Star of love ซ่อนรักแอบหัวใจ มอบรักไว้ที่ดวงดาว - Star of love ซ่อนรักแอบหัวใจ มอบรักไว้ที่ดวงดาว นิยาย Star of love ซ่อนรักแอบหัวใจ มอบรักไว้ที่ดวงดาว : Dek-D.com - Writer

    Star of love ซ่อนรักแอบหัวใจ มอบรักไว้ที่ดวงดาว

    เพราะความเข้าใจผิดทำให้เนเน่ต้องตกกระไดพลอยโจนกลายเป้นแม่บ้านจำเป็นให้ไอดอลสุดฮอต "ฉันจะกลับบ้านนน"

    ผู้เข้าชมรวม

    123

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    7

    ผู้เข้าชมรวม


    123

    ความคิดเห็น


    0

    คนติดตาม


    0
    หมวด :  ซึ้งกินใจ
    เรื่องสั้น
    อัปเดตล่าสุด :  25 เม.ย. 60 / 23:08 น.


    ข้อมูลเบื้องต้นของเรื่องนี้

                    “เนเน่ 1ใน3สาวแคนดี้สวีตตี้#2 (แคนดี้สวีตตี้นัมเบอร์ทู) หนีหายไปด้วยความช่วยเหลือจาก อินฮวา และมิยู สองสาวเมมเบอร์ของเนเน่ ตอนนี้เธอหายไปไหนนะ แล้วคิวงานถ่ายโฆษณาและถ่ายแบบที่ญี่ปุ่นและเกาหลีใต้ของเธอล่ะ!!! เหล่าชูการ์(ชื่อกลุ่มแฟนคลับของสาวๆแคนดี้สวีตตี้#2)ทั้งหลายพากันร้องไห้และพากันแอนตี้วาโย ดาราชื่อดังอดีตแฟนหนุ่มของเนเน่ที่นอกใจพาดาราสาวมามีความสัมพันธ์กันที่คอนโดหรูของดาราหนุ่ม...บลาๆๆๆๆ...” 

    ในโทรทัศน์ ผู้ประกาศข่าวสายบันเทิงสาวกล่าวอย่างออกรสออกชาติ ซึ่งเธอเองก็เป็นหนึ่งในชูการ์ ที่ติดตามเหล่าสาวๆแสนหวาน(สาวๆแสนหวาน คือชื่อที่คนส่วนใหญ่เรียกเพราะชื่อวงยาวเกินไป)มาตั้งแต่เดบิวท์เช่นกัน เมื่อเห็นข่าวนี้เธอก็เป็น1ในหลายๆคนน่ะแหละที่รุมต่อว่าดาราหนุ่มอดีตแฟนของเนเน่ด้วย



                    “โห...แรงนะเนี่ย...” อินฮวาหันไปกล่าวกับมิยูที่กำลังแชทกับใครอยู่ผ่านแล็ปท็อปอย่างเอาเป็นเอาตาย

                    “แรงๆสิดี ยัยเนเน่ก็ฉวยโอกาสบอกเลิกแถมยังได้โอกาสหนีไปเที่ยวเฉยๆเลย” มิยูบอกแต่มือยังไม่หยุดพิมพ์

                    “แต่ก็ดีนะ เพราะสังคมพากันสงสารพวกเรา จากที่ดังระดับเอเชียจะได้ดังขึ้นไปอีก คิกๆๆๆ” อินฮวาพูดแล้วหัวเราะราวกับมันคือเรื่องเล่นๆ ทั้งสามคนเป็นเพื่อนสนิทกันตั้งแต่ก่อนเดบิ้วท์แล้ว ทั้งบิดามารดาของพวกเธอล้วนเป็นเพื่อนสนิทกันตั้งแต่สมัยมัธยมที่พวกเขาที่มาจากประเทศต่างๆได้ไปเรียนต่อทางด้านธุรกิจที่อเมริกาและได้พบ ได้กลายเป็นเพื่อนกลุ่มเดียวกัน มีความรัก และตกล่องปล่องชิ้น แต่งงานมีพวกเธอในที่สุด

                    พวกเธอสวยน่ารักกันตั้งแต่เด็กๆ อินฮวานั้นสวยหวานน่ารักร่าเริง เป็นสาวน้อยเปล่งแสงของกลุ่ม เธอมีผิวขาวอมชมพู ตาชั้นเดียวแต่กลับกลมโตน่ารัก จมูกเล็กๆนั่นโด่งสวยและริมฝีปากเล็กชมพูน่ารักๆนั่นอีก ยังไม่นับกิริยามารยาทและความสามารถประดุจกุลสตรีชาววังอีก ให้ร้อยมาลัย ปักผ้า ตัดชุด ทำพาน งานฝีมือของทั่วทั้งแถบเอเชียและยุโรป ขอให้สั่งมา ไม่มีชิ้นไหนที่ไม่ใช่งานชิ้นเอก

                     มิยู เป็นสาวเยือกเย็น อบอุ่น เรียบง่าย เธอสวยเลอค่ามีราศีดุจดังเจ้าหญิง มีความเป็นผู้นำ เรียนเป็นอันดับหนึ่งมาเสมอ ไม่ว่าจะภาษาหรือคณิตศาสตร์หรือวิทยาศาสตร์ ไม่เคยเลยสักครั้งที่เธอไม่ได้อันดับหนึ่งมาไว้ในมือ นอกจากจะเก่งวิชาการเธอยังเป็นแฮ็กเกอร์มือฉกาจ แฮ็ก แฮ็กและแฮ็ก เกี่ยวกับเทคโนโลยีและไอทีต่างๆ เธอมั่นใจเหลือเกินว่าในไทยนี้ไม่มีใครเกินเธอ นอกจากนี้ ร่างบางๆ ผิวขาวจัดที่แทบจะสะท้อนแสงแดดยามต้องผิว ผมยาวตรงสีดำสนิทที่ตัดกับผิวขาวๆของเธออย่างสิ้นเชิง คิ้วเรียว ตาสองชั้นกลมโตแต่เฉี่ยวดุดัน ขนตาหนาเป็นแพ จมูกโด่งสวยและริมฝีปากเรียวงาม ความงามของเธอก็ไม่เป็นสองรองใคร

                    เนเน่ สาวน้อยที่สมัยเด็กไม่เก่งกาจอะไรเลยแต่โตขึ้นกลับเป็นสุดยอดเพราะเพื่อนรักผู้ซึ่งเป็นเสมือนญาตินั้นได้เคี่ยวเข็ญสั่งสอน(???)มาโดยตลอด แต่เดิมเนเน่ไม่เก่งงานบ้านงานเรือนมารยาทนั้นก็ไม่สมกับเป็นผู้หญิงเลยสักนิด หัวก็ช้าเรียนก็ไม่เก่ง แต่สิ่งที่เธอสามารถมาตั้งแต่เด็กคือ ศิลปะการต่อสู้ทุกแขนง ผู้ชายตัวโตๆยังแพ้เธอเสียย่อยยับ และบัดนี้ไม่เพียงแค่ศิลปะการต่อสู้เท่านั้นที่เธอเชี่ยวชาญ เธอยังเรียนรู้ที่จะเรียนเก่งได้เกือบๆ90เปอร์เซ็นต์ของมิยู และเป็นช่างฝีมือชั้นสูงได้เกือบๆ80เปอร์เซ็นต์ของอินฮวาอีกด้วย ซึ่งนั่นก็หมายถึงเธอแทบจะกลายเป็นสาวเพอร์เฟ็คไปเลย นอกจากนี้ยังมีความเจ้าแผนการอันร้ายกาจ ทุกการกระทำนั้นเป็นไปตามแผนการ อาจเป็นเพราะเหตุการณ์บางอย่างเมื่อครั้งเธอยังเด็กทำให้อินฮวาและมิยูโกรธแค้นแทนเนเน่ถึงขนาดบังคับให้เนเน่เรียนรู้ความสามารถของพวกเธอเพื่อให้เนเน่กลายเป็นสุดยอดของสาวเพอร์เฟ็ค เธอมีร่างพอเหมาะ ไม่อ้วนเกินไป และไม่ผอมบาง ผิวขาวซีดจัดราวกับคนป่วย ผมสีควันบุหรี่ของเธอได้รับการแต่งและบำรุงอย่างดี มันยาวสลวยนุ่มมือและมีน้ำหนัก ตรงจรดถึงเอวน้อย คิ้วสีน้ำตาลไม่ได้ทำให้ดูขัดกับสีผมแต่ประการใด ดวงตากลมโต ขนตางอน นัยน์ตาสีน้ำตาลอ่อนดูกระจ่างใส จมูกเล็กๆโด่งรั้นน้อยๆแบบคนหัวดื้อและริมฝีปากเล็กๆชมพูกระจุ๋มกระจิ๋ม

