NC

คำเตือนเนื้อหา

เนื้อหาของเรื่องนี้อาจมีฉากหรือคำบรรยายที่ไม่เหมาะสม

เยาวชนที่มีอายุต่ำกว่า 18 ปี ควรใช้วิจารณญานในการอ่าน

กดยอมรับเพื่อเข้าสู่เนื้อหา หรือ อ่านเงื่อนไขเพิ่มเติม
ปิด
ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [ FANFIC ] TOXIC (รินxลัล) : จบแล้ว

    ลำดับตอนที่ #2 : 2nd TOXIC – ยังคงเหมือนเดิม [rw]

    • อัปเดตล่าสุด 12 มี.ค. 66


    กฎแห่งกรรมที่ว่าด้วยความสัมพันธ์ ข้อที่สอง – ยังคงเหมือนเดิม


    1.

    หญิงสาวนึกชังอารมณ์เฉยชาที่เขามีต่อความสัมพันธ์นี้นัก เธอเกลียดการที่เขาปรากฏตัวขึ้นแล้วทำให้ทุกอย่างเป็นเหมือนเดิมได้อย่างหน้าตาเฉย

    ...เหมือนเดิม

    ไม่มีอะไรผิดแปลกไปจากครั้งก่อน

    ดั่งเช่นการที่เธอเดินลงจากชั้นสองมายังโต๊ะอาหาร แล้วมีแก้วน้ำเซรามิคสีฟ้าถูกรินไว้เต็มวางไว้ทางซ้ายของจานก่อนที่ลัลทริมาจะเริ่มมื้ออาหารอย่างที่เคยเป็นทุกครั้ง โดยที่เจ้าของผลงานไม่พูดอะไรสักคำ

    นั่นไม่ใช่ฝีมือรสวดีหรือภัทระแน่ ลัลทริมาวางมันไว้มุมลึกในสุดของตู้กับมือ เพราะงั้นสองคนนั้นไม่มีทางบังเอิญหยิบแก้วใบนี้หรอก หรือต่อให้บังเอิญก็ไม่น่าพลาดจังหวะนรกแตกอย่างวันที่การินอยู่ที่บ้านเธอ

    คงไม่มีใครทำแบบนี้นอกจากเขา

     

     

     

    2.

    “ที่นายบอกว่ามีธุระ ...ธุระอะไรเหรอการิน”

    ร่างบางโพลงขึ้นมากลางวงอาหารหลังจากที่ของในจานถูกจัดการลงไปอยู่ในกระเพาะของทุกคนจนหมดเกลี้ยงแล้ว หญิงสาวเลือกเวลานี้เพราะไม่อยากให้น้าโรสและน้าเขยปลีกตัวออกไปจนอยู่กับเขาแค่สองต่อสอง

    “เปล่านี่” เขาตอบแค่นั้น

    “แต่เมื่อกี๊นายเพิ่งบอกฉันเองว่ามี”

    “เธอทึกทักเอาเองแล้วล่ะมั้ง”

    ...เอาอีกแล้ว

    รอยยิ้มเหยียดที่อยู่บนหน้าคมทำให้เธอหงุดหงิดอีกครั้ง แม้จะรู้ดีว่าชายหนุ่มแค่จงใจกวนประสาท แต่ก็คล้ายจะบอกใบ้ว่าเขาคงไม่พูดเรื่องธุระที่ว่าแน่หากไม่ได้อยู่กับเธอเพียงลำพัง

    แต่เธอไม่ยินดีจะเล่นตามเกม “ถ้ามีอะไรอยากจะพูด นายก็พูดตรงนี้เลยดีกว่า”

    เขาจ้องเธอกลับ

    “แล้วถ้าไม่ดีล่ะ”

    ร่างบางจงใจไม่มองสบดวงตาที่จ้องกลับมา “งั้นก็หวังว่าอาหารมื้อนี้จะถูกปาก ขับรถกลับดี ๆ ฉันไม่เดินส่งนะ”

    “อะไรกัน เธอไม่อยากรู้จริงเหรอ” น้ำเสียงเขายียวน ใครจะรู้ว่าสิ่งเล็ก ๆ ที่แอบแฝงอยู่ในบทสนทนาแบบนี้เอง ก็เป็นหนึ่งในเรื่องที่ทำให้ระหว่างเราไปกันไม่ได้

    ใช่ ...น่ารำคาญ

    เหมือนเดิม

     

    เคร้ง!

