NC

คำเตือนเนื้อหา

เรื่องนี้อาจมีเนื้อหาหรือการใช้ภาษา
ที่ไม่เหมาะสม เยาวชนที่มีอายุต่ำกว่า 18 ปี
ควรใช้วิจารณญานในการอ่าน
กดยอมรับเพื่อเข้าสู่เนื้อหา

อ่านเงื่อนไขเพิ่มเติม
ปิด
ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [ FANFIC ] TOXIC (รินxลัล) : จบแล้ว

    ลำดับตอนที่ #3 : 3rd TOXIC – เปราะบาง [rw]

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 1.54K
      140
      12 มี.ค. 66

    กฎแห่งกรรมที่ว่าด้วยความสัมพันธ์ ข้อที่สาม – เปราะบาง


    1.

    มานั่งนี่มา”

    การินเอนตัวลงกับโซฟาหนัง มือตบลงที่เบาะข้างตัว

    เธอนั่งลง ถูกมือหนากดตัวให้เอนซบกัน มีอะไรเหรอ?”

    เย็นนี้ว่างไหม?” เห็นดวงตากลมเต็มไปด้วยคำถามจึงเฉลย “พ่อชวนเธอไปกินข้าวด้วย”

    “ไปสิ แวะซื้อขนมร้านนั้นด้วยนะ”

    แฟนหนุ่มพยักหน้าแทนการตอบรับ เรียกรอยยิ้มหวานจากคนในอ้อมแขน

    นายใจดีจัง”

    ดวงตาคมจ้องมองรอยยิ้มนั้น พร้อมกับปลายนิ้วตวัดเกี่ยวเล่นเส้นผมสีน้ำตาลนุ่มนิ่มอย่างเพลินมือ แววตาลึกลับดูผ่อนคลาย

     “...แค่กับเธอ”

     

     

     

    2.

    ใครจะไปคิดว่าเรื่องจะออกมาเลวร้ายขนาดนั้น

    ลัลทริมายังจำวันที่เก็บของออกจากคอนโดฝ่ายชายได้ดี

    หมอนั่นแค่ยืนมองเฉยๆ ไม่ง้อ ไม่รั้ง แต่ก็ไม่ได้พูดอะไรให้แย่ลงไปมากกว่าที่เป็น สุดท้ายพอเก็บของเสร็จก็เป็นเขานั่นแหละที่ขับรถไปส่งเธอที่บ้าน

    หลังจากนั้นก็หายหัวไปราวหกเดือน

     

    ไม่มีคำพูดให้รอเพราะเขาคงไม่อยากให้รอ

    ไม่เคยพูดว่าจะกลับมาเมื่อไหร่หรือกลับมาไหม แค่หายไปเฉยๆ

    ไม่ได้เอ่ยถึงบทสรุปของความสัมพันธ์ด้วยซ้ำไป

    หญิงสาวอยากให้ทุกถ้อยคำที่ได้ยินเป็นเพียงคำโกหก เขาล้อเล่น เธอแค่ฝันไป หรืออะไรก็ได้ เธอยังคงหวังทุกวัน หวังจนตาบวมเบ่ง ...แต่จากนั้นก็เลิกรอ

    จำใจต้องยอมแพ้ทั้งที่ลืมไม่ได้

     

    วันนี้ ...ที่เขากลับมา ลัลทริมาถึงได้รู้ว่าความโกรธที่ตัวเองมีต่อการินยังเหมือนวันสุดท้ายเมื่อหกเดือนก่อนไม่มีผิด เธอจะไม่กลับไป เพราะเรื่องแบบนี้ไม่ได้เกิดขึ้นครั้งแรก

    หนังสือเล่มเดิม ไม่ว่าอ่านใหม่กี่ครั้งมันก็จบก็ไม่ต่างกัน

     

     

     

    3.

