NC

คำเตือนเนื้อหา

เรื่องนี้อาจมีเนื้อหาหรือการใช้ภาษา
ที่ไม่เหมาะสม เยาวชนที่มีอายุต่ำกว่า 18 ปี
ควรใช้วิจารณญานในการอ่าน
กดยอมรับเพื่อเข้าสู่เนื้อหา

อ่านเงื่อนไขเพิ่มเติม
ปิด
ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [ FANFIC ] TOXIC (รินxลัล) : จบแล้ว

    ลำดับตอนที่ #19 : 18th TOXIC – จิตใต้สำนึก [rw]

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 1.15K
      72
      12 มี.ค. 66

    กฎแห่งกรรมที่ว่าด้วยความสัมพันธ์ ข้อที่สิบแปด – จิตใต้สำนึก

     

    1.

    ถึงในวัยเด็กเธอจะโดนแกล้งจนต้องร้องให้พี่ชายช่วยอยู่บ่อย ๆ แต่ลัลทริมาก็เคยเป็นเด็กร่าเริงกว่าตอนนี้มากนัก

    ...อย่างน้อยก็เคยเป็น

    จากที่แต่เดิมไม่ชอบเข้าสังคมอยู่แล้ว หลังได้ญาณอาถรรพ์ติดตัวมาทำให้เธอกลายเป็นคนเก็บตัวยิ่งกว่าเก่า อยู่ติดบ้านจนเคยชิน ทั้งที่รู้สึกเหงาแทบตาย อยากได้อิสระเหมือนคนอื่น ๆ แต่ด้วยเกรงว่าหากออกไปแล้วไม่รู้ว่าพลังนี้จะแสดงผลที่ไหนและเมื่อไหร่ ยิ่งเป็นสถานที่ที่มีผู้คนพลุกพล่านเด็กสาวยิ่งไม่ปรารถนาเข้าไปใหญ่

    หลังจากเหตุการณ์ครั้งนั้นที่ญาณอาถรรพ์ได้หายไป ทำให้ลัลทริมาเหมือนได้รับการปลดปล่อย เธอไปไหนก็ได้เท่าที่อยากจะไป เที่ยวได้ทุกเวลาที่อยากจะเที่ยว

    เพิ่งเข้าใจว่าปล่อยผี (ในตัว) เป็นยังไง

     

    เอม นี วันนี้ไปร้องเกะกัน”

    โหย เดี๋ยวนี้ชวนใหญ่เลยนะลัล”

    วันก่อนก็ไป วันนี้ลัลก็จะไปอีกแล้วเรอะ” เอมิกาเงยหน้าขึ้นถาม สองมือพลางเก็บหนังสือบนโต๊ะเรียนลงในกระเป๋าเตรียมจะกลับบ้าน

    โถ่ เดือนหน้าก็มีบายเนียร์แล้วนะ...แค่คิดว่าเทอมสุดท้ายของที่นี่แล้ว ก็เลยอยากไปเที่ยวกับเธอสองคนให้เต็มที่ไง หลังจากนี้เราคงมาเจอกันได้ยากขึ้น”

    ไม่ใช่ว่าแอบนัดใครไว้หรอกน้าเอมิกาดักคอ สาวแว่นหูผึ่งเมื่อได้ยินประโยคนั้น เลิกสนใจสัมภาระแล้วหันมาจุ่มหัวร่วมวงสนทนาด้วยคน

    นัดอะไร นัดใครเหรอ”

    “มีหนุ่มมาจีบเพื่อนเราล่ะยัยแว่น”

    “จีบตอนไหน เมื่อไหร่ ยังไง

    เจ้าของทรงผมเปียส่งคำถามรัวมาเป็นชุดทำเอาสองสาวกลั้นยิ้มขำไม่อยู่

    วันนั้นที่แกหยุดเรียน ฉันไปกินบุฟเฟ่ต์ของหวานที่เพิ่งเปิดใหม่กับลัลมา ...แล้วพอฉันเดินแยกไปตักขนม ก็มีหนุ่มหล่อเข้ามาคุยกับลัลเฉยเลย”

    แหน๊ะ พอมีหนุ่มมีจีบแล้วก็ลืมโชของฉันเชียวนะ”

    มัณฑินียิ้มล้อเลียนเพื่อนสาวหน้าตาน่ารักอย่างลัลทริมา ในใจเธออดไม่ได้ที่จะรู้สึกอิจฉาอยู่ลึก ๆ ทว่าก็ไม่ใช่ความประสงค์ร้ายแต่อย่างใด มีกิจกรรมจัดอันดับคนสวยในโรงเรียนทีไรเพื่อนสาวทั้งสองคนก็มักติดอันดับอยู่เสมอ คนหนึ่งติดหนึ่งในสาม แถมยังมีชื่อชิงดาวเด่นในงานเลี้ยงบายเนียร์ของทุกปีเพราะเจ้าตัวฮอตเป็นปกติอยู่แล้ว