     

    เสียงช้อนส้อมถูกปล่อยกระแทกจานดังจนทุกคนตกใจ

    มันเกิดจากความหงุดหงิดของลัลทริมานั่นแหละ ทั้งรสวดีและภัทระต่างเงียบกริบเมื่อไม่เคยเห็นท่าทางโกรธกร้าวแบบนี้จากหลานสาว มีแค่การินเพียงคนเดียวที่ยังคงตักข้าวคำสุดท้ายเข้าปากพร้อมกระดกน้ำตามเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น

    “...ขอโทษค่ะ”

    เพียงชั่ววูบ ร่างบางผ่อนลงหายใจลงและกลับมาเป็นปกติ เธอหน้านิ่งตึง มือเรียวหยิบจานข้าวของคนกวนประสาทมาซ้อนกับจานตัวเองแล้วสะบัดหน้าเดินเข้าไปในครัว 

     

    ยังอุตส่าห์เก็บจานให้

    ...แบบนี้นับว่าไม่ถือสาหรือเปล่านะ?

     

    “ปกติลัลไม่เป็นแบบนี้นะ” รสวดีขมวดคิ้วเล็กน้อย ทำให้โต๊ะอาหารที่เงียบไปชั่วครู่เริ่มมีปฏิกิริยาตอบรับ ภัทระยิ้มส่งเจื่อนให้ร่างโปร่งที่นั่งอยู่เยื้องกัน

    “พี่ว่าวันนี้ลัลคงมีเรื่องทำให้อารมณ์ไม่ดีเอามาก ๆ อย่าคิดมากเลยนะการิน”  คุณพ่อลูกหนึ่งเอ่ยปลอบ แม้แต่ลูกชายรสวดียังตกใจท่าทางของพี่สาวจนซุกตัวกับแขนคนเป็นพ่อ มีเพียงแขกร่วมมื้อค่ำเพียงหนึ่งเดียวเท่านั้นที่ไม่มีท่าทีลำบากใจ

    ดวงตาคมมองตามแผ่นหลังบอบบางที่หลบหายเข้าไปหลังบ้าน

    “ช่างเขาเถอะ ผมชินแล้ว”

     

     

     

    3.

    ลัลทริมากำลังว้าวุ่นใจกับการตามตัวการินมาที่คณะ

    อาจารย์ประจำวิชาถามหาการินที่ยังไม่มาส่งงาน และถามว่ามีใครพอจะติดต่อนักศึกษาคนนี้ได้บ้าง ทว่าเพื่อนทั้งรุ่นกลับมองหน้ากันเงียบๆ จึงกลายเป็นเธอต้องยกมืออาสาจะตามตัวเขาให้เพราะดูเหมือนเป็นคนเดียวที่รู้จักเขาดี

    ระหว่างที่เด็กสาวเดินออกจากห้องเรียน ก็ครุ่นคิดอยู่ว่าจะต้องไปตามหาเขาที่คอนโดหรือเปล่า และจะให้ทันเวลาส่งตอนบ่ายโมงตามกำหนดได้อย่างไร ขยับขาก้าวมาจนสุดทางเดิน

    สุดซวยที่ลิฟต์เสีย ร่างบางจำใจเปลี่ยนทิศหมุนเท้าเดินกึ่งวิ่งไปตามทางเดินของอาคาร กำลังจะเลี้ยวลงที่บันได ระหว่างนั้นก็ควักโทรศัพท์โทรหาการิน โชคดีที่ปลายสายกดรับพอดี

    “ฮัลโหล ...นายอยู่ไหนแล้วน่ะ อาจารย์ถามหาว่าจะมาส่งงานรึเปล่า”

    ทางนั้นรับโทรศัพท์แต่ไม่มีเสียงใดกลับมา เมื่อปลายสายเงียบไม่ตอบ เด็กสาวเลยบ่นใส่ต่ออีกประโยค “เหลือนายคนเดียวที่ยังไม่ส่งเล่มรายงานนะการิน ”

    “หรือว่านายมาไม่ได้ จะให้ฝากส่งก็บอก— กรี๊ดดดด”