    ม้านั่งหินอ่อนคุ้นตามีคนคนคุ้นหน้านั่งรออยู่

    หญิงสาวไม่สบอารมณ์กับเรื่องนี้เท่าไร ไม่ว่าเขาตั้งใจจะทำอะไร แต่ถึงกับมาดักรอเธอใต้ตึกหลังเลิกเรียนก็ออกจะเกินไปหน่อยละมั้ง

    นายมาทำไม”

    ก็มาหาไง” เขาตอบ

    เธอถอนหายใจแรง รู้สึกได้ว่ามีสายตาอื่นกำลังจับจ้อง “ทำไมต้องที่นี่ด้วย”

    เพราะบรรดาเพื่อนร่วมคณะก็รู้ดีว่าทั้งคู่เคยมีความสัมพันธ์กันมาก่อน ภาพของหนุ่ม-สาวหน้าตาดีสองคนเป็นคู่รักกัน ต่อให้ไม่แสดงความหวานชื่นให้ใครเห็นกันอย่างจะแจ้ง แต่ก็ดูเหมาะสมกันดีจนน่าอิจฉา ในขณะที่เธอรู้สึกอึดอัดที่มีคนมองมา ชายหนุ่มกลับไม่ได้ให้ค่าอะไรกับมันแม้แต่นิด

    “คุยกันหน่อยสิ”

    “คุยอะไร เรายังมีเรื่องต้องพูดกันอยู่อีกเหรอ”

    “นั่งลงก่อนสิ”

    ฉันไม่นั่ง จะคุยแบบนี้แหละ มีอะไรก็ว่ามา” ลัลทริมาตัดบทเสียงห้วน เมื่อเห็นว่าเธอไม่ยอมง่ายๆก็ถอนหายใจยาว น้ำเสียงเรียบเนิบนาบถูกเอ่ยออกมาจากริมฝีปาก

    “เรื่องตาแก่น่ะ”

    ทันทีที่พูดถึงคุณตาไกรสร แววตาลัลทริมาก็อ่อนลง

     

    “ตาแก่บอกว่าอยากเจอ”

    เขาพูดแบบนั้นแล้วพาขึ้นรถไปด้วยกัน

    หลังจากที่ความสัมพันธ์ของเธอกับการินจบลง หญิงสาวก็ไม่มีโอกาสมาเยี่ยมเยียนเรือนวรรณาเวทย์อีกเลย

    บัดนี้คุณตาไกรสรล่วงเข้าสู่วัยชรามากแล้ว สภาพร่างกายของท่านที่เสื่อมถอยลงตามกาลเวลา เดินเหินไปไหนก็ลำบากและเริ่มอยู่กับที่นอนมากขึ้นในระยะไม่กี่เดือนที่ผ่าน ยิ่งได้รับรู้ว่าชายชราตกบันไดไม่นานมานี้ก็ยิ่งใจหาย ดวงตาสีน้ำตาลมองที่ขาผอมเกร็งคู่นั้นด้วยความเป็นห่วง

    ท่านหันมาเห็นลัลทริมาก็คลี่ยิ้ม เอ่ยทักเด็กสาว

    ไม่เจอกันนานเลย หนูลัล...ตาเกือบลืมไปแล้ว” ทักทายกันด้วยประโยคติดตลก น้ำเสียงของไกรสรยามสนทนายังอบอุ่นเช่นเคย

    หายหน้าไปแค่ครึ่งปีหากยังสติดีคงไม่เลอะเลือนถึงขนาดจะลืมกันได้หรอก

    เพราะใช่ว่าหลานชายตัวจะขยันขับรถมาหาถึงชลบุรีบ่อย ๆ เสียเมื่อไหร่

    สวัสดีค่ะคุณตา” มือบอบบางประนมขึ้นไหว้

    พามาให้เจอหน้าแล้ว คงสมใจนะตาแก่”

    น้ำเสียงเขาเนิบนิ่ง ไม่ได้แสดงอาการก้าวร้าวแต่อย่างใด

    ลัลทริมาหลุบตาลงต่ำเมื่อพบว่าตลอดการสนทนาที่ดำเนินไป ตาไกรสรแทบไม่พูดถึงเรื่องที่เกิดขึ้นระหว่างเธอกับการินแม้แต่นิด ดูเหมือนจะไม่ได้เอะใจสงสัยอะไร ก็พอเข้าใจอยู่หรอกว่าคนแบบเขาคงไม่เอาเรื่องนี้ไปบอกใครง่าย ๆ แม้แต่คนในบ้านตัวเอง 

    ยากนักที่จะได้เผชิญหน้ากับความตรงไปตรงมาของเขา

    ไม่เว้นแม้แต่ตัวเธอเองในยามที่สวมฐานะแฟนสาว

    เห็นหนูคอยดูแลเจ้าการินมันมาตลอดแบบนี้ตาก็สบายใจ”

