ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Monsta_X] Another Time

    ลำดับตอนที่ #13 : Another Time : C H A P T E R S 1 2

    • อัปเดตล่าสุด 7 ม.ค. 59


    © themy butter


    Chapters 12

     

                ผมนั่งอยู่บนโซฟาภายในห้องพักฟื้น ยังคงนั่งซบกับแขนของตัวเองอยู่แบบนี้มานานมากแล้ว แต่ผมไม่อยากขยับตัว ตอนนี้อะไรๆมันก็ดูแย่ไปหมด พี่มินฮยอกเครื่องแพทย์ระโยงรยางเต็มตัว พี่หมอฮยอนอูบอกว่าอาการเขาปลอดภัยแล้ว แต่เพราะได้รับการกระทบกระเทือนแรงเกินไป ก็เลยยังไม่ตื่นขึ้นมา พ่อกับแม่ของพี่มินฮยอกเพิ่งกลับไปเพราะผมยืนยันที่จะอยู่เฝ้าให้ วอนโฮเองก็ออกไปข้างนอก เขาไปที่จุดเกิดเหตุ เพราะตำรวจบอกว่าไม่ใช่อุบัติเหตุ แต่เพราะมีคนจงใจขับรถชนพี่มินฮยอก เขาถึงกลายเป็นแบบนี้


                ผมรู้ว่าคนทำเป็นใคร แต่ไม่มีหลักฐาน ผมถึงไม่สามารถพูดอะไรได้ เมื่อวันก่อนผมเพิ่งได้รับโทรศัพท์จากเขา สั่งให้ผมเลิกทำข่าวซะ ถ้าไม่งั้นเขาจะจัดการคนรอบข้างผม แต่เพราะผมมันดื้อด้านเอง พี่มินฮยอกถึงได้เป็นแบบนี้ แถมเรายังจับตัวคนทำผิดไม่ได้อีก เพราะถ้าหลักฐานไม่แน่นมากพอ สุดท้าย คนๆนั้นก็จะถูกปล่อยให้ลอยนวลไปอยู่ดี


                ผมตัดสินใจลุกขึ้นยืน ย้ายไปนั่งที่ข้างเตียงแทน เอื้อมมือไปจับมือพี่มินฮยอกพร้อมกับบีบเบาๆ น้ำใสๆไหลลงจากตาหยดแล้วหยดเล่า


                “ผมขอโทษ”


              ทั้งหมดเป็นเพราะผมเอง

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

                เข้าวันที่สามแล้ว แต่พี่มินฮยอกก็ไม่มีท่าทีว่าจะตื่นขึ้นมาสักที ผมโดนไล่กลับมาที่บ้าน หลังจากที่ตัดสินใจยอมเปิดปากกับตำรวจว่าผมได้รับสายข่มขู่จากผู้มีอิทธิพล พอรู้เรื่อง แม่ของพี่มินฮยอกก็ไม่ยอมให้ผมเข้าไปเจอกับพี่มินฮยอกอีกเลย ผมถึงต้องมาอยู่ที่บ้าน เพื่อรอฟังอาการของเขา ร้องไห้จนน้ำตาจะไม่มีให้ไหลแล้ว


                “กินอะไรหน่อยไหม ตอนกลับมาพี่ซื้อโจ้กมาให้”


                ผมพยักหน้าเบาๆ ผมลางาน ไม่ไปทำ ผมไม่มีแรงจะทำอะไรทั้งนั้น ในขณะที่วอนโฮยังคงไปทำงานตามปกติ ผมไม่ค่อยได้เจอกับเขาหรอก ถึงจะอยู่ในบ้านเดียวกัน แต่ผมเอาแต่อยู่ในห้อง นอนมันทั้งวันเพราะไม่อยากตื่นขึ้นมาแล้วต้องจมอยู่กับความรู้สึกผิด ตราบใดที่พี่มินฮยอกยังไม่ฟื้น ผมก็คงเป็นบ้าอยู่แบบนี้


                “ซูบไปเยอะเลยนะ”


                “อืม”ผมพยักหน้าคล้ายคนไม่มีแรง เมื่อวอนโฮเดินมานั่งข้างๆพร้อมกับถ้วยโจ้ก


                “วันนี้พี่เจอคุณกีฮยอน เขาฝากความเป็นห่วงมานะ”


