มนุษย์ที่เกือบสูญพันธุ์ พอแล้ว!!!!!
มนุษย์ที่อาศัยอยู่บนโลกเมื่อ 70,000 ปีที่แล้ว ไม่ได้อยู่รวมกันเป็นชุมชนหนาแน่น แต่อยู่กันอย่างกระจัดกระจาย จนมนุษย์เกือบจะสูญพันธุ์ไปจากโลกเนื่องจากต้องอยู่ในสภาพแวดล้อมที่ลำบากสุดจะทานทน
ผู้เข้าชมรวม
753
ผู้เข้าชมเดือนนี้
2
ผู้เข้าชมรวม
เนื้อเรื่อง
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
มนุษย์ที่อาศัยอยู่บนโลกเมื่อ 70,000 ปีที่แล้ว ไม่ได้อยู่รวมกันเป็นชุมชนหนาแน่น แต่อยู่กันอย่างกระจัดกระจาย จนมนุษย์เกือบจะสูญพันธุ์ไปจากโลกเนื่องจากต้องอยู่ในสภาพแวดล้อมที่ลำบากสุดจะทานทน
นักพืชและสัตว์โบราณวิทยาที่นำโดยนายโดรอน บีฮาร์ จากศูนย์การแพทย์รัมบัมของอิสราเอล และนายซาฮารอน รอสเส็ตต์ จากศูนย์วิจัยไอบีเอ็ม ทีเจ วัตสัน สหรัฐอเมริกา และนักวิจัยจากมหาวิทยาลัยเทลอาวีฟ ประเทศอิสราเอล เปิดเผยว่า มนุษย์เมื่อ 70,000 ปีก่อนเกือบสูญไปจากโลกเพราะต้องอยู่อาศัยในภูมิอากาศที่เลวร้าย จนมนุษย์เหลือประชากรอยู่ราว 2,000 คน แต่เมื่อผ่านเวลาช่วงนี้ไปแล้ว มนุษย์เพิ่มจำนวนประชากรอย่างรวดเร็วในทวีปแอฟริกา จากนั้นอพยพไปอยู่ยังทวีปอื่นเมื่อประมาณ 60,000 ปีก่อน
จากการวิเคราะห์ไมโตคอนเดรียดีเอ็นเอประชากรมนุษย์ในภาคใต้และตะวันออกของแอฟริกา ซึ่งน่าจะเป็นกลุ่มที่แยกออกไปจากกลุ่มอื่นเมื่อ 90,000-150,000 ปีก่อนนั้น พบว่า มนุษย์แอฟริกาตะวันออกน่าจะเผชิญต่อความแห้งแล้งอย่างหนัก จนมนุษย์แยกกันอยู่เพื่อพัฒนาตนเองอย่างเป็นอิสระ จากนั้นราว 100,000 ปีต่อมาจึงมาอยู่รวมกันใหม่ ซึ่งปัจจุบันโลกมีมนุษย์อยู่ถึง 6,600 ล้านคน
สำหรับไมโตคอนเดรียดีเอ็นเอคือดีเอ็นเอที่ส่งผ่านมนุษย์มาทางผู้ที่เป็นเพศหญิง และสืบสาวได้ถึง "ไมโตคอนเดรียอีฟ" มนุษย์เพศหญิงคนหนึ่งที่อยู่ในทวีปแอฟริกาเมื่อ 200,000 ปีก่อน
ด้านนายสเปนเซอร์ เวลส์ เจ้าหน้าที่เนชันแนลจีโอกราฟฟิกโซไซตี้ ผู้สนับสนุนทุนการวิจัย กล่าวว่า ""งานวิจัยชิ้นนี้แสดงให้เห็นถึงอำนาจของพันธุกรรมที่เปิดเผยถึงประวัติศาสตร์สำคัญของมวลมนุษยชาติ การที่มนุษย์โบราณต้องอยู่กันอย่างกระจัดกระจายเพราะสภาพภูมิอากาศเลวร้ายจนเกือบจะสูญพันธุ์ และมาอยู่รวมกันใหม่จนเป็นปึกแผ่นอย่างทุกวันนี้ ได้เขียนไว้ในดีเอ็นเออย่างที่ไม่มีวันลบได้"
เครดิส :เวบเย็นตาโฟว์
ผลงานอื่นๆ ของ น้ามป่าว ดูทั้งหมด
ผลงานอื่นๆ ของ น้ามป่าว
ความคิดเห็น