Destiny in the Yok ลิขิตแสนกลอลวนคำสาปแสนร้าย - Destiny in the Yok ลิขิตแสนกลอลวนคำสาปแสนร้าย นิยาย Destiny in the Yok ลิขิตแสนกลอลวนคำสาปแสนร้าย : Dek-D.com - Writer

    Destiny in the Yok ลิขิตแสนกลอลวนคำสาปแสนร้าย

    เมื่อคำสาปทำให้ต้องเธอ 'หนี' จนมาเจอกับ 'รัก' เรื่องราวของสาวน้อยนุ่มนิ่มกับไอดอลสุดน่ารักจึงเริ่มขึ้น

    ผู้เข้าชมรวม

    103

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    4

    ผู้เข้าชมรวม


    103

    ความคิดเห็น


    0

    คนติดตาม


    0
    หมวด :  ซึ้งกินใจ
    เรื่องสั้น
    อัปเดตล่าสุด :  25 เม.ย. 60 / 22:58 น.


    ข้อมูลเบื้องต้นของเรื่องนี้



    ณ ค่ายเพลงยักษ์ใหญ่แห่งหนึ่งในเกาหลีใต้


       เสียงเพลงสนุกๆดังแผ่วๆราวกับมาจากที่ไกลๆ ทั้งๆที่มันมาจากห้องข้างหน้านี่เอง

       "Excuse me,ser. Can I cleaning here?" ภาษาอังกฤษนั้นดังมาจากหญิงสาวที่ดูวัยรุ่นที่เพิ่งผลักประตูเข้ามา เธอยังดูอยู่ในวัยเรียนระดับอุดมศึกษา แต่ชุดที่เธอสวมกลับเป็นฟอร์มพนักงานทำความสะอาดของบริษัท

       ชายหนุ่มห้าคนซึ่งเป็นไอดอลชื่อดังซึ่งกำลังซ้อมเต้นอยู่หยุดซ้อมแล้วหันไปมองเธอ พวกเขารู้สึกดีใจเป็นบ้าที่มีคนมาขัดการซ้อมครั้งนี้ เพราะพวกเขาปรารถนาจะพักเหลือเกิน แต่ละคนเริ่มทิ้งตัวลงนั่ง บ้างเช็ดเหงื่อ ดื่มน้ำ เล่นโทรศัพท์ แต่มีเพียงคนเดียวเดินเข้ามาหาเธอ

       "Why you speak English? Are you Korean?" เขาถามกลับด้วยภาาอังกฤษ หญิงสาวยิ้มกว้างแล้วเข็นรถเข็นที่เต็มไปด้วยเครื่องมือทำความสะอาดเข้าไปในห้องซ้อมแล้วปิดประตู คนอื่นๆเริ่มสนใจพวกเขาแต่ก็ไม่ได้เข้ามาใกล้ 

       "No,I'm not. I'm Thai. And so sorry my English very bad" หญิงสาวตอบก่อนจะพูดออกมาด้วยสีหน้าเจื่อนๆ เพราะเธอยุติการเรียนในระดับอุดมศึกษาทุกอย่างแล้วเดินทางมาที่นี่ เพื่อทำงาน เก็บเงิน จนมากพอที่เธอจะสามารถกลับไปเรียนต่อได้อีกครั้งอย่างเต็มที่

       (ต่อไปนี้จะขอพิมพ์เป็นภาษาไทยนะคะ)

       "โอ๊ะ! จริงเหรอ? คุณเป็นคนไทยเหรอเนี่ย ผมอยากไปเที่ยวที่นั่นมากๆ แต่ไม่มีเวลาเลย คุณชื่ออะไรล่ะ ผมชื่อคิส อายุ23แล้วล่ะ" เขาพูดแล้วยิ้มกว้าง หญิงสาวเบิกตาโตเมื่อรู้อายุของเขาก่อนจะร้องเสียงดังอย่างลืมตัว

       "เป็นไปไม่ได้!" 

       "ทำไมล่ะ?"