    ชั่ววินาทีที่ปลายเท้าลื่นลงจากขั้นบันได เธอหลับตาปี๋เตรียมรับความเจ็บปวด แต่แล้ววงแขนแข็งแรงก็คว้าเธอเอาไว้เหมือนมีใครบางคนรู้อนาคต น้ำหนักตัวลากอีกฝ่ายลงไปนอนกองอยู่ชานบันได โทรศัพท์สองเครื่องกระดอนจากมือเจ้าของร่วงลงไปอยู่ที่พื้น

    ร่างของเด็กสาวทับอยู่บนตัวเด็กหนุ่ม มือบางทาบบนแผ่นอกหนา จังหวะเงยหน้าขึ้นประสานสายตากันทำเอานึกถึงฉากในหนังรักสักเรื่อง

    “เอ่อ..”

    “รีบลุกเดี๋ยวนี้เลยยัยโง่ เธอนี่มันตัวภาระชะมัด”  ประโยคหลังจากนั้นกลับไร้ซึ่งความโรแมนติกสิ้นดี เสียงทุ้มฉุนเฉียว แต่อย่างน้อยลัลทริมาก็ได้รู้ว่าคนที่เธอกำลังตามตัวอยู่ตรงนี้นี่เอง

    ร่างบางยันตัวลุกขึ้นด่วนจี๋เมื่อเห็นคนตัวสูงถลึงตาใส่

    “ชิ คนกำลังรีบแท้ ๆ สมกับเป็นยัยตัวซวยจริง”

    น... นายหายไปไหนมาถึงไม่เข้าคลาส ฉันโทรตามตั้งหลายรอบ”

    ลัลทริมาเห็นใต้ตาเด็กหนุ่มคล้ำขึ้น ก็เดาได้ว่าคงตามหาอะไรที่เขาโปรดปรานเช่นเคย แม้ไม่เอ่ยตอบ

     

     

     

    4.

    รสวดีหรี่ตาลงมองลัลทริมา พลางกดเสียงกระซิบถามเบา

    “ทำไมรู้สึกเดี๋ยวนี้การินมาบ้านเราบ่อยจัง มีอะไรที่น้าต้องรู้ไหมเนี่ย?”

    “เอ่อ...เขาแค่มาเยี่ยมตามประสาเพื่อนไงคะ” เด็กสาวแก้ตัวน้ำขุ่นๆ ส่วนคนที่ถูกพูดถึงก็ได้แต่นั่งฟังนิ่ง ไม่คิดจะอธิบายอะไรเพิ่มเติมไปมากกว่านั้น นึกขบขันในใจกับท่าทางลุกลี้ลุกลนเหมือนคนกลัวความผิดของร่างบาง

    “แปลว่าคงเป็นเพื่อนคนสำคัญสินะถึงได้มาบ่อยขนาดนี้”

    ลัลทริมายิ้มแห้ง เริ่มกลืนขนมไม่ลง

    “เฮ้อ ปากแข็งจริง ๆ งั้นน้าถามการินดีกว่าเนอะ” จู่ ๆ นักข่าวสายสังคมก็เปลี่ยนเป็นนักข่าวสายบันเทิงชั่วคราว ทำเอาคนถูกถามตกใจไม่น้อย ได้แต่ระแวดระวังว่าจะไม่แสดงอาการแปลกๆออกไป

    เด็กสาวยิ่งลนลานใหญ่เมื่อรสวดีเปลี่ยนใจหันหน้าไปถามใครอีกคน

    “การิน...คบกับหลานน้ารึเปล่าจ๊ะ?”

    “แค่ก ๆๆ ...น้าโรส!!!

    คำถามของน้าสาวทำเอาลัลทริมาสำลักขนมหวานในปากจนติดคอ ไอจนหน้าแดงก่ำ ในขณะที่รสวดีลุ้นคำตอบอยู่นั้น เธอกลับพบว่าปฏิกิริยาตอบสนองของเด็กหนุ่มน่าสนใจยิ่งกว่า

    การินเหลือบมองรสวดีเล็กน้อย

    รอยยิ้มมุมปากปรากฏขึ้นบนใบหน้าคมคาย ทว่าไม่ได้ขยับปากเอ่ยคำใด

     

     

     

    5.

