ตอนที่ 1 : ☔ ชายใต้ร่ม
ลงครั้งแรก 2559รีไรต์ 10 ก.ย. 2563
E-Book มาแล้วน้า
จิ้มได้เลย
v
v
บทนำ
ชายใต้ร่ม
E-Book มาแล้วน้า
จิ้มได้เลย
v
v
บทนำ
ชายใต้ร่ม
“Rain, rain, go away.
Come again another day.
Little brother wants to play.
Rain, rain, go away.”
ประตูร้านเปิดออกพร้อมเสียงร้องเพลงของเด็กหญิงในเสื้อกันฝนสีเหลือง ผมเปียกระดกขึ้นลงตามจังหวะการวิ่ง เธอหยุดอยู่หน้าชั้นวางขนมปังโดยไม่ลืมที่จะจูงน้องชายตัวเล็กมาด้วย
“But I like rain.” เด็กชายมีใบหน้าบึ้งตึงอย่างไม่ถูกใจกับเพลงที่พี่สาวร้อง
เด็กน้อยทั้งสองคือน้องชะเอมและน้องชะพลู สองพี่น้องลูกครึ่งที่มีดวงตาและเส้นผมสีน้ำตาล แปลกตาสำหรับคนที่ไม่ค่อยได้พบชาวต่างชาติอย่างผม พวกเขามักมาซื้อขนมปังที่ร้านทุกเช้าก่อนเข้าเรียน และแวะมาหลังเลิกเรียนเพื่อรอรถมารับกลับบ้าน
“พี่วีชอบฝนไหมคะ”
ไม่ชอบครับ สามารถตอบกลับได้ทันที แต่เพราะว่ามีดวงตาของเด็กน้อยสองคนจ้องมองอยู่ ตอบไปคงเหมือนอยู่ข้างน้องชะเอม น้องชะพลูน้อยใจแย่
“ชอบบ้างไม่ชอบบ้าง”
“น้องไม่เข้าใจ น้องงง” ชะพลูขมวดคิ้ว
“แปลว่าไม่ชอบ” ชะเอมตอบน้อง
“ไม่ พี่วีบอกว่าชอบ!”
“เลือกขนมปังเร็ว ถ้าไม่รีบทานเดี๋ยวไปโรงเรียนสายนะ” เบี่ยงประเด็นเพื่อไม่ให้พวกเขาต้องเถียงกัน
น้องชะเอมเลือกขนมปังและคีบใส่ถาดด้วยตัวเอง เดินอย่างระวังไปวางที่เคาน์เตอร์ ส่วนน้องชายตัวน้อยพยายามที่จะทำตาม แม้ว่ายังหยิบจับได้ไม่คล่อง
รอยยิ้มหลังจากที่กัดขนมปังคำแรกเป็นสิ่งที่ผมชอบมองในทุกเช้า
“หนมปัง หอมๆ ชอบที่สุดในโลกเลย”
คำพูดที่ใสซื่อของเด็กน้อยทำให้ผมยิ้มกว้าง เป็นคำชมแสนจริงใจที่หาฟังจากผู้ใหญ่ได้ยาก ผมเท้าคางมองพวกเขาทานจนหมด น้องชะเอมดึงฮู้ดกันฝนขึ้นเป็นสัญญาณว่าพร้อมออกไปข้างนอก
“น้องเอมไปก่อนนะคะ น้องพลูบ๊ายบายพี่วีสิ”
“บ๊ายบาย เจอกันใหม่นะคุณหนมปัง”
เด็กน้อยโบกมือลาแต่กลับพูดถึงขนมปังเสียได้
ประตูเปิดและปิดลง กลิ่นชื้นจากฝนลอดเข้ามา เมื่อไม่มีคนในร้านเสียงฝนจากด้านนอกจึงดังชัดเจน
ผมไม่ชอบฝนมาตั้งแต่เด็ก บรรยากาศของมันมืดครึ้ม แทรกมาด้วยเสียงฟ้าร้องฟ้าผ่าคล้ายกับว่ามีใครสักคนกำลังหงุดหงิด โศกเศร้า ผมชอบท้องฟ้าปลอดโปร่ง แสงอาทิตย์เจิดจ้า ต้นไม้ดอกไม้ที่บานรับแสงอย่างสดใส