    ทว่าน่าแปลกใจกับอีกคนหนึ่งที่หลุดโผอันดับความสวยจากหนึ่งในห้ามาแค่ลำดับเดียว การที่เด็กสาวผู้ถูกเกลียดชังมากที่สุดในโรงเรียนได้ลำดับหกจากผลโหวตนั่นถือเป็นเรื่องแปลกประหลาดมาก ทำให้ในงานเลี้ยงบายเนียร์กลับมีชื่อเธอร่วมเข้าชิงอยู่ด้วยตลอดจนปีสุดท้าย แม้ว่าเจ้าตัวไม่เคยได้รับรางวัล แถมยังไม่คาดหวังอะไรเลยก็ตาม

    ลองคิดดูเอาเถิด ถ้าตัวตนลัลทริมาไม่ได้เป็นที่ชังจากอคติของคนหมู่มากตั้งแต่แรก จะมีอีกสักกี่คนที่ช่วยดันผลโหวตความนิยมให้เธอได้

    “ไม่ใช่สักหน่อย เลิกล้อได้แล้วน่า แค่คุยกันไม่กี่คำถือว่าจีบได้ยังไง” ลัลทริมารีบแก้ต่าง อีกอย่าง...ฉันบอกแล้วไงว่าโชเป็นเพื่อน ป่านนี้เรียนอยู่เมืองนอกเป็นไงบ้างแล้วก็ไม่รู้ คุยก็แทบจะไม่ได้คุยเลย”

    เด็กสาวไม่ได้คุยกับโชติกาลสักพักใหญ่แล้ว เธอรู้แค่ว่าจากครั้งนั้นที่โชติกาลถูกควบคุมโดยเจตภูตจบลง ครอบครัวก็พาเขาไปรับการบำบัดสภาพจิตใจและส่งไปศึกษามหาวิทยาลัยที่ต่างประเทศหลังเรียนจบมัธยม

    “น่าเสียดายจริง ๆ นายโชคนดีเขาดูชอบเธอมากแท้ ๆ”

    พวกเธอเชียร์อะไร ใครจะมาชอบฉันกัน”

    อย่าคิดแบบนั้นสิลัล แกก็น่ารักออกขนาดนี้”

    มือสาวแว่นหยิกก้อนแก้มนิ่มของอีกฝ่ายแล้วดึงออกอย่างเอ็นดูตามประสาเพื่อน

     

    เฮอะ ...น่ารำคาญเป็นบ้า”

     

    เสียงทุ้มน่าขนลุกแทรกบทสนทนาของเด็กสาวทั้งสามมาจากหลังห้อง การินยกเท้าออกจากโต๊ะ มือดึงหนังสือที่ปิดหน้าออก ท่าทางเหมือนจะงีบแต่ไม่ได้งีบ

    ทั้งสามคนเงียบปากฉับ วงแตกโดยไม่คาดคิดด้วยฝีมือเด็กหนุ่มหลังห้อง

    "อะไรของนายฮะการิน! นี่มันเวลาเลิกเรียนแล้วนะ คนเขาจะคุยเล่นกัน ...ง่วงนักก็กลับไปนอนที่บ้านซิ” เอมิกาสวนกลับไป ดูเหมือนสองคนนี้จะไม่ถูกกันจนถึงเทอมสุดท้าย

    ดวงตาคมตวัดมองคนพูดอย่างหงุดหงิด

    ร่างสูงผุดลุกขึ้นแล้วสาวเท้าออกจากห้องไปโดยไม่หันกลับมา

     

    ......................................................

     

    จังหวะไม่ดีเท่าไร แทนที่จะได้ออกไปเที่ยวกับเพื่อน ลัลทริมากลับจำใจต้องเดินเข้าห้องสมุดตามคำไหว้วานของอาจารย์สาวประจำวิชาหมวดสังคมอย่างช่วยไม่ได้ เด็กสาวบอกเอมิกาและมัณฑิณีให้ล่วงไปก่อนเลย แต่พวกเธอสองคนยืนยันว่ารอได้ เธอจึงรับปากว่าจะรีบทำธุระ

    ร่างบางเดินไปตามหมวดต่าง ๆ จนมาถึงโซนหนังสือประวัติศาสตร์

    ดวงตากลมไล่มองหนังสือทีละเล่มและทวนชื่อหนังสือที่อาจารย์วานให้มายืมในใจ ก่อนจะไปสะดุดตากับชื่อเดียวกันที่กำลังท่องในหัว หนังสือเล่มนั้นเก่าพอสมควรจนกระดาษเป็นสีน้ำตาลอ่อน ปกแข็งสีหมองติดคราบฝุ่นสกปรกด้วยกาลเวลาและก็หนาพอดู เด็กสาวคาดว่าต้องใช้สองมือดึงออกมา

    ทันทีที่เธอหยิบมันและพยายามจะเลื่อนออกมาจากชั้นวางเหล็ก แรงกระทำก็ดึงหนังสือเล่มนั้นสวนจากทิศทางตรงกันข้าม

    อ๊ะ...”