                ถึงจะไม่ได้เจอกัน แต่เหมือนว่าตอนนี้ผมกับกีฮยอนเป็นเพื่อนกันไปแล้วล่ะ เพราะมีบ้างที่เราโทรคุยและนัดกันออกไปหาของอร่อยกิน


                “อืม เอาไว้จะโทรไปขอบคุณ”ผมพูดเสียงอ่อย “แวะไปโรงพยาบาลมาหรือเปล่า”


                “ไป วันนี้คุณมินฮยอกเขากระดิกนิ้วแล้วนะ คุณหมอบอกว่าอีกเดี๋ยวก็คงรู้สึกตัว”


                “ดีจัง”ผมยิ้ม


                ถ้าพี่มินฮยอกฟื้น ผมจะยังเจอเขาได้อยู่ไหไม ในเมื่อตอนนี้ผมกลายเป็นตัวอันตรายไปซะแล้ว


                “เรื่องคดีความก็คืบหน้าไปเยอะนะ ตำรวจเจอภาพจากกล้องวงจรปิดแถวๆนั้น น่าจะจับคนร้ายได้เร็วๆนี้”


                “วอนโฮ”ผมเรียกเขาที่กำลังพูด “ขอบใจมากนะ ที่ช่วยฉัน”


                สามวันที่ผ่านมาถ้าหากไม่ได้เขาผมก็คงแย่เหมือนกัน เพราะเขาคอยช่วยจัดการปัญหาแล้วก็เป็นธุระแทนผมหลายๆเรื่อง ทั้งเรื่องงานผมและเรื่องพี่มินฮยอก


                “พี่เต็มใจทำทุกอย่างเพื่อฮยองวอนอยู่แล้ว”เขาพูดยิ้มๆ แล้วเอนหลังพิงเบาะ มองผมนั่งกินโจ้กเงียบๆ


                ผมกินโจ้กในชามจนหมด เมื่อหมดแล้ววอนโฮก็ลุกขึ้นแล้วเดินเอาจานไปเก็บ ผมเลยขึ้นไปนอนบนโซฟา ข่มตาให้หลับ ผมรอวันที่พี่มินฮยอกฟื้นขึ้นมาแทบไม่ไหว ผมไม่อยากต้องรู้สึกผิดเพราะเป็นต้นเหตุอีกแล้ว ผมคิดถึงรอยยิ้มอบอุ่นของพี่มินฮยอกจริงๆ

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

                -HOSEOK-


                ฮยองวอนกำลังหลับ ในขณะที่ผมเฝ้ามองเขา ละจากฮยองวอนผมก็นั่งครุ่นคิดอะไรบางอย่าง เหตุการณ์ปัจจุบันกับอดีตเริ่มมีการสอดคล้องกันอีกครั้ง มันทำให้ผมสงสัย ถ้าหากผมหาตัวคนขับรถชนคุณมินฮยอกได้ ผมจะสามารถรู้ได้ไหม ว่าใครคือคนวางแผนลอบปลงพระชนม์องค์ชายรัชทายาท ทางเดียวก็คือผมจะต้องหาตัวคนๆนั้นให้เจอ แม้จะต้องพลิกแผ่นดินหา ผมก็จะทำ


                “พ่อครับ.. แม่ครับ”


                ผมหันกลับไปมองร่างบางที่นอนขดอยู่บนโซฟาอีกครั้ง ฮยองวอนดูซูบลงไปเยอะในเวลาเพียงสามวัน ผมรู้ว่าเพราะเขาห่วงคุณมินฮยอกและคิดมากในเรื่องที่เกิดขึ้น ไม่แปลกเลย ในเมื่อฮยองวอนชอบคุณมินฮยอก เขาจะต้องทุกข์ใจเป็นเรื่องธรรมดาอยู่แล้ว


                “อือ..”


                ผมยื่นมือไปจับมือฮยองวอนเอาไว้เมื่อมือเล็กๆเริ่มไขว่คว้าหาอากาศ ปากก็พร่ำเรียกคนที่จากไปแล้วไม่ขาด ผมสงสารร่างบางจับใจ แต่ทำอะไรไปไม่ได้นอกจากกุมมือของเขาเอาไว้


                “ผมเป็นตัวซวย..”


