คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : Night 2nd สงครามน้ำลาย
Night 2nd สงครามน้ำลาย
ก๊อกๆๆ
แอ๊ดดด
บานประตูห้องถูกเปิดออก พร้อมร่างสูงโปร่ง และใบหน้าเรียวสวย ที่ติดอารมณ์หงุดหงิดอยู่ตลอดเวลาโผล่มาต้อนรับอาคันตุกะที่มาเยือน “
” ภาพที่เห็นเบื้องหน้า (ในความคิดของคันดะ) คือตัวน่ารำคาญสองตัวที่กำลังจะมารบกวนเวลาหลับนอนของเขา ตัวหนึ่งคือถั่วงอก ถึงแม้จะอยู่ในของที่เขาชอบกินแต่รู้สึกไม่ชอบ (แน่นอน) อีกตัว คือไอ้กระต่าย ฉายาดูแอ๊บแบ๋วน่ารัก แต่มันก็คือตัวน่ารำคาญดีๆนี้แหละ ไม่ต้องพูดความยาวสาวความยืด
ปัง!!!
“เฮ็ยยย ยูเดี๋ยวก่อนสิอย่าเพิ่งปิดดด” เด็กหนุ่มนัยน์ตาสีเขียวใสโวยวาย พลางทุบประตูปึงๆปังๆ ขณะที่อเลนถอนหายใจเฮือก คิดอยู่แล้วว่ามันต้องเป็นอีหรอบนี้ และมันก็เป็นจริงๆโดยที่ไม่ต้องพึ่งหมอดูชื่อดังคนไหน
“หนวกหู พวกแกนี่ไม่เหนื่อยบ้างรึไงเอาแต่สร้างความรำคาญให้คนอื่นน่ะ” เสียงเย็นกล่าวลอดออกมาจากอีกฝั่งของบานประตู “ถ้าว่างขนาดนั้นก็ไปช่วยโคมุอิทำงานไป๊น่ารำคาญชะมัดพวกแกเนี่ย” คันดะกล่าวพลางหลุบตาลง ราวกับเทศน์สั่งสอน
“ก็เรื่องนี้แหละที่จะมาขอคำปรึกษา” ราวี่ทำเสียงน้อยใจ พลางขูดบานประตูไปมาเหมือนลูกแมวเพิ่งฝนเล็บ ทำเอาทั้งคันดะทั้งอเลน ต่างขนลุกไปตามๆกัน “ยูจ๊ะ
ยูจ๋า
ยูจังงง เปิดให้หน่อยซะ
.”
เปรี้ยงงงง!!!
“ซี่
TvT” ร่างของราวี่ดับไปแล้ว
ภายใต้บานประตูที่หลุดออกมาจากบานพับ โดยลูกถีบของคันดะที่ดูเหมือนว่าจะเป็นการจงใจอย่างแรง (me / อยู่แล้ว - -^)
‘หยึย
’ อเลนสะดุ้งเฮือก คาดไม่ถึงว่าการขอผู้ร่วมรบเพิ่ม มันจะต้องเปลื้องตัวถึงขนาดนี้
“จำไว้ ถ้าเสร่อเรียกชื่อฉันด้วยสำเนียงทุเรศ ๆนั่น
จะโดนแบบนี้” เสียงเหี้ยมของคันดะ เอาซะอเลนนึกถึงนรกโดยไม่ต้องจิตนาการเลยซักนิด และรู้ได้เลยว่าราวี่นั้น ก้าวขาลงไปข้างนึงแล้วด้วยสิ
“จ๊ะ
” เสียงประสานเบาๆของอเลน และราวี่
“แล้ว
เรื่องที่ว่า มันยังไง”
“เฮ้
ดูสิอเลน ห้องดูธรรมดากว่าที่คิดเนอะ”
“นั่นสิครับราวี่ ผมนึกว่าจะมีรูปเทพพระเจ้าน่ากลัวๆของญี่ปุ่นติดอยู่เต็มห้องซะอีก
คันดะเองก็มีส่วนที่เป็นมนุษย์เค้าเหมือนกันนี่น่า” ว่าแล้วทั้งสองก็พากันหัวเราะคิกๆ
“เฮ้
พวกแกน่ะถ้าคิดจะมาชมนิทรรศการห้องเช่าละก็ ฉันจะแจกตั๋วไปชมนรกให้เอาไหม?” คันดะว่าพลางชักมุเก็นที่อยู่ข้างตัว ทำเอาทั้งสองสะดุ้ง แล้วนั่งลงกับเก้าอี้อย่างเรียบร้อยราวเด็กที่ถูกแม่ตวาดใส่ “เรื่องที่พวกแกจะมาปรึกษาน่ะ อะไร?” เด็กหนุ่มหลุบตาลง แล้วย้ำคำถามอีกครั้งก่อนจะทำท่าตั้งใจฟัง ซึ่งกริยาท่าทางแบบนี้ไม่ได้หาดูได้ง่ายๆเลย สำหรับพ่อหนุ่มอารมณ์ร้ายคนนี้
“ขอบอกไว้ก่อนถ้ามันไม่มีสาระพอ ฉันเชือดพวกแกแน่”
เฮือก!