    เด็กสาวตกใจจนเผลอปล่อยมือออก

    หนังสือเล่มนั้นถูกดึงไปต่อหน้าต่อตา

    ความหนาของสันที่ขนาดเกือบสามนิ้วได้ ทำให้ช่องว่างของชั้นตรงที่เคยมีหนังสืออยู่โหว่ชัดเจนจนมองทะลุไปได้อีกฟาก ทว่าลัลทริมาชะงักเมื่อในช่องว่างนั้นกลับเป็นสายตาของใครบางคนที่ก้มมองกลับมา หนังสือเล่มเก่าถูกถือไว้ในมือข้างที่มีผ้าพันแผลเพียงข้างเดียว

    เด็กสาวไม่รู้ว่าเขาอยู่ตรงนั้นตั้งแต่เมื่อไหร่ แต่ดวงตาสีดำสนิทของเขามองเธออย่างน่าขนลุก ทำเอาเธอต้องรีบละสายตาออกไปเอง

    จากช่องว่างระหว่างชั้นหนังสือ ลัลทริมาเห็นว่าร่างสูงยืดแผ่นหลังขึ้นเต็มความสูง จนการมองเห็นของเธอถูกชั้นวางเหล็กจำกัดไว้ถึงแค่ริมฝีปากของเด็กหนุ่ม

    หางตาเธอเห็นว่ามุมปากเขากระตุกขึ้น

    หึ...”

    เอ่อ การิน...หนังสือเล่มนั้น อาจารย์ให้ฉันมายืม”

    แทนที่จะได้รับเสียงตอบ เด็กหนุ่มกลับเดินออกไปเงียบๆ

    เด็กสาวรีบเดินตามออกไป

    เดี๋ยวสิการิน” เธอร้องเรียก แต่ทันทีที่สบมองเข้าไปในดวงตาสีดำสนิทกลับรู้สึกประหม่า อีกฝ่ายหยุดรอให้เธอพูด

    “ง...งานบายเนียร์ปีนี้นายจะมาหรือเปล่า”

    การินกระพริบตาปริบ ยืนนิ่งโดยไม่คาดคิดว่าเธอจะถามอะไรแบบนั้นออกมา เขาขมวดคิ้วและแค่นเสียงตอบ “อยากรู้ไปทำไม จะมาขอฉันเต้นรำหรือไง”

    “ไม่ใช่สักหน่อย” เด็กสาวรีบแก้ตัว เมื่อถูกกล่าวหาอะไรเลอะเทอะ

    “หึ งั้นเสียใจด้วย งานเลี้ยงกระจอกพรรค์นั้นฉันไม่สนใจหรอก”

    เปล่า อันที่จริงหนังสือเล่มนั้น... คือแบบว่า ฉันต้องใช้...”

    “มีอะไรมากแลกล่ะ?” การินเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย เชิดหน้าขึ้นมองดูท่าทีกล้า ๆ กลัว ๆ ของเด็กสาวตรงหน้าด้วยแววตาเย้ยหยัน ลัลทริมาเงียบไปอึดใจหนึ่ง สมองเล็ก ๆ กำลังประมวลผล

    นาย...จะเอาอะไร”

    เขาแสยะยิ้ม

    ปลุกอะไรเจ๋งๆขึ้นมาได้รึเปล่าล่ะ”

    “...”

    ได้รึเปล่า...ได้รึเปล่า? หึหึ”

    น้ำเสียงนั้นกวนประสาท แต่ช่างน่าอึดอัดสำหรับลัลทริมาเหลือเกิน

    ม...ไม่ได้หรอก”

    งั้นทำไมฉันต้องฟังคนไร้ประโยชน์แล้วอย่างเธอด้วย?” เด็กหนุ่มเลิกคิ้ว ดวงตาสีดำสนิทเหยียดมองลัลทริมาเหมือนเศษขยะข้างทาง เด็กสาวเห็นสายตาของเขาแล้วเหมือบจะเป็นใบ้ คำพูดจุกในลำคอ เธอไม่รู้ว่าควรจะพูดอะไรตอบดี

    งั้นก็เที่ยวให้สนุกล่ะ ...ยัยโง่”

    เมื่อลัลทริมาให้ในสิ่งการินต้องการไม่ได้ เขาหันหลังแล้วก้าวเท้าห่างออกไปเรื่อย ๆ ทิ้งประโยคบอกลาพิลึกเอาไว้ และแน่นอนว่าหากมันออกจากปากการิน เด็กสาวไม่คิดว่ามันจะเป็นคำอวยพรแต่อย่างใด

     และเธอคงทำได้แค่บอกอาจารย์ว่ามีคนยืมหนังสือเล่มที่ว่าตัดหน้าไปแล้วเท่านั้น

    ........

    .......