       "คุณดูเด็กมากจริงๆ ฉันนึกว่าคุณจะอายุน้อยกว่าฉันหรือเท่าฉันซะอีก ฉันอายุ20ปีค่ะ ฉันชื่อพรเพลงดาวค่ะ เรียกเพลงก็ได้ ยินดีที่ได้รู้จักมากๆเลย" เพลงพูดขณะมือเริ่มทำนั่นทำนี่ "คุณเป็นคนแรกในเกาหลีที่คุยกับฉัน เพราะทันทีที่ฉันพูดกับใครเขาจะมองหน้าฉันแปลกๆแล้วเดินหนีไป" เพลงยังคงพูดต่อไปทั้งๆที่ยังคงก้มหน้าก้มตาเตรียมอุปกรณ์ทำความสะอาด

       "เฮ้! ภาษาอังกฤษของคุณก็โอเคนะ คุณเรียนจบแล้วใช่ไหม" ทันทีที่ได้ยินคำถามนั้นเพลงชะงักไปทำเอาห้าหนุ่ม(สี่คนที่แอบฟังแต่เนียนทำเป็นยุ่งหรือพักอยู่)รู้สึกฉุกใจขึ้นมา แต่ยังไม่ทันจะได้เดาไปต่างๆนาๆเพลงก็เงยหน้าจากอุปกรณ์ทำความสะอาดแล้วยิ้มน้อยๆแต่แววตาเศร้าหมอง เธอเริ่มพูดไปและลงมือกวาดห้องไป

       "ฉันลาออกจากมหาวิทยาลัยเมื่ออาทิตย์ที่แล้ว...ฉันอยู่ปี2 และกำลังจะขึ้นปี3 แต่ที่บ้านเรากลับมีปัญหา ฉันไม่อยากให้แม่ต้องทำงานหนักส่งฉันเรียน และฉันก็ไม่คิดว่าจะสามารถเรียนได้ดีหากต้องทำงานไปเรียนไป เพราะฉันหัวช้า ฉันเลยตัดสินใจที่จะลาออกแล้วทำงาน ตอนนี้ไม่ว่าจะเป็นงานอะไรฉันก็ทำ ขอแค่มันเป็นงานที่ดีและได้เงิน เพราะฉันยังคิดอยู่ตลอดว่าวันหนึ่งจะได้กลับไปเรียน...ให้จบ" เพลงพูดจบก็เงยหน้ามองทุกคน พวกเขาไม่ได้แสร้งทำเป็นพักเหนื่อยหรือเล่นโทรศัพท์อีกแล้ว พวกเขายืนรวมตัวกันมองเธอ
       "อะไรคะ?" เพลงถามอย่างงงๆ พลางมองหน้าห้าหนุ่มทีละคนอย่างไม่เข้าใจ ก็พวกเขามองเธอแปลกๆราวกับกำลังคิดอะไรอยู่อย่างนั้นแหละ
       "สนใจ...ทำงานพิเศษหรือเปล่า?" คิสถามขึ้นและมีรอยยิ้มกว้างตามมาอีกห้า เพลงเอียงคอก่อนจะร้องเบาๆด้วยความงงว่า...
       "เห?" 


       พรเพลงดาว คีตะศิลป์สกุล ชื่อนี้คือชื่อของหญิงสาวคนหนึ่งซึ่งพบเจอแต่เรื่องแย่ๆตั้งแต่เด็ก เริ่มแรกเมื่อครั้งอยู่ในครรภ์มารดา 

