ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Monsta_X] Another Time

    ลำดับตอนที่ #19 : Another Time : C H A P T E R S 1 7

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 620
      11
      16 ม.ค. 59


    © themy butter
      


    Chapters 17

     

                มินฮยอกขับรถไปเรื่อยๆโดยไม่ได้พูดอะไรหลังจากที่ไปรับฮยองวอนออกมาจากโรงพยาบาล เมื่อก่อนฮยองวอนจะเป็นคนหาเรื่องคุย และมักมีรอยยิ้มให้กับเขาเสมอ ทว่าในตอนนี้รอยยิ้มและน้ำเสียงอ่อนหวานนั้นหายไป แทนที่ด้วยความเงียบและเย็นชาจนน่าอึดอัด


                “หิวหรือยังฮยองวอน เราแวะหาอะไรกินกันก่อนดีไหม”


                “ไม่ครับ ผมอยากกลับบ้าน”


                แล้วฮยองวอนก็ตัดบทสั้นๆแค่นั้น สุดท้ายมินฮยอกก็ทำได้เพียงแค่ขับรถต่อไปเงียบๆ จะเป็นแบบนี้ไปอีกนานเท่าไหร่กันฮยองวอน สนใจคนในความเป็นจริงแทนคนในฝันบ้างจะได้ไหม รับรู้หัวใจของพี่หน่อย ว่ามันเจ็บแค่ไหน


                “ผมบอกว่าผมจะกลับบ้านไงครับ”ฮยองวอนพูดขึ้นเมื่อมินฮยอกเลี้ยวรถออกนอกเส้นทาง


                “ก็กลับบ้านไง”มินฮยอกตอบ หันไปมองทาง “พี่ก็กำลังพานายกลับบ้าน”


                “แต่นี่มันไม่ใช่ทางกลับบ้านผม”ฮยองวอนแย้งแล้วชี้ไปทางอีกฝั่ง “บ้านผมไปทางนั้นต่างหาก”


                มินฮยอกจอดรถข้างทาง ก่อนจะหันไปมองฮยองวอนพร้อมกับจับไหล่ทั้งสองข้างเอาไว้ “ฟังนะ นั่นมันบ้านเก่านาย ลืมแล้วเหรอว่านายย้ายมาอยู่บ้านหลังเดียวกับพี่เมื่อเดือนที่แล้ว”


                ฮยองวอนนิ่ง ส่ายหน้าช้าๆ แต่ภาพความทรงจำก็ไหลเวียนเข้ามาอีก




     


                “บ้านหลังนั้นมันเล็กเกินไป ไหนๆพี่ก็แยกออกมาอยู่คนเดียวแล้ว เราไปหาบ้านหลังใหม่อยู่ด้วยกันไหม”

              “นี่พี่ชวนผมไปอยู่ด้วยเหรอครับ”

              “ก็ใช่น่ะสิ ไม่อยากอยู่เหรอ”

              “ไม่..”

              “อ้าว”

              “ไม่อยากก็บ้าแล้วครับ”

     





                ความรู้สึกในตอนนั้น ฮยองวอนจำได้ว่าตื่นเต้นดีใจมากแค่ไหน แต่มันไม่ใช่กับตอนนี้เลย


                มินฮยอกถอนหายใจเฮือกใหญ่ เมื่อเห็นว่าฮยองวอนไม่ได้พูดอะไรออกมาอีก เขาก็ขับรถต่อ ไม่นานนักก็มาถึงบ้าน จอดรถเสร็จก็รีบเดินตามฮยองวอนที่เข้าไปในบ้านก่อน แต่ก็ไม่ทันเพราะร่างสูงปิดประตูล็อคไม่ยอมให้เขาเข้าไปเจอแล้ว


                “ฮยองวอน เราออกมาคุยกันหน่อยได้ไหม”


                “...”


                “ฮยองวอน”มินฮยอกเรียก เคาะประตูอยู่นานแต่ฮยองวอนก็ไม่ยอมเปิด “เรามีเรื่องต้องคุยกันนะ ช่วยออกมาเจอกันหน่อย”


                “..ผมไม่มีอะไรจะคุย”


                ฮยองวอนตอบมาสั้นๆแค่นั้น แต่ก็มากพอที่จะทำให้ความอดทนทั้งหมดที่มินฮยอกมีตลอดหลายวันที่ผ่านมาพังทลายลงได้ง่ายดาย


                “ฮยองวอน นายเป็นอะไรของนาย เลิกเป็นแบบนี้สักทีได้ไหม คิดว่าเหนื่อยอยู่คนเดียวเหรอ พี่เองก็เหนื่อยนะที่ต้องมองนายเป็นแบบนี้ ทำไมไม่เข้าใจสักที ว่าคนในฝันก็คือคนในฝัน หันมาสนใจคนที่อยู่ตรงหน้าหน่อยได้ไหม!!!!


