คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : CH02 :: 02:00
02:00
...เอาไงล่ะทีนี้
เป็นคนโดนเทอยู่ดีๆ ก็ดันมีภาระเป็นใครก็ไม่รู้ จะทิ้งไว้ตรงนี้ก็ทำไม่ได้เพราะนิสัยไม่ได้แย่ถึงขนาดนั้น
หรือจะกลับเข้าไปในร้านก็น่าจะโดนไล่ออกมาเพราะเปียกไปทุกอณูรูขุมขน
กลับก็ได้วะ
ว่าแต่ว่า...
ผมต้องเอาคนคนนี้ไปที่ไหนล่ะ?
“เฮ้นาย”
ร้องปลุกพลางตบแก้มที่ขึ้นสีจัดด้วยฤทธิ์แอลกอฮอล์เพื่อปลุกคนหลับทั้งยืนแต่ก็ไม่ได้ผลจนล้มเลิกความพยายาม
...หอกูก็ได้วะ
หันซ้ายหันขวาก็มองไม่เห็นวี่แววว่าจะมีแท็กซี่ผ่านมาเลยสักคัน
ก็แหงล่ะนะ ฝนตกหนักขนาดนี้เขาคงไม่ออกมาวิ่งรถกันหรอกมั้ง
หยิบโทรศัพท์ตัวเองขึ้นมาอีกครั้ง
กดแอปพลิเคชันเรียกรถเจ้าดังอย่างทุลักทุเลเพราะมืออีกข้างก็ต้องกอดร่างคนที่หลับทั้งยืนเอาไว้กันไม่ให้อีกคนลงไปกองกับพื้น
ไม่นานรถที่เรียกผ่านแอปฯ
ก็มาจอดอยู่ตรงหน้า
แต่พอยัดตัวเองเข้าไปนั่งในรถเรียบร้อยแล้วนั่นแหละถึงได้รู้ตัวว่าตัวเองน่าจะไปทำให้เจ้าของรถไม่พอใจแน่ๆ
ก็แหม
ตัวเปียกขนาดนี้ไปขึ้นรถเขาไม่โดนไล่ตะเพิดลงจากรถก็บุญเท่าไหร่แล้ว ดีหน่อยที่เบาะรถเป็นหนังไม่อย่างนั้นอาจจะมีการไล่กันเกิดขึ้นของจริง
แต่ถึงยังไงคนขับก็แอบมองหน้าผมแบบไม่สบอารมณ์ผ่านกระจกมองหลังเป็นระยะๆ อยู่ดี
แหะ
ท่ามกลางความกดดันและเสียงกรนเบาๆ
ผมก็ได้แต่นั่งพิมพ์ส่งข้อความกลับไปหาเหล่าผองเพื่อนและรุ่นพี่แต่ก็ไม่มีใครรับสายหรือเปิดอ่านข้อความของผมสักคน
ไล่ทักไล่โทรทีละคนจนหวยออกที่คริส
และระหว่างที่พิมพ์ส่งข่าวให้เพื่อนเหมือนจะเพิ่งฉลาดที่นึกขึ้นมาได้ว่าตัวเองก็มีรถ
แต่ก็ดันทิ้งไว้ที่ร้านซะแล้ว
ฝากมันเอารถกลับให้ก็แล้วกัน...
‘Crystal royal:
แล้วกุญแจรถมึงอยู่ไหน’
‘skyyy: กุญแจรถกูก็ต้องอยู่ที่กูสิ’
‘Crystal royal:
ไอ้ควาย แล้วกูจเอารถกลับให้มึงยังไงมิทราบ’
อืม
นั่นแหละ สงสัยแอลกอฮอล์ทำให้ผมโง่ชั่วคราว
ไม่นานที่ต้องทนอยู่ในรถที่เต็มไปด้วยบรรยากาศมาคุก็ถึงจุดหมายปลายทาง
หยิบเงินจากกระเป๋าด้วยจำนวนที่มากกว่าค่าโดยสารจริงนิดหน่อยด้วยหวังว่าพี่คนขับจะเลิกมองหน้าอาฆาตกันสักที
หลังจากพาสารร่างคนหลับลึกฉิบหายมาจนถึงห้องตัวเอง
ทิ้งร่างคนซ้อมตายไว้ตรงโซฟาหนังก่อนเข้าไปขุดเสื้อผ้าตัวเองออกมาสองชุดสำหรับตัวเองและใครก็ไม่รู้ผู้เป็นภาระด้วยความแส่หาเรื่องของตัวเอง
...เฮ้อ
เกิดมายังไม่เคยดูแลใครขนาดนี้เลยนะ!