                    “ตอนนี้เนเน่ไปถึงญี่ปุ่นแล้ว สิ่งที่ยัยนั่นต้องทำแค่ไปพักที่คอนโดของฉัน พักผ่อน เที่ยวเล่น แล้วก็ไปทำงานตามกำหนด ว้าว! ยัยนั่นได้ถ่ายโฆษณาแล้วก็ถ่ายแบบกับโฮชิซองด้วย (เล่นคำ โฮชิ แปลว่า ดงดาวในภาษาญี่ปุ่น ซองแปลว่า เพลง ในภาษาอังกฤษและ ซอง แปลว่า ประสบความสำเร็จ ในภาษาเกาหลี) ฉันเป็นสกาย(ชื่อเรียกแฟนคลับของโฮชิซอง ด้วยพวกเขาอยากให้บรรดาแฟนคลับเป็นท้องฟ้าของพวกเขา)นะ ฉันรักพวกเขา” มิยูกล่าวพลางนึกถึงโฮชิซองอย่างเคลิบเคลิ้ม

                    โฮชิซองนั้งเป็นนักร้องสัญชาติลูกครึ่งเกาหลีญี่ปุ่น เพราะต้นสังกัดของพวกเขาคือบริษัทยักษ์ใหญ่ที่ทรงอิทธิพลทั้งในเกาหลีและญี่ปุ่น พวกเขามีเมมเบอร์5คนได้แก่ ลีจินกิ หรือเจเค ลีดเดอร์ของวง ยามะคาว่า โจเซ อเล็กซ์ เจมส์ วัตสัน หรือ เอเจ คิมคิบอม หรือคิส และภัทรวัฒน์ ฟรานเชสก้า หรือ พีท มักเน่ของวง พวกเขาเปล่งประกายและมีชื่อเสียงเป็นอย่างมากหลังจากเดบิ้วท์เพียงสองปี แต่กระนั้นก็เถอะ สาวๆแสนหวานสามารถดังไปทั่วเอเชียได้หลังจากเดบิ้วท์ไปเพียงครึ่งปีเท่านั้น!!!

                    “งั้นเรารีบเคลียร์งานที่เมืองไทยแล้วตามไปหายัยเนเน่กันเถอะ” อินฮวาร้องอย่างตื่นเต้น

                    “ดี! เราต้องรีบไปให้ทันก่อนยัยเนเน่ไปเกาหลีต่อนะ เพราะยัยนั่นถ่ายโฆษณากับถ่ายแบบที่ญี่ปุ่นเสร็จก็ต้องไปถ่ายมินิซีรีย์ของโฆษณาตัวนี้ต่อที่เกาหลี” มิยูกล่าวสายตาอย่างคงจ้องมองตารางงานของเนเน่

                    “งั้นจะช้าอะไรเล่า! ไปเตรียมตัวกัน!!!

    ที่ญี่ปุ่น

                    หญิงสาวคนหนึ่งนั่งหน้าจ๋อยอยู่หน้าสนามบิน เธอร่างเล็กสวมเสื้อยืดสกรีนของแคนดี้สวีตตี้แบบราคาถูกๆ สวมกระโปรงจีบใหญ่รอบตัวสีชมพูอ่อนออกครีมๆ และทับด้วยเสื้อโค้ดมีฮู้ดตัวหนาสีขาวสวยราคาหลายแสน แต่...เธอกลับไร้สัมภาระอื่นนอกจากมือถือราคาแพงในกระเป๋าเสื้อโค้ดและกล้องโปรอีกตัวที่ห้อยคออยู่

                    “งื้อ...หิวแล้วอ้ะ เงินก็ไม่มีสักเยน ฉันต้องตายแน่ๆเลย” เนเน่ร้องครวญครางเบาๆด้วยไม่กล้าแตกตื่นให้ใครจำเธอได้ เธอเพิ่งโดนกระชากกระเป๋าไป และกระเป๋าเงินของเธอดันอยู่ในกระเป๋าเสื้อผ้านั้นซะงั้น โทรศัพท์สุดแสนจะรุ่นล่าไฮเทคของเธอก็ดันโปรหมดพอดิบพอดี อันไรจะประจวบเหมาะปานนี้

                    เวลานี้เธอใส่แว่นแก่ๆหนาเตอะ ไม่แต่งหน้า และพยายามเอาผมม้าของเธอที่เริ่มยาวแล้วลงมาบังหน้าไว้ และเพื่องานนี้โดยเฉพาะเธอถึงกับไปทำผมสีชมพูอ่อนให้ใกล้เคียงกับสีเดิมมากทีสุดเพราะยังไงเธอก็ชอบสีควันบุหรี่ที่สุด แต่เพื่อให้คนอื่นๆจำเธอไม่ได้เธอจำต้องทำให้ผมของเธอมีสีชมพูน้อยๆ เธอรวบขึ้นไปและมัดลวกๆอย่างสาวเซอร์ ซึ่งไม่ใช่แนวเธอสักนิด แต่มันก็น่ารักดีเมื่อเธอทำเช่นนั้น

                    แต่ในขณะที่เธอกำลังนั่งเศร้าสร้อยอยู่นั้นก็มีรถตู้คันใหญ่ดูใหม่สุดๆวิ่งเข้ามาแล้วจอดลงตรงหน้าเธอ ประตูรถเปิดออก มีหญิงสาวคนหนึ่งก้าวลงมา

                    “เธอคือคนที่บริษัททำความสะอาดส่งมาใช่ไหม ไม่มีข้าวของมาเหรอ? รีบขึ้นรถได้แล้ว พวกเขาต้องไปสตูดิโอก่อน เราต้องไปส่งเขาก่อนแล้วฉันจึงจะไปส่งเธอที่หอพักของพวกเขา” หญิงคนนั้นลงจากรถแล้วก็พูดๆๆๆๆๆดดยไม่ฟังคำใดใดจากเนเน่ แล้วก็ลากเธอไปนั่งข้างหน้าตรงข้างๆคนขับ จากนั้นเธอก็ขึ้นรถ และออกจากสนามบินไป

                    ในใจของเนเน่ เธอทำได้เพียงร่ำไห้ให้กับชีวิตที่ผิดไปจากแผนการที่เธอวางไว้..ซวยแล้วเนเน่เอ๋ย...