       แม่ของเธอแพ้ท้องอย่างหนักทันทีที่เธอท้องได้หนึ่งเดือน ระหว่างที่ท้องก็พบเจอแต่เรื่องโชคร้าย ทั้งตกงาน ทะเลาะกับสามีถึงขั้นเลิกรา ดีที่มีเงินเก็บอยู่บ้าง บ้านที่ปกติปลอดภัยไร้กังวลจู่ๆก็มักมีสัตว์เลื้อยคลานหรือสัตว์มีพิษเข้ามาบ่อยๆ จนกระทั่งคลอด วันคลอดเกิดฝนฟ้าคะนองในหน้าหนาว!!! ฟ้าผ่าเปรี้ยงปร้างสร้างความหวาดกลัวแก่ชาวบ้าน แต่ทันทีที่เด็กออกมาและได้ดูโลก ฝนฟ้าคะนองก็หายไป พระอาทิตย์สดใส โลกร่าเริง
       แต่ทุกอย่างก็กลับสู่ปกติ ทุกอย่างดีขึ้น ราวกับเด็กน้อยที่เคยนำมาซึ่งความน่าหวาดหวั่นได้กลายเป็นเทพตัวน้อยที่นำแต่สิ่งดีๆมาให้ 
       เมื่อเด็กน้อยอายุห้าขวบเรื่องร้ายๆก็เข้ามาอีกครั้ง ความซวยมหากาฬเกิดขึ้นกับครอบครัว เด็กน้อยพรเพลงดาวเกิดลืมตัวฆ่าโจรที่แอบเข้ามาในบ้านและหวังจะข่มขืนแม่ของเธอโดยการเผาเขาจนไม่เหลือแม้แต่ผุยผง...ด้วยไฟสีฟ้า และนอกจากไม่เหลือผุยผงแล้ว...ยังไม่เหลือร่องรอยอะไรเลยอีกด้วย ปกติทุกอย่าง ครอบครัวของเธอกิจการล้มไม่เป็นท่าในปีนั้น เหล่าสัตว์น่ากลัวมาอีกครั้ง และทันทีที่เด็กน้อยอายุหกปีทุกอย่างก็ดีขึ้นราวกับคำสาปหมดไป
       และ...เรื่องราวก็เป็นเช่นนี้ทุกๆห้าปี อายุห้าขวบ สิบขวบ สิบห้า และยี่สิบ...
       เพลง...รู้ว่าตัวเองทำอะไรได้บ้างตั้งแต่เธออายุได้สิบห้าปี ที่ความโชคร้ายมาเยือนอีกครั้ง ครานั้นเธอท้อแท้และไม่อยากให้ครอบครัวต้องเจอกับปัญหาอีก เธอคิดจะฆ่าตัวตาย แต่เธอก้ได้เจอกับแม่หมอคนหนึ่ง เธอบอกว่า คำสาปของพรเพลงดาวจะสิ้นสุดเมื่อได้จุมพิตจากเนื้อคู่ เนื้อคู่ที่คู่กันมาตั้งแต่เมื่อแรกเริ่มของบ่วงกรรม
       นอกจากนั้นแม่หมอยังให้เครื่องรางมาแก่เธอ หนึ่งคือสร้อยคอจี้ดาวหกแฉกอยู่ในวงกลม สองคือสร้อยข้อมือเป็นจี้รูปกริชเงินเล็กๆและรูปลูกศรเล็กๆ ทั้งสองอย่างสายสร้อยเป็นเชือกกำมะหยี่สรชมพูอ่อน เด็กสาวพรเพลงดาวคิดว่ามันคงจะขาดเสียตั้งแต่สามวันแรกที่เธอสวม แต่เปล่าเลย นอกจากมันจะไม่เก่า ไม่ขาดแล้ว มันยังแก้ปมเอาออกจากข้อมือและคอของเธอไม่ได้ด้วย ไม่ว่าจะวิธีไหน ตัดก็ไม่ขาด เลยจำต้องสวมไว้
       และปีนี้ ปีที่เธออายุ20ปี แน่นอนว่าความโชคร้ายกลับมา แต่อาจเป็นเพราะเครื่องรางจากแม่หมอคนนั้น เธอจึงประสบปัญหาเพียงเล็กน้อย แต่ก็เป็นเรื่องใหญ่พอสมควรเช่นกัน แต่ก็ดีกว่ากิจการของบ้านล่มอีกครั้ง...
       เธอเดินทางมาเกาหลีใต้ ออกห่างจากครอบครัว ทำงาน เปลี่ยนงาน ทำงาน และเปลี่ยนงาน แน่นอนว่าเธอตั้งใจจะทำเช่นนั้นจริงๆ เพราะการหยุดอยู่ที่ไหนสักแห่งเป็นเวลานานจะทำให้ที่แห่งนั้น...ซวยไปด้วย
       จบเรื่องของเด็กหญิงพรเพลงดาว คีตะศิลป์สกุล