ครืด...
ทันทีที่วางชุดสำหรับเปลี่ยนให้ตัวเองกับคนหลับเป็นตายลงบนโต๊ะ
โทรศัพท์ของเจ้าตัวก็สว่างขึ้นมาด้วยสายเรียกเข้า
พอเอื้อมมือไปเขย่าตัวหมายจะปลุกให้เจ้าของเครื่องตื่นมารับสายแต่ก็เหมือนเปล่าประโยชน์
“ครับ”
มันเลยกลายเป็นผมแทนที่ต้องรับสายแล้วกรอกเสียงลงไป
[ใครน่ะ]
“เอ่อ
เจ้าของเครื่องหลับไปแล้วครับ ดูเหมือนว่าจะเมา” ตอบคำถามปลายสายพลางโน้มหน้าเข้าไปดมกลิ่นแอลกอฮอล์พิสูจน์กลิ่นในสิ่งที่ตัวเองพูด
[ตอนนี้เพื่อนผมอยู่ไหน
มันบอกผมว่าอยู่หน้าร้านนี่ ตอนนี้ผมอยู่หน้าร้าน ไม่ยักเห็นหัวมันเลย]
เอ่อ...
นี่ความผิดกูหรือเปล่าวะ ที่พาคนเมาออกมาจากจุดนัดพบกับเพื่อนตัวเองเนี่ย
“คือ
เพื่อนคุณบ่นง่วง บอกให้ผมพาไปนอนแล้วก็หลับไปดื้อๆ ผมก็เลย..”
[ถามจริง?
แล้วคุณพาเพื่อนผมไปนอนที่ไหนล่ะนั่น ห้องคุณเหรอ?]
“ครับ
แต่ผมพยายามปลุกเขามาถามทางแล้วนะ แต่เพื่อนคุณนี่ตื่นยากฉิบหาย” ตอบคำถามไปตามตรงแถมด้วยบ่นอีกนิดหน่อย
[ขอโทษแทนเพื่อนผมด้วยแล้วกัน
มันอดนอนมาสามวันติดแล้ว] อีกฝ่ายแจกแจงอธิบายให้ฟังถึงสาเหตุของการซ้อมตาย
โดยที่ผมได้แต่พยักหน้ารับรู้อยู่คนเดียวพลางเหลือบสายตามองคนที่อยู่บนโซฟาทำปากขมุบขมิบทั้งที่ยังหลับสนิท
จะว่าไปถ้าไม่มองดีๆ
ก็ดูไม่เหมือนคนอดนอนเลยนะ
[คืนนี้ผมรบกวนฝากเพื่อนผมไว้ที่ห้องคุณก่อนได้ไหม
ทิ้งมันไว้หน้าห้องน้ำก็ได้ ตอนนี้ผมขับรถไม่ไหวว่ะ
เจอด่านขึ้นมาค่าขนมผมไม่เหลือสักแดงแน่ๆ]
“ได้ครับ
ไม่มีปัญหาหรอก” ถึงเขาจะบอกให้ผมปล่อยเพื่อนตัวเองไว้หน้าห้องน้ำ แต่ผมก็คงไม่ใจไม้ไส้ระกำถึงขั้นที่จะทิ้งคนเมาแถมหลับเป็นตายไว้หน้าห้องน้ำให้เจ้าตัวเมื่อยหรอก
...อันที่จริงมันเกะกะนะ
เวลาผมจะใช้ห้องน้ำ
[ถ้าอย่างนั้นผมขอคอนแทกต์กับโลเคชั่นของคุณได้ไหม
เดี๋ยวพรุ่งนี้เช้าผมจะรีบเข้าไปรับมันกลับ]
บทสนทนาทางโทรศัพท์จบลงแค่ผมบอกคอนแทกต์ของตัวเองไปให้อีกฝ่ายเพิ่มเพื่อนเข้ามา
เพื่อที่ผมจะได้แชร์โลเคชั่นที่อยู่ตัวเองไปให้
‘หงส์’
ผมเอาแต่มองชื่ออีกฝ่ายบนหน้าจอนิ่ง
พลางคิดอะไรไปเรื่อยเปื่อย
ไม่ยักเคยเจอผู้ชายชื่อนี้เลยแฮะ...