    หอพักของโฮชิซอง

                    เนเน่ยังคงร่ำไห้ ตอนนี้เธอเข้ามาอยู่ร่วมกับโฮชิซองในฐานะ เบ๊จิปาถะ ต้องดูแลทุกอย่างตั้งแต่เรื่องใหญ่ระดับชาติยันเรื่องขนาดไม่จิ้มฟันทิ่มเหงือก จริงๆพวกเขามีสาวใช้อยู่อีกสองคน แต่คนหนึ่งกลับบ้าน และอีกคนต้องไปดูแลโฮชิซองแทนเนเน่ในวันนี้(เพราะเนเน่เพิ่งมา)

                    เธอมีที่พักแล้ว มีอาหารให้ทานแล้ว แต่...จากนักร้องสาวชื่อดังระดับเอเชียเธอกลับกลายเป็นคนใช้เพียงข้ามคืน...อันทีจริงแค่เพียงไม่ถึง3นาทีด้วยซ้ำ

                    เนเน่สามารถติดต่อกับมิยู อินฮวา และพ่อแม่ได้แล้วโดยใช้ไวไฟของหอพักของเหล่าโฮชิซองนั่นเอง มิยูก็จัดการอายัดบัตรทุกใบของเนเน่และแจ้งไปทางธนาคารทุกแห่งของเนเน่ ตอนนี้ก็รอเพียงเนเน่ไปธนาคารและจัดการทำบัตรใหม่เสีย นอกจากนี้มิยูก็ยังหาสาวใช้คนใหม่ให้กับเนเน่อยู่เพื่อที่เนเน่จะนำมาเปลี่ยนตัวหากเธอจะไปจากที่นี่ เหล่าโฮชิซองจะได้ไม่ลำบาก และแน่นอน มิยูได้ไปจัดการคุยกับบริษัททำความสะอาดแล้วว่าให้จัดเก็บเอกสารข้อมูลของเนเน่ที่มิยูส่งไปให้และให้บอกว่าเนเน่คือพนักงานที่ทางบริษัทส่งไป

                    ทันทีที่เนเน่ไปถึงหอพักซึ่งมีลักษณะเป็นบ้านหลังใหญ่อลังการที่มีทั้งห้องดูหนัง ห้องฟิตเนต สระว่ายน้ำ ห้องซ้อมเต้น ห้องอัดเสียง ห้องสมุด ห้องนั่นห้องนี่เต็มไปหมด มิวะซัง ผู้จัดการฝั่งญี่ปุ่นของโฮชิซองก็พาเนเน่ไปยังห้องพักซึ่งก็ดูดีไม่น้อย ในห้องมีเตียง5ฟุตน่านอน มีตู้เสื้อผ้าขนาดใหญ่ มีชั้นวางทีวี มีทีวี เครื่องเล่นดีวีดี ห้องน้ำก็แสนเลิศเลอ มีอ่างอาบน้ำด้วย ถึงจะด้อยกว่าห้องของเนเน่มากแต่เนเน่ก็พอใจมากกับสภาพห้องที่ดูดีขนาดนี้

                    มิวะซังมีฟอร์มที่เนเน่ต้องใส่ทำงานที่นี่ให้ ลักษณะเป็นเสื้อเชิ้ตสีดำสนิทแขนยาว และกระโปรงจีบใหญ่รอบตัวยาวประมาณเหนือเข่า1-2นิ้ว และมีกางเกงผ้ายืดหนาสีดำเอวสูงที่กำลังเป็นที่นิยมอีกด้วย นี่คือแบบฟอร์มที่เนเน่ต้องใส่ทำงานขณะอยู่ที่นี่

                    เนเน่จัดการอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าใส่ชุดฟอร์ม(กางเกง) รวบผมเหมือนเดิมและใส่แว่น เธอมีผ้ากันเปื้อนแบบผูกเอวสีดำสามผืนเป็น1ในแอพสำหรับชุดฟอร์ม เธอก็ใช้มัน จากนั้นก็เริ่มโดยการเข้าครัว เธอเห็นวัตถุดิบ เครื่องปรุง และเครื่องเทศจากประเทศต่างๆมากมาย และยังตาดีเห็นเครื่องเทศมัสมั่นเลยลงมือทำมัสมั่นและสร้างสรรค์ผลงานแกะสลักมันฝรั่งเสียสวยงาม เมนูต่อไปก็คือต้มจืดเต้าหู้ ไก่อบใบเตย ข้าวผัดหมู และตบท้ายด้วยแตงโม มะละกอสุก และละมุดแกะสลักสวยสดงดงาม

                    ผลไม้ถูกนำเข้าตู้เย็น อาหารอื่นๆก็ถูกเก็บเข้าตู้เก็บอาหารซึ่งสามารถเก็บความร้อนให้อาหารเย็นลงอย่างช้าๆได้ ตู้นี่ทำเอาเนเน่อิจฉาเหล่าหนุ่มๆเสียจริงที่ในหอพักของเขาช่างมีแต่ความสะดวกสบายและเลอค่าอะไรเช่นนี้

                    อาหารผ่านไปเธอก็เริ่มทำความสะอาดส่วนอื่นๆของหอพักโดยเธอต้องทำให้เสร็จให้ทันภายในสองชั่วโมง เพราะอีกสองชั่วโมงจะเป็นเวลา3ทุ่มและเป็นเวลากลับมาถึงหอพักของเหล่าโฮชิซอง

                    เนเน่สามารถทำความสะอาดเสร็จได้ทันใน2ชั่วโมงจริงๆ เมื่อทำความสะอาดเสร็จก็เห็นว่าเหลือเวลาอีก15นาทีจึง3ทุ่มจึงเดินไปดูอาหารที่เตรียมไว้และพบว่ามันเหลือความร้อนเพียงอุ่นๆ จึงนำออกมาอุ่นด้วยกรรมวิธีอันเป็นความลับของตระกูลของอินฮวาที่จะไม่ทำให้อาหารเสียรสชาติ จากนั้นก็นำขึ้นโต๊ะอาหาร

                    3ทุ่มเป๊ะ รสตู้คันเดิมที่เนเน่นั่งมาเคลื่อนตัวเข้ามาในบ้าน เนเน่เดินออกไปและเปิดประตูให้พวกเขา เหล่าโฮชิซองลงจากรถทีละคน แต่ละคนก็เอากระเป๋าเอย เสื้อเอย ของขวัญจากแฟนคลับเอยส่งให้เนเน่แล้วเดินเลยเข้าบ้านไปอย่างไม่ไยดี เนเน่รีบเดินตามเข้าไปและส่งของให้สาวใช้อีกคนที่เอาของตัวเองไปเก็บในห้องครัวแล้วรีบวิ่งมารับของจากเธอ เนเน่รีบเดินไปบริการเหล่าโฮชิซองที่ยืนมองโต๊ะอาหารอยู่

                    “ใครทำอาหารพวกนี้” เจเค ลีดเดอร์สุดหล่อถาม เนเน่จึงเดินเข้าไปใกล้แล้วเลื่อนเก้าอี้ให้

                    “ฉันเองค่ะ อาหารพวกนี้ดีต่อร่างกาย พวกคุณควรทานสักหน่อยก่อนจะไปทำอย่างอื่นนะคะ” เนเน่กล่าว เจเคนั่งลงที่เก้าอี้ที่เนเน่เลื่อนให้ คนอื่นๆก็นั่งลงตาม

                    “ใครเขากินข้าวตอน3ทุ่ม พวกเราเป็นไอดอลต้องไดเอทเอไม่รุ้เหรอ” โจเซถามน้ำเสียงกวนๆ เนเน่ที่กำลังตักข้าวผัดให้ทุกคนยิ้มแล้วตอบด้วยน้ำเสียงกวนๆ “ฉันเคยดูแลไอดอลที่มีชื่อพอสมควรที่เมืองไทย พวกเธอทานอาหารตอนสี่ทุ่มค่ะ”

                    “หา? 4ทุ่ม ไม่มีทาง ผู้หญิงน่ะไม่กินอะไรหลัง6โมงเย็น พอสองทุ่มก็ไปขัดผิวพอกหน้าอะไรก็ไม่รู้” พีทร้องอย่างรู้แจ้งเพราะเพื่อนผู้หญิงของเขาที่เป็นไอดอลเช่นกันก็ทำเช่นนี้