         "หา? เธอต้องการงานที่ไม่มีหลักแหล่งแน่นอนเหรอ" เสียงของเจเคร้องอย่างตกใจ เจเคเป็นลีดเดอร์ของวง ต่อมาก็โจเซ เอเจ คิส และพีท มักเน่น้อยของวง วงของพวกเขาคือ โฮชิซอง วงลูกครึ่งเกาหลีญี่ปุ่นที่มีชื่อเสียงระดับเอเชีย และตอนนี้กำลังไปถึงระดับโลกแล้ว
       "ใช่ค่ะ จริงๆแล้วฉันเคยคิดอยากเป็นนักเขียน แล้วก็ค่อยๆย้ายที่ไปเรื่อยๆ ไม่ดีเหรอคะ" เพลงถามเจเคและคนอื่นๆ ซึ่งในที่นี้นอกจากโฮชิซองแล้วยังมีสามสาวนักร้องระดับเอเชียที่กำลังไปในระดับโลกเช่นกันอย่างแคนดี้สวีตตี้#2 (แคนดี้สวีตตี้นัมเบอร์ทู) เนื่องจากเนเน่ 1ในสามสาวแคนดี้เป็นแฟนกับเจเค ลีดเดอร์สุดหล่อแสนอ่อนโยนของโฮชิซอง พวกเขาจึงมารวมตัวกันเพื่อช่วยเพลงในวันนี้
       "ทำไมเธอไม่ขอทำงานกับเราล่ะ เราช่วยเธอได้" คิสที่นั่งอยู่ข้างๆเพลงร้องเสียงดังสีหน้าร้อนรน เขากระชากมือของเพลงไปกุมไว้ เพลงอบอุ่นใจขึ้นมาทันที เธอหันไปยิ้มให้คิสแล้วตอบกลับไปในแบบฉบับของเธอ
       "เหตุผลของฉันมีมากมายที่จะไม่สามารถอยู่ที่ไหนได้นานๆในปีนี้ อีกแค่ครึ่งปีเท่านั้นเองนะคะ" เพลงกล่าวกับทุกคนด้วยแววตาอ้อนวอนก่อนจะพาสายตาอ้อนวอนนั้นมาหยุดที่คิส และแน่นอนว่าเขาแทบจะใจอ่อนทันทีที่เห็นแววตาลูกหมาน้อยนั่น(?)
       "แต่ว่ามันก็ตั้งครึ่งปีนะ" คิสยังคงเอาเสียงอ่อยๆเข้าแถ เพลงหัวเราะแล้วพูดกับเขาด้วยน้ำเสียงร่าเริงไม่ต่างกับตอนเจอกันครั้งแรก
       "ฉันยังไม่ได้ตอนนี้สักหน่อยนี่คะ อาจจะทำงานที่บริษัทอีกสักสองเดือน ไปบริษัทข้างๆอีกสักสองเดือน ถัดไป ถัดไป ถัดไป" เพลงแกล้งชี้ไปที่ตึกนั้นตึกนี้ ไปเรื่อยๆ ทุกคนยิ้มขำที่เห็นคิสทำแก้มป่องเพราะโดนเพลงแกล้งแล้วก็ช่วยกันคิดหาทางให้เพลงมีรายได้เพิ่ม ในที่สุดพวกเขาก็ตกลงกันว่าจะให้เพลงเคยทำในตำแหน่งของเนเน่เมื่อครั้งที่เนเน่เคยโดนเข้าใจผิดว่าเป็นคนของบริษัททำความสะอาดส่งตัวมา
       ตำแหน่งนั้นคือเบ๊จิปาถะของโฮชิซอง ต้องเป็นผู้ดูแลควบคุมเด็กสาวที่คอยดูแลทำความสะอาดที่หอพักของพวกเขา ที่ญี่ปุ่นคือเด้กสาวสองคนชื่อยูกิและริกะ แต่ที่เกาหลีคือนาอึนและนานา ใช่...ต้องดูแลนาอึนและนานาให้ทำความสะอาดอย่างดี เตรียมอาหาร คอยดูแลเรื่องตารางงานของโฮชิซองประดุจผู้จัดการคนที่สอง เสื้อผ้าน่าผมความเป๊ะ24ชั่วโมงต้องพร้อม นั่นแหละคือหน้าที่ของเพลง

       โดยโฮชิซองไปคุยกับบริษัทขอตัวเพลงไปเรียบร้อยแล้ว...



       หนุ่มๆลงมติแล้วว่าผู้หญิงไทยส่วนใหญ่น่าจะมีเชื้อความเป็นห่วงเป็นใยด้านการกินกันจนล้นปรี่แน่ๆเพราะทั้งเนเน่และเพลงล้วนเตรียมอาหารให้พวกเขาราวกับมีวาระพิเศษอยู่เสมอ แต่แน่นอน...มันก็หมดเกลี้ยงตลอดเช่นกัน

