกิน ถ้ามีโอกาสอีกสักครั้ง พี่อยากจะแก้ตัวใหม่ พี่อยากจะทำให้ดีกว่าเดิม อยากทำให้น้องมีความสุขกว่านี้”


                ...


                “น้องกำลังรอพี่อยู่หรือเปล่า..”


                ในอนาคตข้างหน้า อินฮยองซึ่งกลายเป็นฮยองวอนกำลังรอคอยเขาอยู่หรือไม่


                “พี่จะได้รับโอกาสกลับไปแก้ตัวหรือไม่อินฮยอง”


                โฮซอกยืดตัวขึ้นหลังจากมีกระแสลมอ่อนๆพัดผ่านตัวจนผ้ายันต์ที่พกติดเอาไว้ลอยออกมาจากเสื้อ มือหนาเอื้อมไปหยิบขึ้นมาพร้อมกับสังเกตเห็นข้อความข้างใต้ และสีของผ้ายันต์ที่หมองลงไปกว่าเดิมมาก


                จริงสินะ เขาลืมไปเลยยังว่าไม่ได้อ่านข้อความที่ถูกเขียนเอาไว้


                “..เมื่อยามภัยร้ายมาเยือน”


                เป็นข้อความสั้นๆ โฮซอกจำได้ดีว่าเป็นลายมือของอินฮยอง แต่เขาไม่เข้าใจ เมื่อยามภัยร้ายมาเยือนมีความหมายอย่างไร


                “โฮซอก!!!


                ชายหนุ่มลุกขึ้นยืน เก็บผ้ายันต์ไว้ที่เดิมมองคนที่วิ่งกระหืดกระหอบเข้ามา “มีเหตุใดหรือ”


                “ข้าว่าข้าพบผู้ต้องสงสัยแล้วล่ะ”จูมยองพูดด้วยความตื่นเต้น “ข้าแอบสะกดรอยท่านอิมซองกวันไป เห็นกับตาว่าท่านมอบเงินจำนวนหนึ่งให้กับกลุ่มคนแปลกหน้า”


                อิมซองกวัน บุตรชายของขุนนางฝ่ายซ้าย ซึ่งเป็นปฏิปักษ์กับเสนาบดีแช บิดาของอินฮยอง


                “เจ้าคิดว่าสิ่งที่เจ้าเห็นจะมีส่วนเกี่ยวข้องกับการตายของอินฮยองหรือ”


                “มันก็ไม่แน่ไม่ใช่หรือไง เจ้าเองก็น่าจะจำได้ ก่อนหน้าที่อินฮยองจะจากไป นางบังเอิญไปรู้ความลับของท่านขุนนาง ทำให้ตอนนี้ท่านขุนนางโดนสอบสวนชุดใหญ่อยู่ บางที..”


                “แก้แค้น”


                “ใช่ ข้ากำลังจะหมายถึงเช่นนั้น มันอาจจะเป็นการแก้แค้นก็ได้”


                โฮซอกเม้มปาก วิเคราะห์กับสิ่งที่น่าจะเป็นไปได้ มันก็อาจจะจริง อีกอย่างองค์ชายรัชทายาทก็รับปากว่าจะช่วยเรื่องนี้อย่างเต็มที่ อาจทำให้อิมซอกกวันคิดก่อกบฏ ในเมื่อทุกๆอย่างมันเริ่มจะชัดเจน ก็คงต้องช่วยกันสืบหาต่อไป