                    “พวกเธอของฉัน...เธอเลิกงานสามทุ่มครึ่ง กลับถึงหอก็สี่ทุ่ม พวกเธอจะทานอาหารเย็นตอนสี่ทุ่มแล้วพักผ่อนจนกระทั่งห้าทุ่มพวกเธอก็จะซ้อมเต้นจนกระทั่งตีสองพวกเธอจึงจะไปนอน และตีห้าก็จะตื่นมาออกกำลังกายหกโมงเช้าเริ่มทำธุระส่วนตัว หกโมงครึ่งทานอาหารเช้าและไปทำงานตอนเจ็ดโมง กิจวัตรเวลานี้โดยเคร่งครัดแต่จะยืดหยุนแล้วแต่ตามสถานการณ์” จบคำของเนเน่เหล่าหนุ่มๆก็ถึงกับอึ้ง เนเน่จึงต่อด้วยการอ้อนแกมบังคับ “ทานเถอะนะคะ ฉันทำเองทุกอย่าง แกะสลักแบบฉบับไทยแท้ หาทานได้ยากมากๆเลยนะคะแม้กระทั่งในไทยเองก็เถอะ พอทานเสร็จฉันก็มีผลไม้หวานๆเย็นๆไว้รอ นะนะ” เหล่าหนุ่มมองเนเน่แล้วก็ถอนหายใจก่อนจะเริ่มทานอาหารมื้อใหญ่ที่สุดในรอบ6เดือน

                    ปกติพวกเขามีแต่ทำงาน ซ้อม นอน กิน ทำงาน ซ้อม นอน กิน วนไปวนมา อาหารที่กินก็พวกอาหารสำเร็จหรือข้าวกล่อง ผลไม้นี่ไม่ต้องพูดถึง ไม่ได้ทานกันมานานแล้ว มื้อนี้จึงจัดเป็นมื้อที่ดีเลยก็ว่าได้

                    เมื่อเนเน่เห็นพวกเขาเริ่มทานอาหารเธอก็เดินไปยืนรออยู่ข้างๆ เหล่าหนุ่มๆเมื่อตักอาหารเข้าปากไปได้หนึ่งคำก็พากันตาโตแล้วเปลี่ยนจากทานอาหารเป็น เขมือบอาหาร เพียงเวลาไม่ถึง15นาทีสงครามแย่งชิงอาหารก็จบลง เนเน่เอาผลไม้แกะสลักเข้ามาและวางลงต่อหน้าหนุ่มๆพวกเขาถึงกับร้องด้วยเสียงอันดัง

                    “สุดยอดดดดดดดดดด” ผลไม้ตรงหน้านอกจากจะน่าทานแล้วยังสวยและดูสูงส่งจนไม่กล้าจะแตะ พวกเขานั่งมองมันอย่างนั้นจะเนเน่ต้องเอ่ยปากถาม

                    “ทำไมไม่ทานกันล่ะคะ” พวกเขาเงยหน้ามองเธอก่อนที่คิสจะเป็นคนตอบด้วยน้ำเสียงอ่อยๆว่า “พวกเราอยากจะกินนะ แต่มันดูสวยมากเกินไป”

                    “เราไม่กล้ากินมัน” เอเจตอบพลางมองผลไม้ตาละห้อยด้วยอยากทานเต็มที่แต่ก็ทำใจทานไม่ลง

                    “ทานเถอะค่ะ ที่ฉันแกะสลักมันเพื่อให้มันเป็นอาหารทั้งตาและท้องแก่พวกคุณ เมื่อคุณทานมัน มันจะไม่เพียงสวยและเน่าเละจนต้องทิ้งไป แต่มันจะสวย และยังสร้างประโยชน์ให้ร่างกายของพวกคุณ ฉันยินดีจะทำให้คุณใหม่ เมื่อไรก็ได้ตามที่พวกคุณต้องการ” เนเน่ตอบแล้วส่งสายตาบอกให้พวกเขาทานมัน และเพียงช่วงเวลาไม่ถึง5นาทีผลไม้ก็หมดไป

                    “ดื่มน้ำก่อนนะคะ” เนเน่ร้องเตือนหนุ่มๆที่กำลังลุกจากโต๊ะอาหาร พวกเขาหันมายิ้มแล้วเดินกลับมาดื่มน้ำ ก่อนที่จะมีคนหนึ่งถามขึ้น

                    “เธอมาจากไทยใช่ไหม เธอทำอะไรให้เราตั้งหลายอย่าง เธอชื่ออะไร?” คิสถามแล้วยิ้ม เขาคือคนที่เปิดใจให้กับคนแปลกหน้ายากที่สุด แต่ตอนนี้เขายิ้มให้เธอ เนเน่ยิ้มแล้วย่อกายลง ค้อมศีรษะน้อยๆก่อนจะแนะนำตัวเองว่า

                    “ฉันชื่อเนเน่ค่ะ”

    6.00น. วันต่อมา

                    เนเน่ที่ตื่นมาออกกำลังกายตั้งแต่ตีสี่จนตีห้าเธอเริ่มทำอาหาร และตอนนี้ 6โมงเช้า เธอก้มลงมองตารางงานของโฮชิซองที่มิวะซังให้ไว้ในมือ

                    “ซ้อมเต้นที่บริษัทจนถึงเที่ยง บ่ายโมงมีถ่ายแบบนิตยสาร บ่ายสองครึ่งมีถ่ายรายการวาไรตี้ สี่โมงเย็นมีสัมภาษณ์นิตยสารชื่อดังฉบับหนึ่ง หกโมงเย็นมีถ่ายโฆษณา ทุ่มเครื่องกลับบริษัทไปซ้อม สองทุ่มสี่สิบห้ากลับหอ ถึงหอสามทุ่มพอดี โว้วๆ งานน้อยกว่าพวกฉันวะอีก” เนเน่บ่นๆก่อนจะมองหารที่เอทำไว้มากมายก่ายกองแล้วเอาบางส่วนเข้าตู้เก็บอาหาร โดยแยกเอาไว้ มีชุดเล็กๆสำหรับสาวใช้อีกคนซึ่งชื่อริกะ

                    เนเน่เดินขึ้นไปที่ชั้นสามซึ่งเป็นห้องของบรรดาหนุ่มๆแล้วเคาะประตูก่อนจะเดินเข้าไปในห้องของเจเค

                    “คุณเจเคคะ...หกโมงเช้าแล้วค่ะ ได้เวลาตื่นแล้วนะคะ คุณเจเค คุณควรตื่นไปอาบน้ำนะคะ จะได้ลงไปทานอาหารที่ฉันเตรียมไว้” เนเน่เรียกแต่เขาก็ยังคงหลับเนเน่จึงเดินเข้าไปหาและเขย่าตัวเขา แต่เขาก็ยังนิ่ง เนเน่จึงปีนขึ้นไปบนเตียงแล้วเขย่าเขาอีก

                    “ตื่นสิคะ ถ้าคุณไม่ตื่นจะสายเอานะคะ” แต่เจเคก็ยังคงหลับอย่างมีความสุข เนเน่จึงถอนหายใจแล้วคิดว่าจะไปปลุกคนอื่นก่อนแล้วค่อยกลับมาปลุกเจเคทีหลัง แต่ยังไม่ทันทีเนเน่จะกระโดดลงจากเตียงเธอก็โดนฉุดแขนลงไปหาร่างสูงที่นอนอยู่

                    จุ๊บ

                    เนเน่ถึงกับตาโตและรู้สึกชาทำอะไรไม่ถูก เจเคจุ๊บแก้มเธอ

                    “ตื่นแล้วครับผม จะไปอาบน้ำเดี๋ยวนี้ เห้อออ..แก้มนิ่มๆนี่ดีจังเลยน้าาา” เจเคว่าแล้วกระโดดขึ้นยืนแล้วเดินเข้าห้องน้ำไป ปล่อยให้เนเน่หน้าแดงแล้ววิ่งออกไปทั้งๆที่ใจเต้นเหมือนจะหลุดออกมา


