คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : PROLOGUE
PROLOGUE
ท่ามกลางความพลุกพล่านในยามเย็นนิสิตนักศึกษาต่างพากันเดินขวักไขว่ทั้งคนที่เลิกคลาสก่อนเวลา คนโดดเรียน คนที่อาจารย์เพิ่งจะปล่อยหรือคนที่กำลังเตรียมตัวเข้าเรียนในคลาสเย็นที่อาจจะลากยาวไปจนค่ำมืด
“ไอ้เหี้ย! ขอทางหน่อยครับกูผมจะไปส่งงานไม่ทันเดดไลน์แล้ว!!!” เสียงโวยวายดังขึ้นอย่างไม่อายพร้อมกับร่างสูงโปร่งของเจ้าของเสียงกำลังวิ่งหน้าตั้งย้อนศรสวนทางฝ่าฝูงชนไปทางตึกเรียน ในมือมีโมเดลหลังใหญ่ชูขึ้นเหนือหัวเพื่อป้องกันการกระแทกและไม่ให้ไอ้ผลงานอุ่นๆ ร้อนๆ ไปโดนชาวบ้านเขา
ร่างสูงวิ่งแทรกตัวไปตามช่องว่างที่น้อยคนที่จะแหวกทางให้อย่างทุลักทุเล ยังไม่ทันที่ร่างสูงจะหลุดไปจากฝูงชนที่พากันเดินเต็มทางเดิน ร่างสูงโปร่งไม่ของใครอีกคนก็วิ่งหน้าตื่นตามมาในสภาพที่ถือโมเดลและแหกปากโวยวายไม่ต่างกัน
“ขอทางหน่อยครับ!!! กูไหว้ก็ได้ หลีกทางหน่อยครับ ถ้ากูไปส่งงานไม่ทันกูตายแน่ๆ เลยครับ!!!”
ทั้งเบียดทั้งชนชาวบ้านชาวช่องไปหลายยก ก็ได้แต่ขอโทษรัวๆ แล้วพาตัวเองวิ่งเข้าลิฟต์ขึ้นตึกเพื่อส่งงานให้ทันเดดไลน์
“คณะนี้บันเทิงดีว่ะ” เสียงทุ้มดังขึ้นพร้อมหันไปพูดกับเพื่อนข้างตัวโดยไม่หันไปมองคนฟัง เพราะสายตากำลังมองไล่หลังคนที่เพิ่งวิ่งเข้าลิฟต์ไปหมาดๆ
ตาเรียวคมสีน้ำตาลอ่อนยังคงมองประตูลิฟต์ที่ปิดสนิทหลังจากสองร่างที่ทำเสียงดังโวยวายหายลับไปในกล่องสี่เหลี่ยม
“แต่งานหนักแบบอดหลับอดนอนก็ไม่ไหวว่ะ” ตอบกลับเพื่อนตัวสูงพลางส่ายหน้าพรืดรัวๆ “ว่าแต่ไอ้พี่จูนมันอยู่ไหนวะ บอกให้เอาของมาให้แต่เสือกไม่โผล่หัวมา”
“แชทไปถามละ พี่มันบอกกำลังมา” เสียงทุ้มตอบข้อสงสัยของเพื่อนที่ตัวเล็กกว่าพลางยกโทรศัพท์ที่เปิดหน้าจอห้องแชทกลุ่มทิ้งเอาไว้เป็นเชิงบอกให้อีกคนเข้าไปอ่าน
“หาที่นั่งรอได้มะ”
หนึ่งคนตัวงสูงและหนึ่งเพื่อนตัวเล็กพากันเดินฝ่าชาวคณะเจ้าถิ่นไปนั่งม้านั่งที่อยู่ไม่ไกลจากลิฟต์ซึ่งเป็นจุดนัดหมายของทั้งสองกับเพื่อนรุ่นพี่ที่ไหว้วานให้เอาของสำคัญมาส่งถึงที่