    ทั้งที่คำพูดของตาไกรสรไม่มีอะไร ติดจะเอ็นดูด้วยซ้ำ ทว่าทำให้หญิงสาวยิ้มเจื่อนจางกลบเกลื่อน เกิดความรู้สึกวูบโหวงขึ้นในอก

    หนูเต็มใจค่ะ ไม่เป็นไร”

    เสียงหวานเอ่ยตอบชายชรา พร้อมพร่ำบอกตัวเองว่าเธอไม่ได้คิดเช่นเดิมอีกแล้ว

    เช่นเดียวกับที่รอยยิ้มเหยียดหยันปรากฏบนใบหน้าคมคายเมื่อได้ยินประโยคนั้น

     

     

     

    4.

    แต่งอะไรเยอะแยะนักหนา กะอีแค่ไปซื้อของเนี่ย”

    ลัลทริมาขมวดคิ้ว เถียงกลับ “สัตว์สังคมก็โชว์ด้านดูดีใส่กันเป็นปกติอยู่แล้ว แปลกตรงไหน”

    ทำยังกะว่าแต่งไปแล้วจะสวยขึ้นงั้นแหละ”

    “ว่าไงนะ?!” เถียงไปเถียงมาทำสาวเจ้าปรี๊ดแตก เลยอดไม่ได้ที่จะประวิงเวลาแต่งโฉมเป็นการประชดประชัน เพราะปากพาซวยชายหนุ่มโชคร้ายเลยต้องรอไปอีกครึ่งชั่วโมง

    ............

    ............

    ดูเหมือนสัตว์เลี้ยงบางตัวก็เริ่มจะไม่เชื่อง

    คลาดกันแปบเดียวก็เห็นเธอยิ้มหวานให้คนอื่นซะแล้ว

    ลัลทริมาหันมามองเขาแล้วไหวไหล่ไม่ยี่หระ ขยำกระดาษในมือทิ้งจนเป็นก้อนกลมแล้วโยนลงถังขยะพร้อมกับใบเสร็จร้านอาหาร ...โอเค เขาตาไวมากพอเห็นแล้วล่ะมันว่าเขียนไอดีไลน์ของใครสักคนเอาไว้

    ดูซิ นายบอกฉันน่าเกลียด แต่คนอื่นก็ต้องการฉันอยู่ดี”

    บ้าบอ

    รอยยิ้มอวดดีที่คิดว่าไม่ต้องมีเขาก็ได้นี่ล่ะ สุดเกลียดเลย

    การินรำคาญนัก หงุดหงิดที่ลัลทริมามัวแต่เสียเวลาแต่งหน้าเกือบชั่วโมงให้คนอื่นดู ทั้งที่แต่งเสร็จแล้วก็ดูไม่ต่างจากเดิมตรงไหน ขัดหูขัดตาที่เธอเลือกใส่เสื้อเปิดไหล่มาโชว์ผิวขาว ๆ ทั้งที่ปกติเธอแทบจะไม่แตะมัน แล้วน้ำหอมเนี่ย ต่อให้น้าเธอซื้อให้เป็นของขวัญ แต่ไม่ต้องฉีดก็ได้มั้ง ...จะให้ใครมาดม ฉุน

    อย่าเพ้อเจ้อ ใครจะไปทนผู้หญิงหน้าโง่อย่างเธอได้ดีเท่าฉัน”

    ชายหนุ่มยกมือขึ้นผลักหัวเล็ก ๆ จนหงายไปข้าง ไม่สนใจเสียงร้อยโวยวาย

     

     

     

    5.

    ดวงตากลมโตกระพริบถี่ ๆ จ้องไปยังมุมห้องอีกครั้งเพื่อให้มั่นใจว่าไม่ได้ตาฝาด เมื่อกี๊ลัลทริมาคิดว่าเธอเห็นเงาดำยืนอยู่ตรงนั้น ...แต่พอกระพริบตา มันก็หายไป

    เรื่องแบบนี้ ไม่ว่าจะเห็นกี่ครั้งต่อกี่ครั้งก็ไม่อาจทำใจให้ชินเสียที โดยเฉพาะเมื่อเธอรู้แก่ใจว่าภาพที่เห็นคืออะไร

    มองอะไรยัยเบื๊อก” การินเปิดประตูเข้ามาพอดี

    พอเห็นเขาแล้วเธอก็โล่งใจ

    “...เปล่า” ร่างบางตอบเสียงค่อยเมื่อเห็นดวงตาคู่คมหรี่มองอย่างจับผิด ก่อนจะเกิดช่วงเวลาเดดแอร์ขึ้นกะทันหันเธอก็รีบเปลี่ยนเรื่องคุย เอ่อ นาย...มีอะไรหรือเปล่า?”