                    ขณะที่ทุกคนทานอาหารกันอยู่เนเน่ก็นำอาหารที่ทำไว้ใส่กล่องและนำใส่ตะกร้าขนาดใหญ่ นอกจากจะมีอาหารสำหรับมื้อกลางวันแล้วยังมีชุดขนม นม และน้ำผลไม้สำหรับเบรกด้วย

                    เมื่อหนุ่มๆทานอาหารเรียบร้อยแล้วริกะก็เก็บโต๊ะทำความสะอาด เหล่าหนุ่มๆค่อยๆเดินขึ้นรถทีละคน เนเน่เอาเสื้อผ้าสำหรับใส่เปลี่ยนให้หนุ่มขึ้นแขวนไว้หลังรถซึ่งทำไว้สำหรับเก็บเสื้อผ้า ร้องเท้า และอื่นๆ เมื่อเก็บเสื้อผ้าเรียบร้อยก็เดินไปขึ้นนั่งที่ข้างๆคนขับที่เดิมของเธอ

                    “ตารางงานวันนี้นะคะ เริ่มที่ไปซ้อมเต้นที่บริษัทจนถึงเที่ยง บ่ายโมงมีถ่ายแบบนิตยสาร บ่ายสองครึ่งมีถ่ายรายการวาไรตี้ สี่โมงเย็นมีสัมภาษณ์นิตยสารชื่อดังฉบับหนึ่ง หกโมงเย็นมีถ่ายโฆษณา ทุ่มเครื่องกลับบริษัทไปซ้อม สองทุ่มสี่สิบห้ากลับหอ ถึงหอสามทุ่มพอดี ฉันจะคอยอยู่กับพวกคุณ หากต้องการอะไรโปรดบอกฉันนะคะ” เนเน่บอกแล้วหันกลับไปมองทางด้วยรอยยิ้ม หนุ่มๆยิ้มๆแล้วพากันหันไปมองเจเคที่เริ่มทำตัวชอบเนเน่อย่างออกหน้าออกตา

                    “นี่ๆฮยอง เบาๆหน่อย นั่นน่ะสาวใช้นะ” เอเจแซวก่อนจะเตือนเรื่องฐานะของเนเน่ เจเคหุบรอยยิ้มก่อนจะหันไปมองคนอื่นๆด้วยสายตามีคำถามเช่นเดียวกับพีทที่เป็นน้องน้อยใสซื่อไม่เข้าใจสิ่งที่เอเจพูดเช่นเดียวกันกับเจเค คิสที่เซ้นส์เรื่องพวกนี้ดีเลิศจึงเป็นผู้ตอบให้

                    “ก็เพราะว่าฮยองเป็นถึงไอดอลผู้มีชื่อเสียงแต่เนเน่เป็นแค่สาวใช้ไง มันไม่เหมาะสมกัน” โจเซทำท่าชี้นิ้วเป็นเชิงบอกว่าใช่แล้วแล้วพูดเสริม “ถ้าหากมีคนรู้ว่าฮยองชอบสาวใช้ของวงเร็ตติ้งฮยองย่อยยับแน่”

                    เจเคหันไปมองเสี้ยวหน้าของเนเน่ที่กำลังยิ้มอย่างมีความสุขแล้วถอนหายใจ

                    “ฉันไม่สนใจ เพราะเรื่องของความรักกับเรื่องของฐานะมันคนละส่วน ฉันหวังว่าพวกนายจะเข้าใจ ว่าหากมีคนที่นายรักเข้ามาในชีวิตของพวกนาย พวกนายก็คงปฏิเสธไม่ได้ง่ายๆเช่นกัน” เจเคพูดแล้วนั่งเงียบไปตลอดทางขณะที่เมมเบอร์คนอื่นๆก็คิดตามที่เจเคพูดและเห็นด้วยเต็มหัวใจ

    บริษัท

                    “สวัสดีค่ะ ฉันเนเน่ค่ะ ฉันคือผู้ช่วยของมิวะซังผู้จัดการของโฮชิซองค่ะ” เนเน่กล่าวกับพนักงานต้อนรับเพื่อบอกกล่าว เธอยิ้มแล้วบอกจะจัดการให้ เนเน่จะได้ไม่โดนไล่ออกไปจากบริษัท เมื่อมาถึงห้องซ้อมเนเน่ก็ปล่อยให้หนุ่มๆซ้อมส่วนเธอก็เอาเสื้อผ้าไปเก็บไว้ที่ห้องส่วนตัวของพวกเขาในบริษัทแล้วแอบปะนาคารซึ่งมีสาขาอยู่ชั้น1ของตึกนี่เอง

                    เนเน่ไปจัดการเรื่องบัตรต่างๆของธนาคารต่างๆจนครบ (ซึ่งเปิดอยู่ที่ชั้น1น่ะแหละ ช่างเป็นบริษัทที่ยิ่งใหญ่และเพียบพร้อมเสียจริง) เบิกเงินออกมาเพื่อพกไว้ตามค่าขนมของเธอ (ถ้าอยู่ในไทยออกจากบ้านตั้งมีอย่างต่ำ5พันบาท แต่อยู่ต่างประเทศนี่...ตอนนี้เธอมีอยู่กับตัว5แสนเยนเพราะเธอรู้สึกว่าเวลามีเงินปลอดภัยมากกว่าไม่มี) เนเน่จัดการไปซื้อเสื้อผ้าและข้าวของจำเป็น ให้คนขับรถเอาไปเก็บไว้ที่บ้านส่วนเธอก็รีบขึ้นไปดูหนุ่มๆซ้อม

                    เหล่าโฮชิซองซ้อมจนเหงื่อออกราวกับอาบน้ำ พวกเขาซ้อมกันมานานแล้ว ขณะนี้เป็นเวลาสิบโมงแล้ว เนเน่เรียกให้พวกเขาพักแล้วนำเบรกออกมา พวกเขาทานเบรกภายในเวลาไม่ถึง5นาทีแล้วนั่งเล่นนั่งคุยกันขณะที่เนเน่เก็บของและทำความสะอาด

                    “เนเน่ เธออายุเท่าไรแล้ว” พีทวิ่งเข้ามาแล้วร้องถาม เนเน่ยิ้มแล้วตอบไปตามตรง

                    “20ปีแล้ว ฉันดูเด็กกว่าอายุจริงใช่ม้า น่าตาน่ารักอย่างฉันเนี่ย” เนเน่พูดพลางเล่นหน้าเล่นตาทำเอาทุกคนหัวเราะรวมทั้งเจเคด้วย

                    “แล้วเธอไม่เรียนมหาวิทยาลัยเหรอ? พวกเราไม่เรียนก็ไม่แปลกอ่ะนะ แต่คนไทยเขาคิดมากเรื่องมหาวิทยาลัยไม่ใช่เหรอ?” โจเซถามพลางนึกถึงเรื่องเกี่ยวกับประเทศไทยที่ได้ยินมา

                    “ฉันเรียนจบแล้วล่ะค่ะ ฉันเพิ่งเข้ารับปริญญาเมื่อเดือนที่แล้วนี้เองล่ะค่ะ เก่งใช่ไหมล่ะ” คำตอบของเนเน่สร้างความตกตะลึงให้กับพวกเขาอีกครั้ง เนเน่เรียนจบแล้วทั้งๆที่อายุแค่20ปีเท่านั้น เข้าขั้นอัจริยะเลยทีเดียว แต่ทำไมถึงมาทำงานเป็นคนรับใช้ล่ะ?