แม้จะตกเป็นเป้าสายตาของประชากรประมาณครึ่งหนึ่งของทั้งหมด เหตุเพราะหนึ่งคือทั้งสองคนไม่ได้เรียนคณะนี้ และสองความหน้าตาที่ดีจัดเกินระดับคนธรรมดาบวกเพิ่มด้วยความขาวแสบตานั่นยิ่งทำให้เป็นจุดสนใจได้ง่ายๆ
“นั่นมึงไปเก็บปากกาใครมา” โพล่งถามเพื่อนที่นั่งอยู่ข้างๆ และในมือมันกำลังถือปากกาด้ามสีประหลาดที่ดูแล้วไม่น่าจะใช่ปากการาคาถูกๆ
“ไม่รู้” คนถูกถามส่ายหน้าพรืด กะพริบตาปริบๆ มองหน้าเพื่อนก่อนจะกลับไปมองปากกาในมือตัวเอง “น่าจะแพงนะเนี่ย”
“ไอ้สกาย! ไอ้แทน!” เสียงเรียกชื่อดังมาแต่ไกลนอกจากเจ้าของชื่อที่ถูกเรียกคนอื่นที่อยู่ในละแวกนี้ก็พากันหันขวับไปมองด้วยไม่ต่างกัน
ร่างสูงตามมาตรฐานชายวิ่งทั่กๆ เข้ามาหารุ่นน้องที่ตัวเองไหว้วานพร้อมแบมือรอรับของโดยไม่พูดพร่ำทำเพลง
“งานกูล่ะ เร็วๆ ใกล้ถึงคิวกูแล้ว” บอกอย่างร้อนรน สองเท้าย่ำอยู่กับที่อย่างอยู่ไม่สุข
“อ่ะๆ เอาไป” คนน้องหยิบแฟลชไดรฟ์วางบนมือก่อนโบกมือไล่ให้เจ้าถิ่นที่กำลังลนลานกลับขึ้นไปพรีเซ้นต์งานของตัวเอง
“ไปกินข้าวซะพวกมึงอ่ะ เดี๋ยวค่ำๆ กูพาไปเลี้ยงขนม” แต่คนพี่ก็ไม่วายตะโกนออกมาก่อนประตูลิฟต์ปิด ทำเอาคนเป็นน้องทั้งสองได้แต่เบ้หน้า
“หมายความว่าไงวะ จะเลี้ยงขนมแต่ก็ไล่ให้ไปกินข้าว” แทนโพล่งขึ้นถามเพื่อนตัวโตทั้งที่สายตายังคงมือไปยังประตูลิฟต์ที่ปิดสนิท พลางเกาหัวแกร่กๆ อย่างมึนงง
“หมายความว่าถ้ากินข้าวไปแล้ว เวลาพี่มันเลี้ยงพวกเราจะกินได้น้อยไง พอกินน้อยพี่มันก็จะไม่ต้องจ่ายเยอะ เก็ทยัง” ตอบกลับข้อสงสัยของเพื่อนพร้อมยักไหล่อย่างไม่ใส่ใจ
“งั้นเราก็ยังไม่ต้องกินข้าว รอผลาญพี่มันทีเดียว” ว่าพลางยกยิ้มเจ้าเล่ห์ ส่งสายตาแวววาวมองเพื่อน
“ดีล” อีกคนยกยิ้มพร้อมชนหมัดกันหนหนึ่งก่อนพากันอพยพออกไปจากตรงนี้
“นาย! เดี๋ยว” แต่แค่ก้าวขาไปไม่กี่ก้าวก็ถูกใครก็ไม่รู้เรียกเอาไว้ เท้าสองคู่ชะงักก่อนหันกลับไปมองต้นเสียงพร้อมกันด้วยสีหน้ามึนงง
ร่างเล็กของผู้หญิงหน้าตาน่ารักพอสมควร แต่สภาพเหมือนเพิ่งจะผ่านสมรภูมิทางการเรียนมาเพราะผมเผ้าที่ควรจะเรียบร้อยกลับดูยุ่งเหยิงไปหน่อย เอ... หรือมันจะเป็นสไตล์ของคนคณะนี้หว่า?