                ยิ่งหาตัวคนร้ายตัวจริงได้เร็วแค่ไหน โอกาสที่จะลองข้ามเวลาไปยังอนาคต


                ไปหาอินฮยองที่เป็นฮยองวอนตอนนี้ก็จะมาถึงเร็วเท่านั้น


                รอพี่หน่อยนะ ได้โปรด


     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

                มินฮยอกมองออกไปจากห้องทำงานของตัวเอง ฮยองวอนอยู่ตรงนั้น นั่งทำงานตามปกติ เขาดีใจที่ฮยองวอนเลิกขังตัวเองอยู่แต่ในห้องแล้วออกมาข้างนอก พูดคุยกับทุกคนเหมือนอย่างเดิมแล้ว แม้จะรู้สึกอยู่ลึกๆว่าฮยองวอนไม่เหมือนเดิม แต่ได้แค่นี้ก็ดีมากพอแล้ว


                ฮยองวอนปิดคอม มองนาฬิกาที่ตอนนี้ถึงเวลาเลิกงานแล้ว เลยเก็บของทั้งหมดใส่กระเป๋าเพื่อเตรียมจะกลับบ้าน แต่มินฮยอกก็เรียกไว้ก่อน


                “มีอะไรเหรอครับ”


                “รออีกครึ่งชั่วโมงสิ จะได้กลับพร้อมกัน”


                ฮยองวอนยิ้มบางๆแล้วส่ายหน้า “ไม่เป็นไรครับ ผมกลับเองดีกว่า พอดีมีธุระต้องไปทำ”


                “ธุระ? ให้พี่ไปด้วยไหม”


                “ไม่เป็นไรครับพี่มินฮยอก”ฮยองวอนพูด ก้มหัวบอกลาอีกคน “ไปก่อนนะครับ”


                สุดท้ายแล้วมินฮยอกก็ได้แต่มองตามฮยองวอนที่เดินห่างไกลออกไป ไม่มีอะไรที่เหมือนเดิมเลยสักอย่าง ก่อนจะเกิดอุบัติเหตุ เขายังจำท่าทีของฮยองวอนได้ดี มินฮยอกยังคงเป็นที่หนึ่งเสมอ แต่ตอนนี้ไม่ใช่อีกแล้ว ฮยองวอนขอย้ายกลับไปอยู่ที่บ้านหลังเดิม เหมือนว่าอึดอัดเต็มทนที่จะต้องอยู่กับเขา


                “ทำไมถึงทำกับพี่แบบนี้ล่ะฮยองวอน”


                พี่ทำอะไรผิดเหรอ

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     















     

     

                ฮยองวอนมาที่โรงพยาบาล หลังได้รับสายเมื่อตอนเที่ยงว่าเกิดอุบัติเหตุขึ้นกับชางกยุน จู่ๆก็ล้มจนข้อเท้าพลิกซะอย่างนั้น เดือดร้อนฮยองวอนต้องมาช่วยจ่ายค่ารักษาพยาบาลให้ แถมยังต้องมารับกลับอีก เพราะยังไงตอนนี้ก็อยู่บ้านเดียวกัน


                กลับกลายเป็นว่าคนที่ฮยองวอนอยู่ด้วยแล้วสบายใจมากที่สุดคือชางกยุน


                อาจเป็นเพราะว่าชางกยุนคือคนเดียวที่ไม่ได้มองว่าเขาเพี้ยน แถมยังรับฟังโดยไม่ขัดแย้งอะไรเลยสักอย่างด้วย


                “อ้าวฮยองวอน”


                “สวัสดีครับพี่หมอ”ฮยองวอนทักทายหมอฮยอนอูที่เดินยิ้มมาแต่ไกล


                “ไม่สบายอีกเหรอ”


                “เปล่าครับ ผมมารับเพื่อน”ฮยองวอนตอบ ยิ้มให้อีกฝ่ายเก้อๆ เพราะฮยอนอูก็เป็นอีกหนึ่งคนที่คิดว่าสมองของเขาได้รับการกระทบกระเทือน แต่จะไปโกรธก็ไม่ได้ ในเมื่อมันเป็นเรื่องที่พิสูจน์ยาก


                เพราะจนป่านนี้ฮยองวอนก็ยังไม่เข้าใจอยู่ดี ว่ามันเกิดอะไรขึ้น


                “รักษาตัวดีๆนะ อย่าเจ็บอย่าป่วยอีก”


