มังกรกับพระโพธิสัตว์
มังกรมักออกมาพ่นไฟใส่ชาวบ้านให้ได้รับความเดือดร้อน พระโพธิสัตว์ได้ยินเรื่องราวที่เกิดขึ้น นึกอยากช่วยเหลือชาวบ้านจึงเดินทางเข้าป่าไปหามังกร
ผู้เข้าชมรวม
481
ผู้เข้าชมเดือนนี้
2
ผู้เข้าชมรวม
เนื้อเรื่อง
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว ณ ถ้ำในป่าแห่งหนึ่งมีมังกรดุร้ายอาศัยอยู่ เมื่อชาวบ้านเข้าไปตัดฟื้นหรือหาของป่า มังกรก็มักออกมาพ่นไฟใส่ชาวบ้านให้ได้รับความเดือดร้อน พระโพธิสัตว์ได้ยินเรื่องราวที่เกิดขึ้น นึกอยากช่วยเหลือชาวบ้านจึงเดินทางเข้าป่าไปหามังกร
“มังกรอยู่หรือเปล่า!?” พระโพธิสัตว์ตะโกนจากหน้าปากทางเข้าถ้ำ
ทันใดนั้นมังกรก็ผิดผงาดออกมาพร้อมกับพ่นไฟใส่ ทว่าไฟกลับไม่สามารถทำอันตรายพระโพธิสัตว์ได้ มังกรรู้สึกงุนงงอย่างมากจึงร่อนลงบนพื้นยืนประจัดหน้ากับผู้บุกรุก
“เจ้าเป็นใคร มาหาข้าเพราะอะไร” เสียงของมังกรทุ้มต้ำอย่างข่มขู่
“ข้ามาหาเจ้าเพราะได้ข่าวว่าเจ้าชอบพ่นไฟใส่ชาวบ้านที่เข้ามาหของป่าให้ได้รับความเดือดร้อน” พระโพธิสัตว์ตอบ
“ทุกสิ่งทุกอย่างในป่าแห่งนี้เป็นของข้า พวกชาวบ้านไม่มีสิทธิมาเอาไป”
“แต่เท่าที่ข้ารู้มาชาวบ้านเข้ามาหาของป่าตั้งแต่สมัยโบราณ ก่อนที่เจ้าจะมาอาศัยอยู่ที่นี่แล้วอ้างสิทธิตามอำเภอใจ เจ้าและชาวบ้านต้องแบ่งปันทรัพยากรในป่าแก่กันและกันถึงจะถูก”
ได้ยินดังนั้นมังกรก็ชักฉุนแม้รู้อยู่แก่ใจว่าตัวเองเป็นฝ่ายผิด ควันสีเทาลอยกรุ่นออกจากจมูกตามอารมณ์ที่รุ่มร้อนขึ้น
“อย่าเพิ่งโกรธเคืองไปมังกร ข้าหาได้มาที่นี่เพื่อตำหนิเจ้าแต่อย่างใด ข้ามาเพื่อบอกว่าการที่เจ้าพ่นไฟใส่ชาวบ้านทำให้พวกเขาหวาดกลัวไม่กล้าเข้าใกล้ ตอนนี้เจ้าอาจพอใจที่ได้ครอบครองป่าแต่เพียงผู้เดียว แต่พอผ่านไปสักพักเจ้าก็จะเหงาที่ไม่มีใครคบค้าสมาคมด้วย เจ้าต้องการจะอยู่อย่างโดดเดี่ยวในถ้ำที่มืดมิดตลอดไปอย่างนั้นหรือ”
มังกรคิดตามสิ่งที่พระโพธิสัตว์กล่าว ตอนนี้มันสนุกกับการวางตัวเป็นใหญ่ข่มขู่ชาวบ้านให้หวาดกลัวด้วยการพ่นไฟใส่ก็จริง แต่บางวันที่ไม่เจอใครเลยกลับก็รู้สึกเหงาขึ้นมาอย่างไม่มีเหตุผล มังกรลองคิดถึงการที่ต้องอยู่ตัวคนเดียววันแล้ววันเล่าเป็นๆปี มันก็รู้สึกหดหู่จนไม่อาจทนได้
“จริงอย่างเจ้าว่า ข้าไม่อยากอยู่อย่างโดดเดี่ยวไปตลอด...” มังกรมีท่าทางเศร้าสร้อยต่างจากเมื่อครู่อย่างสิ้นเชิง “โปรดบอกข้าทีว่าต้องทำเช่นไรข้าถึงไม่ต้องอยู่อย่างโดดเดี่ยว”
“ต่อจากนี้ไปเจ้าต้องไม่พ่นไฟใส่ชาวบ้าน อยู่ร่วมกับพวกเขาอย่างสงบ ง่ายๆแค่นี้เอง” พระโพธิสัตว์พูด
มังกรได้ฟังดังนั้นก็ยิ้มกว้างเห็นเขี้ยวเต็มปากอย่างปิติ “ข้าขอสัญญาว่าต่อจากนี้ไปจะไม่พ่นไฟใส่ชาวบ้านอีก”
พระโพธิสัตว์ยิ้มตอบอย่างยินดีที่มังกรกลับตัวกลับใจเสียได้ ทั้งสองพูดคุยกันอีกเล็กน้อยพระโพธิสัตว์ก็กลับไป