                “...”


                มินฮยอกกำมือแน่นก่อนจะทุบไปที่ประตูอย่างแรง “นี่พี่ต้องทำไงวะ!!!! ถึงจะได้นายคนเดิมกลับมา บอกมาสิว่าต้องการอะไร พี่ทำอะไรผิดนักหนา ถึงได้ทำเหมือนพี่ไม่มีตัวตนทั้งที่พี่ยืนอยู่ตรงหน้านาย แต่คนที่มันไม่มีตัวตนอยู่บนโลกนายกลับโหยหาแต่มัน เป็นบ้าอะไรฮะ!!!!!


                ปึง!!!!


                “โธ่เว้ย!!!!!!


                คนที่อยู่อีกฝั่งของประตูนั่งบนเตียง กัดริมฝีปากแน่น พร้อมกับน้ำตาที่ไหลอาบแก้ม ได้ยินเสียงโวยวายของมินฮยอก และเหมือนว่าเสียงเขาจะห่างออกไปเรื่อยๆจนในที่สุดก็เงียบไป ฮยองวอนเลยยกมือขึ้นมาปิดหน้าตัวเอง สะอื้นอยู่เพียงลำพัง


                มินฮยอกโกรธมาก เขารู้


                แต่เขาไม่รู้ว่าต้องทำยังไง ไม่ใช่ว่าไม่พยายาม ฮยองวอนพยายามถึงที่สุดแล้ว แต่ก็ไม่สามารถลบภาพของผู้ชายคนนั้นออกไปได้เลย ยังจำทุกๆอย่างเกี่ยวกับเขาได้ แม้ว่าเขาจะเป็นเพียงความฝัน


                “ผม ฮึก ผมขอโทษครับพี่มินฮยอก”


                ไม่รู้ว่าจะกลับไปเป็นเหมือนเดิมได้ไหม ถ้าในใจยังคงเรียกร้องหาแต่เขาคนนั้นอยู่แบบนี้


                ใช้เวลาอยู่คนเดียวเงียบๆ ในที่สุดฮยองวอนก็ตัดสินใจเดินออกมาจากบ้าน มินฮยอกไม่อยู่ รถเขาก็ไม่มี คงออกไปที่ไหนสักที่ที่ไม่มีฮยองวอนให้รำคาญตา มันก็ดีแล้วล่ะ เพราะตอนนี้ฮยองวอนก็ยังไม่อยากเจอใครเหมือนกัน


                ขายาวก้าวเรื่อยๆแบบไร้จุดหมายปลายทาง ก็แค่อยากเดินไปทางไหนก็ไปทางนั้น จนสุดท้ายก็มาหยุดอยู่ที่บ้านหลังนี้ บ้านเก่าที่เคยอยู่ จำได้ว่าบ้านก็อยู่แบบนี้เพราะไม่ได้ขายต่อให้ใคร ฮยองวอนก็แค่ย้ายไปอยู่กับมินฮยอกเฉยๆ


                ฮยองวอนนั่งอยู่ที่โต๊ะหน้าบ้าน ที่ที่ครั้งหนึ่งเขาจำได้ว่าเคยนั่งอยู่กับใครอีกคน แหงนมองท้องฟ้าที่สวยงามก่อนจะถอนหายใจ ท้องฟ้ากว้างใหญ่ขนาดนี้ จะมีโอกาสได้พบเจอกันอีกไหม นั่งมองอยู่พักใหญ่ร่างสูงก็ลุกขึ้นเดินไปที่ประตู


                เมื่อเข้ามาในบ้าน ความรู้สึกหดหู่จนอยากจะร้องไห้ก็กลับมาอีกครั้ง ทุกๆมุมในบ้านฮยองวอนมองเห็นแต่เขาเต็มไปหมด โซฟาที่อยู่ข้างเตียงอันนั้นที่เขาใช้นอน โต๊ะญี่ปุ่นหน้าทีวีที่เขามักจะนั่งอยู่ ห้องครัวที่ฮยองวอนจะต้องเข้าไปทำรามยอนของโปรดของเขาให้ ยังจำทีวีตรงนั้นได้เลยนะ จำตอนที่เขาทะเลาะกับทีวีน่ะ นึกแล้วก็ขำดี


