ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    หัวเขิ่ง แอนด์ ขอด ซ่า / แสบ / สุข

    ลำดับตอนที่ #1 : Chapter 1. Chameleon

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 34
      1
      9 ก.พ. 56

    วันนี้บักหัวเขิ่ง และ บักขอด ตื่นกันตั้งแต่เช้าตรู่ เพราะมีนัดรวมพล โดยมีสมาชิกภาคีเข้าร่วมด้วยอีกสองหน่อ คือ บักอี๊ด  และ  บักสี พูดถึงบักสีแล้ว  ก็นึกถึงความตลกจากการติดอ่างของมัน  เอาไว้เล่าให้ฟังคราวหน้า  เอาเป็นว่าตอนนี้  บักสี  เป็นคนพูดติดอ่าง ก็พอ   หน้าที่หลักของภาคีนี้คือ การนำควาย ไปเลี้ยงที่ทุ่งนา ซึ่งถ้าเทียบกันกับเด็กในเมืองในยุคปัจจุบัน ก็คงประมาณกลุ่มเด็กแว๊น อะไรประมาณนั้น เพียงแต่พาหนะที่ใช้ช่างแตกต่างกันยิ่งนัก    กลุ่มเด็กในเมือง ใช้มอ’ไซค์แว๊น แต่บักหัวเขิ่งและผองเพื่อน ใช้  ควายแว๊น   และสิ่งของคู่กายที่ขาดไม่ได้คือ ถุงย่าม คนละใบ ข้างในจะบรรจุไปด้วย ลูกหิน ซึ่งหาได้ง่ายตามข้างถนนลูกรังหน้าบ้าน    ถ้าอารมณ์ไฮโซขึ้นมาหน่อยลูกหินธรรมดาอาจไม่สมกับฐานะหน้าตาและเวลาว่าง  ลูกหล่อ  คือทางเลือกที่ดีที่สุด  ถ้าอยากมี  ลูกหล่อ  ไว้เพิ่มบารมีนั้นไม่ยาก  ไม่ต้องดิ้นรนไปให้เกจิอาจารย์ชื่อดังปลุกเสก เผื่อบางทีเสกต้องการพักผ่อนเนื่องจากการทำงานหนัก ถือว่าเป็นเป็นมารยาทที่ดี ไม่รบกวนคนกำลังนอน  แฮ่ม!  ถ้าอยากได้ลูกหล่อจริงๆ ต้องไปที่วัดแต่อย่าลืมว่า  ขนาดเสกเรายังไม่ปลุก ดังนั้นอย่าได้ไปคิดจะปลุกหลวงพ่อล่ะ  แค่เดินไปที่สระวัดเดินลงไปเกือบจะถึงน้ำ  ก็จะพบวัตถุดิบที่จะนำมาทำลูกหล่อ  นั่นคือ ดินเหนียว  จากนั้นก็นำดินเหนียวปั้นเป็นก้อนกลมเล็กๆ พอประมาน  เพื่อใช้ทำกระสุนหนังสติ๊ก ตากแดดให้แห้ง  ก็จะได้ลูกหล่อไว้ใช้งาน  ข้อควรแนะนำคือควรจะปั้นตอนที่ดินยังไม่แห้ง  เพราะถ้าดินแห้งจากดินเหนียวจะเปลี่ยนสถานะเป็นดินแข็ง ทำให้ยากต่อการปั้นให้กลม และจะกลายเป็นลูกหล่อที่ไม่หล่อ  ของในย่ามชิ้นต่อมาแน่นอนว่าต้องเป็นห่อข้าวเหนียว ใครมีกับข้าวอะไรก็นำมาแต่ที่ขาดไม่ได้ต้องเป็น ปลาแดกบอง ฝีมือยายนวย ซึ่งเป็นที่ยอมรับกันอย่างเป็นเอกฉันท์แล้วว่า ปลาแดกบองยายนวยแซ่บที่สุดในจังหวัดหนองมะเขือโดยเฉพาะตอนกินกับ   มะม่วงกะล่อน  ลูกอ่อนกำลังดี   ถ้านึกภาพมะม่วงกะล่อนไม่ออก Google ช่วยได้   นึกถึงกี่ทีก็น้ำลายไหล สำหรับผู้ที่รอภาพดาวน์โหลดจากจาก Google อนุญาตให้น้ำลายไหลก่อนล่วงหน้าได้   สิ่งสุดท้ายที่นำไปด้วยย่อมหนีไม่พ้น iPad ?  จะบ้ารึไงเล่า สมัยนั้นมี iPad ที่ไหนกัน   M79? แรงไปสำหรับเด็ก   เข้าสาระเลยดีกว่า   ก็   หนังสติ๊ก   นั่นไง