       เพลงตื่นเวลาตีสี่ของทุกวัน เธอมีนิสัยเสียอยู่หนึ่งในหลายๆข้อ(ที่เธอบอกกับพวกเขา)ว่าเธออาบน้ำนาน อาบทีนี่เป็นครึ่งชั่วโมง (แต่คิสอาบเป็นชั่วโมงเหอะ) พอเธออาบน้ำเสร็จเธอก็จะรีบเช็คตารางงานของพวกเขา ดูว่ามีกี่งาน ต้องเปลี่ยนเสื้อผ้าบ้างไหม เสร็จแล้วเธอก็ไปทำอาหาร(หนุ่มๆฟันธงว่าสาวไทยส่วนใหญ่คงเหมือนกันแน่ๆเพราะทั้งเนเน่และเพลงล้วนทำอาหารไว้เยอะแยะแล้วแบ่งไว้ให้สาวใช้สองคนด้วย ทั้งยังเตรียมให้คุณลุงคนขับรถอีกต่างหาก) ทำอาหารมื้อหลักเสร็จเธอก็เตรียมอาหารมื้อเย็น(มื้อเย็นของหนุ่มๆคือราวๆ3ทุ่ม-4ทุ่ม)แล้วเอาเข้าตู้เก็บอาหารซึ่งมันสามารถถนอมอาหารได้ดีเยี่ยม เท่านั้นยังไม่พอ(นี่ไม่ใช่ทีวีไดเร็คนะคะ) ของเบรก ขนมปัง ขนม แซนวิช นม น้ำผลไม้ พวกเธอก็เตรียมไว้พร้อมสรรพ
       แล้วตีห้าครึ่งเพลงก็จะไปปลุกหนุ่มๆทุกคนไปออกกำลังกาย(หนุ่มๆซึ่งปกติถือการซ้อมเป็นการออกกำลังลงมติแล้วว่าหากยังทานอาหารได้เต็มร้อยขนาดนี้คงต้องออกกำลังกายเพิ่ม)และในระหว่างที่พวกเขาไปออกกำลังกายเพลงก็จะไปเตรียมเสื้อผ้าที่จะใส่วันนี้ให้ห้าหนุ่ม หากวันไหนไม่มีคิวงานตอนเช้าเพลงก็จะเตรียมชุดไปรเวทสำหรับซ้อมเต้นไว้ให้พวกเขาแล้วเตรียมชุดไปให้เปลี่ยน แต่หากไว้ไหนมีงานแต่เช้าก็จะให้หนุ่มๆแต่งหล่อออกไปเลยแล้วเตรียมชุดซ้อมไว้ให้สำหรับซ้อมต่อตอนค่ำ(หรือดึก) 
       และในระหว่างที่หนุ่มๆกลับมาจากออกกำลังกายและไปอาบน้ำเพลงก็จะเอาเสื้อผ้าของหนุ่มๆสำหรับผลัดเปลี่ยนไปไว้หลังรถที่ถูกดัดแปลงไว้ให้แขวนเสื้อผ้าเก็บรองเท้า บลาๆๆ แล้วตั้งโต๊ะ เมื่อหนุ่มๆลงมาทานอาหารเธอก็จะไปเตรียมเอาอาหารที่เตรียมไว้ใส่กล่องข้าว ดั่งนั้นในตระกล้าอาหารของเพลงจะมี ของเบรกทั้งของช่วงเช้า(เลาประมาณ10โมง)และเบรกของช่วงบ่าย(ประมาณเวลา4โมงเย็น) อาหารกลางวัน และของหวานกับผลไม้หลังอาหาร(นี่รวมน้ำและเกลือแร่สำหรับดื่มหลังออกกำลังแล้วนะ)
       ห้าหนุ่มได้แต่คิดในใจว่า...
       "เยี่ยมไปเลยสาวไทย!!!"




       เช้าวันหนึ่งในอีก2เดือนถัดมา


       จุ๊บ!

       "อุ๊ย...คุณคิส เดี๋ยวคนอื่นมาเห็นเข้า" เพลงร้องเบาๆเมื่อคิสขโมยหอมแก้มเธอเมื่อเธอเผลอ เพราะเธอกำลังจัดคิวงานในอาทิตย์หน้าให้กับโฮชิซองอยู่ในห้องแต่งตัวหลังเวทีคอนเสิร์ตของโฮชิซอง

       "ผมออกไปร้องเพลงตั้งนาน เหนื่อยมากด้วย อยากขอกำลังใจจากเพลงนี่นา แล้วคุณคิสอะไรกัน บอกให้เรียกว่าคิสโอป้า ห้ามเรียกคุณ ห้ามใช้ศัพท์ทางการด้วย" คิสบ่นยืดยาวเพราะตอนนี้อยู่ในช่วงพักเขาจึงสามารถมาแกล้งเพลงได้

       ในเวลาสองเดือนที่ผ่านมาคิสกับเพลงผลัดกันสอนภาษาไทยและเกาหลีให้กัน จนในตอนนี้เพลงสามารถพูดเกาหลีได้พอสมควรในขณะที่คิสสามารถพูดไทยได้เป็นต่อยหอย...

       "ก็คนมันเขินนี่นา" เพลงบ่นเป็นภาษาไทยเบาๆแล้วหันหน้าหนีโดยลืมไปว่าภาษาไทยของคิสเดี๋ยวนี้ร้ายกาจเพียงใด

       "เขินสิดี ผมชอบ"

       "คิสโอป้า บอกให้ฉันเรียกว่าพี่โอป้าก็ควรจะเลิกเรียกตัวเองว่าผมได้แล้วนะคะ ฉันว่าโอป้าต้องสับสนในตัวเองแล้วแน่ๆ" เพลงที่เดี๋ยวนี้กล้าต่อปากต่อคำกล่าว แต่นั่นล่ะ คิสถึงกับหมั่นไส้จมูกรั้นน้อยๆที่เชิดขึ้นนั้นถึงขนาดเอานิ้วไปจิ้มเอวเพลงด้วยความหมั่นเขี้ยว