                “..หึ”


                ขำจนน้ำตาไหลอีกแล้ว


                ความฝันที่แสนจะชัดเจน ถ้าหากว่าล้มตัวลงนอนในตอนนี้ จะสามารถฝันเรื่องนั้นอีกครั้งได้ไหม


                ถ้าเป็นคนในความฝันจริงๆ ก็มาเจอกันในความฝันอีกจะได้ไหม ..วอนโฮ

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     



     

     

                ร่างสั่นเทาของชายหนุ่มเร่งฝีเท้าเพื่อจะเข้าไปในบ้านอุ่นๆให้เร็วขึ้น แต่เมื่อเปิดประตูเข้าไปก็ต้องตกใจ เพราะว่ามีคนนอนอยู่ เดินเข้าไปดูใกล้ๆถึงได้รู้ว่าเป็นเจ้าของบ้านคนเก่านี่เอง


                มือหนาเอื้อมไปสัมผัสที่แขนคนหลับเบาๆเพื่อเป็นการปลุกให้ตื่น แต่แค่แตะเห็นทีจะไม่ได้ผล เลยลองเปลี่ยนเป็นเขย่าเบาๆ จนดวงตาคู่สวยค่อยๆปรือขึ้นมาช้าๆ ก่อนจะมองเขาด้วยความตกใจ


                “คุณเป็นใคร”


                “-o-


                ก็เหวอสิ ถามมาได้ว่าเป็นใคร


                “ตลกละพี่ ถามจริง คิดนานไหม จู่ๆมาถามว่าใครอ่ะ”


                ฮยองวอนขมวดคิ้ว ลุกขึ้นยืนมองผู้ชายแปลกหน้าที่รู้สึกคุ้นตาอยู่เหมือนกัน “นาย ชาง..กยุนเหรอ”


                “ก็ใช่อ่ะดิ เห็นเป็นวอนบินหรือไง ถึงความหล่อจะใกล้เคียงก็เถอะนะ”


                “..มาทำอะไรที่นี่”ฮยองวอนถาม รู้สึกไม่ไว้ใจ


                “เฮ้ย เอาจริงดิ จะเล่นงี้เหรอ”ชางกยุนย้อนถามอีกฝ่ายอย่างไม่เข้าใจ “ไม่ขำครับพี่ ไม่ผ่านๆ”


                “...”


                ฮยองวอนจ้องหน้าอีกฝ่ายนิ่งๆ จำได้ว่าผู้ชายคนนี้คืออิมชางกยุน ลูกชายคนเดียวของอิมฮีบง ผู้มีอิทธิพลที่เขาสามารถจัดการให้รับโทษได้


                “นาย.. อยู่ที่นี่?”


                “ก็ใช่อ่ะดิ”ชางกยุนพยักหน้า “ก็พี่ไม่ใช่เหรอที่เป็นคนส่งพ่อผมเข้าคุกอ่ะ ทรัพย์สินก็ถูกยึดไปหมด บ้านไม่มีอยู่ แถมผมยังโดนบอยคอตจากวงการ จนกลายเป็นคนเร่ร่อนอยู่นี่ไง”


                “...”


                “พี่บอกว่าพี่รู้สึกผิด ก็เลยให้ผมมาอยู่ที่นี่”


                ฮยองวอนรับฟัง พยักหน้าทำความเข้าใจช้าๆ ชางกยุนพูดเรื่องจริง เขาจำได้ว่ามันเคยเกิดเรื่องแบบนั้น


                “ความจริงแล้วผมต่างหากที่ต้องถาม ว่าพี่มาทำอะไรที่นี่ หรือว่าจะมายึดบ้านคืน”


                “..เปล่า”ฮยองวอนส่ายหน้าเบาๆ นั่งลงไปบนเตียงตามเดิม “ขอโทษด้วยนะ พอดี.. ฉันเบลอๆ”


                “ไม่เป็นไรหรอก ผมเข้าใจ ก็พี่เพิ่งออกจากโรงพยาบาล”ชางกยุนยักไหล่ เดินไปเปิดตู้เย็นแล้วหยิบน้ำออกมาสองขวด เปิดฝาแล้วส่งให้ฮยองวอน ก่อนจะเปิดอีกขวดแล้วยกขึ้นดื่ม “พี่นักข่าวตัวกระเปี๊ยกเขาบอกผมมาแล้วล่ะ ว่าพี่มีอาการแปลกๆ”


                “...”