ปล่อยความคิดไร้สาระไว้แค่นั้นก่อนกดออกจากแอปพลิเคชันสนทนาพลางเหลือบมองเวลาที่ใกล้เที่ยงคืนเข้าไปทุกที
“นาย”
พยายามปลูกคนเมาอีกครั้งแต่ก็เหมือนเดิม คือไม่มีปฏิกิริยาตอบรับอะไรเลย
แล้วจะปล่อยให้นอนทั้งเสื้อผ้าเปียกฝนแบบนี้ผมว่าคงปอดบวมตายคาห้องผมแน่ๆ
ผมสู้ผีไม่ได้นะ
เปลี่ยนจากชุดเปียกมาใส่เสื้อคลุมอาบน้ำแทน
ก่อนจะถอนหายใจเฮือกใหญ่หลังทำใจอยู่สักพักว่าตัวเองต้องไปเปลี่ยนเสื้อผ้าให้ผู้ชายด้วยกัน
ออกปากขอโทษกับคนไม่ได้สติแล้วเริ่มถอดเสื้อผ้าคนตรงหน้า
เหมือนจะง่ายที่อีกฝ่ายนิ่งสนิท แต่ก็ไม่ง่ายที่ผมรู้สึกสั่นกลัวขึ้นมาดื้อๆ
ความคิดในหัวกำลังตีกันยุ่งเหยิง
ฝั่งดีก็บอกให้ทำไปให้มันจบๆ ฝั่งเลวก๋เริ่มโวยวายว่านี่มันเรื่องอะไร
คู่นอนก็ไม่ใช่ทำไมกูต้องมาแก้ผ้าให้แม่งด้วย
แต่ก็ตีกับตัวเองแค่แป๊บเดียวเท่านั้นแหละ
สุดท้ายผมก็เปลี่ยนชุดให้อีกฝ่ายจนเสร็จเรียบร้อยอยู่ดี
ให้ยืมเสื้อผ้า
แต่กางเกงในไม่ให้ยืมนะโว้ย
แปะ!