       "อ๊าย! โอป้าเล่นอะไร ไม่เอา" เพลงลุกขึ้นแล้วพยายามหนี แต่คิสก็วิ่งตามไปได้ตลอด จนเพลงไม่รู้จะวิ่งไปทางไหนของห้องแต่งตัวใหญ่ๆนี่แล้ว สุดท้ายก็ต้องยอมจำนน

       "พอแล้วค่ะ เพลงยอมแล้ว ยอมแล้วๆๆๆ" เมื่อได้ยินคำนั้นคิสก็เข้ารวบตัวเพลงมากอดจากทางด้านหลังแน่นๆให้หายหมั่นเขี้ยว

       "ยอมแพ้จนได้" คิสบอกแล้วค่อยๆคลายอ้อมกอด เขาหมุนตัวเพลงให้เธอหันมาหาเขา เพลงที่กำลังหน้าแดงจากความเหนื่อยและเขินก็ก้มหน้าหลบตา

       "ฉันยอมแพ้ให้โอป้าอยู่แล้วล่ะ....แค่คนเดียวเลยนะ"

       "จริงเหรอ"

       "จริงสิคะ เพลงเคยโกหกโอป้าเหรอ" 

       "ไม่เคย..."

       เพลงยิ้มเมื่อได้ยินคำตอบจากคิส เธอค่อยๆดันคิสออกแล้วเขย่งขาไปหอมแก้มคิสเบาๆก่อนจะหยิบผ้าเช็ดหน้าของมาจากกระเป๋าเสื้อของตัวเองแล้วซับหน้าให้คิสอย่างเบามือแล้วมองเขาด้วยความรักใคร่

       คิสยกมือขึ้นจับมือของเพลงที่กำลังซับเหงื่อให้เขาแล้วก้มลงจูบมือเธอเบาๆ

       "คืนนี้คอนเสิร์ตจบเราไปเดตกันนะ พี่ขอผู้จัดการคิมไว้แล้ว" คิสชวนแต่แววตาบอกว่าเพลงต้องตกลงไป เธอจึงทำเพียงหัวเราะน้อยๆแล้วพยักหน้า

       "ตกลงค่ะ แต่ตอนนี้...คิสโอป้าสุดหล่อต้องออกไปสร้างรอยยิ้มให้แฟนคลับได้แล้วค่ะ อย่านึกว่าฉันรู้ไม่ทันนะว่าพี่บอกให้โอป้าคนอื่นๆอย่าเข้ามาน่ะ ใจร้ายมากๆเลยให้ไปนั่งซับเหงื่ออยู่หลังเวทีอย่างนั้นน่ะ" เพลงบ่นพลางจัดเสื้อผ้าให้คิสอย่างเอาใจใส่ คิสขำก่อนจะขโมยหอมแก้มจากเพลงอีกครั้งแล้ววิ่งออกจากห้องไป




    หลังคอนเสิร์ตจบ


       ชายหนุ่มและหญิงสาวคู่หนึ่ง พวกเขาเดินไปตามถนนที่ประดับด้วยแสงไฟงดงาม ผู้คนมากมายบนท้องถนนไม่มีใครใส่ใจพวกเขาเลย 

       พวกขาเดินจับมือกันไปตลอดทาง แสดงให้เห็นถึงความรักที่บ่มเพาะกันมา ในช่วงเวลาแสนหวานที่คนทั้งคู่ไม่ได้ระวังตัว...

       เพล้ง!!!

       กรี๊ด!!!

       มีขวดแก้วลอยมาจากข้างหลัง กระแทกเข้ากับศีรษะของชายที่เดินจับมืออยู่กับคนรัก เขาค่อยๆล้มลง หญิงสาวค่อยๆประคองเขาน้ำตาไหล ผู้ตื่นตระหนกและรีบเร่งเข้ามาช่วยคู่รักคู่นี้

       ก่อนที่สติของคิสจะหลุดลอยไป...เขาเห็นเพียงใบหน้าเปื้อนน้ำตาของเพลง หญิงสาวที่เขารัก...