    จะบอกให้นอนก่อนเลย คืนนี้พิมพ์งานดึก”

    หญิงสาวเหลือบมองนาฬิกาบนผนังบอกเวลาห้าทุ่มเศษ

    ดึกมากเลยเหรอ”

    ไม่รู้สิ”

    ....

    ลัลทริมาล้มตัวลงนอนบนเตียงนิ่มหลังจากเพิ่งลุกขึ้นมาเข้าห้องน้ำกลางดึก แทนที่จะหลับสบาย ความไม่คุ้นชินกลับทำให้ร่างบางพลิกตัวไปมาอยู่ครู่ใหญ่

    หญิงสาวผุดลุกขึ้นอีกครั้ง

    อาศัยสายตาที่ปรับสภาพชินกับความมืดเดินไปที่ประตูห้องนอน เมื่อแง้มประตูออกมองไปที่โต๊ะทำงานเห็นแผ่นหลังกว้างของการินยังคงอยู่ในท่าเดิมหน้าแล็ปท็อปตัวเก่งที่ส่องไฟสว่าง นาฬิกาบนผนังบอกว่าเป็นเวลาเที่ยงคืนกว่าแล้ว

    เธอขยับขาเรียวเข้าใกล้ มือบางโอบรอบคอเขาไว้หลวมๆ จากด้านหลัง

    ยังไม่เสร็จอีกเหรอ...”

    ก็อีกไม่เยอะเท่าไหร่”

    งานนี้ส่งเมื่อไหร่อะ?” ได้ยินเสียงทุ้มตอบเธอกลีบว่ามะรืนนี้ เธอคลี่ยิ้ม ปลายนิ้วเย็นฉ่ำจากห้องแอร์คลึงใบหูอุ่นของแฟนหนุ่มเสียจนเขานั่งตัวเกร็ง “งั้นก็นอนได้แล้วน่ะสิ”

    เสียงหัวเราะหวานดังแผ่วเมื่อเขาหมุนเก้าอี้มาประจันหน้ากับเธอ ท่อนแขนแข็งแรงรั้งเอวคอดไว้หลวมๆ ร่างสูงโปร่งตวัดมองเธอด้วยสายตาอ่านยากเมื่อเห็นว่าเธอสวมเสื้อยืดของใคร เอ่ยเสียงดุ

    “ยังไม่นอนอีก”

    “หลับไม่ลง” ดวงหน้าหวานโน้มลง แนบจูบแผ่วเบาใกล้โหนกแก้ม ใส่ลูกอ้อนลงในคำตอบ ก่อนจะผละห่างออกมาสบมองเข้ากับดวงตาคมปลาบ รีบมานอนด้วยกันเร็ว เตียงโล่งๆฉันไม่ชินเลย”

    เธอเย้า แต่เขาตอบกลับเสียงขุ่น

    ยั่วกันอยู่รึไง”

    ลัลทริมาส่งเสียงหัวเราะคิกคัก

    ม่ายยยยอะ”

     

     

     

    6.

    ร่างสูงโปร่งเหลือบมองเสี้ยวใบหน้าหวานของอดีตแฟนสาว

    ในจังหวะที่เธอหันมาสบตาเขา ดวงตากลมโตคู่นั้นก็จะรีบเบนหนี หันไปมองความมืดข้างนอกกระจกรถ เป็นแบบนี้วนไปตลอดทางหลังจากออกมาจากเรือนวรรณาเวทย์

    ไม่มีใครเริ่มบทสนทนาก่อน

    ตั้งแต่ครึ่งชั่วโมงก่อนที่เธอเข้ามานั่งในรถก็ทำตัวเหมือนผี ไม่พูดไม่จา ความเงียบค่อย ๆ ขยายตัวขึ้นจนเบียดเสียดแทรกเข้าทุกช่องว่างภายในรถให้ดูแคบลงไปถนัดตา

    คนตัวเล็กกว่าตาปรือเอียงหัวพิงกระจกอยู่หลายรอบ ทว่าเธอยืนยันว่าจะกลับบ้านท่าเดียว

    ถึงจะไม่อยากทะเลาะแต่ชายหนุ่มจำเป็นต้องขัดใจเธอชั่วคราว

    ตอนนี้มันดึกเกินไป ดูท่าว่าเขาคงจะขับไม่ไหวเช่นกัน

     

     

     

    7.