“เราขอไอดีไลน์นายได้ไหม” เสียงเล็กบอกความต้องการพร้อมยื่นโทรศัพท์ของตัวเองมาให้พร้อมเปิดหน้าค้นหาเสร็จสรรพ ส่วนคนถูกร้องขออย่างสกายก็ได้แต่ชั่งใจอยู่ครู่หนึ่งก่อนหยิบสลิปร้านสะดวกซื้อที่ติดอยู่ในกระเป๋ากางเกงออกมา เปิดปากกาที่น่าจะราคาแพงเขียนสิ่งที่คนแปลกหน้าร้องขอแทนการพิมพ์เสิร์ชให้เจ้าตัว
ส่งยิ้มตามมารยาทก่อนลากเพื่อนที่ยืนกลอกตาไปมาอย่างเซ็งๆ ให้ออกไปจากตรงนี้
รีบออกไปก่อนที่อีกฝ่ายจะรู้ตัวว่าคอนแทกต์ที่ให้ไปไม่ไม่มีอยู่จริง เรื่องอะไรจะให้ใครก็ไม่รู้มารู้คอนแทกต์ส่วนตัวกันล่ะ บ้ารึเปล่า
...ถ้าไม่ถูกใจ สกายก็ไม่ให้หรอก
“โห นึกว่าจะไม่เอาโมมาส่งซะแล้ว” เสียงเพื่อนร่วมเซคที่เพิ่งเอางานมาส่งก่อนหน้าร้องทักเมื่อร่างบางสูงโปร่งของสองหน่อเพื่อนสนิทที่วิ่งหน้าตาตื่นมาส่งงาน
เสียงหายใจหอบเหนื่อยยังคงดังอย่างต่อเนื่อง และด้วยความเหนื่อยจากการวิ่งแบบไม่คิดชีวิตทำให้คนมาใหม่ยังไม่มีใครพูดอะไรตอบกลับเพื่อนที่เป็นฝ่ายร้องทัก
“ใบเซ็นชื่ออยู่บนโต๊ะ อย่าลืมเซ็นล่ะ ใส่เวลาที่เซ็นด้วย ห้ามโกง” เสียงเพื่อนบอกพลางชี้ไปยังโต๊ะที่ทำงานเพียงตัวเดียวในห้องที่เต็มไปด้วยชั้นวางของที่เต็มไปด้วยโมเดลของคนทั้งรุ่น
ทั้งสองพยักหน้ารับพลางวางงานของตัวเองบนชั้นที่ว่างก่อนเดินไปเซ็นชื่อตามที่คนมาก่อนบอก
“เชี่ย” หนึ่งคนร้องเสียงหลงเบิกตาโพลงเหมือนเกิดเรื่องใหญ่ สองมือเริ่มปะป่ายไปตามตัวเหมือนคลำหาอะไรบางอย่างอย่างร้อนรน
“อะไร” อีกคนที่กำลังเซ็นชื่อลงบนกระดาษร้องถามโดยที่ไม่ละสายตาจากแผ่นกระดาษ ก่อนจะขมวดคิ้วมุ่นเมื่อเห็นเวลาที่คนก่อนหน้าลงเอาไว้
16:48
16:49
16:50
ลงชื่อกันนาทีต่อนาทีแบบนี้ก็คือหมดสิทธิ์โกงถ้ามาหลังเดดไลน์...
