ข้อมูลเบื้องต้น
ทักทายท่านผู้อ่านทุกท่านด้วยครับ กระผม "แมวนักล่า"
หลังจากที่เขียนนิยายเรื่อง "ขอให้เป็นเพียงแค่ฝันร้าย" จบลง 1บทเป็นตอนทั้งหมด10ตอนมาครั้งนี้
กระผมคิดว่าจะเว้นช่วงเขียนนิยายที่เป็นมือใหม่ไว้ก่อน และ เริ่มเขียนแนวสารคดีที่เคยเขียนมาใน
ช่วงหนึ่งของชีวิตดูครับ เรื่องที่จะเขียนเป็นเรื่องจริงจากประสบการณ์ชีวิตที่ได้ไปรู้ ไปเห็น และอยู่
ในเหตุการณ์นั้นด้วยตนเอง ดั่งนั้นบ้างครั้งอาดไม่ใช่เรื่องที่สวยงามแต่ก็เป็นอีกมุมมองหนึ่งของชีวิต
ที่คุณและใครหลายคนอาจไม่เคยรู้
เรื่อง " เราเป็นพราน มิ ใช่ผลาญ "
เมื่อครั้งหนึ่งในชีวิตพรานของผมในวัย23ปีหรือเมื่อ7ปีที่แล้ว ได้มีญาติผู้ใหญ่ท่านหนึ่งเป็นคุณลุงของผมที่อาศัยอยู่ที่ จ.ชุมพรโทรมาเมื่อให้เราไปตั้ง"บังไพร"(ความหมายของคำผมได้ลงไว้ท้ายเรื่อง) ผมตอบตกลง และรีบปั่นจักรยานแม้บ้านจากอนุเสาวรีชัยไปขนส่งหมอชิดโดยมีเพียงมีดพับ,คันธนูและลูกศรกับเสื้อผ้าเปลียนเเพียงชุดเดียวเท่านั้น พอถึงขนส่งก็ทำการล๊อกจักรยานไว้ที่นั้นและตีรถไปชุมพรทั้นที เมื่อไปถึงบ้านของคุณลุงก็เป็นเวลา15.00โดยประมาณ คุณลุงก็ช่วนผมเดินรัดเข้าบริเวรชายป่าอย่างไม่สนใจจะให้ผมพักแม้แต่น้อย แต่ไปถึงจุดที่คุณลุงเคยดูทางไว้ให้แล้วพวกเราทั้งสองก็ทำการสร้างบังไพรอย่างง่ายๆจากกิ่งไม้ใบหญ้าที่อยู่บริเวรนั้นขึ้นมา จากนั้นก็ทำการกินอาหารที่เตรียมไปแบบพร้อมกินอย่างพวกขนมปั่งและน้ำกระป๋องเพื่อหลีกเลี่ยงการจุดไฟ จากนั้นเราก็ตกลงกันว่าเป้าหมายของเราครั้งนี้ คือสัตว์เล็กพวกกระต่ายหรือหนูไม่ก็ไก่ป่าเท่านั้นหากเจอสิ่งอื่นเข้ามาให้ทำเฉยๆเสียโดยผมและคุณลุงจะเป็นคนสลับกันยิงและสลับกันส่องไฟ พอเราตกลงกันได้แล้วก็ทำได้แค่รอเวลาใจฟ้าเริ่มมืด......