    ลัลทริมาเดินขมวดคิ้วออกจากห้องสมุดไปแล้ว

    แต่หากเด็กสาวหันกลับมาสักนิดจะเห็นว่าร่างโปร่งของเด็กหนุ่มยืนหันหลังหลบมุมพิงชั้นหนังสือ ในมือถือเศษกระจกเงาแห่งอาวรณ์ที่แตกเป็นเศษ สะท้อนกลับเห็นภาพทิศทางที่เธอจากไป

    ด้วยความสะเพร่าบางประการ วันที่เขาทำลายกระจกอารมณ์โยนลงแม่น้ำ แต่ดันเก็บซากพวกมันไปไม่หมด  เศษกระจกชิ้นเล็กในตอนนั้นจึงได้มาอยู่ในมือเขาเวลานี้ และมันยังคงทำหน้าที่ได้ดีเช่นเดิมแม้จะเป็นเพียงขยะ

    ลมเย็นพัดวาบที่หลังคอทำเอาดวงตาสีดำประกายด้วยความตื่นเต้น

    อะไรก็ตาม’ รอบตัวเธอ ที่เขาได้เห็นผ่านกระจกเสี้ยวนั้นคงทำให้เขาหายเบื่อได้ไม่เบา

    ก็ไม่ได้ตั้งใจจะบอกว่าเธอไร้ประโยชน์หรอกนะยัยแม่มด ...แต่ถ้าเธอยังสัมผัสอะไรไม่ได้มันก็ไม่สนุกน่ะสิ หึหึหึ”

     

     

     

    2.

    เรือนกายเย้ายวนพลิกตัวใต้ผ้านวมอุ่น เธอนิ่วหน้า

    เสียงครางแหบแห้งถูกเค้นออกมาจากลำคอ ปลายเท้าวาดลงบนฟูก แตะถูกชุดชั้นในที่ควรจะอยู่บนตัวหากแต่ตอนนี้กลับไปอยู่ปลายเตียง แม้เสื้อนอนจะถูกติดกระดุมเรียบร้อยเหมือนเมื่อคืน ทว่าด้านในกลับไม่ได้สวมอะไรสักชิ้น แค่ขยับก็รู้สึกปวดร้าวต้นขาขึ้นไปจนตลอดแผ่นหลัง

    ชายหนุ่มตัวการเดินเปลือยท่อนบนออกจากห้องน้ำ บนศีรษะมีผ้าขนหนูซับเส้นผมเปียกหมาด

    นายโดนดีแน่”

    ภาพที่หญิงสาวได้แต่ถลึงตาใส่ กำหมัดแน่นแล้วร้องขู่ดังฟ่อ ทำเขาหัวเราะเยาะเสียงดัง

    ลุกให้ได้ก่อนเถอะ ฉันอยากโดนดีจะแย่แล้ว”

    “เอาแต่ใจเกินไปแล้วการิน นายไม่คิดว่าจะทำให้ฉันขาดเรียนวันนี้หรือไง”

    เจ้าของใบหน้าคมคายเลิกคิ้ว

    วันนี้เธอไม่มีเรียนสักหน่อย”

    ดวงตากลมโตเบิกกว้างขึ้น พร้อมกับปากที่อ้าขึ้นน้อย ๆ นี่นาย...งั้นเมื่อคืนที่จงใจเล่นฉันหนักขนาดนี้ เพราะรู้อยู่แล้วใช่ไหม?”

    แหงสิ”

    ลัลทริมาหวีดร้องลั่น แม้อยากลุกขึ้นไปทุบเขาสักเปรี้ยงแต่ทำได้เพียงเขวี้ยงหมอนโดนอกเขาเต็มรัก เจ็บใจที่เพียงขยับนิดหน่อยก็ปวดระบมจนสั่นไปทั้งตัว อีกฝ่ายยืนเฉย เพียงก้มหยิบหมอนที่ปลายเท้าขึ้นมาแล้วโยนลงบนเตียงตามเดิม

    “เกิดเป็นบ้าอะไรขึ้นมาถึงได้ทำแบบนี้ อย่างน้อยนายก็ไม่เห็นต้อง...”

    “ไม่เห็นต้องอะไร?”

    คนตัวเล็กตอบเสียงอ่อน ช้อนแววตาเคืองขึ้นมอง “...ไม่เห็นต้องทำกันขนาดนี้ นายไม่ใช่คนปวดตัวจนอยากนอนทั้งวันจะไปรู้อะไร

    เหลือแรงเยอะเดี๋ยวเธอหนีกลับบ้าน” ชายหนุ่มยังคงยิ้มหัวเราะอย่างไม่รู้สึกรู้สาใด ๆ

    “แต่คืนนี้ไม่เป็นแบบนั้นแน่ สัญญา”

    “ยังจะหวังอีก ฝันไปเถอะ” ใบหน้าเธอแดงก่ำ มือจิกผ้าห่มเพื่อสะกดกลั้นอารมณ์ไม่ให้เผลอกระโจนลงจากเตียงไปจิกหัวเขา ในเมื่อเถียงเอาชนะไม่ได้ก็ยกข้ออ้างหว่านล้อมสารพัดมาใช้แทน 

    แต่ยังไงฉันก็อยู่ที่นี่ไม่ได้ คอมฉันอยู่บ้าน ...ฉันก็ต้องพิมพ์งานเหมือนกันนะ” 

    แถมวันจันทร์มีนัดกับอาจารย์ที่มหา’ลัยเสียด้วย ยังไงเขาก็ต้องพาเธอกลับอยู่ดี

    โน้ตบุคอีกตัวอยู่บนโซฟา ฉันซิงค์ข้อมูลในไดรฟ์ให้ ส่วนชุดนักศึกษาที่ต้องใส่วันจันทร์ฉันกลับบ้านเธอไปเอามาให้แล้วตั้งแต่เช้า” ดวงตาสีน้ำตาลเบิกกว้างขึ้น เม้มริมฝีปากเป็นเส้นตรง นิ่งคิดตามคำพูดร่างสูง

    ชุดวันจันทร์ก็มีให้?