                    “แล้วทำไมเธอถึงมาเป็นคนใช้ล่ะ” เอเจถามเพราะไม่เข้าใจจริงๆ เท่าที่เคยได้ยินมาพวกคนไทยที่จบปริญญาแล้วเขาไม่มีใครเป็นคนใช้หรอก แถมยังหัวสูงอีกต่างหาก

                    เนเน่หัวเราะร่าแล้วโบกมือไปมา “ใครบอกว่าฉันมาที่นี่เพื่อเป็นคนใช้เล่า! ฉันมาทำงานของฉันต่างหาก แต่การที่มาดูแลพวกคุณนี่ไม่ได้แปลว่าฉันมารับใช้สักหน่อย ฉันรับคำสั่งจากมิวะซัง ให้ดูแลพวกคุณ คอยเป็นผู้จัดการและทำทุกอย่างไม่ให้คุณต้องพบกับอุปสรรคการทำงาน นั่นไม่ใช่คนใช้ค่ะ นั่นคืองานที่ดีและมีเกียรติ” ทุกคนเงียบแล้วจ้องเธออย่างไม่สามารถละสายตาได้ เธอเต็มใจดูแลพวกเขาจริงๆ...เธอช่างเป็นคนที่ดี ลีดเดอร์ของพวกเขาชอบคนไม่ผิดจริงๆ

                    ก๊อกๆๆๆ

                    เสียงเคาะประตูดังขึ้นเนเน่จึงเดินไปเปิดประตู พวกเขาพบกับพนักงานคนหนึ่ง เธอมาเพื่อเชิญให้โฮชิซองไปดูเสื้อผ้าสำหรับอัลบัมที่กำลังจะออกใส่เดือนหน้า เนเน่ให้พวกเขาเดินนำไปก่อนส่วนเอจะเก็บของและตามไป

                    “คุณคือเนเน่วงแคนดี้สวีตตี้ใช่ไหมคะ ฉันเป็นชูการ์นะคะ ขอลายเซ็นหน่อยได้ไหม” พนักงานคนนั้นที่จ้องเนเน่อยู่นานร้องขึ้นด้วยเสียงอันดัง เนเน่รีบบอกให้เธอเงียบแล้วชะโงกหน้าไปมองเหล่าโฮชิซองที่เดินไปได้ไม่ไกลว่าจะได้ยินไหมแต่พวกเขาก็ไม่ได้หยุดเดิน เนเน่จึงคิดว่าเขาไม่น่าจะได้ยินอะไร

                    “อย่าบอกใครนะคะ ฉันมาทำภารกิจลับอยู่น่ะค่ะ”

                    “จริงเหรอคะ อ๊ายยย ฉันตื่นเต้นจริงๆที่ได้เจอคุณ” พนักงานสาวร้อง เนเน่ไม่รู้จะทำอย่างไรรีบเอาสมุดและปากกาออกมาเซ็นลายเซ็นแล้วฉีกกระดาษแผ่นนั้นส่งให้พนักงานสาวแล้วกระซิบบอกเธอว่า “อย่าให้ใครทราบนะคะว่าคุณเจอกันที่นี่ ฉันขอร้องค่ะ อย่าบอกใครนะคะว่าฉันเป็นใคร”

                    “ได้ค่ะๆๆๆๆ ขอบคุณมากนะคะ” เธอบอกแล้ววิ่งจากไป เนเน่รีบเก็บของแล้วตามหนุ่มๆไป


    เวลาผ่านไปหลายวัน เนเน่คอยดูแลหนุ่มอย่างไม่มีขาดตกบกพร่องใดๆเลย ความสัมพันธ์ของเธอและเจเคดีขึ้นเรื่อยๆ พวกเขาอยู่กันเหมือนเพื่อน ยูกิ สาวใช้อีกคนกลับมาแล้ว และพวกเธอก็เข้ากันได้ดีมาก วันเวลาของเนเน่ผ่านไปอย่างมีความสุข จนกระทั่งวันนี้

                    (อย่าลืมนะเนเน่ วันนี้เธอมีถ่าบโฆษณากับถ่ายแบบกับโฮชิซองนะ) เสียงของมิยูที่ดังมาตามสายทำให้เนเน่ที่ใส่สโมทอกซ์คุยสไกป์อยู่กับมิยูไปด้วยและเตรียมอาหารไปด้วยชะงักมือ นี่เธอลืมไปเลยว่าเธอมีงาน ทำยังไงดีล่ะทีนี้

                    ในสมองของเนเน่รีบวางแผนการอย่างรวดเร็ว แผนการทั้งหลายออกมาเป็นภาพอยู่ในสมองของเธอหลายสิบแบบ และสุดท้ายเธอเลือกแบบหนึ่ง

                    “ยูกิ ฉันมีอะไรจะคุยด้วย...” เนเน่เรียกยูกิมาหาแล้วเริ่มเกริ่น...

    สตูดิโอ2

                    “เนเน่ เธอแน่ใจนะว่าเธอไม่ต้องไปหาหมอน่ะ” เจเคพูดใส่มือถืออย่างร้อนรน

                    เมื่อเช้าเขานึกว่าจะเป็นเหมือนทุกๆวัน ที่เนเน่จะมากับพวกเขา แต่ไม่...เนเน่ไม่สบายนอนซมอยู่บนเตียง เขาได้ไปดูเธอก่อนออกมา

                    ไปหาหมอเถอะ

                    ไม่อ้ะ ฉันไม่ไป โอป้าไปทำงานเถอะนะ ฉันอยู่ได้จริงๆ

                    ถ้าฉันกลับมาแล้วเธอยังไม่ดีขึ้นฉันจะพาเธอไปหาหมอเอง

                    ถึงเวลานั้นฉันจะตามใจโอป้าทุกอย่างเลย

                    บทสนทนาสั้นๆจบลงด้วยจุ๊บลาเบาๆที่ริมฝีปาก เจเคและเนเน่ผละออกจากอ้อมกอดของกันและกันอย่างอ้อยอิ่งก่อนที่เจเคต้องหักใจเดินออกมาจากห้องของเนเน่ ความสัมพันธ์ของพวกเขาเติบโตขึ้นอย่างรวดเร็วท่ามกลางความสนับสนุนจากเหล่าเมมเบอร์โฮชิซองและทุกคนในบ้าน ตัวเนเน่เองที่ตอนแรกออกจะเขินๆกลับรู้สึกดี เพราะจูจุ๊บทุกเช้าของเจเคที่ค่อยๆลามปามเป็นจูบ เป็นอ้อมกอด เป็นการเย้ายวน พวกเขารู้อยู่ว่าต่างคนต่างรักกันเพียงแต่ตอนนี้ยังไม่มีใครได้กล่าวอะไร เจเคบังคับให้เนเน่เรียกเขาว่าโอป้า เพราะเขาคิดว่าคำว่าคุณช่างห่างเหินเกินไป

                    (ฉันแน่ใจค่ะ โอป้า ฉันปวดหัวหน่อยๆ เดี๋ยวแค่นี้ก่อนนะคะ)

                    “ดูแลตัวเองนะ ฉันเป็นห่วง”

                    (ค่ะ โอป้าตั้งใจทำงานนะคะ ฉันก็ห่วงเหมือนกัน) แล้วทั้งคู่ก็วางสาย เจเครีบวิ่งเข้าไปหาผู้กำกับที่คุยอยู่กับเมมเบอร์ว่าจะต้องทำอย่างไรบ้าง

                    “โฆษณาตัวนี้มีคุณเนเน่วงแคนดี้สวีตตี้เป็นนางเอก อีกประเดี๋ยวเธอคงมาถึง...”