                “เอ่อ.. ไม่ใช่แปลกแบบนั้นนะ คือแบบ เอ่อ ยังไงดีวะ”


                “ช่างเถอะ”ฮยองวอนยิ้ม ความจริงเขาก็สมเพชตัวเองอยู่ไม่น้อย “ฉันคงเพี้ยนไปแล้วจริงๆ”


                ชางกยุนลากเก้าอี้มานั่งหน้าฮยองวอนก่อนจะเท้าคาง “ถ้างั้นอยากเล่าเรื่องเพี้ยนๆให้ผมฟังได้หรือเปล่า”


                ฮยองวอนถอนหายใจ มันก็ดีนะ หากได้เล่าความในใจให้ใครสักคนฟัง ยังไงซะตอนนี้ ทุกคนก็มองว่าเขาบ้า เขาเพี้ยนกันไปแล้ว


                ทำไมถึงได้รู้สึกไว้ใจชางกยุนมากขนาดนี้ ไว้ใจถึงขั้นยอมเล่าทุกๆอย่างให้ฟัง ชางกยุนเองก็ทำตัวเป็นผู้ฟังที่ดี เขาไม่ได้พูดขัดขึ้นมา แค่พยักหน้าตาม จนเมื่อเล่าหมดเปลือก ฮยองวอนทำใจล่วงหน้าแล้วคงได้เจอสายตาดูแคลนจากอีกฝ่ายแน่นอน ทว่ากลับผิดคาด เมื่อจู่ๆชางกยุนก็ยื่นสมาร์ทโฟนให้ฮยองวอน


                “อะ อะไรเหรอ”


                “..ถ้าพี่สงสัย พี่ก็ลองเสิร์ชในเน็ตสิครับ”


                “...”


                “ผมเคยเล่นละครช่วงยุคพระเจ้ายองโจที่พี่บอก จำได้ว่ามีตัวละครที่เป็นองครักษ์ขององค์ชายรัชทายาท”


                ได้ยินแบบนั้น ฮยองวอนก็กดเสิร์ชหาประวัติศาสตร์ยุคพระเจ้ายองโจทันที มือเขากำลังสั่นเพราะตื่นเต้น จริงสินะ ทำไมถึงไม่คิดถึงเรื่องนี้ จะจริงไม่จริง ประวัติศาสตร์บอกได้อยู่แล้ว







     

                “องค์ชายรัชทายาทสืบหาความจริงเกี่ยวกับการหายตัวอย่างไร้ร่องรอยขององครักษ์คนสนิท จนถอดใจและประกาศต่อหน้าทุกคนว่าองครักษ์เป็นพวกเล่นไสยศาสตร์ และเป็นผู้ปลิดชีพภรรยาตนเอง

                พระองค์ทรงจัดพิธีศพให้กับภรรยาองครักษ์ผู้ซึ่งเป็นบุตรสาวคนเดียวของเสนาบดีชั้นสูงอย่างเป็นเกียรติ ทว่าเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝัน..”

     








              “เป็นไงพี่”


                “ชางกยุน”ฮยองวอนเอ่ยชื่ออีกคนด้วยเสียงสั่นเครือ “เขา.. เขาไม่ใช่คนในความฝัน”


                “...”


                “เขามีตัวตนอยู่จริงๆ”

     









              “องครักษ์ปรากฏตัวเพื่อแสดงความบริสุทธิ์ของตนเอง เกิดการสอบสวนครั้งใหญ่ขึ้น จนองครักษ์สามารถหาหลักฐานมาพิสูจน์ได้ว่าตนไม่ได้กระทำความผิดตามที่ถูกกล่าวหา โดยมีพยานคนสำคัญช่วยยืนยัน องครักษ์พ้นความผิด และกลับเป็นองครักษ์ขององค์ชายรัชทายาทตามเดิม”

     









                แต่เขากลับไปแล้ว


              ..กลับไปโดยไม่ได้บอกกล่าว ไม่มีแม้แต่คำลา

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     










     

     

     

     

                -ปี 1664-


                แม้จะยังไม่เข้าใจ และไม่อาจทำใจยอมรับได้ง่ายๆ แต่ชีวิตก็ยังคงต้องก้าวต่อไป องครักษ์ชินกล่าวคำลากับผู้มีพระคุณทั้งสองที่ช่วยชีวิตตนไว้แล้วออกเดินทางเพื่อค้นหาความจริง