    บอกให้ฉันวอล์คอินเข้าโรงแรมข้างทาง กลางดึกแบบนี้ ไม่กลัวรึไง” สิ้นเสียงทุ้ม เจ้าของดวงหน้าหวานพลันย่นคิ้วเล็ก ๆ ไม่แน่ใจว่าเขากำลังจะสื่อถึงอะไรในประโยคคำถามนั้น

    ...ผี? ...โจร? หรือ ตัวเขา?

    เจ้าของรถพูดออกมาเองว่าง่วงแล้ว เธอเลยตอบว่าให้หาโรงแรมใกล้ ๆ นอนพัก 

    แต่ไม่เข้าใจเลยว่าทำไมการินถึงถามอะไรแบบนั้นออกมาอีก

    “ใจคอนายคิดจะนอนในรถหรือยังไง”

    ลัลทริมาไม่ใช่ผู้หญิงใจไม้ไส้ระกำถึงขนาดที่จะอาศัยสถานการณ์ที่เป็นต่อทางอารมณ์บีบให้เขาทำตามใจชอบ ไม่ควรถึงขนาดที่ว่าง่วงยังไงก็จะกลับบ้านให้ได้ แม้ว่าในอดีตอีกฝ่ายจะทำกับเธอแบบนั้นอยู่บ่อย ๆ ก็เถอะ

    และอีกอย่าง...ง่วงแล้วขับก็เสี่ยงเกินไป

    เกิดการินเบลอจนนึกพิศวาทพุ่มไม้ หรือเสาไฟฟ้า หรือข้ามเลนส์แล้วมีรถขับสวนมาหลบไม่ทันจะทำยังไง ใครเขาอยากตายไปพร้อมกับคนอย่างหมอนี่กัน

    “ฉันไม่ได้พูดแบบนั้น แค่ถามว่าไม่กลัวเหรอ”

    ต้องกลัวอะไรล่ะ ฉันว่านายนั่นแหละน่ากลัวกว่าอีก"

    คำตอบที่ดูประชดประชันของอดีตแฟนสาวทำให้การินลอบถอนใจ หักพวงมาลัยเข้าโรงแรมที่ใกล้ทางผ่านที่สุด

    ในเมื่อไม่ยอมเลือกก็ไม่ต้องเลือก ผ่านที่ไหนก็นอนที่นั่นเลยแล้วกัน

     

    ทว่าทุกอย่างใช่จะได้ดั่งใจไปเสียหมด

    ตอนนี้ห้องเตียงแฝดเต็มแล้ว เหลือแค่ห้องเตียงเดี่ยวนะคะลูกค้า จะแยกห้องไหมคะ?” พนักงานต้อนรับเงยหน้าขึ้นจากจอคอมพิวเตอร์ กล่าวเสียงเรียบกับลูกค้าหนุ่มสาวทั้งสองคนตรงหน้า

    ชายหนุ่มเหลือบมองร่างบางที่ยืนด้านหลังแล้วตัดสินใจ

    แค่ห้องเดียวพอ”

    ..........

    ..........

    แน่ใจนะว่าไม่ได้จงใจแกล้งกัน”

    เมื่อได้เห็นสภาพห้องพัก มือบางกำแน่น ในใจเธออยากถามเขาจริง ๆ ว่าต้องการอะไรกันแน่ถึงได้ทำแบบนี้ และเป็นอีกครั้งที่ไม่รู้ว่าตัวเธอเองควรทำยังไง

    แค่จำได้ว่าเธอไม่ชอบนอนคนเดียว”

    แต่นั่นมันตอนที่เราคบกันเท่านั้นไม่ใช่เหรอ”

    คำว่า แค่จำได้ว่า... ที่ออกจากริมฝีปากหยักคู่นั้นทำให้เธอรู้สึกแย่ขึ้นมา ยิ่งไม่เข้าใจว่าเขาทำแบบนี้ไปเพื่ออะไร หญิงสาวมองหาคำตอบจากดวงตาสีดำขลับ ทว่าก็ไม่อาจพบสิ่งที่ต้องการ

    ถ้ามันเป็นสิ่งที่การิน แค่จำได้ เขาก็ยังไม่จำเป็นต้องมาทำอะไรแบบนี้อยู่ดี

    งั้นแปลว่าตอนนี้นอนคนเดียวได้ใช่ไหม?”