    วันต่อมา


       คิสนอนในห้องพิเศษมีบอร์ดี้การ์ดยืนเฝ้าหน้าห้อง เหล่าหนุ่มๆโฮชิซองย้ายมานอนเฝ้าคิสกันจนหมด เพลงหายไปตั้งแต่เมื่อคืน

       เพลงกลับไปที่บ้านหลังจากที่รู้ว่าคิสปลอดภัยแล้ว เมื่อพวกเขายืนยันจะไปนอนเฝ้าคิสที่โรงพยาบาลเพลงก็จัดเตรียมเสื้อผ้าและอาหารสารพัดทั้งคาวหวานของว่างขนมราวกับจะให้พวกเขากินจนน้ำหนักขึ้นสักร้อยกิโล

       เพลงไม่ได้มานอนเฝ้าคิสด้วยโดยมีเหตุผลที่ดูดีสุดๆคือเธอเป็นผู้หญิงและพวกเขาเป็นผู้ชาย มันไม่ดีหากเธอจะไปด้วย ซึ่งเหล่าโฮชิซองเองก็เห็นด้วย แต่จนเช้าแล้วเธอก็ยังไม่มา เธอเพียงให้นาอึนและนานาเอาอาหารและเสื้อผ้า เกมส์ ไอพอด และของมากมายมาให้พวกเขาด้วยเกรงพวกเขาจะเบื่อ...

       แต่ตัวเธอกลับไม่มาเอง

       "อืม..." คนป่วยบนเตียงค่อยๆรู้สึกตัวขึ้นมา ทุกคนรีบเข้าไปมุงเตียงคิสอย่างรวดเร็ว

       คิสฟื้นขึ้นมาก็ถามหาเพลงคนแรก และสบายเมื่อรู้ว่าเธอสบายดีทั้งยังให้นาอึนกับนานาเตรียมอาหารมากมายให้เขา แล้วยังหนังสือการ์ตูนที่เขาชอบ ไอพอดเครื่องโปรด พีเอสพี

       คิสเฝ้ารอเวลาที่จะได้กลับไปกอดเพลง เขาสัญญากับตัวเองว่าจะดึงเธอมากอดและจูบให้หายคิดถึง

       วินาทีที่เขาดดนขวดกระแทกที่ศีรษะ สิ่งเดียวที่เขากลัวคือ กลัวจะไม่ได้พบกับเพลงอีก แต่ตอนนี้เขาหายแล้ว และจะต้องพูดกับเธอให้ได้...คำว่ารัก


    สองวันต่อมา


       คิสได้ออกจากโรงพยาบาลแล้ว ทางค่ายเพลงปิดข่าวของเขาได้อย่างดี และจัดการแฟนคลับคนที่ปาขวดใส่เขาแล้วด้วย เหตุผลของแฟนคลับสาวคนนั้นก็มีเพียงสั้นๆว่า

       เะอแอบไปที่ห้องแต่งตัวของโฮชิซองในวันแสดงคอนเสิร์ตแล้วไปเจอคิสกับเพลงกำลังกอดกันหอมแก้มกัน เธอจึงแค้นใจมาก คิสไม่โกรธแค้นใดๆแต่ทางค่ายเพลงได้จัดการเธออย่างแสนสาหัสไปแล้วเรียบร้อย

       ทันทีที่คิสและโฮชิซองกลับมาถึงบ้านพวกเขาก็รีบมองหาเพลง แต่กลับหาเธอไม่เจอ จึงพากันแยกย้ายกันเดินหาทั่วบ้านแต่ก็ไม่เจอ สุดท้ายจึงเรียกนาอึนกับนานามาถาม คำตอบที่ได้ทำร้ายเหล่าโฮชิซองยิ่งนัก แต่คนที่เจ็บที่สุดคือคิส

       ...เพลงจากไปแล้ว ทิ้งไว้เพียงจดหมายห้าฉบับสำหรับโฮชิซองห้าคน และสร้อยคอจี้ดาวหกแฉกของเพลง...สำหรับคิส...


       เวลาผ่านไปหลายเดือน คิสพยายามตามหาเพลงทุกวิถีทางแต่ก็ไม่พบ เขาอ่านจดหมายของเพลงทุกวัน เขาสวมสร้อยของเพลงไม่ยอมถอด พยายามเรียนภาษาไทยให้มากขึ้น เหมือนกับทุกๆวันที่ผลัดกันสอนภาษาให้กันและกันกับเพลง เขาออกกำลังกาย ทานอาหาร และดูแลตัวเองอย่างดีตามที่เพลงบอกในจดหมาย ไม่รู้ว่าโฮชิซองทั้งหลายคิดถึงเพลงมากเกินไปหรืออาหารที่นาอึนกับนานาซื้อมาสูตรเดียวกับเพลงกันแน่ มันจึงมีรสชาติคล้ายกันยิ่ง

       หลังจากเพลงไปนาอึนกับนานาจะมาปลุกเหล่าโฮชิซองและเตรียมเสื้อผ้าให้พวกเขาอย่างรวดเร็วตามแพลนที่วางไว้และจดลงในกระดาษ เสร็จแล้วก็จะออกไปซื้ออาหารในขณะที่พวกโฮชิซองออกกำลังกายและอาบน้ำแต่งตัว