                “ครับ”


                “คุณหมอคะ ชีพจรคนไข้กลับมาเป็นปกติ ม่านตามีปฏิกิริยาแล้วค่ะ”


                “ฮยองวอน งั้นพี่ขอตัวก่อนนะครับ”


                “ตามสบายเลยครับ”


                ฮยองวอนโค้งบอกลาก่อนจะเดินไปยังแผนกฉุกเฉิน เตียงด้านในสุดที่มีผ้าม่านกั้นเอาไว้ เมื่อเปิดผ้าม่านออกก็ต้องถอนหายใจเฮือกใหญ่ เมื่อคนป่วยกำลังนอนกินขนมอย่างสบายใจอยู่


                “ถ้ารู้ว่าไม่ได้แย่จะไม่มาให้เสียเวลาเลย”


                “อ้าว มาแล้วเหรอพี่”


                “ยังไม่มามั้ง”


                “ฮ่ะๆๆๆ นั่นสิ”ชางกยุนหัวเราะก่อนจะเอามือมาตบๆกันเพื่อเอาเศษขนมออก “นั่งก่อนๆ ผมไม่ค่อยมีแรงอ่ะ เลยขอให้พยาบาลเอาน้ำเกลือมาให้ ใกล้หมดละ หมดแล้วค่อยกลับ”


                ฮยองวอนนั่งลงตามที่ชางกยุนบอกก่อนจะส่ายหน้า “..นายจะเอาแต่พึ่งฉันอย่างเดียวไม่ได้นะ ไม่ได้เป็นดาราแล้วก็ใช่ว่าจะทำอะไรไม่ได้สักหน่อย เลิกทำตัวเร่ร่อนไปมาสักทีเถอะ หางานอย่างอื่นทำบ้าง”


                “- - ก็ใครทำให้ผมต้องเป็นแบบนี้อ่ะ”ชางกยุนพูดเสียงแข็ง


                “...”


                “ฮ่าๆๆๆ ล้อเล่นพี่”แล้วก็เปลี่ยนเป็นหัวเราะเมื่อฮยองวอนทำสีหน้าไม่ค่อยดี “ผมก็ไม่ได้ทำตัวเร่ร่อนไง ก็เนี่ย ไปทำงาน เลยกลายเป็นแบบนี้”


                “ทำอะไร”


                “ก็ป้าข้างบ้านอ่ะดิ บอกว่าหลอดไฟบ้านแกเสีย จ้างผมให้ไปเปลี่ยนหลอดไฟให้ ไอ้เรานะก็วัยกำลังโต ยังสูงไม่เต็มที่ เลยเอาบันไดมาปีน แต่หมาป้าเขาอ่ะแหละ มาชนบันได ผมเลยล้มเนี่ย”อดีตดาราดังบ่นยืดยาว “แถมยังมาบอกอีกนะว่าหมาแกไม่ผิด ผมผิดเองที่ไปตั้งบันไดขวางทางวิ่งหมา เฮ้อ ขอความเห็นใจด้วยครับ เจอคนแบบนี้ในสังคมแบบนี้ แย่มากครับ”


                “- -


                ไม่อยากจะเชื่อว่าฮยองวอนจะทนอยู่กับชางกยุนได้ จะว่าไปก็ไม่แปลกใจแล้วล่ะ ว่าทำไมชางกยุนถึงไม่มองว่าเขาเพี้ยน


                ในเมื่อหมอนี่มันเพี้ยนกว่าไง


                ผ่านไปพักใหญ่ น้ำเกลือก็หมด ฮยองวอนกับชางกยุนเลยพากันกลับบ้าน ชางกยุนเดินได้ปกติ เพราะข้อเท้าเคล็ดแค่นิดหน่อยเท่านั้น แต่ตอนนั้นมันเจ็บมากก็เลยต้องเรียกรถฉุกเฉินไปโรงพยาบาล นี่ถ้ารู้ว่าแค่ไปให้หมอฉีดๆพ่นๆอะไรใส่ขาแล้วหายแบบนี้ก็คงไม่เสียเวลาไปหรอก