                “...”


                “ผมขอโทษ”


                ผมเม้มริมฝีปากแน่น มองน้ำใสๆที่ไหลรินลงมาข้างแก้มเนียน ฮยองวอนคงเจ็บปวดมากเลยสินะ เหมือนเมื่อครั้งหน้าไม่มีผิดเลย

     



                “ที่องค์ชายรัชทายาทตกจากม้าก็เป็นเพราะข้า”

              “ไม่ใช่ความผิดของเจ้าเลย องค์ชายรัชทายาททำเพื่อช่วยเจ้าต่างหากอินฮยอง”

              “ท่านพี่ ข้ากลัว องค์ชายรัชทายาทจะทรงเป็นอะไรมากไหม”

     



                องค์ชายรัชทายาทเคยพลัดตกจากหลังม้า เพื่อช่วยอินฮยองจากม้าอีกตัวที่กำลังพยศ อินฮยองรู้สึกผิดจนไม่เป็นอันทำอะไรเหมือนอย่างตอนนี้ ที่ฮยองวอนไม่ทำอะไรนอกจากขังตัวเองอยู่ในห้อง


                ผมเอื้อมมือไปเกลี่ยผมที่ตกลงมาปรกหน้าของฮยองวอนออก โน้มตัวเข้าไปใกล้ก่อนจะประทับริมฝีปากลงไปเบาๆที่หน้าผากมน


                “พี่อยากให้รู้ว่ามันไม่ใช่ความผิดของฮยองวอนเลย น้องไม่ใช่ตัวซวย”


                ...


              “ฮยองวอนคือโชคดีเพียงอย่างเดียวที่พี่มี”

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     



     

                -HYUNGWON-


                ผมสะลึมสะลือตื่นขึ้นมาเหลือบมองนาฬิกา ตอนนี้ก็ทุ่มครึ่งแล้ว ผมควรจะย้ายเข้าไปนอนในห้องสินะ ผมยันตัวลุกขึ้นนั่ง ก่อนจะเพิ่งสังเกตว่าหน้าโซฟาที่ผมนอนอยู่ วอนโฮนั่งอยู่กับพื้น กำลังนั่งอ่านอะไรบางอย่างด้วยสีหน้าเคร่งเครียด ผมเลยนั่งมองเขาอยู่พักใหญ่ จู่ๆใบหน้ามันก็ร้อนผ่าว


              “ฮยองวอนคือโชคดีเพียงอย่างเดียวที่พี่มี”


                ตอนนั้นผมยังไม่หลับ ก็แค่กำลังเคลิ้ม แน่นอนว่าผมได้ยินทุกอย่างชัดเจน หัวใจของผมเต้นรัว แต่ก็ต้องแสร้งไม่รับรู้ทำเป็นหลับต่อ


                ผมคงนั่งจ้องเขานานเกินไป เพราะคนถูกจ้องรู้ตัวแล้ว ผมเลยรีบเสหน้ามองไปทางอื่น วอนโฮขึ้นมานั่งบนโซฟาข้างผม ก่อนจะยิ้มให้


                “หลับสบายไหม”


                “ไม่เท่าไหร่”ผมตอบพลางบิดตัวไปด้วย “นายทำอะไรอยู่”


                “งานน่ะ..”


                ผมพยักหน้า ก้มมองกองเอกสารตรงหน้าก่อนจะเบิกตา “นี่มันงานฉันนี่”


                “ช่วงที่ฮยองวอนลาพัก พี่อยากจะทำงานในส่วนของฮยองวอนก่อน คดีของคุณมินฮยอกจะได้คืบหน้า เพราะมีหลักฐานบางอย่างในข่าวของฮยองวอน เชื่อมโยงไปกับคนขับรถชนคุณมินฮยอกอยู่นะ”


                “งั้นเหรอ”เรื่องนี้ทำให้ผมตื่นตัวทันที “ไม่คิดว่าหลักฐานน้อยนิดที่มีจะช่วยทำประโยชน์ด้วย”


                “ช่วยได้มากเลยล่ะ”