ยิ่งหลังจากเปิดร้านยิ่งไม่ชอบ ผู้คนมักเร่งรีบหลบฝนจนไม่แวะเข้าร้านขนมปังของผม ฝนทำให้ลูกค้าน้อยลง ซ้ำยังทิ้งคราบสกปรกเอาไว้ตามพื้น หรือทิ้งร่องรอยเปียกชื้นบนโต๊ะเก้าอี้
ประเทศไทยมีฤดูฝนยาวนานถึงหกเดือน ตั้งแต่เดือนพฤษภาคมไปถึงตุลาคม เรียกได้ว่าฝนตกเกือบทั้งปี
ทุกครั้งที่สัญญาณของหน้าฝนมาเยือน ผมแทบนับวันรอให้มันผ่านพ้นไปไม่ไหว
ช่วงนี้ฝนเริ่มตกบ่อย หน้าฝนเวียนกลับมา
“เป็นยังไงบ้าง ไม่โดนแดดเลย เฉาน่าดู”
พึมพำกับดอกไม้ริมหน้าต่าง ผมชอบต้นไม้ดอกไม้จึงนำกระถางเล็กมาแขวนไว้ พื้นที่ว่างตามมุมร้านก็มีไม้ยืนต้นขนาดกลาง เวลาที่แดดส่องร้านจะสว่างกำลังดี แต่ในหน้าฝนร้านจะมืดมาก พี่สาวมักบ่นว่าเหมือนอยู่ในป่า
ถึงอย่างนั้นลูกค้าหลายคนกลับชอบ ผมจึงไม่คิดเปลี่ยน
ระหว่างตรวจเช็กดอกไม้พลันเห็นอะไรบางอย่างเคลื่อนที่ผ่าน
ผู้ชายคนหนึ่งยืนอยู่หน้าร้าน การแต่งกายที่ผิดธรรมชาติดึงดูดให้มองตาม ตั้งแต่หัวจรดเท้าของเขาเป็นสีดำ เสื้อแขนยาวปิดมิดถึงมือ กางเกงขายาว รองเท้า หมวกและร่ม ถึงแม้ว่าฝนกำลังตกแต่อากาศร้อนเกินกว่าจะแต่งตัวมิดชิดขนาดนี้ เลื่อนสายตาขึ้นไปยังใบหน้าซึ่งถูกปกปิดไปครึ่งหนึ่งด้วยผ้าปิดปากสีดำ
เขายืนนิ่งเหมือนหุ่น ดวงตาจ้องมองมาด้านในร้าน
อาจเพราะผมจ้องเขานานเกินไป ดวงตาคู่นั้นจึงเลื่อนมาสบกับผม
เราไม่ได้อยู่ใกล้กันและมีกระจกที่กั้นเอาไว้ ทว่าผมกลับรู้สึกได้ว่าดวงตาของเขาเหมือนมีฝนตกอยู่ในนั้น
มืดครึ้มและอ้างว้าง
เสียงฝนอื้ออึงอยู่ในหัว ผมไม่สามารถขยับตัวไปไหนได้ ไม่กล้าแม้แต่จะกะพริบตา เพราะภาพชายตรงหน้าเริ่มเลือนรางจากหยาดน้ำฝนที่เกาะอยู่บนกระจก ราวกับว่าเขาอาจหายไปในวินาทีใดวินาทีหนึ่ง
ชายปริศนาหันหน้าออก เดินจากไปท่ามกลางฝนที่ตกหนัก
หน้าฝน เปียกปอน ชื้น รถก็ติด ไม่มีอะไรดีสักอย่าง
แต่วันที่ฝนตกผมเจอเขา
.
.
.
ผู้ชายคนหนึ่งใต้ร่มสีดำ
#ใต้ร่มวันฝนซา
☂☂☂☂☂☂☂☂☂☂☂☂☂☂☂☂☂☂☂☂☂☂☂☂☂☂☂
มาลงแบบรีไรต์ให้แล้วค่า
ใครที่ยังไม่เคยอ่านก็ยินดีต้อนรับ
เป็นเรื่องแนว Slice of life ช้าๆ เรื่อยๆ ไม่หวือหวา เหมือนกับเวลาที่ฝนตกเอื่อยๆ
ยังไม่ระบุวันลงแน่นอน
แต่หลังจากลง Too good to be true จบ จะมาอัพให้ทุกวันค่า
ฮันนี่~
“Rain, rain, go away.