                “พี่ ที่บ้านมีอะไรกินไหม”


                “ก็บอกแล้วไงว่าให้หากินข้างนอก”


                “โธ่ ก็ผมไม่มีเงินนี่ เงินที่มีผมต้องเก็บไว้ใช้ยามจำเป็นนะ”


                “เฮ้ย เรื่องกินนี่ก็จำเป็นแล้วปะ”ฮยองวอนย้อนถาม มองอีกคนที่ทำหน้าหงอยๆสุดท้ายก็เลยต้องพยักหน้าส่งๆ “เดี๋ยวทำรามยอนให้กิน”


                “ไม่เอาอ่ะ ซื้อกลับไปกินดีกว่า”ชางกยุนรีบปฏิเสธทันที “ผมบอกแล้วไง พี่อย่าทำอาหารอีก เค็มปี๋เลย”


                “...”


                ชางกยุนมองฮยองวอนที่เงียบไป รู้สึกผิดทันทีที่ปากไม่ดี “เอ่อพี่ ผมขอโทษ กินรามยอนก็ได้”


                “ฮะ อ๋อ ช่างเหอะ ฉันรู้ ก็มันเค็มจริงๆ”ฮยองวอนพูดยิ้มๆ


                ที่เงียบไปก็แค่คิดถึง..


                ผู้ชายคนนั้นที่กินรามยอนฝีมือของเขาทุกวันโดยไม่บ่นสักคำ ผู้ชายที่ยิ้มดีใจทุกครั้งที่เขายกหม้อรามยอนร้อนๆไปให้ คิดถึงนะวอนโฮ


                ฮยองวอนให้ชางกยุนกลับบ้านไปก่อน ส่วนตัวเองแวะมาร์เก็ตเพื่อซื้อรามยอนและของสดนิดๆหน่อยกลับไปติดตู้เย็นเอาไว้ คงไม่มีใครที่ชอบกินรามยอนทุกวี่ทุกวันเหมือนคนๆนั้นหรอก พอนึกถึงตรงนี้ก็ทำได้แค่ยิ้มกับตัวเอง


                ช่วงเวลาแห่งความสุขนั้น จะได้กลับคืนมาหรือเปล่านะ


                ไม่รู้ว่าป่านนี้จะเป็นยังไงบ้าง


                คงสุขสบายดีสินะ.. จะคิดถึงกันบ้างหรือเปล่า


                “ฮยองวอน!!


                ร่างสูงหยุดเดิน หลังจากได้ยินเสียงเรียกที่แสนคุ้นเคย หัวใจพองโตขึ้นมาเพียงแค่คิดว่าถ้าหันกลับไปจะได้เจอกับเขา แต่เมื่อหันไปกลับต้องพบเจอความผิดหวัง


                ไม่มีใครอยู่ตรงนี้สักคน


               “เลิกมโนได้แล้วน่าฮยองวอน”


                เขากลับไปแล้วนะ



                ...


                และอาจจะไม่กลับมาที่นี่อีกก็ได้
























    เอาแล้วไง คนร้ายในอดีตจะใช่คนที่สององครักษ์คาดเดากันหรือเปล่า

    แล้วอิมที่ว่านี่ ..กลับชาติมาเกิดเป็นอิมชางกยุนหรือเปล่าน้อออออ

    ของแบบนี้ก็ต้องรอลุ้นกันต่อไปแหละเน๊อะ ตอนนี้แอบสงสารคน(เคย)สำคัญอย่างพี่มินฮยอกจังเลย



    #องครักษ์ชิน













































    © themy butter
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×