เสน่หากระดังงาสีขาว
พวกแม่หม้าย ล้วนแต่ร่านร้อน เป็นได้แค่คู่นอนชั่วคราวเท่านั้น นี่คือความคิดของเพลย์บอยหนุ่มปากร้ายไร้หัวใจอย่าง อัคคี จงบริบูรณ์ไพศาล เพราะครอบครัวของเขาเคยแตกร้าวเพราะหญิงหม้าย พวกหล่อนก็แค่ทางผ่าน
ผู้เข้าชมรวม
47,646
ผู้เข้าชมเดือนนี้
21
ผู้เข้าชมรวม
ข้อมูลเบื้องต้น
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
บทนำ ที่มาของความผูกพัน
“ไงแม่แมงปอทำไมวันนี้มาช้านักล่ะแก รู้มั๊ยวันนี้ฉันต้องเป็นแม่ค้าขายทั้งต้นไม้ขายทั้งกาแฟให้หล่อนจนเมื่อยไปหมดแล้วนะเนี่ย”
เสียงบ่นกระปอดกระแปดดังมาจากปากของหญิงสาวรูปร่างสูงโปร่ง สมส่วน ใบหน้ารูปไข่นวลเนียนนั้นประดับด้วยดวงตากลมโตดำขลับวาววับจมูกโด่งเชิดอย่างคนดื้อรั้น ริมฝีปากรูปกระจับอิ่มแดงเรื่ออย่างคนสุขภาพดีล้อมกรอบหน้าสวยด้วยผมซอยสั้นทันสมัยรับรูปหน้าคล้ายดาราเกาหลีที่กำลังฮิตของ เนตรนารา แสนเสนา สาวสวยสุดเท่อารมณ์ติสต์ ที่ตอนนี้หน้าสวยเริ่มหงิกงอเพราะวันนี้ลูกค้าเข้าร้านแต่เช้าทั้งร้านกาแฟและร้านต้นไม้จนเธอหัวหมุน
“ทำไมน้า...ฉันต้องมาช่วยแกด้วยทั้งๆที่วันนี้มันวันหยุดฉันน่ะ” สาวสวยมิวายบ่น
“ฉันแวะไปส่งน้องอิ่มอุ่นแล้วก็เอาไอ้สีเทาเข้าอู่น่ะแก ขอโทษจริงๆว่ะ”
อรุณนารีตอบเพื่อนคนสวยพลางยิ้มให้อย่างน่ารักแบบว่าขอโทษนะจ๊ะเพื่อนสาว
“ไอ้อ้อนมันไปเชียงใหม่เมื่อคืนนี้แล้วไปตั้งอาทิตย์แน่ะแกฉันก็ต้องดูลูกน่ะ”
เธอบอกเพื่อนซึ่งก็พยักหน้าเข้าใจในเหตุผลเพราะ น้องอิ่มอุ่น หรือ เด็กหญิงอัจฉรียาพร เด็กหญิงตัวกลมป้อมตาโต ปากนิด จมูกหน่อยแก้มแดงเรื่อเหมือนเชอรี่ ผมหยิกสลวยวัยห้าขวบซึ่งเป็นแก้วตาดวงใจของคนทั้งบ้านลูกสาวของ อโนมา พรภักดี หรือ อ้อน คุณแม่ยังสาวและสวยหวานซึ้ง ต้องไปเป็นวิทยากรพิเศษในงานเทศกาลอาหารไทยพื้นเมืองที่โรงแรมห้าดาวสุดหรูที่เชียงใหม่ เนื่องจากหญิงสาวเป็นอาจารย์สอนทำอาหารแสนสวยที่มีลูกศิษย์มากมายโดยเฉพาะลูกศิษย์ที่เป็นชายทั้งที่โสดไม่โสดเมียเผลอและไม่เผลอที่ขยันมาสมัครเรียนกันไม่เว้นแต่ละวัน(คาดว่าน่าจะมาเรียนวิชาทำขนมจีบซะมากกว่า)