    เมื่อไร้ซึ่งญาณอาถรรพ์และข่าวลือร้าย ผู้คนรอบตัวก็เยอะขึ้นเป็นธรรมดา

    แม้ลัลทริมาไม่ใช่ผู้หญิงที่เครื่องหน้าหวานจัดจ้านเหมือนนางเอกละคร หน้าคมเย้ายวนชวนฝัน หรือเครื่องหน้าโดดเด่นเป็นเอกลักษณ์ดูมีสเน่ห์ โดยรวมติดจิ้มลิ้มดูเหมาะกับคำว่าน่ารักเสียมากกว่าด้วยซ้ำ ถึงอย่างนั้นก็จัดว่าสะสวยตามมาตรฐานพิมพ์นิยมสาวเอเชียในหลายศตวรรษนี้ พูดได้อย่างเต็มปากว่าหน้าตาน่ามองไม่หยอกเลยทีเดียว และคงไม่ใช่เรื่องแปลกตรงไหนที่ดอกไม้พันธุ์ดีสักดอกหนึ่งจะมีแมลงใดมาเกี้ยวตอม

    คนที่นึกรำคาญแมลงพวกนั้นคงมีเพียงเจ้าของดอกไม้เท่านั้นแหละ

    ....... 

    “มึงเป็นแฟนพี่ลัลสินะ” ถึงการินจะอยู่ปีสูงกว่าแต่อีกฝ่ายรู้ว่าอีกฝ่ายอายุเท่ากันถึงได้กล้าเรียกแทนด้วยชื่อเฉย ๆ และขึ้นสรรพนามถือดีแบบนี้

    “มึงอายุเท่ากู กูไม่เรียกพี่หรอกเว้ย”

    การินมองหน้าคนแปลกหน้านิ่งครู่หนึ่ง ก่อนจะเลิกคิ้วขึ้นเป็นเชิงคำถามกลายๆ เขานึกให้ตายยังไงก็จำไม่ได้ว่ารู้จักอีกฝ่ายมาก่อน

    ส่วนฝ่ายลัลทริมาเธอพยายามจะห้ามปรามความอารมณ์ร้อนนั้นเพราะเธอรู้จักเด็กหนุ่มคนนี้ดี เพราะนี่คือน้องรหัสตัวเองไม่ใช่ใครอื่น เพียงแต่อ้าปากจะพูดออกไปก็โดนขัด

    “คอยดู กูจะเอาพี่ลัลมาจากมึง” เด็กหนุ่มว่าเช่นนั้น

    สาวงามอ้าปากค้าง ร้อนผ่าวด้วยความอับอายแทบแทรกแผ่นดินหนี ไม่คิดว่าจะมีใครกล้าเดินมาพูดตรง ๆ แบบนั้นโดยเฉพาะในตอนที่เธอนั่งอยู่ตรงหน้าเขา กลายเป็นฉากศึกชิงนางระหว่างน้องปีหนึ่งกับพี่ปีสามที่อายุเท่ากันไปซะแล้ว แถมยังเป็นกลางโรงอาหารเสียด้วย

    การินฟังน้ำเสียงมั่นใจแล้วกลั้นขำ “หึหึๆๆ ฉันเพิ่งรู้ว่าเธอสวยขนาดนั้น”

    ลัลทริมาอยากกลายเป็นอากาศไปซะตรงนั้นเลยจะได้ไม่ต้องรับรู้อะไรอีก

    “เด็กเธอสติไม่ดีไปแล้วหรือไง”

    “ไม่ใช่เด็กฉันสักหน่อย!

    ชายหนุ่มแค่นเสียงเฮอะออกจากลำคอ หันกลับไปถามคนแปลกหน้าที่เห็นกันอยู่ชัด ๆ ว่าเป็นเด็กของยัยแม่มดตาใส ยังมีหน้ามาเลิกลั่กแก้ตัวว่าไม่ใช่อีก

    ช่างเข้ามาได้จังหวะดีเหลือเกินเพราะช่วงนี้ทั้งคู่มีเรื่องให้มึนตึงใส่กันอยู่พอดี

    “ไปเอาความมั่นใจมาจากไหนกัน”