ตบหน้าผากคนที่เริ่มจะส่งเสียงกรนเบาๆ
หลังจากแบกสารร่างของแม่งมาโยนทิ้งไว้ด้านหนึ่งของเตียง ถือซะว่าเป็นค่าแรง
ก่อนจะเก็บกวาดทุกอย่างให้เรียบร้อยและจัดการตัวเองบ้าง
กินเวลานานเอาเรื่องกว่าจะได้พาตัวเองมาซุกผ้าห่มอุ่นๆ
ท่ามกลางแอร์เย็นๆ
และแทนที่จะนอนผมก็กดแต่โทรศัพท์
เลื่อนหน้าจอไปมาอย่างไร้จุดหมาย ท่ามกลางความเงียบสงัดและแสงสลัวจากดวงจันทร์เล็ดลอดผ่านช่องว่างระหว่างม่านหนา
ช่วงเวลาที่ถูกอย่างสงบและตกตะกอนทั้งความคิดความรู้สึก
แรกเริ่มเคยหลอกตัวเองว่าไม่เป็นไร
ไม่ได้รู้สึกอะไรมากมายแค่การถูกคนคนหนึ่งทิ้งแบบไม่ไยดี
อาจจะเพราะตอนนั้นแผลยังใหม่มันเลยยังไม่ทันรู้สึก พอเวลาผ่านไปแค่อึดใจเมื่อรู้ตัวว่ามีแผลความเจ็บปวดก็แล่นปราดเข้าเล่นงานทันที
...ความรู้สึกแม่งพังไม่เหลือชิ้นดีเลยว่ะ
ยกมือขึ้นมามองท่ามกลางความมืดเงียบๆ
โดยอาศัยแค่แสงจันทร์ที่เจือจางสาดส่อง ปล่อยให้ความคิดจมดิ่ง
ในหัวเกิดคำถามว่าทำไม
สร้างเรื่องหลอกตัวเองมากมายว่านี่อาจจะเป็นแค่การเล่นตลก หรือการแกล้งกันแรงๆ
เอื้อมไปหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาอีกครั้งและกดเบอร์ที่คุ้นเคยแล้วโทรออก
...เพื่อฟังข้อความอัตโนมัติตอกย้ำแผลซ้ำๆ
แม่ง
แรงพลิกตัวจากคนที่นอนอยู่อีกฝั่งหนึ่งของเตียงเรียกสติที่กำลังจะหลุดลอยให้กลับมาพร้อมหันไปมองอัตโนมัติ
แต่ก็ต้องตกใจจนแทบหลุดปากร้องสบถ
เชี่ย!
ปากไม่หลุด
แต่ในความคิดหลุดไปแล้ว ไม่พลาดหรอก
ต่อให้ภายในห้องจะแสงน้อยจนไม่เอื้ออำนวยต่อการมองเห็นแค่ไหน
แต่เมื่อสายตาชินกับความมืด แล้วมันก็ไม่ใช่เรื่องยากอะไรที่ผมจะเห็นว่าคนที่คิดว่าเมาหลับจนไม่มีวี่แววว่าจะตื่นขึ้นมาคืนนี้กลับกำลังหันหน้ามาทางผม
มือทั้งสองประกบกันรองไว้ใต้หัว และตากลมคู่นั่นกำลังจ้องมองมาพลางกะพริบปริบ
“ร้องไห้เหรอ” เอ่ยถามเสียงเบา แต่ชัดเจนในความเงียบ
สิ่งที่ได้ยินทำให้ผมชะงักและเอามือแตะหน้าตัวเองทันที
สัมผัสเปียกชื้นบนหน้าทำให้ผมรู้ตัวว่ากำลังร้องไห้
ร้องไห้ทั้งๆ
ที่ไม่รู้ตัวเลยสักนิด
ยิ่งรู้ตัวแล้วก็เหมือนยิ่งปลดล็อก
ความเสียใจความผิดหวังที่กดมันเอาไว้นานเกินควรพากันทะลักออกมาในรูปแบบของน้ำตา
และดูเหมือนอีกฝ่ายจะคิดไว้อยู่แล้วว่าการเอ่ยทักจะทำให้ผมอาการหนักยิ่งกว่าเดิม