                    “...ขอโทษจริงๆนะคะที่มาช้า ถึงคุณจะบอกว่าไม่เป็นไรก็เถอะ วันนี้ฉันจะทำงานให้หนักค่ะ” เสียงหวานคล้ายคุ้นหูดังขึ้น โฮชิซองหันไปมองก็พบกับหญิงสาวร่างเล็กผมยาวสีควันบุหรี่แต่งหน้าบางๆแต่งดงามยิ่ง แววตาแพรวพราวแต่ดูคุ้นอย่างที่สุด

                    ไอดอลสาวคนนี้คือสาวงามล้ำที่หายากยิ่ง หากแต่...ช่างคุ้นตาราวกับพบกันมานาน

                    “สวัสดีค่ะทุกคน ฉันขอโทษนะคะที่สาย” เธอกล่าวแล้วโค้งให้อย่างรู้สึกผิด แต่ทุกคนก็ไม่ได้ว่ากล่าวเธอ และการทำงานก็เริ่มต้นขึ้น

    ช่วงพัก

                    “ฮยอง แค่เนเน่ไม่รับสายอย่าทำหน้าเหมือนยัยนั่นตายสิ” โจเซบอกแล้วตบไหล่เจเคเบาๆ เนเน่ที่กำลังแชทกับมิยูถึงกับแอบสะดุ้งเล็กน้อยเมื่อได้ยินชื่อตัวเอง

                    “ฉันเป็นห่วงยัยนั่นนี่นา”

                    “เอาน่า ไปหาอะไรดื่มก่อนเถอะ จะได้รีบกลับมาถ่ายต่อ คุณเนเน่เขานี่สุดยอดเลย สมกับเป็นไอดอลชื่อดังระดับเอเชีย” พีทพูดแววตาฉายความชื่นชมอย่างชัดเจน

                    “แล้วคุณไม่ใช่ไอดอลชื่อดังระดับเอเชียหรือไงคะ เพื่อนฉันเป็นสกายนะ จริงๆ” เนเน่ทำทีเป็นเดินผ่านไปกล่าวหยอกพีทขำๆแล้วโค้งศีรษะน้อยๆแล้วเดินออกจากสตูไป

                    เจเค พีท และโจเซ มองตามเนเน่ไปก่อนจะไม่ใส่ใจเธออีก เจเคเดินออกไปเพื่อกดน้ำผลไม้มาดื่มสักกระป๋อง เพราะเมื่อเนเน่ไม่มายูกิที่ตามมาก็หัวหมุนจนลืมเอาน้ำผลไม้และของเบรกที่เนเน่เตรียมไว้ให้มาให้ทุกคนทาน


                    เนเน่ที่เดินแยกออกมาโทรคุยกับมิยูอยู่ในห้องแต่งตัว วันนี้งานที่ญี่ปุ่นของเนเน่ก็จะเสร็จ แล้วอีกสามวันเธอก็ต้องเดินทางไปเกาหลีใต้เพื่อถ่ายทำมินิซีรีย์ของสินค้าตัวนี้ แน่นอนว่าถ่ายทำกับโฮชิซอง แต่เนเน่ที่เป็นคนจากบริษัททำความสะอาดน่ะ จะอยู่ได้แค่จนพวกโฮชิซองอยู่ที่ญี่ปุ่นนี่เท่านั้น ซึ่งพวกเขาจะอยู่อีกสี่วัน นั่นหมายความว่าเนเน่ต้องหาทางไปให้ได้ก่อน แต่เธอจะทำได้ไหม จะอยู่ได้ไหม หากไม่มีเจเค

                    ช่วงเวลาสั้นๆ แต่เขากลายเป็นทุกอย่างในชีวิตของเนเน่

                    ไม่เคยมีใครจุ๊บหน้าผากเธอเบาๆก่อนนอน ไม่เคยมีใครร้องเพลงให้เธอมาก่อน ไม่เลย ยิ่งกับเธอ ที่เป็น -คนใช้- ยิ่งแล้ว จะมีสักกี่คนที่สูงส่งเหลือเกินแต่กลับยอมละทิ้งทุกอย่าง ไม่มองฐานะหน้าที่การงาน

                    เขาเท่านั้นที่เธอจะรัก

                    เนเน่ตัดสินใจแล้วว่าจะหนีออกมาแล้วให้บริษัทแจ้งมาว่าส่งตัวมาผิดคนและเธอต้องไปทำงานตามกำหนดจริง แล้วเธอก็จะหายไป เจเคอาจจะได้พบคนใหม่และรักเธอคนนั้น แต่เนเน่จะไม่มีวันรักใครอีก เธอจะรักเขาคนเดียวตลอดไป เมื่อตัดสินใจได้เธอก็ลุกขึ้นเดินไปเปิดประตูเพื่อที่จะกลับไปที่สตูดิโอแต่...

                    ภาพที่เนเน่เห็นตรงหน้านั้นไม่ใช่คนรักของเธอหรอกหรือ?

                    เจเคกับพักมีฮเย นักร้องสาวสวยวัยใสน่ารักที่เพิ่งเดบิ้วท์ไปเมื่ออาทิตย์ก่อน พวกเขากำลังจูบกัน เนเน่ถึงกับตาโตนิ่งอึ้งด้วยความเจ็บปวด

                    เธอโง่มานานแค่ไหนกันนะ? นี่เธอคิดว่ามันเป็นรักแท้เหรอ? โง่เสียจริง...

                    เนเน่เหยียดยิ้มมุมปากเช่นเดียวกับที่เคยกระทำเมื่อเข้าไปเห็นจะๆตาว่าอดีตแฟนของเธอพาผู้หญิงมานอนถึงห้อง เธอก้าวเดินอย่างมั่นใจแล้วล้วงเอาแว่นกันแดดมาสวม เธอเดินผ่านคนทั้งคู่ไปโดยไม่สนใจหรือแสดงอาการว่าเห็นพวกเขาเลย แต่พวกเขาผละออกจากกันแล้วมองตามเธอไปจนสุดสายตา

                    “ฉันปวดท้องมากๆค่ะ ขอเลื่อนเป็นพรุ่งนี้ได้ไหมคะ?” เนเน่ร้องบอกผู้กำกับ ทุกคนเห็นใจเนเน่ที่เธอปวดท้องถึงขั้นลงไปนอนตัวงอกับพื้น ทุกคนเร่งร้อนส่งตัวเธอไปโรงพยาบาล ส่วนโฮชิซองก็ไปคุยเรื่องคิวที่ต้องถ่ายในวันถัดไป

                    เนเน่ไปถึงโรงพยาบาลคนที่มิยูส่งมาก็มารอรับอยู่ พวกเขารีบไปที่บ้านแล้วเก็บข้าวของ เนเน่ฝากทุกคนไว้กับยูกิและริกะ เธอให้เหตุผลแบบที่เคยคิดไว้แล้วจากไปในทันที ยูกิกับริกะถึงกับร้องไห้ที่เนเน่จากไปซ้ำยังรวดเร็วถึงปานนี้

                    คืนนั้น...ทั้งบ้านไร้ซึ่งเสียงหัวเราะหรือเสียงใดใด

    วันต่อมา

                    วันนี้เนเน่ไม่ได้มาถ่ายทำเพียงคนเดียว แต่สามสาวแสนหวานมากันครบทีม อินฮวาและมิยูเคืองแค้นเจเคนักที่ทำร้ายใจเพื่อนสาวของพวกเธอ ด้วยรู้ว่า เนเน่เป็นคนรักใครรักจริง จะรักกี่วันกี่เดือนกี่ปีก็หมายถึงรักจริงๆทั้งใจ

                    “ฮยองอย่าเป็นอย่างนี้สิ” เสียงหนึ่งดังมาจากทางประตู เธอจำได้ เสียงของคิสผู้ร่าเริง แฟชั่นนิสต้าตัวพ่อ บำรุงผิวรักความงามสุขภาพเป็นเลิศยิ่งกว่าเธอเสียอีก

                    “เธอหายไป เธอทิ้งฉัน” เสียงนี้...เสียงของเขา คนที่อ่อนโยน คนที่อบอุ่น แต่ก็เป็นคนที่เลือดเย็นที่สุดเท่าที่เคยรู้จักมา

                    เมื่อพวกเขามา การถ่ายทำก็เริ่มขึ้น จวบจนเมื่อมันจบ เนเน่ อินฮวา และมิยูก็เข้าไปคุยกับโฮชิซองและให้ของขวัญที่มาจากไทย

                    “พวกคุณมาจากไทยหรือ ว้าว! สุดยอดเลย” พีทร้องอย่างร่าเริงพลางดูของขวัญที่ได้รับ

                    “ใช่ พวกเรามาจากไทย” อินฮวาบอกพร้อมรอยยิ้มแสนหวาน แล้วเอเจก็เลิกคิ้วก่อนจะเอ่ยถามสิ่งที่สงสัยออกมา