                ผมพยักหน้า หยิบเอกสารขึ้นมาเปิดดูผ่านๆ นอกจากที่ผมเคยรวบรวมเอาไว้ เหมือนว่าวอนโฮไปหาข้อมูลมาเพิ่ม เพราะมีหลายอย่างที่ผมไม่เคยผ่านตาเลย สุดท้ายผมก็วางเอกสารไว้ที่เดิมแล้วหันมาโอดโอยกับสภาพร่างกายที่ไร้ชีวิตชีวาของตัวเอง


                “คุณกีฮยอนบอกว่าวันนี้มีสถานที่ที่เรียกว่าสวน.. สวนสนุกเปิดตอนกลางคืน”


                “สวยสนุก? ล็อตเต้น่ะนะ”


                “นั่นแหละ”เขารีบพยักหน้าก่อนจะทำท่าครุ่นคิด “มีสิ่งที่เรียกว่าขบวนพาเหรดจัดแสดงในวันนี้ ที่นั่นไกลจากบ้านเราหรือเปล่า”


                “ไม่ไกลเท่าไหร่ ครึ่งชั่วโมงก็ถึงแล้ว”


                “เราไปกันไหม”


                “เราควรจะไปเหรอ”ผมถามด้วยความไม่แน่ใจ “ทั้งที่พี่มินฮยอกกำลังแย่เนี่ยนะ”


                วอนโฮพยักหน้า จ้องผมอย่างจริงจัง “เราควรจะไป เพราะสถานที่นั้นน่าจะทำให้ความรู้สึกของฮยองวอนดีขึ้น”


                “แต่..”


                “ตอนนี้คุณมินฮยอกอาการดีขึ้นมาแล้ว แต่คนที่กำลังแย่คือฮยองวอนต่างหาก”


                ผมเม้มปาก ช่างใจ และในที่สุดก็เชื่อเขา ทำให้ตอนนี้เราสองคนมายืนอยู่หน้าเครื่องเล่นระรานตา มันนานมากแล้วที่ผมไม่ได้มาสวนสนุก แล้วยิ่งไปตอนกลางคืนผมไม่เคยมาสักครั้ง เหมือนว่าเราสองคนจะพลาดขบวนพาเหรดไป แต่ไม่เป็นไร ยังมีเวลาเล่นเครื่องเล่นอีกสองชั่วโมง


                คนข้างๆผมดูจะตื่นตาตื่นใจไม่น้อย แน่ล่ะ เขาไม่เคยเจออะไรแบบนี้มาก่อน ขนาดผมยังตื่นเต้นนับประสาอะไรกับผู้ชายในอดีตสองร้อยกว่าปีอย่างวอนโฮ


                “นี่มันสวยอะไรแบบนี้”


                “หึๆ สวยกว่านี้อีกถ้าเราทันพาเหรด”ผมบอกเขา


                “เสียดายที่ไม่ทัน”วอนโฮพูด จู่ๆก็ขมวดคิ้วเมื่อได้ยินเสียงกรีดร้องจากคนบนเครื่องเล่น “พี่ไม่แน่ใจ ว่าการมาที่นี่จะทำให้ฮยองวอนดีขึ้นหรือแย่ลง”


                “ทำไมอ่ะ”


                “คนพวกนั้นกำลังมีความสุข หรือกำลังทุกข์ทรมาน ทำไมพวกเขาถึงกรีดร้องแบบนั้น”


                ผมหลุดหัวเราะทันทีเมื่อได้ยิน “ถ้าอยากรู้ว่าพวกเขารู้สึกยังไงก็ต้องลอง ไปกันเถอะ”


                หลังจากนั้นเราก็ตระเวนเล่นเครื่องเล่นกันอย่างไม่หยุดพัก ผมเองไม่ใช่คนชอบขึ้นเครื่องเล่นนะ แต่พอได้ขึ้นแล้วได้กรี๊ดออกมาแบบไม่แคร์สายตาใคร เรื่องที่อยู่ในใจมันก็โล่งได้เหมือนกัน