    “ตั้งแต่เรื่องที่เกิดตอนออกค่าย วันนั้นมึงบังคับพี่ลัลให้ทำอะไรตรงศาลเพียงตาทุกคนก็เห็นกันหมด คนเลยลือกันไปทั่วแล้วว่ามึงหมกมุ่นเรื่องพวกนี้อยู่แล้วแต่แรกเลยมาคบพี่ลัลแค่เพราะเธอเห็นผีได้เท่านั่นเอง ไม่แมนเลยว่ะ มึงไม่ได้รักที่ตัวตนพี่เค้าจริง ๆ สักหน่อย”

    คู่สนทนายิ้มแสยะ

    ไม่คิดว่าค่ายผูกมิตรไร้สาระนั่น ยังเอามาเป็นประเด็นอะไรได้

    ก็แค่มีพวกหน้าโง่ชอบลบหลู่หาเรื่องใส่ตัวจนลำบากมาให้คนอื่นช่วยเองก็เท่านั้น ทริปที่จัดกันเอง ทำกันเอง สาระแนออกไปห่างไกลชุมชน เกิดอะไรขึ้นก็ต้องแก้ไขกันเองในหมู่คณะ อย่างกับหนังระทึกขวัญวัยรุ่น เป็นภาระของ คนที่รู้ กับ คนที่เห็น ช่วยเหลือพวกเขาในช่วงเวลานั้น

    ...ไม่คิดเลยว่าจะโดนตอบแทนอย่างนี้จริง ๆ

    ดวงตาคู่คมหรี่มองเด็กหนุ่มแปลกหน้าจนอีกฝ่ายขนลุกและเป็นฝ่ายหลบสายตาไปเอง  ได้ยินแล้วรู้สึกเคืองกว่าที่คิดเมื่อถูกกว่าหาว่าเขาใช้ลัลทริมาเป็นเครื่องมือ

    ถึงเมื่อก่อนอาจจะทำแบบนั้นจริง ๆ ก็เถอะ

    “คิดว่าจะชนะฉันได้รึไง สิ่งที่ยัยนั่นมีไม่ใช่คนทั่วไปจะรับมือกับมันได้หรอกนะ...ถ้ามีปัญญาเอาไปได้ก็เชิญ”

    การินเหยียดยิ้มมองฝ่ายที่เดินเข้ามาหาเรื่องกลางโรงอาหารด้วยสายตาดูแคลน ความมั่นใจอวดดีที่แสดงออกผ่านทางไม่รู้ร้อนนั่นยิ่งยั่วอารม์ให้ฝ่ายนั้นนึกหงุดหงิด บวกกับกับคำพูดเย็นชาพรรค์นั้นยิ่งดูเหมือนไม่ใส่ใจลัลทริมาเข้าไปใหญ่

    เป็นเช่นนั้นคู่กรณียิ่งไม่เข้าใจว่าทำไม 'คนแบบนี้' ถึงได้มีเธออยู่ด้วย

    ..........

    ..........

    คำพูดของเขาทำให้ลัลทริมารู้สึกข้องใจเหลือเกินเชียว หลังจากน้องรหัสเธอเดินจากไปเธอรีบเอ่ยถามคนตรงหน้าทันที

    “ที่บอกน้องรหัสฉันว่าถ้าชนะก็เอาฉันไปได้น่ะ...พูดจริงเหรอการิน”

    “อือ ตามนั้นเลย”

    “นาย...นายนี่มัน—” พอเห็นว่าแฟนสาวเริ่มอารมณ์บูดเตรียมจะงอแงใส่ คนตัวสูงก็รีบอธิบาย

    “เฮ้ ฟังนะ ฉันพูดก็จริง แต่ไม่ได้บอกว่าชนะเรื่องไหนสักหน่อย”

    “หมายความว่าไง”

    “ถ้ามันทำให้เธอชอบได้ด้วยก็คือชนะไง หรือเธออยากไปก่อนล่ะ?” เขายิ้มกว้างขึ้น พูดจาเออ ออเองเสร็จสรรพ “ก็ได้นะ ไม่ว่ากัน”

    สาวเจ้าเบ้ปาก “ทำไมพูดแบบนั้น เหมือนไม่หวงกันบ้างเลยตาบ้า...ฉันเป็นแฟนนายแท้ ๆ”