    คนตัวเล็กนับนิ้ว

    วันนี้วันศุกร์ หมายความว่าต้องอยู่ที่นี่อีกสี่วันน่ะสิ

    แล้วอีกสามวันฉันจะใส่อะไร”

    เสื้อในตู้มีให้ยืมเยอะแยะ ใส่ไปก่อนไม่ตายหรอก”

    ใบหน้าสวยง้ำงอ เห็นท่าทางกับรอยยิ้มกะล่อนแบบนั้นแล้วโมโหนัก แต่ก็ต้องอ้าปากค้างอีกรอบเมื่อเขาเดินไปคว้ากระเป๋าผ้าใบใหญ่โยนมาตรงหน้าเธอ

    “แล้วก็ ของส่วนตัวเธอ...อยู่ในนี้หมดแล้ว แต่ฉันไม่รู้ว่าเธอใช้สกินแคร์กับเครื่องสำอางอันไหนบ้างเลยกวาดใส่ถุงมาหมดเลย เพราะงั้นเธอจะเรียกร้องอยากได้อะไรก็เอาให้เต็มที่ ฉันมีให้ทุกอย่าง ไม่ต้องห่วง” เขายักคิ้วกวนประสาทให้ทีหนึ่ง

    นี่กะจะไม่ให้ฉันออกไปไหนเลยรึไง...”

    ยังจะไปแรดที่ไหนอีก อยู่นี่แหละดีแล้ว” แววตาคู่คมดุขึ้นเป็นเชิงปรามหากเธอคิดจะขัดใจเขา หญิงสาวคอตก ขบงับริมฝีปากแน่น เมื่อรู้ตัวว่าโดนดักไปเสียทุกทาง

    โชคดีที่วันนี้ไม่มีคาบเรียน

    อย่างน้อยเธอก็แน่ใจว่าจะได้พักเต็มที่ และนอนทั้งวันอย่างที่เพิ่งบ่นไป

     

     

     

    3.

     "แกคิดจะสร้างปัญหาไปถึงไหน"

    เด็กหนุ่มยืนเงียบ

    สองมือล้วงกระเป๋ากางเกง หันใบหน้าหล่อเหลาไปทางหน้าตาบานใหญ่ในห้องผู้อำนวยการโรงเรียน ทำเหมือนชายวัยกลางคนที่โต๊ะด้านหน้าไม่ได้พูดอะไรกับเขา

    "แล้วที่แกกรอกลงในใบสำรวจ ...จะเข้าคณะนั้นจริงเหรอ"

    "ถ้าใช่แล้วคุณจะไม่ส่งผมเรียนเหรอ" เด็กหนุ่มเลิกคิ้ว แววตาก้าวร้าวท้าทาย

    "จะทำให้ผมเหลือขออย่างที่พี่น้องคุณชอบพูดก็ได้นะ ผมเลือกไปแล้ว แค่ไม่ได้เรียนก็ไม่ตาย ...แต่ผมจะไม่เดินบนทางที่คนอื่นเลือกให้เหมือนกัน"

    นรินทร์ถอนหายใจ

    "ทำไมถึงเป็นแบบนี้ไปได้นะ" เขายกมือขึ้นกดกุมที่หว่างคิ้วด้วยจนใจ ความสัมพันธ์ระหว่างเขาและลูกชายยังคงไม่คืบหน้าไปไหนมาหลายปีแล้ว

    "เห็นแกอยู่กับหนูลัลบ่อย ๆ ฉันก็คิดว่าแกจะมีเพื่อนเหมือนเด็กคนอื่นได้แล้วซะอีก"

    เด็กหนุ่มเหยียดริมฝีปากเป็นรอยยิ้มหยันอย่างเอกลักษณ์ อารมณ์เริ่มขุ่นหมองเมื่อชื่อบุคคลที่สามถูกยกเข้ามาในบทสนทนาให้รำคาญใจ เหลือเชื่อ ทั้งที่ไร้ประโยชน์ขนาดนั้นยังจะตามมารังควานกันได้อีก

    ...ถึงจะมาแค่ชื่อก็เถอะ

    "เหรอ จำไม่เห็นได้เลยว่าเป็นเพื่อนกัน"

    “จำไม่ได้งั้นเหรอ ...ทั้งที่แกคุยกับเขาบ่อยซะขนาดนั้น”

    การินกลอกตา

    แสร้งตีหน้ามึนพูดกลับไป

    “พูดถึงใครอยู่ล่ะ ผมขาดเรียนบ่อยจะตายพ่อก็รู้ จำใครไม่ได้สักคน ในโรงเรียนนี่เห็นทีว่าจะจำได้แค่ชื่อผู้อำนวยการละมั้ง” เด็กหนุ่มส่งเสียงหัวเราะต่ำ

    นรินทร์ตะลึงค้างไปครู่หนึ่ง

    รู้ตัวอีกทีลูกชายหัวแก้วก็เดินหนีออกจากห้องไปเสียแล้ว

     

     

     

     

    4.