                ส่วนอดีตองครักษ์คนเก่งน่ะเหรอ ลงจากเครื่องเล่นแรกๆถึงกับเซทรงตัวไม่อยู่เลยทีเดียว แต่เขาปรับตัวเร็วกับทุกเรื่องจริงๆ เพราะหลังจากนั้นสักพักเขาก็สนุกไปกับมัน จนกระทั่งมาถึงอย่างสุดท้ายที่เรายังไม่กล้าเล่น


                “ในนั้นคืออะไรเหรอ ทำไมรูปร่างไม่เหมือนเครื่องเล่นอย่างอื่นเลย”


                ผมหันไปมองตามที่วอนโฮชี้ก่อนจะเกาหัว “อ่า เขาเรียกว่าบ้านผีสิงน่ะ”


                “ผี? วิญญาณน่ะเหรอ”


                “ไม่ใช่ๆ คือในนั้นจะมีหุ่น หรืออะไรน่ากลัวๆอยู่น่ะ”ผมอธิบายสั้นๆ “เอาเป็นว่าเราพอแค่นี้แล้วกลับบ้านกันดีกว่า”


                “ไม่เอาสิ ต้องเล่นให้ครบทุกอย่างนะ”


                “แต่ว่าฉัน..”


                “หรือว่าฮยองวอนกลัวเหรอ”


                “บ๊า”ผมปฏิเสธเสียงหลง “กลัวอะไร ฉันจะกลัวทำไมเล่า ของแค่นี้เอง”


                “ถ้างั้นก็ไปกันเถอะ”


                ไม่พูดพร่ำทำเพลง วอนโฮหันมาคว้าข้อมือผมเลยพาเดินดุ่มๆเข้าไปข้างในทันที อยากตบปากตัวเองอีกแล้ว ไม่กลัวบ้าอะไร แค่อยู่หน้าทางเข้าก็ขาสั่นแล้วเนี่ย ดีนะที่มีคนกลุ่มใหญ่กำลังเดินเข้าไป อีกอย่างมีมือของวอนโฮที่จับเอาไว้ซะแน่น มันเลยพอทำให้คลายความกลัวลงไปได้บ้าง


                บรรยากาศในบ้านผีสิงก็วังเวงอยู่แล้ว ไม่ทราบว่าคนคุมจะบิ้วไปทำเพื่อ เปิดไอ้เสียงหลอนๆทำไมวะครับ แค่บรรดาหุ่นผีหน้าเละๆนี่ยังไม่สาแก่ใจกันใช่ไหม โหดร้ายเกินไปแล้ว


                “นะ นี่ อย่าปล่อยมือนะ”ผมพูดกับคนที่กำลังเดินนำหน้า “มันมืดอ่ะ เดี๋ยวนายหลง”


                “ได้ๆ พี่จะไม่ปล่อย”


                ไม่ได้กลัวเขาหลงหรอก ที่จริงคือตอนนี้ผมกลัวมาก มากจริงๆ


                “กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด”


                “ว๊ากกกกกกกกก”


                เมื่อได้ยินเสียงกรี๊ดของผู้หญิงกลุ่มข้างหน้า ผมก็ร้องว๊ากออกมาบ้าง เกิดความชุลมุนวุ่นวายชั่วขณะ เมื่อไอ้ผีที่นอนอยู่กลับลุกขึ้นมาวิ่งไล่ มีใครสักคนมาชนทำให้มือของวอนโฮหลุดออกไป ผมเองก็สติแตกวิ่งย้อนกลับไปทางเดิม ให้ตายเถอะ ผมไม่น่าเข้ามาเลย


                กลัวแล้วโว้ยยยยยยยยยยยยยยยยยย


     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

     

                -HOSEOK-


                ผมถูกคนกลุ่มใหญ่ดันตัวออกมาเรื่อยๆจนถึงทางออก นั่นทำให้ผมเพิ่งรู้ว่าฮยองวอนไม่ได้ตามออกมาด้วย ผมพยายามมองหาและยืนรออยู่สักพักก็ยังไม่เห็น ก็เลยวิ่งย้อนกลับเข้าไป


                ตอนนี้ข้างในเงียบสงัดมากกว่าเก่า เพราะไม่มีผู้คนอยู่ในนี้อีกแล้ว ผมได้ยินคนข้างนอกพูดกันว่าพวกเราเป็นกลุ่มสุดท้าย เพราะสวนสนุกกำลังจะปิด แล้วฮยองวอนไปไหนล่ะ จะโทรหาก็ไม่ได้ เพราะฮยองวอนไม่ได้เอาโทรศัพท์ออกมาด้วย


                “ฮยองวอน!!! ฮยองวอน!!!!!!