                ไม่ว่าไปที่ใด ก็ต้องได้ยินคนพูดถึงตัวเอง ว่าเป็นพวกมีมนต์ดำ และถูกทางการตามล่าตัวเพื่อนำไปสืบสวนหาข้อเท็จจริง ซึ่งเขาพร้อมจะแสดงความบริสุทธิ์ใจ แต่หลังจากชั่งน้ำหนักความเป็นจริงก็รู้สึกว่ายังไงเขาก็ต้องกลายเป็นคนผิด และคงไม่พ้นข้อกล่าวหาเหล่านั้นอยู่ดี เพราะไม่มีหลักฐานอะไรเลย ที่จะยืนยันว่าเขาหายไปไหนในช่วงเวลานั้น


                แม้ว่าตอนนี้อยากเจอกับอินฮยองแทบขาดใจ ก็ยังไม่สามารถทำได้ด้วยซ้ำ


                องครักษ์ชินเดินไปทางลำธารเพื่อดื่มน้ำแก้กระหาย โชคดีที่ผู้มีพระคุณให้ม้ามาหนึ่งตัว ทำให้สะดวกต่อการเดินทางเข้าวังหลวง


                อินฮยองในเวลานี้ก็ไม่สามารถพบเจอได้


                ..ฮยองวอนที่อยู่ในเวลาอนาคตก็ไม่รู้ว่าจะสามารถพบเจอได้อีกหรือไม่


                ใบหน้าหล่อแหงนมองท้องฟ้าที่สวยงามเบื้องบน หวังเอาไว้ว่าคนที่อยู่ในอนาคตจะมองท้องฟ้าเดียวกันกับตัวเองอยู่


                “พี่คิดถึงนาย..”


                จู่ๆก็กลับมาโดยไม่ได้บอกลา จะโกรธกันหรือเปล่า จะเป็นห่วงไหม ไม่รู้ว่าป่านนี้จะเป็นอย่างไรบ้าง


                “ไม่จริง”


                องครักษ์ชินดึงมีดที่พกเอาไว้ป้องกันตัวขึ้นมาทันทีเมื่อได้ยินเสียงใครบางคนจากข้างหลัง เมื่อหันไป ก็ค่อยๆลดมีดลง “จูมยอง”


                “เจ้ายังไม่ตาย”


                “...”


                “เจ้ามาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร ชินโฮซอก”


                ไม่คิดว่าจะได้พบกัน


                จูมยอง หรือนั่นก็คือ


                ลีจูฮอนในอนาคต

















     

     

     

     

                ได้พบกับคนที่เป็นทั้งมิตรและศัตรูทำให้องครักษ์ชินใจชื้นขึ้นเล็กน้อย ทั้งสองนั่งพูดคุยกันถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้น จูมยองส่ายหัวเบาๆ


                “มันมีเรื่องไม่ชอบมาพากลตั้งมากมาย แต่ข้าไม่สามารถพูดกับใครได้”


                “อะไรหรือ”


                “ก่อนอื่น ข้ามั่นใจว่าเจ้าไม่มีทางฆ่าอินฮยองแน่”


                “...”


                “การตายของนางมีเงื่อนงำ”


                ..องครักษ์ถอนหายใจ น้ำตารื้นขึ้นมา “แต่ข้าก็ไม่สามารถช่วยนางได้ แม้ว่าข้าจะให้คำมั่นสัญญาว่าจะดูแลนางให้ดีที่สุด ที่จริง คนที่ตายควรเป็นข้าเสียมากกว่า”


                “ถ้าเจ้าเป็นแบบนี้ อินฮยองคงเสียใจ นางยอมเสียสละตัวเองเพื่อให้เจ้ามองเห็นความจริงบางอย่าง ..ข้าคิดเช่นนั้น”


                “สิ่งใดทำให้เจ้าคิดเช่นนั้น”


                “ระหว่างที่เจ้าหายตัวไป ข้าได้สืบหาที่มา ทั้งเรื่องการตายของอินฮยอง รวมไปถึงการลอบปลงพระชนม์องค์ชายรัชทายาท ดูเหมือนว่าทั้งสองเรื่องจะเกี่ยวข้องกัน นักฆ่าไม่ได้ตั้งใจนำอินฮยองมาต่อรองแต่แรก แต่อาจเป็นเพราะนางไปล่วงรู้ความลับบางอย่าง”


                “เจ้าจะบอกว่ากบฏคือคนใกล้ตัว”


                “แน่นอนว่าจะต้องเป็นคนที่รู้ทุกๆการเคลื่อนไหวขององค์ชาย เจ้า รวมทั้งข้าด้วย”


                “เช่นไร?”