Come again another day.
Little brother wants to play.
Rain, rain, go away.”
ประตูร้านเปิดออกพร้อมเสียงร้องเพลงของเด็กหญิงในเสื้อกันฝนสีเหลือง ผมเปียกระดกขึ้นลงตามจังหวะการวิ่ง เธอหยุดอยู่หน้าชั้นวางขนมปังโดยไม่ลืมที่จะจูงน้องชายตัวเล็กมาด้วย
“But I like rain.” เด็กชายมีใบหน้าบึ้งตึงอย่างไม่ถูกใจกับเพลงที่พี่สาวร้อง
เด็กน้อยทั้งสองคือน้องชะเอมและน้องชะพลู สองพี่น้องลูกครึ่งที่มีดวงตาและเส้นผมสีน้ำตาล แปลกตาสำหรับคนที่ไม่ค่อยได้พบชาวต่างชาติอย่างผม พวกเขามักมาซื้อขนมปังที่ร้านทุกเช้าก่อนเข้าเรียน และแวะมาหลังเลิกเรียนเพื่อรอรถมารับกลับบ้าน
“พี่วีชอบฝนไหมคะ”
ไม่ชอบครับ สามารถตอบกลับได้ทันที แต่เพราะว่ามีดวงตาของเด็กน้อยสองคนจ้องมองอยู่ ตอบไปคงเหมือนอยู่ข้างน้องชะเอม น้องชะพลูน้อยใจแย่
“ชอบบ้างไม่ชอบบ้าง”
“น้องไม่เข้าใจ น้องงง” ชะพลูขมวดคิ้ว
“แปลว่าไม่ชอบ” ชะเอมตอบน้อง
“ไม่ พี่วีบอกว่าชอบ!”
“เลือกขนมปังเร็ว ถ้าไม่รีบทานเดี๋ยวไปโรงเรียนสายนะ” เบี่ยงประเด็นเพื่อไม่ให้พวกเขาต้องเถียงกัน
น้องชะเอมเลือกขนมปังและคีบใส่ถาดด้วยตัวเอง เดินอย่างระวังไปวางที่เคาน์เตอร์ ส่วนน้องชายตัวน้อยพยายามที่จะทำตาม แม้ว่ายังหยิบจับได้ไม่คล่อง
รอยยิ้มหลังจากที่กัดขนมปังคำแรกเป็นสิ่งที่ผมชอบมองในทุกเช้า
“หนมปัง หอมๆ ชอบที่สุดในโลกเลย”
คำพูดที่ใสซื่อของเด็กน้อยทำให้ผมยิ้มกว้าง เป็นคำชมแสนจริงใจที่หาฟังจากผู้ใหญ่ได้ยาก ผมเท้าคางมองพวกเขาทานจนหมด น้องชะเอมดึงฮู้ดกันฝนขึ้นเป็นสัญญาณว่าพร้อมออกไปข้างนอก
“น้องเอมไปก่อนนะคะ น้องพลูบ๊ายบายพี่วีสิ”
“บ๊ายบาย เจอกันใหม่นะคุณหนมปัง”
เด็กน้อยโบกมือลาแต่กลับพูดถึงขนมปังเสียได้
ประตูเปิดและปิดลง กลิ่นชื้นจากฝนลอดเข้ามา เมื่อไม่มีคนในร้านเสียงฝนจากด้านนอกจึงดังชัดเจน
ผมไม่ชอบฝนมาตั้งแต่เด็ก บรรยากาศของมันมืดครึ้ม แทรกมาด้วยเสียงฟ้าร้องฟ้าผ่าคล้ายกับว่ามีใครสักคนกำลังหงุดหงิด โศกเศร้า ผมชอบท้องฟ้าปลอดโปร่ง แสงอาทิตย์เจิดจ้า ต้นไม้ดอกไม้ที่บานรับแสงอย่างสดใส
ยิ่งหลังจากเปิดร้านยิ่งไม่ชอบ ผู้คนมักเร่งรีบหลบฝนจนไม่แวะเข้าร้านขนมปังของผม ฝนทำให้ลูกค้าน้อยลง ซ้ำยังทิ้งคราบสกปรกเอาไว้ตามพื้น หรือทิ้งร่องรอยเปียกชื้นบนโต๊ะเก้าอี้