       นาอึนกับนานากลับมาถึงก็ตั้งโต๊ะ พอดีกับโฮชิซองจัดารตัวเองเรียบร้อยและลงมาทานอาหารเช้า นาอึนกับนานาก็จะไปเตรียมอาหารกลางวันเอาใส่กล่องและของเบรก จัดการเอาเสื้อผ้าสำหรับผลัดเปลี่ยนไปขึ้นรถ ทำทุกอย่างให้พร้อมเพราะพวกเธอไม่สามารถตามไปดูแลพวกเขาได้ สุดท้าย...พวกเธอก็ต้องเอาคิวงานประจำวันให้โฮชิซองและส่งพวกเขาขึ้นรถไปทำงาน...




    31 ธันวาคม 25** เวลา 11.59


       เหล่าโฮชิซองยืนอยู่หน้าห้างสรรพสินค้าใหญ่ พวกเขามีหมวกไหมพรม มีผ้าพันคอ ทำให้ผู้คนไม่รู้ว่าเป็นนักร้องสุดดด่งดัง จอใหญ่ของตึกฝั่งตรงข้ามกำลังถ่ายทอดสดรายการเคาท์ดาวน์ปีใหม่ที่กำลังนับถอยหลังอยู่

       ตึก...ตึก...

       "เฮ้ๆ ฮยองๆเรามานับถอยหลังกันเถอะ" พีท...มักเน่น้อยแสนน่ารักร้อง คิสที่เงยหน้ามองจอใหญ่นั้นหันกลับมามองพีทแต่ก็เหมือนสะดุดตากับอะไรบางอย่างที่ไกลออกไป

       ตึก...ตึก

       มือของคิสค่อยๆเอื้อมไปจับสร้อยคอภายใต้ผ้าพันคอหนาแล้วกำจี้ไว้ สายตายังคงจับจ้องไปที่สิ่งอันไกลออกไปที่กำลังใกล้เข้ามา

       "5"

       ตึก...ตึก...

       "4"

       ตึก...ตึก...

       "เฮ้ นายก็นับด้วยกันสิ" เอเจตบบ่าคิสเบาๆส่วนโจเซนี่ถึงกับชก

       "2"

       ตึก...ตึก...

       เหล่าโฮชิซองเริ่มหันมาสนใจคิสที่นิ่งไปแล้วหันไปมองตามสายตาของคิสที่มองค้างอยู่

       "1"

       ตึก...ตึก...กึก!

       "สวัสดีปีใหม่ครับ!!!!" เสียงดังออกมาจากจอใหญ่ยักจากตึกตรงข้าม เสียงผู้คนมากมายเอ่ยคำนี้ให้แก่กัน แต่เหล่าโฮชิซองยืนนิ่ง

       ผู้มาใหม่ก้าวมาหยุดตรงหน้าคิส เธอค่อยๆเอื้อมมือไปลูบแก้มเขาเบาๆ แล้วน้ำตาเะอก็ค่อยๆไหลลงมา

       จบสิ้นเสียทีเวลาแห่งการรอคอย...

       "ฉันกลับมาแล้วค่ะ คิสโอป้า ฉันรักโอป้านะ"

       คิสโผเข้ากอดเพลงไว้แนบออกแล้วจูบลงบนหมวกไหมพรมของเธอและพร่ำบอกว่า

       "พี่รักเธอ"

       จนน้ำตาแห่งความยินดีหมดไป ทั้งคู่ค่อยๆผละออกจากกันและจ้องหน้ากันด้วยความรัก เหล่าโอชิซองอีกสี่คนยิ้มแล้วแสร้งทำเป็นหันไปมองทางอื่น คุยกันบ้าง ชี้นกชี้ไม้กันบ้าง

       คิสค่อยๆก้มลงประทับริมฝีปากของเขาลงบนริมฝีปากน้อยๆของเพลง วูบหนึ่งที่ลมหอบใหญ่พัดมาพร้อมกับความเหน็บหนาวแฝงด้วยความอบอุ่น

       คำสาปถูกทำลายแล้ว...

       เมือจุมพิตถูกถอนออกไป ทั้งคู่ก็เหลือเพียงความสุขมากมายที่เต็มเปี่ยมอยู่ในใจ...





    O W E N TM.
    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ

      นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

      loading
      กำลังโหลด...

      คำนิยม Top

      ยังไม่มีคำนิยมของเรื่องนี้

      คำนิยมล่าสุด

      ยังไม่มีคำนิยมของเรื่องนี้

      ความคิดเห็น

      ×