    วิชาเรียนรวมของนักศึกษาปีหนึ่งเลิกแล้ว

    ลัลทริมาเดินออกจากห้องไปหาอะไรกินตอนพักเที่ยง กระเพาะไม่ได้เรียกร้องขออาหารเท่าไรเด็กสาวเลยคิดว่าจะไปนั่งพักในที่สงบ ๆ แล้วหาน้ำหาขนมทานเล่นแทนก่อนเข้าเรียนคาบบ่าย

    หลังจากที่เธอนั่งเล่นไปได้สักพักหนึ่ง การินก็ถือวิสาสะเดินเข้ามานั่งด้วย พร้อมกับวางแก้วกาแฟลงบนโต๊ะ เขานั่งลงข้างๆเธอโดยที่ไม่ได้พูดอะไร

    ไม่แปลกใจเท่าไร่หรอก ถ้าขอก่อนก็คงไม่ใช่การินน่ะสิ

    “มาอยู่ตรงนี้เอง”

    นายรู้ได้ไงว่าฉันอยู่นี่?”

    ได้กลิ่นคนโง่เลยตามมา”

    ดวงหน้าหวานยู่ลงเพราะคำถากถางของเขา

    อยากกินชาเย็น” เสียงทุ้มว่า

    เด็กสาวเลิกคิ้วแปลกใจ ปกติไม่เคยพูดเกริ่นแบบนี้ด้วยซ้ำ อยากได้อะไร อยากทำอะไรก็มือไว คว้าไปก่อนตลอด “นายกินแต่กาแฟไม่ใช่เรอะ?”

    แค่นี้ก็งก?”

    เปล่าซะหน่อย... อ่ะ เอาสิ” มือเลื่อนแก้วชาเย็นไปตรงหน้าเขา

    แต่อีกฝ่ายกลับทำสิ่งที่เด็กสาวไม่คาดคิด

    ...หรืออาจจะไม่มีใครคาดคิด

    สัมผัสนุ่มแนบลงมาที่ริมฝีปากเพียงเสี้ยววินาทีก็ทำให้เด็กสาวชะงักได้ รู้ตัวอีกทีก็เห็นรอยยิ้มกะล่อนบนในหน้าคมคาย เขาเลียริมฝีปาก แววตาลึกลับดูพอใจที่เธอขี้อายกว่าที่คิดไว้

    พวงแก้มนวลร้อนเห่อ ก่อนจะร้อนลามไปทั้งหน้า ผิวขาวซับสีฝาดเสียจนแดงก่ำ

    ร่างบางรีบหันไปมองรอบด้านด้วยเกรงว่าสถานการณ์ประเจิดประเจ้อที่เพิ่งเกิดไปจะมีใครเห็นเข้า ก่อนจะโล่งใจเมื่อเห็นจากระยะห่างและจำนวนคนที่เบาบาง น่าจะทำให้ไม่มีใครเห็น

    อะ...นาย ทำ ทำ เธออ้าปากเหวอ พูดแทบไม่เป็นภาษา

    “ฉันทำอะไร”

    “นาย ..ขโมย จ จ...”

    เสียงหวานใสพูดไม่เต็มถ้อยคำด้วยกระดากอาย

    จำต้องหยุดอยู่เท่านั้น ริมฝีปากเม้มแน่น

     

    ...ผู้ชายอะไรจะขี้แกล้งปานนี้

     

    เด็กสาวมองด้วยสายตาคาดโทษ

    ทำไมเขาถึงมาทำอะไรอย่างนี้ แถมยิ่งเป็นกลางแจ้งเสียด้วย ถึงจะพอรู้ตัวว่านี่ไม่ใช่จูบแรกจริง ๆ ทว่าก็เป็นจูบที่ทำให้สั่นไหวเป็นครั้งแรก... เพราะงั้นถ้านับจากตรงนี้คงไม่เป็นไร

    อาจเป็นเพราะเธอเริ่มรู้สึกบางอย่างกับเด็กหนุ่มขวางโลกคนนี้เสียแล้วละมั้ง

     

    การินยักไหล่ ทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้

    มือคว้าแก้วกาแฟแล้วลุกขึ้น เดินหนีไป

     

     

     

    5.

    สวนดอกไม้กว้างออกไปคล้ายไม่สิ้นสุด

    ทะเลสาบอีกฟากไกลสุดลูกตา มีขอบฟ้าเป็นรั้วกัน

    พระจันทร์ดวงใหญ่ไม่ปรากฏบนผืนฟ้า แต่กลับชัดเจนบนทะเลสาบราวกับว่ามันจมอยู่ก้นบึ้งท่ามกลางฝูงปลาและก้อนกรวดน้อยใหญ่

    ดวงตาของเขาเห็นว่าร่างของเธอนั่งเล่นอยู่ตรงนั้นจึงเดินเข้าไปใกล้ รายละเอียดคอย ๆ ปรากฏชัดเจนขึ้นทีละเล็กน้อย ชุดกระโปรงสีขาวเนื้อบางเบาพลิ้วไหลยิ่งทำให้หญิงสาวดูคลับคล้ายสิ่งมีชีวิตจำแลง ลำคอขาวระหงและกระดูกไหปลาร้าโค้งโผล่พ้นคอเสื้อปาดกว้าง

    เธอก้มตัวลงมองเงาสะท้อนตัวเองบนผิวน้ำ

    ดวงตาสีน้ำตาลสบตากับการินจากในนั้น

    ทำไมเพิ่งมาล่ะ?”