ประเทศไทยมีฤดูฝนยาวนานถึงหกเดือน ตั้งแต่เดือนพฤษภาคมไปถึงตุลาคม เรียกได้ว่าฝนตกเกือบทั้งปี
ทุกครั้งที่สัญญาณของหน้าฝนมาเยือน ผมแทบนับวันรอให้มันผ่านพ้นไปไม่ไหว
ช่วงนี้ฝนเริ่มตกบ่อย หน้าฝนเวียนกลับมา
“เป็นยังไงบ้าง ไม่โดนแดดเลย เฉาน่าดู”
พึมพำกับดอกไม้ริมหน้าต่าง ผมชอบต้นไม้ดอกไม้จึงนำกระถางเล็กมาแขวนไว้ พื้นที่ว่างตามมุมร้านก็มีไม้ยืนต้นขนาดกลาง เวลาที่แดดส่องร้านจะสว่างกำลังดี แต่ในหน้าฝนร้านจะมืดมาก พี่สาวมักบ่นว่าเหมือนอยู่ในป่า
ถึงอย่างนั้นลูกค้าหลายคนกลับชอบ ผมจึงไม่คิดเปลี่ยน
ระหว่างตรวจเช็กดอกไม้พลันเห็นอะไรบางอย่างเคลื่อนที่ผ่าน
ผู้ชายคนหนึ่งยืนอยู่หน้าร้าน การแต่งกายที่ผิดธรรมชาติดึงดูดให้มองตาม ตั้งแต่หัวจรดเท้าของเขาเป็นสีดำ เสื้อแขนยาวปิดมิดถึงมือ กางเกงขายาว รองเท้า หมวกและร่ม ถึงแม้ว่าฝนกำลังตกแต่อากาศร้อนเกินกว่าจะแต่งตัวมิดชิดขนาดนี้ เลื่อนสายตาขึ้นไปยังใบหน้าซึ่งถูกปกปิดไปครึ่งหนึ่งด้วยผ้าปิดปากสีดำ
เขายืนนิ่งเหมือนหุ่น ดวงตาจ้องมองมาด้านในร้าน
อาจเพราะผมจ้องเขานานเกินไป ดวงตาคู่นั้นจึงเลื่อนมาสบกับผม
เราไม่ได้อยู่ใกล้กันและมีกระจกที่กั้นเอาไว้ ทว่าผมกลับรู้สึกได้ว่าดวงตาของเขาเหมือนมีฝนตกอยู่ในนั้น
มืดครึ้มและอ้างว้าง
เสียงฝนอื้ออึงอยู่ในหัว ผมไม่สามารถขยับตัวไปไหนได้ ไม่กล้าแม้แต่จะกะพริบตา เพราะภาพชายตรงหน้าเริ่มเลือนรางจากหยาดน้ำฝนที่เกาะอยู่บนกระจก ราวกับว่าเขาอาจหายไปในวินาทีใดวินาทีหนึ่ง
ชายปริศนาหันหน้าออก เดินจากไปท่ามกลางฝนที่ตกหนัก
หน้าฝน เปียกปอน ชื้น รถก็ติด ไม่มีอะไรดีสักอย่าง
แต่วันที่ฝนตกผมเจอเขา
.
.
.
ผู้ชายคนหนึ่งใต้ร่มสีดำ
#ใต้ร่มวันฝนซา
☂☂☂☂☂☂☂☂☂☂☂☂☂☂☂☂☂☂☂☂☂☂☂☂☂☂☂
มาลงแบบรีไรต์ให้แล้วค่า
ใครที่ยังไม่เคยอ่านก็ยินดีต้อนรับ
เป็นเรื่องแนว Slice of life ช้าๆ เรื่อยๆ ไม่หวือหวา เหมือนกับเวลาที่ฝนตกเอื่อยๆ
ยังไม่ระบุวันลงแน่นอน
แต่หลังจากลง Too good to be true จบ จะมาอัพให้ทุกวันค่า
ฮันนี่~
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

เราชอบหน้าฝนนะ พอมาอ่านแล้วเจอวีที่สาธยายข้อเสียของฝนแล้วก็เอ๊ะทำไมข้อเสียเยอะขนาดนี้ 5555 แต่ยังไงเราก็ชอบหน้าฝนอยู่ดี
ดูน่าระแวงแต่กลับดึงดูด