แขนเรียวที่เคยรองหนุนให้ตัวเองถึงได้ขยับเข้ามา สอดข้างหนึ่งเข้ามาพร้อมกับอีกข้างที่ดึงให้ขยับเข้าไปใช้แขนบางๆ
นั่นหนุนต่างหมอน
แม้จะถูกดึงเข้าไปกอดแนบอกแต่ผมก็ไม่ได้ขยับเข้าไปจนแทบจะรวมร่าง
แต่ยังคงเว้นระยะห่างเล็กๆ เอาไว้
“ปล่อยออกมาเถอะ
อย่าเก็บสิ่งแย่ๆ เอาไว้เลย” เสียงกระซิบบอกพร้อมมือที่ลูบหัวอยู่เบาๆ ทั้งมืออีกข้างที่คอยลูบหลังอย่างปลอบประโลม
ทุกอย่างตกอยู่ในความเงียบอีกครั้งเมื่อต่างฝ่ายต่างไม่พูดอะไร
จนเวลาผ่านไปสักพักและอารมณ์ของผมที่เคยดิ่งลงเหวเริ่มสงบ
แอบเงยหน้าเพื่อมองหน้าอีกคนในความมืดก็เห็นว่าเจ้าตัวหลับไปแล้วเลยถือโอกาสลอบมองสำรวจใบหน้าคมเงียบๆ
คิ้วเข้ม
แพขนตาที่ดูหนากว่าคนอื่นนิดหน่อย จมูกโด่งรั้น ริมฝีปากบาง
ว่าแต่เมื่อกี้มันคืออะไรกัน
ตั้งแต่ที่ร้านยันลากสารร่างมาทิ้งบนเตียงไม่ยักจะตื่นง่ายๆ
แต่พอผมสติแตกอยู่คนเดียวก็ดันตื่นมาเห็นชาวบ้านตอนร้องไห้ แล้วก็หลับไปอีกดื้อๆ
แบบนี้
ละเมอเหรอ
หรืออะไรของเขาวะ งง
จะว่าไปแล้วคนคนนี้ก็หน้าตาคุ้นๆ
เหมือนจะเคยเจอที่ไหนสักที่ก่อนหน้านี้
แต่ช่างมันเถอะ
ไม่อยากเค้นสมองคิดแล้ว เหนื่อย
ตื่นเช้ามาด้วยเสียงสายเรียกเข้าจากคนชื่อหงส์มนุษย์เพื่อนของคนที่หลับเหมือนซ้อมตายอยู่บนเตียงอีกฝั่ง
จากการรับสายจับใจความได้แค่ว่าหงส์กำลังจะมาถึงที่นี่ในอีกหนึ่งชั่วโมงเพื่อรับเพื่อนตัวเองไปพรีเซนต์งานให้ทันเก้าโมงเช้า
ถามก่อนว่ามีพรีฯ
งานเช้าแล้วไปแดกเหล้าเมาหัวราน้ำทำไม?
พอหันไปมองนาฬิกา...
หกโมง ไอ้เหี้ยหกโมงเช้า!!!
เพิ่งจะนอนไปไม่กี่ชั่วโมงกูก็ถูกปลุกแล้ว
ไอ้แม่ย้อย แล้วประเด็นคือผมไม่ใช่คนที่จะนอนก๊อกสองหลังจากตื่นไง
ถ้าไม่น็อคไปเองน่ะ เคยลองแล้วนะ แต่มันนอนไม่หลับเลยให้ตาย
ไหนๆ
ก็ได้ตื่นเช้าเกินปกติขนาดนี้แล้วลงไปหาของกินที่ตลาดซอยช้างๆ นี่ละกัน
อีกตั้งชั่วโมงกว่าคนชื่อหงส์จะมา
ใช้เวลาไม่นานสำหรับการเดินตลาดเช้าครั้งแรกของชีวิต
ด้วยความที่หยิบเงินมาไม่กี่บาททำให้ผมซื้อสารพัดขนมที่อยากกินไม่ได้
เลยได้มาแค่โจ๊กสองถุงกับน้ำเต้าหู้ปาท่องโก๋ไม่กี่ตัว
และกลับมาถึงห้องตัวเองก็เจอร่างสูงของคนเมาเมื่อคืนกำลังนั่งตาเหลือกมองตรงมาเหมือนเห็นผี
สองมือที่กำลังพิมพ์ข้อความใส่โทรศัพท์นั่นชะงัก
ยิ่งไปกว่านั้นในปากที่กำลังเคี้ยวอะไรบางจนแก้มพองก็ชะงักไปด้วย
“...”
“...”