    “ถ้าคนมันไม่มีใจแล้วซะอย่าง ฉันจะไปทำอะไรได้อีก...คุณไสยทำเสน่ห์ไม่ใช่แนวฉันหรอกนะ บอกไว้ก่อน” ชายหนุ่มไหวไหล่เบาๆก่อนจะยกน้ำขวดขึ้นดื่ม

    “คิดว่าฉันจะชอบนนท์เนี่ยนะ”

    ลัลทริมาทำท่าจะวีนใส่อีกครั้ง แต่พอเห็นประกายเจ้าเล่ห์ในดวงตาคมก็ต้องหยุดริมฝีปากไว้ ไม่มีใครรับประกันว่านั่นคือคำพูดที่ออกจากใจเขาหรือไม่

    ถ้าใจดีขนาดนั้นคงไม่ใช่การิน

    เมื่อคิดดังนั้น ถ้อยคำต่อว่ากลายเป็นกระซิบแผ่ว

    “...นายมันบ้า”

    การินหัวเราะเบา ก่อนจะซ้อนจานข้าวของตัวเองกับแฟนสาวแล้วยกไปเก็บ

     

     

     

    6.

    น้ำไหลจากก๊อกท่วมจานสกปรกเบื้องหน้า เธอยืนเงียบเชียบ

    จิกมือกำขอบอ่างสแตนเลสแน่นเมื่อนึกถึงภาพมื้ออาหารกระอักกระอวนนั่น หักใจไม่หันไปมองร่างสูงที่เดินเข้ามาทางด้านหลัง กลัวว่ายิ่งเห็นเขาเธอจะยิ่งเปลี่ยนใจ

    “พูดธุระของนายมา”

    “ไปคุยกันที่รถ” เมื่อเห็นว่าอดีตแฟนสาวยังยืนนิ่งจึงเสริมต่อ

    “ไม่ทำอะไรหรอกยัยโง่... ตามมาเถอะ”

    ลัลทริมาคิดว่าหากเธอปฏิเสธไปแล้วเดินหนีขึ้นห้องการินคงไม่ยอมเลิกราง่าย ๆ แน่ จึงตัดสินใจเดินตามเขาไปที่รถยนต์คันเดิมที่เคยนั่ง จากมอเตอร์ไซค์เบาะสูงเปลี่ยนเป็นรถสี่ล้อคันสวยราคาแพง

    ครองที่นั่งเบาะทางซ้ายข้างคนขับเป็นประจำอยู่หลายปีแล้วก็เลิกนั่งไป เหตุผลง่ายๆก็คือเธอจบความสัมพันธ์กับเขาแล้ว...

    และวันนี้บังเอิญได้นั่งตรงนี้อีกครั้งเท่านั้นเอง

     

    เสียงยียวนดังขึ้นเมื่อประตูรถปิดลง

    “หึ...เธอคงโมโหที่ต้องเสแสร้งทำดีกับฉันน่าดู”

    หญิงสาวแค่นหัวเราะกับการเปิดบทสนทนาสุดห่วยแตกของอดีตแฟนหนุ่ม

    “เหมือนที่นายกำลังทำใส่ฉันนั่นแหละ”

    “เธอทึกทักเอาเองอีกแล้ว”

    ใบหน้าหล่อคมคายเหยียดยิ้มลึกลับ รอยยิ้มแบบนี่แหละที่เธอเกลียดมันนักหนา การินยังคงยิ้มแบบนี้แม้แต่ในวันสุดท้ายที่เธอเห็นหน้าเขาเมื่อหลายเดือนก่อน

    “เห็นพูดว่าคิดถึงเพื่อน ก็นึกว่าเธอจะคิดถึงฉันด้วยเสียอีก”

    “ฝันอยู่รึไง”

    “วันนี้แม่มดก้าวร้าวจัง” นัยน์ตาดำขลับฉายแววชอบใจเมื่อถูกสวนกลับ

    ใบหน้าคมก้มลงมาใกล้จนลมหายใจร้อนเป่ารดผิวหน้าลัลทริมา

    เธอก็รู้ ...จริง ๆ แล้วคนที่งี่เง่าไม่ใช่ฉันสักหน่อย”