    ลัลทริมาเบือนหน้าหนี “ฉันนอนคนเดียวมาหกเดือน ทำไมที่นี่แค่คืนเดียวจะนอนไม่ได้”

    ได้ยินเช่นนั้น การินไม่พูดอะไรต่อ

    เขาคว้ากุญแจรถ เดินออกจากห้องพักไป

    ไม่มีทีท่าว่ากำลังโมโห ไม่พูดอะไรร้ายๆใส่เธอ หรือไม่มีแม้จะชักสีหน้าอย่างที่เคยเห็นประจำ ทำให้อดคิดไปไม่ได้ว่าว่าหากเขายังเหลือเยื่อใยอยู่บ้างท่าทีคงไม่เย็นชาถึงเพียงนี้

    หญิงสาวมองตามบานประตูที่ปิดลงด้วยสายตาขุ่นมัว

    ถ้าการินยังคงเหมือนครั้งก่อน...

    เธอเองก็ไม่คิดจะเปิดใจคุยกับเขาอีกหรอกนะ

    สู้โดนด่าว่าเป็นผู้หญิงเล่นตัวคงมีความสุขกว่ามีแฟนแล้วนั่งร้องไห้เยอะเลย

     

     

     

    8.

    สะดุ้งตัวตื่นในตอนกลางดึก

    เหงื่อผุดซึมตามไรผม หัวใจเต้นระรัวจากผีร้ายในความฝัน มือบางควานสะเปะสะปะไปทั่วฟูกนอน สัมผัสเข้ากับผิวเนื้อกายอุ่น

    เธอนั่งตั้งสติ ...ไม่รู้ว่าเขากลับเข้ามาตั้งแต่เมื่อไร

    มือของเจ้าของร่างกายอุ่นๆนั้นกลับคว้ามือเธอไว้แน่น เสียงทุ้มเรียบนิ่งของเขาทำให้เธอใจสงบขึ้นมาได้นิดหน่อย

    ฝันร้ายเหรอ?”

    เธอพยักหน้า

    มือเธอเย็นเฉียบเลย” การินบีบมันไว้เบา ๆ เมื่อรับรู้ว่าฝ่ามือคู่นั้นกำลังสั่น

    เอื้อมมือข้างหนึ่งโอบไปด้านหลังร่างบางลูบประโลมแผ่วเบา ลัลทริมาเพิ่งเริ่มปรับสภาพดวงตากับความมืดได้เพียงเล็กน้อย มองไม่ชัดว่าเขาทำสีหน้าแบบไหนอยู่

    ตอนที่ฉันไม่อยู่เป็นแบบนี้บ่อยไหม?”

    เธอนิ่งไปคล้ายว่าไม่อยากตอบ

    ...แต่ก็พยักหน้า

    ลัลทริมาเห็นว่ามุมปากเขากดคล้ายกำลังยิ้ม เธอไม่รู้ว่ารอยยิ้มนั้นมีความหมายถึงอะไร กว่าจะทันรู้ตัวสัมผัสนุ่มหยุ่นก็แนบลงที่ริมฝีปาก 

    แค่แนบลงมาเฉยๆ

    “หึ...ยัยโง่เอ๊ย”

     

    แล้วก็แนบลงมาใหม่

    วินาทีนั้นเหมือนหัวใจที่กำลังสั่นจะหยุดเต้นไปวูบหนึ่ง

     

    ริมฝีปากหยักแนบลงมาอีกครั้ง 

    ความคิดในสมองแตกกระจายเป็นเศษเสี้ยว โล่ง โพลน

    น้ำหนักกายโถมลงบนฟูกนอน

     

    มือสอดเข้าในเรือนผมสีดำสนิท

    ขอบตาเธอร้อนวูบ

     

    เครื่องปรับอากาศไม่เย็นอีกต่อไปแล้ว

     

    ...เพราะจิตใจเธอมันเปราะบางเหลือเกิน

         

    ++++++++++++++++++++++++++++++


    humble_h : ช่วงนี้อากาศกลับมาร้อนอีกแล้วเนอะ  ร้อนพอๆกับถ่านไฟเก่าเลย

    TB
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×