อโนมาคุณแม่ยังสาวของน้องอิ่มอุ่นนั้นเป็นหญิงสาวผิวสีน้ำผึ้งนัยน์ตาสวยซึ้งชวนฝันที่พ่วงตำแหน่งม่ายสาวพราวเสน่ห์ แม้ว่าเธออาจจะไม่ได้จบจากมหาวิทยาลัยที่เข้าเรียนพร้อมกับเพื่อนสาวทั้งสองเพราะมีเหตุที่ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญและยิ่งใหญ่ในชีวิตแต่ด้วยความรักและเอาใจใส่จากเพื่อนทั้งสองรวมถึงความรักความเข้าใจจากทั้งพ่อแม่ของเธอเองและพ่อแม่ของอรุณนารีที่คอยให้กำลังใจและที่พึ่งพิงทำให้สาวน้อยที่พานพบกับปัญหาอันยิ่งใหญ่ในชีวิตลูกผู้หญิงยืนหยัดและเข้มแข็งขึ้นมาได้
ด้วยความที่รักที่ชอบในการทำอาหารไทยทั้งคาวหวานทั้งตำรับชาววังและอาหารสากลทำให้หญิงสาวเข้าเรียนคอร์สพิเศษต่างๆที่สอนทำอาหารรวมไปถึงการเข้าไปเป็นลูกมือคุณหญิง เสาวลักษณ์ เดชาวัชรา ผู้ได้ชื่อว่าแม่สามีในขณะนั้นในร้านอาหารไทยที่มีชื่อในแวดวงไฮโซเพราะคุณหญิงเสาวลักษณ์นั้นเป็นผู้ดีเก่าชาววังที่แต่งงานออกเรือนมาอยู่กับสามีซึ่งเป็นเจ้าของโรงแรมหรูริมแม่น้ำเจ้าพระยาทำให้เธอได้รับการถ่ายทอดการทำอาหารชาววังแทบทุกอย่างรวมถึงอาหารจานพิเศษที่ขึ้นชื่อของชาติต่างๆที่ผู้เป็นแม่สามีคอยพร่ำสอนด้วยความรักใคร่เห็นใจ
และใบประกาศเกียรติบัตรต่างๆที่หญิงสาวได้รับก็เป็นใบเบิกทางและการันตีได้อย่างดีว่าแม้เธอไม่ได้จบจากสถาบันที่มีชื่อหรือเป็นลูกผู้ดีชาววังหรือไฮโซไฮซ้อก็สามารถทำอาหารที่ขึ้นชื่อต่างๆได้อย่างสวยงามและมีรสชาดเป็นเลิศทำให้หญิงสาวเป็นที่ยอมรับจากเกจิหรือนักชิมนักวิจารณ์ที่คอยให้คะแนนความน่าเชื่อถือในแวดวงธุรกิจผู้ประกอบการร้านอาหารโรงแรมและภัตตาคาร ด้วยเหตุนี้หญิงสาวจึงได้รับเชิญไปเป็นวิทยากรและอาจารย์พิเศษในสถาบันต่างๆอยู่เป็นประจำ
เนื่องจาก อโนมา เป็นวิทยากรพิเศษของมหาวิทยาลัยชื่อดังต่างๆ ทำให้เพื่อนรักของเธอต้องเดินทางอยู่บ่อยๆและอรุณนารีเองก็ต้องเป็นแม่คนที่สองของน้องอิ่มอุ่นไปโดยปริยายเพราะทั้งสองแม่ลูกอาศัยอยู่กับครอบครัวของเธอตั้งแต่ทั้งสองสาวเรียนมหาวิทยาลัยด้วยกันทำให้ทั้งสองสาวสนิทสนมกลมเกลียวยิ่งกว่าพี่น้อง คลานตามกันมาเสียอีก หรืออาจเป็นเพราะครอบครัวของอรุณนารีมีลูกคนเดียวเธอจึงต้องการเพื่อนหรือพี่น้องพอมีอโนมาเข้ามาอาศัยร่วมชายคาจึงเป็นการเติมในส่วนที่ขาด