    การินไม่ได้ตอบคำถาม

    แม้แต่ตัวเขาเองก็ยังไม่รู้ว่าที่นี่คือที่ไหน เขามาอยู่ตรงนี้ได้อย่างไร ทว่ากลับรู้สึกคุ้นเคยเป็นอย่างดี ชายหนุ่มหย่อนตัวลงนั่งไม่ห่างกัน พลันคำถามต่อไปถูกเปล่งออกมาจากริมฝีปากสีระเรื่อ

    “นี่ นายรำคาญฉันบ้างไหม?”

    คำถามนั้นดูไร้ที่มาที่ไปเสียจนน่าขัน แต่การินก็ยังคงรู้สึกว่าทุกอย่างดูปกติดี

    ก็เป็นบางที”

    ฝ่ามือเอื้อมหยิบก้อนหินเม็ดกลมใกล้มือ ปาลงทะเลสาบให้สะเทินเล่นบนผิวน้ำสะอาดใส ...และทุกครั้งที่มันจมลง ลัลทริมากลับทำหน้าเหมือนจะร้องไห้

    อย่าถมทะเลสาบซิ” เธอต่อว่า

    โทษที”

    ก้อนหินในมือที่กำลังจะปาออกไปอีกครั้งถูกวางลงที่พื้นดังเดิม

    เบื่อฉันแล้วใช่ไหม?”

    ไม่เคยพูดแบบนั้นสักหน่อย”

    เขาได้ยินเสียงตัวเองตอบออกไป

    นายดูเหมือนเบื่อเลย” เธอว่าเสียงเรียบ “...ทั้งที่ดูเบื่อกันขนาดนั้น แต่นายกลับไม่ให้ฉันไปไหน”

    ปลายเท้าเล็กแกว่งเท้าลงในน้ำสร้างคลื่นกระเพื่อมให้เงาสะท้อนแตกออก รอยยิ้มจางปรากฏบนใบหน้า ท่าทางราวกับพูดเรื่องดินฟ้าอากาศ

    เขาถามเธอบ้าง งั้นเธอเกลียดฉันไหม?”

    เกลียดสิ”

    แปลว่าไม่รักหรือเปล่า...?”

    การินแปลกใจที่ตัวเองก็ถามแบบนั้น รู้สึกเหมือนคุมปากตัวเองไม่ได้จนต้องพูดทุกอย่างที่คิดออกไป

    ไม่เคยพูดแบบนั้นสักหน่อย” ร่างบางหัวเราะคิกคัก หลังจากส่งคำตอบของร่างสูงเมื่อครู่ถูกย้อนคืนมา “แล้วทำไมนายต้องขังฉันไว้ที่นี่ด้วย

    ฉันไม่ได้ทำ”

    “นายทำ ที่นี่มีแค่ฉันกับนาย ถ้าไม่ใช่นายแล้วจะเป็นใครได้อีก”

    หญิงสาวยังคงยืนยัน ชั่วขณะนั้นการินรู้สึกสับสนอย่างหนัก

    “ฉันไม่รู้”

    ถ้าไม่ได้ทำ งั้นพาฉันออกไปหน่อยได้ไหม” เธอว่า

    “ทำไมถึงอยากออกไป”

    ร่างบางนิ่งไปครู่

    “…ฉันไม่ได้อยากไปหรอก แต่การอยู่ที่นี่คงไม่ใช่เรื่องดีอีกแล้ว”

    “ทำไมถึงคิดแบบนั้น”

    เธอกลับยิ้ม  “พาฉันออกไปเถอะนะ”

    “ยังไง?”

    ลัลทริมาไม่ตอบเขา กลับยกมือขึ้นชี้ตรงไปยังพระจันทร์ดวงโตที่อยู่ใต้เงาของทะเลสาบ

    ชายหนุ่มมองตามไปทางทิศทางนั้นแล้วหันกลับมา เขาไม่เข้าใจสิ่งที่เธอต้องการจะสื่อ ทว่าริมฝีปากที่อ้าขึ้นเตรียมจะถามต้องอ้าค้างไว้เมื่อตรงหน้าเป็นเพียงความว่างเปล่า

     

    ...ร่างของลัลทริมาหายไป

    ไม่มีใครอยู่ตรงนั้นอีกแล้ว

     

    “...ยัยโง่?” เขาร้องเรียก

    หันไปรอบทิศก็เจอแค่ความว่างเปล่า

    ยัยแม่มด!”

    หัวใจวูบโหวง

    สองเท้าเดินไปข้างหน้าอย่างไร้ทิศทาง พลันเสียงหวานดังขึ้นจากด้านหลัง

     

    เรียกฉันอยู่เหรอ?”