เราสองคนจ้องหน้ากันตาไม่กะพริบและไม่มีใครขยับตัวหรือพูดอะไร
แต่ในที่สุดปากที่หยุดเคี้ยวไปชั่วอึดใจก็ค่อยๆ กลับมาขยับเคี้ยวของในปากอีกครั้งและกลืนมันลงคอไป
ไอ้ห่านี่เล่นหยิบขนมปังชาวบ้านมากินแบบไม่ขอกันเลยเหรอ
ยอมใจ
ไม่ได้หวงหรอก
แต่แบบเข้าใจไหมว่าต่างฝ่ายต่างเป็นคนแปลกหน้าของกันและกันอ่ะ คือครั้งแรกมึงควรเกรงใจเจ้าของห้องอย่างกูหน่อย นิดนึงก็ได้ไอ้เวร!
“เอ่อคือ
ขอโทษที่เสียมารยาท แต่ตื่นมาแล้วมันหิวมากก็เลย...” ปากบางๆ
ที่เศษขนมปังติดอยู่ค่อยๆ พูดอย่างสำนึกผิด ตากลมใสแจ๋วไม่เหลือคราบคนเมาเมื่อคืนกำลังพยายามสื่อสารว่ากำลังรู้สึกผิดสุดๆ
อยู่
“ไม่เป็นไร
เราไม่ว่าอะไรหรอก” บอกออกไปแบบนั้น ทั้งๆ ที่ชิงด่าอีกคนในใจไปแล้วก็ตาม
“เรามาอยู่ที่นี่ได้ไง”
อีกคนถามต่อขณะที่ผมวางของทั้งหมดลงบนโต๊ะก่อนเดินไปหยิบชามกับช้อนมาพลางจัดการเทโจ๊กลงไป
“ก็เมื่อคืนนายเมาจนหลับ
แถมก่อนหลับยังบอกให้พาไปนอนอีก เรียกเท่าไหร่ก็ไม่ตื่น”
ตอบกลับพร้อมกับเลื่อนชามโจ๊กไปตรงหน้าอีกคน
“ซื้อมาให้เราเหรอ
ขอบคุณนะ เท่าไหร่ ค่าขนมปังนายที่เรากินไปด้วย” เจ้าตัวว่าพลางหันซ้ายหันขวาเพื่อหาอะไรบางอย่าง
ก่อนจะพุ่งตัวไปหยิบกระเป๋าสตางค์ของตัวเองที่ผมวางทิ้งเอาไว้ตรงอาร์มแชร์อีกฝั่งตั้งแต่เมื่อคืน
“ไม่ต้องหรอก
แค่นี้เอง” บอกปัดไปแบบนั้นแต่เจ้าตัวก็ยังหยิบแบงก์ร้อยออกมาวางไว้บนโต๊ะอยู่ดี
“ว่าแต่ไม่ปวดหัวเหรอ
เมื่อคืนดื่มจนตัวมีแต่กลิ่นเหล้านี่”
อดไม่ได้ที่จะถามออกไปเพราะคนตรงหน้าไม่มีอาการแฮงค์หรือใดๆ เลย
“ไม่ปวดนะ
เมื่อคืนเราไม่ได้เมา”
สิ่งที่ได้ยินทำให้ต้องขมวดคิ้วอัตโนมัติ
คือยังไงนะ ไม่ได้เมาแต่ทำไมสภาพอย่างกับคนเมาเลยวะ ไหนจะกลิ่นพวกนั้นอีก
“เราดื่มก็จริง
แต่ไม่ได้เมา ที่หลับไม่ตื่นนั่นน่าจะเพราะไม่ได้นอนมาหลายวันน่ะ แหะ”
คำอธิบายที่ปิดท้ายด้วยเสียงหัวเราะแห้งยิ่งกว่าทะเลทรายบวกกับยิ้มแหย่ๆ นั่นยิ่งทำให้ได้แต่ร้อง