อโนมา สาวน้อยจากภาคเหนือครอบครัวของเธอนั้นพ่อแม่รับราชการตำแหน่งเล็กๆอยู่ในส่วนราชการของจังหวัดแต่ด้วยความที่รักดีเรียนเก่งเธอจึงสามารถสอบชิงทุนจากรัฐบาลได้เรียนในมหาวิทยาลัยชื่อดังของรัฐบาลและได้มาเจอกันในวันรับน้องถึงแม้เรียนคนละคณะแต่ด้วยชะตาต้องกันและนิสัยความชอบที่เหมือนกันทำให้ทั้งสองเข้ากันได้ง่ายและด้วยวาทศิลป์และรอยยิ้มอันแจ่มใสจริงใจของอรุณนารีที่ชักชวนอโนมาให้มาอยู่ด้วยกันที่บ้านสวนย่านชานเมืองได้ไม่ยาก เพราะใครๆก็หลงรักรอยยิ้มพิมพ์ใจของแม่แมงปอตัวน้อยที่ขยันยิ้มประจบอยู่ทุกวัน และด้วยเหตุผลของเธออีกข้อที่ขยันยกมากล่าวอ้างทุกครั้งคือ“ไม่คิดบ้างหรือว่านี่คือฟ้าลิขิตให้เรามาเจอกันและใช้ชีวิตร่วมกัน คิดดูสิขนาดชื่อเรายังขึ้นต้นด้วย อ.อ่างเมือนกันเลย อโนมา อรุณนารี”
และอโนมาจะกล่าวล้อเลียนทุกครั้งเหมือนกันด้วยคำพูดที่ทำให้คนชวนงอนเสมอๆคือ
“นี่แมงปอชวนเพื่อนไปอยู่ด้วยที่บ้านเหมือนหนุ่มขอสาวแต่งงานเลย แกแอบรักฉันแบบนั้นรึเปล่าเนี่ย”
แล้วคนใจอ่อนอย่างอโนมาก็ได้เข้ามาเป็นสมาชิกของบ้านนับแต่นั้นมาก็เกือบสิบปีแล้ว
“ถึงเชียงใหม่แล้วนะดูแลลูกสาวดีๆล่ะแม่แมงปอแล้วจะเอาขนมอร่อยๆกลับมามาฝาก”
อรุณนารีกดดูข้อความที่เข้ามาในเครื่องโทรศัพท์เครื่องเล็กของตัวเองแล้วถอนใจคิดว่าเย็นนี้รถคันเก่งของเธอจะซ่อมเสร็จทันไปรับลูกสาวตัวน้อยหรือไม่
“วันนี้ไอ้สีเทามันรวนอีกแล้วล่ะแกไม่รู้จะซ่อมทันไปรับน้องอิ่มอุ่นรึเปล่า”
เธอบ่นถึงรถโฟล์คสีเทาคันเก่งของเธอที่เป็นเพื่อนเก่าแก่มาตั้งแต่สมัยคุณพ่อคุณแม่ยังสาวจนเป็นสมบัติที่ตกทอดมาถึงเธอและก็เป็นพาหนะที่ใช้ดีใช้ทนแต่มาช่วงหลังๆที่ขยันรวนบ่อยเหลือเกินเหมือนจะบอกว่ามันแก่เกินไปเสียแล้ว
“เฮ้อ...ทำไงดีเนี่ย”
คนตัวเล็กทำหน้าง้ำพลางถอนหายใจเป็นรอบที่เท่าไหร่แล้วไม่รู้พลางรดน้ำต้นไม้ไปด้วยบ่นพึมพำไปด้วยทำให้เพื่อนสาวอดว่าไม่ได้
“เฮ้ยแกบ่นเป็นยายแก่ไปได้ไม่ใช่เรื่องใหญ่เลยเดี๋ยวฉันไปรับน้องอิ่มอุ่นเป็นเพื่อนแกก็ได้เพราะเย็นนี้จะไปธุระแถวนั้นอยู่พอดี”
“จริงเหรอเนตร โห...โชคดีจังเลยขอบใจแกมากเพื่อนสาว น่ารักมากๆเลยแก”
คนเล็กพูดพลางหยิกแก้มเพื่อนสาวอย่างหยอกเย้าพลางทำหน้าตาให้น่ารักสุดๆ
“ไม่ต้องทำมาประจบเลยแก ไหนล่ะข้าวกระเพาทะเลสุดแซ่บของฉันน่ะ”
สาวสวยทวงถามถึงค่าจ้างที่แม่เพื่อนตัวเล็กไหว้วานให้มาดูแลร้านให้ตั้งแต่เมื่อวานตอนเย็น
“งกซะไม่มีนังหมวยกบฏ เห็นแก่กินชะมัดเลย”
ถึงปากจะบ่นเพื่อนแต่มือเล็กๆนั่นก็จัดแจงอาหารใส่จานให้เพื่อนอย่างเอาใจใส่
ผลงานอื่นๆ ของ หงส์/จันรัญจวน/มณฑกร/เฟยเฟิ่ง ดูทั้งหมด
ผลงานอื่นๆ ของ หงส์/จันรัญจวน/มณฑกร/เฟยเฟิ่ง
ความคิดเห็น