                    “พวกคุณอายุเท่าไรกันแล้วครับ? เรียนจบแล้วหรือยังครับเนี่ย เห็นบอกว่ามาเที่ยว ผมก็สงสัยว่าไม่มีเรียนเหรอครับ” มิยูยิ้มแล้วตอบกลับไปตามความจริงว่า

                    “พวกเราอายุเท่ากันค่ะ อายุ20 พวกเราเรียนจบแล้วล่ะค่ะ ฉันจะบอกอะไรให้นะคะ ในประเทศไทย และรุ่นของฉันมีเพียงพวกฉันสามคนเท่านั้นที่เรียนจบมหาวิทยาลัยได้ภายในอายุเพียง20ปีเท่านั้น” พูดแล้วทุกคนก็ขำ

                    เจเคตาโตแล้วเงยหน้าสบตากับเนเน่ และเมื่อได้สบตากันเขาก็พลันเข้าใจทุกอย่าง... สายตาที่เต็มไปด้วยความรู้สึกของเนเน่บอกเขาทุกอย่าง แววตานั้นเต็มไปด้วยความรัก น้อยใจ ความแค้น ความรู้เท่าทัน มันผสมระคนกันไป แล้วเธอก็ทำในสิ่งที่ทุกคนต้องตกใจ

                    เนเน่หยิบแว่นตาหนาเตอะที่เธอใส่ตลอดเวลาที่อยู่กับโฮชิซองแล้ว...หักมันทิ้งซะ!!!

                    แล้วสามสาวแสนหวานก็ยิ้มที่มุมปากแล้วหันหลังเดินจากไปท่ามกลางความตกตะลึงของหนุ่มๆและหนึ่งในนั้นคือความเสียใจ

    ณ เกาหลีใต้ ในเวลาต่อมา

                    เนเน่เดินไปตามถนนที่มีผู้คนมากมาย เธออยากร้องไห้ คนที่รักเขาก็อยู่ที่นี่ เพิ่งแยกกันเมื่อกี้ ใช่...เธอเพิ่งไปถ่ายมินิซีรีย์ พอถ่ายเสร็จเธอก็คว้ากระเป๋าออกมาเดินเที่ยวเล่นเพื่อให้จิตใจปลอดโปร่ง แต่เปล่าเลย ตรงกันข้าม เธอกลับรู้สึกโดดเดี่ยวและปรารถนาจะร่ำไห้ยิ่งกว่าเดิมซะอีก

                    (ครับผม...และตอนนี้เราก็ยังอยู่กับโฮชิซองนะครับ)

                    (เฮ้ๆๆๆๆๆๆๆ)

                    เสียงดังออกมาจากร้านขายอุปกรณ์อิเล็กโทรนิคที่ตั้งโทรทัศน์ซึ่งเปิดเอาไว้หน้าร้านเพื่อดึงดูดลูกค้า เนเน่หยุดเดินแล้วหันไปมองในทีวี นี่คือเทปที่ถ่ายเอาไว้สองวันก่อนพวกเขามาเกาหลี เนเน่หยุดและยืนมองใบหน้าของชายที่รักอย่างคิดถึงเกินจะทนไหว

                    (ประเด็นที่เราค้างไว้ก่อนโฆษณาคือ ผู้หญิงที่เจเคชอบเป็นแบบไหนใช่ไหมครับ คราวนี้นายห้ามบ่ายเบี่ยงแล้วนะ)

                    (ฮ่าๆๆๆ ครับผม)

                    (คนที่ฮยองชอบไม่น่ารักเท่าของผมหรอกนะฮะ) โจเซกล่าวทำเอาเอเจและคิสรีบเข้ามารุมตีเขาเรียกเสียงหัวเราะจากผู้ชม

                    (เธอทำอาหารเก่งมากครับ ใส่ใจสุขภาพของทุกคนเป็นหลัก เธอแกะสลักผลไม้ได้สวยที่สุดในโลก เธอร้องเพลงเก่งครับ เธอทำทุกอย่างได้อย่างดีเยี่ยมจนน่าทึ่ง และเธอก็สามารถทำให้ผมรักเธออย่างง่ายดาย) คำตอบของเขาเรียกเสียงฮือฮาเป็นอย่างมาก

                    (นายพูดอย่างนี้บอกชื่อมาเลยเถอะ ฉันอยากรู้เลยนะเนี่ย) พิธีกรกล่าวอย่างหัวเสียเชิงเล่นเชิงจริง

                    (เธอจากผมไปแล้ว เพราะความเข้าใจผิด แต่ผมไม่โทษเธอ เพราะเธอคงจะเสียใจมาก แต่ผมอยากให้เธอรู้ว่า ผมขอโทษ ผมจะไม่มีวันรักใครอีกนอกจากเธอคนเดียว)

                    (โว้วๆๆๆๆ นายควรจะแคร์เรตติ้งหน่อยนะ) พิธีกรแซว โฮชิซองทุกคนขำก่อนจะตอบว่า

                    (เรารู้ว่าสกายทุกคนรักเราครับ)

                    (ฮ่าๆๆๆๆๆๆ)

                    เนเน่หันหน้าหนีจากจอโทรศัทน์ที่ซูมเข้าไปยังใบหน้าของชายหนุ่มผู้เป็นที่รักซึ่งขอบตาแดงๆเผยให้เห็นว่าเขากำลังแข็งใจกลั้นน้ำตาไว้แค่ไหน

                    “เธอจะไม่ให้อภัยฉันเลยเหรอ” เสียงคุ้นดังขึ้นข้างหลังเธอ เมื่อเนเน่หันกลับไปมองเธอก็พบกับเขา!

                    คนที่เธอคิดถึงยืนอยู่ข้างหลังเธอแล้ว

                    “พักมีฮเยเขาต้องการสร้างข่าว เลยจูบฉันเพื่อถ่ายรูปแบล็กเมล์ให้ฉันออกข่าวว่าคบกับเขาเพื่อดันตัวเอง แต่ฉันก็ไม่ยอม ได้โปรดเชื่อใจฉัน” เจเคกล่าวพร้อมกับคุกเข่าลงทั้งสองข้างและรวบมือเนเน่เอาไว้นำมากอดไว้แนบอก

                    เนเน่ร้องไห้น้ำตาไหลราวกับเขื่อนแตก เธอยอมแล้วจริงๆ เธอรู้แล้วว่า เธอไม่สามารถใจแข็งได้อีกต่อไป ไม่ว่าเรื่องของเขากับพักมีฮเยที่เขาบอกนั้นจะเป็นความจริงหรือแก้ตัว แต่ตอนนี้ เนเน่ยินดีที่จะเชื่อมัน

                    เนเน่ทิ้งตัวลงคุกเข่าแล้วโผเข้ากอดเจเคทันที พวกเขากอดกันด้วยความรัก คิดถึง และหวงแหน ในที่สุดพวกเขาก็ได้หัวใจของพวกเขากลับคืนมา

                    “ฉันไม่อยากเสียโอป้าไปอีก ไม่อยากเจ็บแล้ว และไม่อยากร้องไห้แล้วด้วย” เนเน่กล่าวไปสะอื้นไป น้ำตาของเธอยังไหลไม่หยุดทั้งๆที่อยู่ในอ้อมกอดของเขา

                    “ฉันสัญญาจะไม่ทำให้เธอร้องไห้อีก ฉันรักเธอนะ เนเน่”

                    “ฉันก็รักโอป้า”




    O W E N TM.
    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ

      นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

      loading
      กำลังโหลด...

      คำนิยม Top

      ยังไม่มีคำนิยมของเรื่องนี้

      คำนิยมล่าสุด

      ยังไม่มีคำนิยมของเรื่องนี้

      ความคิดเห็น

      ×