‘อิหยังวะ’ ในใจซ้ำๆ
“อ่อ”
แม้ในใจจะอิหยังวะมากแต่ผมก็ได้แต่ตอบรับออกไปแค่นั้น ก่อนจะพูดต่อ “เรื่องเมื่อคืนขอบคุณนะ”
โพล่งขอบคุณออกไปแม้คิดถึงเรื่องเฟลๆ แล้วพาลจะทำให้เซ็งในอารมณ์อยู่หน่อยๆ
แต่ถึงยังไงอีกฝ่ายก็อุตส่าห์ปลอบ อย่างน้อยๆ ก็ต้องขอบคุณล่ะนะ
“ขอบคุณเราทำไม
เราสิต้องเป็นฝ่ายขอบคุณนายที่อุตส่าห์ช่วยเรา”
“หมายถึงเรื่องที่นายปลอบเราเมื่อคืนน่ะ”
รีบแจงต่อเพราะดูเหมือนเราจะคุยกันคนละประเด็น แต่แทนที่อีกคนจะร้องอ๋อกลับกลายเป็นทำหน้างงหนักจนขมวดคิ้วแน่นเสียอย่างนั้น
“ปลอบอะไร”
“ก็เมื่อคืนที่เราประสาทแดกแล้วนายตื่นมาปลอบไง”
ไม่อยากจะพูดว่าร้องไห้อ่ะ ใช้คำนี้แทนละกันนะ เพราะมาคิดๆ ดูแล้วส่วนตัวผมก็คิดว่าประสาทแดกจริงๆ
อ่ะ คิดแล้วก็ขายขี้หน้าชะมัดยาด ดันไปร้องไห้ใส่คนแปลกหน้าซะได้ ถึงเจ้าตัวจะยังดูงงๆ
ก็เถอะ
“จำไม่เห็นได้เลย
ละเมอรึเปล่า”
“...”
เอาล่ะ
เกิดอะไรขึ้นกับกู ทำไมมีแต่เรื่องให้ต้องร้องอิหยังวะซ้ำซากมากมายขนาดนี้เนี่ย!
แล้วแบบนี้มันแปลว่าไอ้การปลอบลูบหัวเป็นเรื่องเป็นราวนั่นคืออาการละเมอของอีกคนหรอกเรอะ
เหยดเข้!
“รีบกินเถอะ
หิวไม่ใช่เหรอ อีกอย่างเพื่อนนายบอกว่ากำลังมารับด้วย” ตัดบทเปลี่ยนหัวข้อซะ
แล้วทิ้งความอิหยังวะนั่นไป เอาเป็นว่าช่างมันละกัน อีกอย่างการที่อีกฝ่ายจำไม่ได้ก็ดีเหมือนกัน
ร้องไห้ให้คนอื่นเห็นมันไม่เท่หรอก
หลังจากจัดการของกินที่ซื้อมาทั้งหมดเสร็จเรียบร้อยและผู้อาศัยชั่วคราวรายชั่วโมงอาสาเป็นคนล้างจานผมก็ปลีกตัวออกมาดูเสื้อผ้าที่ตากเอาไว้เมื่อคืน
และผลก็คือมันยังเปียกอยู่เหมือนเดิม
คงต้องให้ยืมชุดแล้วล่ะ
“ชุดยังไม่แห้งเลย”
บอกคนที่ล้างจานเสร็จและกลับมานั่งรอที่โซฟาหลัง
“ง่ะ
งั้นเรายืมชุดนายนะ จะรีบซักแล้วเอามาคืน” อีกฝ่ายบอกและผมก็ทำแค่พยักหน้ารับโดยไม่พูดอะไร
จบบทสนทนาแค่นั้น
ไม่มีใครพูดอะไรอีกต่างคนต่างนั่งเล่นโทรศัพท์ตัวเองเงียบๆ เพื่อรอเวลา
ครืด...