หลังจากวันนั้นมังกรก็ทำตามสัญญาที่ให้ไว้อย่างเคร่งครัด มันไม่พ่นไฟใส่ใครอีกเลย แรกๆชาวบ้านแปลกใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นมาก แต่ก็ยังไม่วางใจคิดว่ามังกรอาจวางแผนร้ายบางอย่างอยู่ ทว่าเมื่อเวลาผ่านไปเป็นอาทิตย์ก็แล้วเป็นเดือนก็แล้ว มังกรก็ยังไม่พ่นไฟใส่ใครชาวบ้านจึงกลับเข้าไปหาของป่าและตัดฟืนอีกครั้ง ต่างคนต่างอยู่ไม่เบียดเบียนกัน พวกเด็กๆเมื่อได้ยินว่ามังกรเลิกพ่นไฟ ด้วยวัยที่กำลังซุกซนจึงรวมกลุ่มกันไปดูมังกรด้วยความอยากรู้อยากเห็น เมื่อพบว่ามังกรไม่พ่นไฟใส่จริงตามที่ได้ยินมา หัวโจกของกลุ่มเด็กต้องการอวดเพื่อนว่าตัวเองแน่ จึงหยิบก้อนหินปาใส่มังกร
“นี่แน่ะ นี่แน่ะ เจ้ากิ้งก่าสิ้นท่า” หัวโจกหัวเราะร่า จากนั้นก็ปาก้อนหินใส่อีก
“ทำแบบนั้นจะดีเหรอ เดี๋ยวมังกรก็พ่นไฟใส่หรอก...” เด็กชายผู้ร่างผอมถามอย่างหวาดหวั่น
“เจ้ามังกรนั่นไม่เห็นจะแน่ตรงไหน คงพ่นไฟไม่ได้แล้วมั้ง ถ้าพ่นได้มันคงพ่นไปแล้ว” หัวโจกหยิบก้อนหินขึ้นมาอีก “มาปาหินใส่มังกรกัน ใครไม่ปาเป็นพวกกระจอก”
เมื่อถูกท้าดังนั้นบวกกับมังกรไม่ตอบโต้ เด็กคนอื่นก็หยิบก้อนหินขึ้นมาปาใส่มังกรบ้าง บางคนก็ใช้ไม้ตี บางคนก็ขึ้นไปเหยียบบ้างดึงหางบ้าง มังกรได้รับความเจ็บปวดอย่างมาก มันโกรธเคืองพวกเด็กๆแต่ไม่ได้พ่นไฟใส่เพราะต้องการรักษาสัญญาที่ให้ไว้กับพระโพธิสัตว์
หลังลาจากมังกรในครั้งนั้นพระโพธิสัตว์ก็ประฏิบัติธรรมและช่วยเหลือผู้คนไปเรื่อยๆ วันหนึ่งท่านนึกขึ้นได้ว่านี่ก็ผ่านไปพักหนึ่งแล้วมังกรจะเป็นอย่างไรบ้างหนอ พระโพธิสัตว์จึงไปเยี่ยมเยียนมังกรที่ถ้ำ แล้วท่านก็ต้องตกใจเมื่อเห็นรอยฟกช้ำตามร่างกายของมังกร
“เกิดอะไรขึ้น ทำไมร่างกายของเจ้าจึงมีแต่รอบฟกช้ำ” พระโพธิสัตว์ถามอย่างห่วงใย
“ข้าทำตามที่ท่านบอกไม่พ่นไฟใส่ชาวบ้าน...แต่พวกเด็กๆกลับมาทำร้ายข้า นี่ข้าทนมาก็หลายอาทิตย์แล้วแต่เด็กๆก็ยังไม่เลิกเสียที พรุ่งนี้พวกเขาก็คงมาทำร้ายข้าอีก” มังกรกล่าวทั้งน้ำตาคลอ
พระโพธิสัตว์ถอนหายใจอย่างเอือมระอาในความประพฤติของพวกเด็กๆ หลังจากเสร็จธุระกับมังกรเห็นทีต้องไปอบรมพวกเด็กๆบ้างแล้ว
“มังกรการที่เจ้ามีความกรุณานั้นเป็นสิ่งที่ดี แต่ความกรุณาอย่างเดียวนั้นไม่พอเจ้าต้องมีปัญญาด้วย”
“ท่านหมายความว่าอย่างไร...” มังกรรอฟังอย่างตั้งใจ
“ถ้ามีใครมาทำร้ายเจ้าก็ให้พ่นไฟขู่ พอพวกเขารู้ว่าเจ้ามีอันตรายก็จะไม่กล้าเข้ามาทำร้ายอีก ส่วนในยามปรกติก็ให้อยู่เฉยๆอย่าไปพ่นไฟใส่ใครก่อน” พระโพธิสัตว์กล่าว
“โอ้!” มังกรอุทาน “ข้าเข้าใจสิ่งที่ท่านพูดแล้ว ความกรุณาต้องคู่กับปัญญาเป็นอย่างนี้นี่เอง”
หลังจากวันนั้นเมื่อเด็กๆกลับมาที่ถ้ำเพื่อแกล้งมังกรอีก มังกรก็พ่นไฟขึ้นไปในอากาศบ้าง พ่นไฟเฉียดตัวเด็กๆให้พอรู้สึกร้อนวูบวาบบ้าง เมื่อพวกเด็กๆเห็นว่ามังกรมีอันตรายก็ไม่กล้าไปแกล้งอีก ในยามปรกติมังกรไม่พ่นไฟใส่ใครก่อน ชาวบ้านจึงเข้าไปหาของป่าอย่างสบายใจ พอเริ่มคุ้นเคยกันมังกรกับชาวบ้านก็เริ่มพูดคุยช่วยเหลือกันในเรื่องเล็กๆน้อยๆ ต่างอยู่ด้วยกันอย่างสงบสุขตั้งแต่บัดนั้นเป็นต้นมา
ผลงานอื่นๆ ของ มาโฮ ดูทั้งหมด
ผลงานอื่นๆ ของ มาโฮ
ความคิดเห็น