                    เมื่อของพร้อม  กายพร้อม  ใจพร้อม และ  ควายพร้อม  ทั้งสี่หน่อ ออกเดินทางตั้งแต่เช้า เป้าหมายคือนาปู่แผน ซึ่งอยู่ติดกับลำห้วย   ที่ซึ่งอุดมสมบูรณ์ด้วยอาหารควายและอาหารคน  อย่างไม่ต้องสงสัย แต่ถ้าจะสงสัยก็ไม่มีใครห้ามนะ

    “บักอี๊ด กูถามมึงหน่อย   เป็นหยังมึงคือย่านขี้กะปอมวะ?”   บักขอดถามขึ้นเพราะความสงสัยตรงที่ว่า บักอี๊ดมันกลัวกิ้งก่า   แต่บักอี๊ดก็ไม่ยอมพลาดสักครั้ง ถ้ากิ้งก่าตัวนั้นกลายเป็น ผัดกะเพรา   พูดง่ายๆคือ กลัว แต่ กิน

    “กูกลัวหนังมัน แต่เวลาผัด หรือปิ้ง พวกสูลอกหนังมันออกแล้ว กูเลยไม่กลัว  แต่กูพยายามทำใจให้เลิกกลัวหลายครั้งแล้วโดยใช้ความแซ่บของมันมาเป็นเหตุผลหักล้าง  แต่ทำใจบ่ได้สักที”   คำตอบของบักอี๊ดชัดเจนกว่านักการเมืองของประเทศแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้บางประเทศซะอีก   ที่ตัวเองกิน ยังหน้าด้านบอกว่าไม่ได้กิน   

    ระหว่างทาง ควายก็แทะเล็มหญ้า ส่วนสายตาของพวกเด็กๆ   ต่างสอดส่อง ไปตามต้นไม้ที่อยู่ในระยะสายตา เพื่อเสาะหาบางสิ่งที่ต้องการ มองไกลๆ เหมือนทหารสี่นาย คุ้มกันควายของพวกเขาออกจากสนามรบ ไม่นานนักก็ได้ยินเสียงคนหนึ่งตะโกน

     “บัก ก่า!!”  

    ทุกสายตาต่างเบนเป้ามาหาเจ้าของเสียงอย่างพร้อมกัน

    “อยู่ต้นไหนอี๊ด?”    บักขอดถามเจ้าของเสียง

    “ต้นตะโกนั่นเด๋    เห็นบ่นั่นน่ะ ผงกหัว งึกๆ อยู่นั่น ”   บักอี๊ดบอกพร้อมชี้นิ้วไปยังเป้าหมาย

    “อ้อมๆๆ”   คำสั่งจากนายพลหัวเขิ่งสั่งการให้สมาชิกกระจายกำลังพลล้อมต้นตะโกไว้  เมื่อทุกคนประจำตำแหน่ง ก็ไม่ต้องรอคำสั่งยิงให้เสียเวลา กิ้งก่า ตัวสีเขียวแกมน้ำเงิน  (สามารถเปลี่ยนได้ตามความพอใจของมัน โดยไม่แคร์ว่าพวกเด็กๆจะพอใจหรือเปล่า)  ขนาดเขื่อง ถูกล้อมไว้ด้วยกองกำลังที่มากกว่า จนปัญญาที่จะหลบหนี ไม่ว่ามันจะ เพียก (เบี่ยงตัว) ไปทางไหนก็เจอยิง  ไม่ว่าด้วยลูกหินหรือลูกหล่อมันก็คงไม่ชอบทั้งนั้น ทางที่มันทำได้คือ ขึ้นไปให้สูงที่สุด ส่วนทางฝั่งกองกำลังติดอาวุธ เห็นว่า ระยะห่างระหว่างพื้นดินที่พวกเขายืน กับ กิ้งก่าตัวนั้น ช่างอยู่ห่างกันเหลือเกิน ยากที่พวกเขาจะเอื้อมถึง (ชักจะเหมือนละครหลังข่าวยุคนี้ไปแล้วแฮะ) ทั้งหมดจึงถอดใจ เลิกใช้กระสุนอย่างสิ้นเปลือง  เมื่อต้องการประหยัดกระสุนก็ต้องหาวิธีการอื่นมาจัดการแทน