“ปากกากูหายอ่ะหงส์ ลามี่กูหาย อิเหี้ย!” ร้องเสียงดังพร้อมทึ้งหัวตัวเองอย่างเสียสติ
“ช้าก่อนพวก จะสติแตกก็ได้ แต่มาเซ็นชื่อก่อน เอาปากกากูไปใช้ก่อนที่จะหมดเวลา” เบรกอาการสติแตกของเพื่อนได้ด้วยเดดไลน์ที่กำลังใกล้เข้ามาทุกที
ใบหน้าที่ยับยู่ยี่รวมถึงปากบางๆ ที่เบะจนถึงขีดสุด อารมณ์ที่แตกกระเจิงหยุดชะงักเหมือนกด pause แล้วเดินไปเซ็นชื่อส่งงานแม้ว่าริมฝีปากจะยังเบะอยู่ก็ตาม และทันทีที่เซ็นชื่อเรียบร้อยก็เหมือนกดปุ่ม play อีกครั้งสองเท้าย่ำซ้ำๆ สะบัดตัวซ้ายทีขวาทีเหมือนเด็กงอแงเวลาไม่ได้ดั่งใจ
“ฮื่อ หงส์มึงช่วยกูหาที ถ้าเคปมันรู้ว่ากูทำหายมันต้องมาแหกอกกูแน่ๆ” บอกกล่าวพร้อมกับเดินมองพื้นวนไปมา
“เออน่ะ เดินไปตามทางที่เดินมาเดี๋ยวก็เจอเองแหละ” หงส์ถอนหายใจบอกเพื่อนที่กำลังสติแตก แต่ดูเหมือนเพื่อนตัวเองจะรีบเกินเบอร์พอเขาพูดจบปุ๊บก็เดินดุ่มๆ ออกไปจากห้องทันที
ร่างสูงโปร่งของคนที่ปากกาหายเอาแต่เดินก้มหน้าก้มตามองหาปากกาของตัวเองที่อาจจะตกอยู่ตรงไหนสักที่ระหว่างทางที่วิ่งโร่ถือโมเดลมาส่ง แต่เดินแล้วเดินเล่า ทั้งตามทางเดินบนตึกเรียน ทั้งในลิฟต์หรือแม้กระทั่งโถงหน้าลิฟต์ที่ขามายังแออัดไปด้วยชาวสถาปัตย์ที่เพิ่งจะเลิกคลาส
แต่ตอนนี้แทบไม่เห็นแม้แต่เงาหัวใคร...
“เจอไหมหงส์” ปากโพล่งถามเพื่อนที่ช่วยเดินหาปากกาอยู่อีกด้านหนึ่ง ในขณะที่ตัวเองก็เอาแต่ขมวดคิ้วก้มหาของไปตามพื้นโถงกว้างๆ นี่
“ทำใจเถอะ บอกเคปมันด้วยก็น่าจะดี”
“นี่กูต้องโดนมันด่าจริงๆ สินะ เสียใจจังวะ” เบะปากงอแงก่อนหยิบโทรศัพท์ออกมาส่งข้อความบอกกล่าวคนที่ไม่ได้อยู่ด้วยกัน
“รุ้ง ไอ้ไฮมันบอกว่าคืนนี้เลี้ยงวันเกิด” คำบอกเล่าเรียกให้เจ้าของชื่อเงยหน้าจากจอที่กำลังมีข้อความก่นด่าส่งมาเรื่อยๆ
“เหยด อยู่ดีๆ ก็มีลาภปาก ไปๆ ร้านไหนกี่โมง” แล้วของฟรีก็ทำให้คนที่กำลังหงอยที่ทำปากกาด้ามแพงหายและกำลังถูกด่าผ่านข้อความลืมทุกอย่างไปสิ้น
...อานุภาพของของฟรีก็แบบนี้
เปิดเรื่องใหม่ด้วยพล็อตในสต๊อก แฮ่
มีเนื้อหาในเพลงเป็น concept และมีถุงกาวเป็น sponsor ขอรับ
ใจหนึ่งอยากอัพถี่ๆ แต่อีกใจก็คืออยากรอให้เนื้อหามันตกตะกอน
จะได้มีเวลาตรวจและปรับแก้ให้เวลาอ่านมันจะได้ไม่รู้สึกขัดๆ
เพราะงั้นอัพช้าเร็วไม่สามารถระบุได้ขอรับ
ยังไงก็ฝากเรื่องใหม่นี้ไว้ในอ้อมอกอ้อมใจของรีดเดอร์ด้วยนะขอรับ //พับเพียบไหว้
#สายรุ้งสีคราม
ความคิดเห็น