ในคืนในตอนหัวค่ำเราได้ไก่ป่ามาสองตัว จากนั้นทุกอย่างก็เข้าสู่ความเงียบขนาดเข็มตกยังได้ยินเป็นเวลานานเท่าไรมิมีใครทราบ ในความมืดผมค่อยๆลืมตาขึ้นมาพร้อมจับคันธนูไว้แน่น พอผมหันหน้ามาทางคุณลุงก็รู้ว่าท่านรู้ตัวแล้วว่ามีบางอย่างผิดปกติ ภายในความมืดข้างหน้าเรามันมีเสียงการเดินที่มีน้ำหนักทำให้รู้ทั้นทีว่ามันไม่ใช่สัตว์ขนาดเล็ก และดีที่มีเสียงหนึ่งที่มาจากทางมันทำให้เราจำแนกได้ว่ามันคือสัตว์ชนิดใด มันคือหมูป่านั้นเอง และจากการฟังเสียงเป็นข้อมูลแล้วขนาดตัวน่าจะประมาณ20-30กก.น่าจะเป็ยหมูป่ารุ่นเต็มวัยแล้วที่แยกออกมาหากินเพราะเจ้าของเสียงมีแค่หนึ่งเดียว ผมกับลุงเข้าใจกันดีว่าควรปล่อยมันไปซึ่งมันก็น่าจะเป็นเช่นนั้นเพราะเราตกลงกันแล้วว่าจะเอาแค่สัตว์เล็กแค่พอกินการทำลายชีวิตของคนอื่นเกิดความจำเป็นหรือเพื่อความบันเทิงนั้นไม่ใช่พรานเป็นแน่ สิ่งที่พวกเรากำลังจะทำอาดขัดต่อหลักการการล่าสัตว์เล็กน้อยในเวลากลางคืน เพราะผมจะทำการเปิดไฟพร้อมกับคุณลุงที่ถือกล้องเตรียมตัวถ่ายรูปที่แสนจะเป็นประสบการณ์ที่ดีในการเห็นหมูป่าใกล้ๆเช่นนี้ ซึ่งเราต่างก็รู้ว่าหากทำเช่นนั้นก็มีโอกาสที่ป่าจะตื่นแล้วเราอาจจะไม่สามารถพบสัตว์อะไรเลยที่จะเข้ามาเป็นเป้าหมายให้เราอีกตลอดทั้งคืน และแล้วเมื่อทำการถ่ายภาพเส็จทุกอย่างก็เป็นไปตามที่คิดไว้ เจ้าหมูตื่นตกใจพร้อมกับการร้องและวิ่งหนีของมัน ทำให้เกิดเสียงใบไม้ใบหญ้าดังขึ้นเสียงนกเสียงได้ตีปีกบินกันอย่างตกใจเหมือนมันกำลังหลับอยู่ดีๆแล้วมีคนเปิดเพลงของโจอี้บอยเข้าหู
เมื่อทุกอย่างกลับมาสงบอีกครั้งผมกับคุณลุงก็ออกมาจากบังไพร พร้อมมองดูเวลาเป็นเวลาตี2กว่าๆ เราสองคนทำการก่อกองไฟและต้มกาแฟดื่มกันจากนั้นผมก็ทำการถอดขนไก่ที่ได้มาและเอาเครื่องในออกเพื่ือทำการ"รมควัน"ซึ่งเป็นการถนอมเนื้อสดในรูปแบบหนึ่ง ส่วนเครื่องในทีนำไปทิ้งผมก็นำไปโยนไว้ในห่างจากที่พักของเราพอสมควรเพื่อให้พวกนักกินซากกินไปไม่ต้องสนใจทางเรา เพราะในเมื่อเราหิวได้สัตว์มันก็หิวได้เช่นเรา เราหากินมันก็หากินเช่นเราเรียกว่าแบ่งกันกินแบ่งกันใช้ พอนั้งหลับกันจนฟ้าเริ่มมีแสงเราก็เดินทางกลับโดนเมื่อถึงบ้านคุณลุงเจ้าไก่สองตัวที่ได้มาผมก็ทำการนำมาผัดแบบแกงสับ เพื่อกินเป็นอาหารเช้าก่อนที่ผมจะเดินทางกลับกทม.ในเวลาต่อมา ปล. หลังจากที่ผมถึงหมอชิดแล้วไปดูจักรยานตัวเองที่จอดไว้ก็พบว่ามีมือดีไปเล่นกริ่งจักรยานผมจนไม่มีเสียงเลย ไอ้คนระยำประเภทนี้นี่มันน่าจะพาไปเข้าป่าเพื่อดัดสันดานจริงๆเลย
คำเฉพาะและความหมาย
บังไพร คือ สิ่งที่มนุษย์สร้างขึ้นมาเพื่อจุดประสงค์ที่จะใช้ในการ ปิดบังตัวเองไม่ให้สิ่งมีชีวิตอื่นเห็นและรู้ตัวและเป็นที่พักที่ทำง่ายๆใช้เวลาสร้างน้อยแก่นักเดินป่า เพื่อประโยคในการล่าสัตว์ ติดตามชีวิต หรือถ่ายภาพ โดยทั่วไปจะสร้างด้วย กิ่งไม้ ใบไม้ ต้นหญ้า ที่อยู่บริเวณนั้น อาดทำเป็นทรงสี่เหลี่ยม หรือสามเหลี่ยมก็ได้แล้วแต่การใช้งาน แต่ต้องมีความกว้างมากพอที่จะเข้าไปอยู่และเคลื่อนที่ใน "บังไพร"
พอสมควร อย่างไรก็ดีในสมัยนี้ในต่างประเทศและในประเทศไทยกิจกรรมแนวเข้าป่าได้รับความนิยม
มากขึ้นทำให้มีการผลิต "บังไพร"แบบผ้าใบสำเร็จรูปออกมาจำหน่าย
ความคิดเห็น