    “บักสี  มึงขึ้นตามกะปอมเลย  มึงขึ้นต้นไม้เก่งสุดในนี้แล่ว”  นายพลหัวเขิ่ง สั่งการ อีกครั้ง

    “ดะ ดะ ดะ ได้  เดี๋ยว ถะ ถะ ถะ  ถอดเกิบก่อน   สะ สะ สะ สูอยู่ข้างล่าง  บะ บะ บะเบิ่งดีๆเด้อว่ามันสิดะ ดะ ดะ โดดไปทางใด๋”    พูดจบบักสีก็ถอดรองเท้า ปีนขึ้นต้นตะโกอย่างรวดเร็ว ประมาณ 4 นาที ก็เข้าใกล้เป้าหมาย   ทันใดนั้น กิ้งก่าตัวใหญ่   ก็กระโดดจากต้นไม้  ซึ่งนับว่าสูงพอสมควร และราวกับว่ามันรู้ว่าใครกลัว หนัง มัน  แน่นอน มันโดดไปทางบักอี๊ด   ขณะกิ้งก่าลอยอยู่กลางอากาศ เพื่อนๆ ต่างร้องบอกให้บักอี๊ด ใช้มือรับ ส่วนบักอี๊ดก็ไม่รู้จะทำยังไงดี ถ้าจะปล่อยไป ก็กลัวเพื่อนด่า เพราะบักสี อุตส่าขึ้นต้นไม้ไล่กิ้งก่าลงมา  ครั้นจะจับกิ้งก่าไว้ ก็กลัวหนังมันเหลือเกิน ทำไงดี? ทำไงดี?  มันตกลงมาจะถึงแล้ว ทำไงดี?

     “ย๊าก!!!”   เสียงอี๊ดดังลั่น พร้อมกับการกระเด็นไปคนละทางของกิ้งก่า ผู้ที่เหลือ   คนหนึ่งวิ่งไปทางที่กิ้งก่ากระเด็น    ส่วนอีกคนวิ่งไปรับบักสีลงจากต้นไม้    แล้วบักอี๊ดล่ะ?

    “ตายแล่ว!!!”   เสียงคนหนึ่งตะโกนแจ้งข่าวเพื่อนๆ  “เลือดออกปาก  ตาถลนเล้ย!!”   เมื่อได้ยินดังนั้นทุกคนต่างพากันวิ่งไปยังเจ้าของเสียง  เห็นบักขอดยกกิ้งก่าขึ้น พร้อมกับเสียงหัวเราะของเพื่อนๆ 

    “บักปอบนี่ บ่กล้าจับ แต่มัน วอลเล่ย์ ซะเต็มข้อเลย”    บักหัวเขิ่งวิ่งไปกอดคอบักอี๊ด แล้วทุกคนก็หัวเราะขึ้นพร้อมกัน และออกเดินทางไปยังจุดหมาย ไปพร้อมกับ เป้าหมายระหว่างทาง กว่าจะถึงจุดหมายก็เกือบเที่ยง พร้อมกับ กิ้งก่าที่ได้มาเป็นอาหารเที่ยง ประมาณยี่สิบตัว เพียงพอต่อคนสี่คน โดยกับข้าวมื้อนี้คือ ปิ้งกะปอม  กินกับปลาแดกบองยายนวย มีผักกระโดนต้นข้างห้วยเป็นผักแกล้ม เมนูนี้ ได้รับความนิยมตามเคย คนอิ่ม ควายอิ่ม แต่คนต้องพาควายมาเข้าร่มก่อน   ควายนอนเคี้ยวเอื้องให้สบายใจ ส่วนคนทั้งสี่ก็เล่นน้ำเย็นๆ ให้สบายใจ  สุขทั้งคนและควาย เลยทีเดียว

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×