“ฮัลเหล”
ทันทีที่มีสายเข้าเจ้าของเครื่องก็รีบรับสายแล้วกรอกเสียงขานรับแทบจะในทันที “ถึงแล้วเหรอ
กำลังลงไป”
ได้ยินอย่างนั้นผมก็เตรียมหยิบคีย์การ์ดและยันตัวลุกขึ้นเต็มความสูงพลางบิดขี้เกียจไล่ความเมื่อยขบรอให้อีกคนวางสายจากเพื่อนที่มาถึงแล้ว
ไม่มีเสียงพูดคุยอะไรอีกตั้งแต่ออกจากห้อง
ลงลิฟต์จนมาถึงหน้าล็อบบี้
“ขอบคุณอีกครั้งนะ
ชุดนี่เราจะรีบเอามาคืน” อีกคนหันมาพูดพร้อมโบกมือลาก่อนจ้ำเท้ากึ่งเดินกึ่งวิ่งเข้าไปหาเพื่อนตัวเองที่กำลังลุกขึ้นจากโซฟาพอดี
หงส์พูดอะไรบางอย่างกับเพื่อนตัวเล็กของตัวเองก่อนจะดีดหน้าผากอีกคนอย่างไร้ปราณีแล้วหันมามองทางผมแล้วผงกหัวให้เล็กน้อยซึ่งผมก็ไม่แน่ใจว่าเจ้าตัวตั้งใจจะทักทายหรืออะไร
เลยแต่ได้พยักหน้ารับ
มองแบบนี้แล้วคนคนนั้นดูผอมมากเลย
ต่อให้จะตัวสูงเอาเรื่องก็ตาม ยิ่งอยู่ในชุดของผมก็ยิ่งทำให้ดูตัวเล็กเข้าไปใหญ่
ดูไปดูมาอาจจะหุ่นบางพอๆ กับพวกผู้หญิงเลยมั้งนั่น
แล้ว...
ผมมาคิดอะไรไร้สาระวะเนี่ย!
กลับห้องไปเล่นเกมดีกว่า
วันนี้มีเรียนตั้งบ่าย
แกร่ก...
กลับมาถึงห้องปิดประตูเรียบร้อยและมุ่งหน้าตรงดิ่งไปทางห้องนอนแต่สายตาก็ดันไปสะดุดเข้ากับวัตถุสีดำไม่คุ้นตาที่นอนตายอยู่บนโต๊ะรับแขกและข้างกันก็มีแบงก์ร้อยที่น่าจะเป็นเงินเจ้าของกระเป๋าพยายามยัดให้ผมเป็นค่ามื้อเช้าทั้งๆ
ที่ผมบอกปฏิเสธไปแล้ว
อืม
เขาลืมกระเป๋าสตางค์ว่ะ
หยิบเงินกับกระเป๋าหนังที่ถูกลืมไว้ขึ้นมาก่อนถือวิสาสะเก็บเงินที่เจ้าของพยายามยัดให้กันเก็บเข้าที่ให้เสร็จสรรพ
ผมไม่ค่อยชอบไอ้สถานการณ์ที่ต้องรับเงินโดยที่ตัวเองปฏิเสธไปแล้วสักเท่าไหร่
ส่วนจะเอากระเป๋าสตางค์คืนยังไง
เดี๋ยวเจ้าตัวก็คงขอคอนแทกต์ผมจากคนที่ชื่อหงส์มาเองแหละมั้ง
CH02 :: 100%
อัพละจ้า ช้าเหมือนเดิม แต่ข้าน้อยจะพยายามให้มันมากกว่านะขอรับ! ;_;
อาการแต่ละคนมันก็จะมึนๆ งงๆ เพราะนอนน้อยกันคนละนิดคนละหน่อย แหะ
แต่จบตอนแล้วเขาก็ยังไม่รู้ชื่อกันเลยจ้ะ
ยังไงก็ขอฝากเรื่องนี้ไว้ในอ้อมอกอ้อมใจรีดเดอร์กันด้วยนะขอรับ
ใดๆ ชอบไม่ชอบติชมกันได้นะขอรับ ไม่ติดชมในนี้ก็ไปในแท็กได้ขอรับ นะ
นะ น๊าาาา// ไหว้ย่อ
#สายรุ้งสีคราม
ความคิดเห็น