    ลมหายใจอุ่นเลื่อนต่ำลงใกล้ใบหู ลงไปถึงลำคอขาว ระยะใกล้ชิดนั้นทำเอาร่างกายหญิงสาวสั่นเล็ก ๆ กลิ่นควันกำยานจางปนกลิ่นสะอาดจากตัวเขาเริ่มจะทำให้เธอรู้สึกปั่นป่วนจึงรีบผลักเขาออก น้ำเสียงที่เปล่งออกมาแกว่งจนตัวเองรู้สึกได้

    “รีบพูดธุระของนายสักที”

    ร่างสูงเอื้อมมือล้วงบางอย่างออกจากกระเป๋าเสื้อ กำไว้ในฝ่ามือแล้วยืนมาตรงหน้า

    “คิดว่าเธออาจจะจำเป็นต้องใช้ เลยเอามาให้"

    จี้หอยเบี้ยขนาดเล็กแกว่งนำสายตาไปมาด้วยแรงเหวี่ยงของสร้อยเงินดูคุ้นตาเธอดี ในช่องท้องบิดมวนอ่อนๆ เมื่อจำได้ว่าเธอสวมสร้อยแบบนี้ล่าสุดเมื่อไหร่ ...ถ้าไม่ใช่ตอนที่ญาณอาถรรพ์จุติอย่างสมบูรณ์

     

    บ้าสิยัยลัล ...แกอะคิดมาก

     

    เขาอาจจะแค่หวังดีเอามาให้เฉยๆก็ได้ เบี้ยแก้จะแก้อะไรก็ได้ทั้งนั้น

    แต่ในเมื่อลัลทริมาขาดจากเรื่องผี ๆ สาง ๆ มาได้หลายปีแล้ว ยังจะต้องห้อยเบี้ยแก้ไปทำไมอีก หรือที่จริงแล้วมันมีอะไรมากกว่านั้น จะเกิดอะไรขึ้นกับตัวเธอกันแน่ ร่างบางชักสงสัยว่าการินไปรู้อะไรมา

    เอาล่ะสิ...วนกลับมาที่เรื่องอาถรรพ์ที่เธอขยาดนักจนได้

     

    “ทำไมนาย...”

    “ไม่รู้สึกถึงมันก็ดี ใส่เอาไว้ซะจะได้ปลอดภัย”

    ครั้งนี้เขาแค่ยื่นใส่มือเธอเฉยๆ โดยไม่ได้สวมมันให้ด้วยตัวเองเหมือนครั้งก่อน ร่างบางไม่ถามต่อ มือเล็กกำสร้อยเส้นนั้นไว้แน่น เสียงปลดล็อคประตูรถดังขึ้นก็รับรู้ได้ว่าธุระของเขาสิ้นสุดลงแล้ว

    ในขณะที่ลัลทริมากำลังจะเปิดประตูรถออก สัมผัสจากฝ่ามือร้อนก็ทาบลงที่ไหล่

     

    “หลังจากนี้อาจจะมาเจอบ่อย ๆ”

     

    “ไม่ได้จะทำอะไร ...แค่มาดูว่าผู้หญิงน่าเบื่ออย่างเธอจะยังอยู่”

    “....”

    “ไปนอนเถอะ ฉันรู้ว่าพรุ่งนี้เธอมีเรียน”

    ลัลทริมาเปิดประตูรถออก แล้วเข้าบ้านไป เธอไม่ได้พูดอะไรกับการินอีกเลยในคืนนั้น ในสมองเปี่ยมไปด้วยความสับสน ในใจเปี่ยมด้วยความว้าวุ่น

    ปัญหาที่สองที่ทำให้ระหว่างเธอกับเขาเข้ากันไม่ได้

    คือการินที่เป็นแฟนเธอมาเกือบสามปี ไม่ใช่การินที่เธอรู้จักเลยสักนิด

     

    ...เขาคนนี้ใจดีกว่า และตอนนี้ก็ใจดีเหมือนเดิม

    แต่ลัลทริมาไม่เคยรับมือเขาได้เลย

     

    ไม่แม้แต่จะเข้าใจการกระทำของเขาใน "ตอนนั้น" ด้วย

     

    ++++++++++++++++++++++++++++++

    humble_h : ก็เพราะเวลาอยู่กับแฟน เราจะมีบุคลิกอีกแบบที่ถูกสร้างขึ้นมา

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×