                ผมวิ่งไปตะโกนเรียกอีกคนไป ในใจเต็มไปด้วยความเป็นห่วง ตอนที่อยู่ในนี้ฮยองวอนกลัวมากจริงๆ ถ้ายังอยู่คนเดียวในนี้จะต้องแย่แน่ๆ


                “ฮยองวอน!!!!!


                “วะ วอนโฮ”


                ผมหันไปตามที่ได้ยิน เสียงสั่นๆกำลังเรียกผม ในนี้มืดมากกว่าเดิมอาจเป็นเพราะเขาปิดไฟแล้ว ต้องกาศัยเพียงแสงจากข้างนอกที่ส่องเข้ามา


                “ฮยองวอน อยู่ไหน”


                “ยะ อยู่นี่ ฉันอยู่นี่”


                ผมถอนหายใจอย่างโล่งอก ที่เดินไปเจอกับร่างสูงกำลังนั่งกอดเข่าคุดคู้อยู่ในมุม “ตกใจแทบแย่”


                “ฉันตกใจกว่านายอีก ให้ตาย ทำไมปล่อยฉันไว้คนเดียว”


                “ขอโทษนะ”ผมพูดพลางย่อตัวลงไปนั่งอยู่ข้างหน้า “กลัวมากไหม”


                “ไม่ได้กลัว แค่ตกใจต่างหาก”


                ผมแอบหัวเราะคนปากแข็ง ไม่กลัวแต่ตัวนี่สั่นเชียว “ไปกันเถอะ ที่นี่เขาจะปิดแล้วนะ”


                “อืม..”


                ผมลุกขึ้นยืน ส่งมือให้ฮยองวอน มือเรียวเอื้อมมาจับผมก่อนจะลุกขึ้น แต่ก็ทรุดลงไปอีก ผมเลยรีบประคองอย่างตกใจ “ฮยองวอน”


                “วอนโฮ”


                “หืม”


                “ไม่ไหวอ่ะ”


                “????”


                “กลัวมากเลย ก้าวขาไม่ออกแล้วววววววววว ช่วยด้วย”


                คราวนี้ผมหัวเราะเสียงดังกว่าเดิม โดยฮยองวอนมองตาเขียว ผมเลยรีบกลั้นเต็มที่ “คราวหลังถ้ากลัวก็บอกกันมาตรงๆสิ”


                “บอกแล้วก็หัวเราะใส่แบบนี้อ่ะเหรอ”


                “ก็ถ้าบอกแต่แรก คงไม่เข้ามาไงครับ”ผมพูด แล้วเปลี่ยนเป็นย่อตัวลง หันหลังให้เขา “กลับบ้านกันนะ”


                “เฮ้ย ไหวเหรอ”


                “สบายอยู่แล้วน่า”


                “หลังหักไม่รับผิดชอบนะ”


                “ไม่หักแน่นอน”


                หลังยืนลังเล ผมก็เห็นฮยองวอนเดินมาใกล้ก่อนจะโน้มตัวมาที่หลัง ผมเลยลุกขึ้นยืน แล้วก้าวเดินไปข้างหน้า ถึงจะสูง แต่ฮยองวอนตัวบางจะตาย


                “ขอโทษนะ ทำให้นายต้องลำบากอยู่เรื่อย”


                “ลำบากกว่านี้ก็โอเค ถ้าเพื่อฮยองวอนน่ะ”


                “...”


                “บอกแล้วไง ว่าจะดูแลให้ดีที่สุด”


                ผมจะต้องทำตามที่ผมได้บอกเอาไว้ ฮยองวอนจะต้องปลอดภัย หากผมยังมีชีวิตอยู่




































    องครักษ์ชินเขาแบกไหวอยู่แล้วล่ะแช ไม่ต้องกังวลว่าหลังจะหัก


    #องครักษ์ชิน

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×