     

    เมื่อเขาหันไป เห็นว่าลัลทริมาปรากฏตัวขึ้นตรงหน้า เครื่องแบบนิศาพาณิชย์ที่เธอสวมอยู่เปรอะละอองเลือดปริศนา ไม่มากมายแต่เห็นได้ชัดเจน

    เจ้าของใบหน้าสวยหวานเอียงคอ เธอคลี่ยิ้ม

    “...เรียกฉันทำไมเหรอการิน?”

    ทำไมเธอ ...เมื่อกี๊หายไปไหนมา” แววตาเขาสับสน แม้การินอยากจะถามว่าทำไมลัลทริมาถึงอยู่ในสภาพนี้ แต่สมองกลับบอกให้เปลี่ยนคำถามแทนเสีย บางอย่างบอกเขาว่าเธอไม่ได้บาดเจ็บตรงไหน นี่เป็นเลือดคนอื่น 

    และหากไม่ได้คิดไปเองชายหนุ่มรู้สึกว่าเธอดูตัวเล็กลงนิดหน่อย

    ฉันก็ไม่ได้ไปไหนสักหน่อย เธอมองไม่เห็นเอง” เสียงหวานว่าตัดพ้อ แววตาเศร้าสร้อย มือบางกุมมือชายหนุ่ไว้แน่น สัมผัสนั้นเย็นชืดจนเขาตกใจ ทั้งที่...ปกติเธอมักจะมองหาฉันแท้ๆ”

    ความรู้สึกวูบโหวงในใจเขายังไม่คลายไป

    เธอใช่ยัยโง่จริงเหรอ?”

    คำถามนั้นทำให้ร่างบางชะงักกึก

    “ทำไมถึงพูดแบบนั้นล่ะ…”

    เธอเป็นใคร? แล้วลัลทริมาหายไปไหน?” เขาถามซ้ำ ยกมือขึ้นดันตัวเธอออก ทันใดนั้นดวงตากลมโตสั่นไหว มือคว้าชายเสื้อของการินกำไว้แน่น

    เธอเรียกหาใคร...ก็ฉันนี่ไงลัลทริมา แม่มดของเธอ”

    “...”

    ว่าแต่...ทำไมเธอถึงมาอยู่ที่นี่ล่ะ?

    หมายความว่าไง?”

    “เธอไม่ควรมาอยู่ที่นี่ ฉันว่ามันดูสงบสุขเกินไปหน่อย...สถานที่น่าเบื่อแบบนี้ไม่เหมาะกับเธอเอาเสียเลย เราไม่ไปทำอะไรที่เธอชอบเหรอ ...ไปสิ ฉันจะไปด้วย” เด็กสาวยิ้มกว้างจนเขาใจสั่น เผลอเคลิ้มตามจนไม่นึกติดใจกับคนตรงหน้าแม้สักนิด

    “ฉันจะช่วยเธอเองการิน มันต้องสำเร็จแน่”

    เธอทำได้เหรอ?” ร่างโปร่งเลิกคิ้วขึ้น

    ได้สิ ต้องทำได้อยู่แล้ว”

    ปลายนิ้วเย็นวาบแตะลงที่สันกรามชายหนุ่มเบา ๆ “...ก็ฉันเป็นแม่มดนี่นา”

     

     

     

    6.

    เพียงกระพริบตา การินเห็นตัวเองยืนอยู่หน้ากระจกบานใหญ่ในห้องน้ำคอนโด

    ภาพสวนดอกไม้ ทะเลสาบ หายวับไป

    ชายหนุ่มเปิดก๊อก วักน้ำล้างหน้า

    ความเย็นจากน้ำกระทบผิวทำให้สติกลับคืนมาเกือบสมบูรณ์

    เมื่อครู่เกิดอะไรขึ้น นิมิตงั้นเหรอ?

    ...ไม่น่าเป็นไปได้

    แม้แต่ญาณอาถรรพ์กว่าจะสร้างภาพหลอนแบบนั้นได้ก็ต้องเข้าสภาวะจุติญาณแล้ว ซึ่งน่าจะอีกนานพอดู แปลว่าเมื่อครู่คงเบลอเห็นภาพหลอนเพราะนอนน้อยเกินไปหรือไม่ก็เป็นเพราะสาเหตุอื่น เขาย้อนครุ่นคิด

     

    คุยกันต่อไหม?”

     

    เสียงคุ้นเคยหนึ่งแทรกขึ้นมา

    ชายหนุ่มหันขวับ เห็นร่างบอบบางของลัลทริมานั่งอยู่บนขอบอ่างอาบน้ำ เครื่องแบบโรงเรียนของพ่อเปื้อนละอองเลือดกับรอยยิ้มหวานชวนมองแบบนั้นทำให้เขาจำได้ว่าในภาพหลอนเมื่อครู่มีเธออยู่ด้วย

    แก...เป็นตัวอะไร?”

     

    ++++++++++++++++++++++++++++++


    humble_h : เอาจริง ตอนรีไรท์เพิ่มแอบเกลียดซีนลุงพูดถึงลัลแล้วอีตานี่บอกใครเหรอๆ จำไม่ได้ๆๆ เขียนแล้วขำเอง 5555

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×