                “วันที่รู้ข่าวเรื่องการลอบปลงพระชนม์ ข้าเองก็เดินทางมาที่ตำหนักองค์ชายทันที แต่ระหว่างทางข้าถูกดักทำร้ายแล้วพาตัวไปขังไว้นานห้าวันเต็ม”


                “...”


                “กบฏเลือกวันเวลาที่ทั้งข้าและเจ้าไม่ได้อยู่ในตำหนัก แต่จุดที่น่าสนใจก็คือ.. พวกมันจับตัวอินฮยองไปได้อย่างไร โดยไม่ให้ทหารหน้าตำหนักเห็น เว้นเสียแต่ว่ามันเป็นคนในวังหลวง”


                สิ่งที่จูมยองพูดทำให้องครักษ์ชินเริ่มคล้อยตาม จะว่าไปเขาก็ลืมนึกถึงเรื่องนี้ หากแค่นักฆ่าคนเดียวสามารถเข้าตำหนักได้ง่ายดายไม่ใช่เรื่องแปลก แต่ถ้ามีอินฮยองเข้าไปด้วย จะเป็นไปได้อย่างไรที่ทหารหน้าตำหนักไม่เห็น มันไม่มีทางเป็นไปได้


                “เจ้าเชื่อมั่นในตัวข้าหรือไม่”องครักษ์ตัดสินใจถาม “ข้าไม่ใช่กบฏ และไม่ได้เล่นมนต์ดำ”


                จูมยองมองคนตรงหน้า ทั้งสองคนโตมาด้วยกัน ฝึกฝนมาด้วยกัน แต่ฝีมือของโฮซอกก้าวหน้าไปกว่าเขา จึงได้กลายเป็นองครักษ์มือขวา ส่วนเขาเป็นองครักษ์มือซ้ายถึงจะรู้สึกริษยาอยู่ในใจ แต่ก็มั่นใจในระดับหนึ่ง ว่าคนๆนี้ไม่มีทางเป็นเช่นที่ถูกกล่าวหาแน่นอน


                “ข้าเชื่อเจ้า”


                “..เป็นไปได้ว่ามีคนต้องการใส่ความไม่เจ้าก็ข้า เพราะมันเลือกวันที่เราทั้งคู่ไม่อยู่ และตอนนี้มันเลือกใส่ความข้า”


                “เจ้าจะให้ข้าทำอย่างไร”


                “ช่วยไปยืนยัน และเป็นพยาน ว่าในช่วงเวลานั้น เราสองคนอยู่ด้วยกัน”


                “...”


                “หลังจากนั้น กบฏจะเริ่มเผยสิ่งผิดปกติให้เราเห็นเอง เจ้ากับข้าต้องร่วมมือกันเท่านั้นจูมยอง”


                ยังไงซะก็ต้องรู้ให้ได้ ว่าใครเป็นคนฆ่าดวงใจของเขา หลังจากนั้นค่อยหาทางไปอนาคต


                แม้จะไม่แน่ใจว่าจะสามารถไปอีกครั้งได้หรือไม่










































    ไรท์พิมพ์แบบไม่ได้ตรวจทาน พอดีมีอะไรต้องไปทำ เลยเอามาให้อ่านกันก่อน

    แล้วเดี๋ยวไรท์จะกลับมาตรวจทานอีกรอบ คงไม่งงกันเน๊อะ

    เหตุการณ์ในอดีตที่องครักษ์ชินย้อนกลับมา เปลี่ยนประวัติศาสตร์ที่คุณแชอ่านในอนาคตได้

    ท้องฟ้าที่ทั้งสองคนมองก็เป็นท้องฟ้าเดียวกัน เพียงแค่ต่างเวลาเท่านั้น

    ส่วนคนที่เป็นพยานให้องครักษ์ชินก็ไม่ใช่ใครอื่น จูมยอง หรือก็คือคุณตำรวจจูฮอนในอนาคตนั่นเอง

    เหนื่อสิ่งอื่นใด ในที่สุดตัวละครเราก็ออกมาครบทุกคนแล้วววววววววววววว

    มีอะไรทักท้วง หรือสงสัยก็บอกไรท์ได้ตลอดเลยนะคะ


    #องครักษ์ชิน


















































     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×