= ^ =
“อเลน
นายเล่าสิ” ราวี่โยน
“ดะ
เดี๋ยวก่อนคนที่แนะนำให้มาปรึกษาคันดะน่ะมันราวี่ไม่ได้ใช่เหรอครับ!” อเลนว้ากกลับ
“พวกแก
เห็นฉันเป็นตัวตลกรึไง (วะ)”
ชิ้ง!!
มุเก็นถูกชักออกมาครึ่งเล่ม เอาซะทั้งสองกอดกันซะกลมพร้อมเม็ดเหงื่อที่ผุดพรายทั่วร่างของทั้งสอง
“คะ
คือว่า รินารี่น่ะครับ!” อเลนโพล่งออกมาได้ในที่สุด พร้อมหลับตาปี๋ ขณะที่ราวี่ถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก
“รินารี่?” เจ้าของนัยน์ตาสีน้ำเงินเข้มหรี่ลงอย่างครุ่นคิด “ทำไม?”
“ผมคิดว่า รินารี่เธอทำงานหนักเกินไป เป็นทั้งเอ็กโซซิสท์ แล้วยังต้องมาช่วยงานที่แผนกวิทย์ฯ อีก เธอน่าจะนอนดึกบ่อยน่าดู เราไม่คิดจะช่วยรินารี่บางเหรอ?”
“
” คันดะเลี่ยงสายตาออกจากสองตัวน่ารำคาญ (me / ปวดใจที่ต้องพิมพ์อะไรแบบนี้เหลือเกินนนน T^T) แล้วทำหน้าครุ่นคิดอย่างเอาจริงเอาจัง “แค่อยากจะช่วย?” เขาทวนเป็นคำถาม เล่นเอาอเลนและราวี่ ถึงกับกลืนก้อนแข็งลงคอ เสมือนกับว่าเส้นด้ายแห่งกงชะตาชีวิตกำลังจะขาดอยู่มะร่อมมะร่อ
“
ก็ไปช่วยเขาซะสิ ไม่เห็นจะน่าปวดหัวตรงไหนพวกแกนี้สมองตื้นกันรึไง”
“สมองตื้น?” อเลนทวน “ใครกันแน่ครับที่สมองตื้น คนที่ไม่เคยเห็นหัวคนอื่นอย่างคันดะมีสิทธิ์มาว่าผมแบบนี้เหรอ” อเลนลุกขึ้น พร้อมเส้นเลือดที่ดังปึ๊ดๆ พร้อมจะเอาเรื่องอยู่ทุกเวลา
“ทำไมต้องเห็นหัวคนอย่างแก หัวขาวๆแบบนั้นมีไอ้บ้าที่ไหนเขาอยากจะเห็นมิทราบห๊า ไอ้ถั่วงอก”
“ผมไม่ได้หมายถึงหัวผมครับ ผมหมายถึงหัวอกของรินารี่ คันดะนอกซะจากสมองจะตื้นแล้วยังตีไม่ประโยคไม่ออกอีกเหรอครับ ผมละเชื่อเลยว่าราวี่มาขอความช่วยเหลือจากคนงี่เง่าอย่างคันดะน่ะ!”
“แกก็ไปว้ากใส่มันเซ่
มาเถียงฉันฉอดๆทำไม!”
“ก็คนที่ทำให้ผมโมโหมันใช่ราวี่ไหมเล่า!”
“แล้วคนที่ลากแกมาหาต้นเหตุ ที่ทำให้แกโมโหมันไม่ใช่ไอ้กร๊วกนั่นเหรอ แกนี่มันพาลผิดคนแล้วนะ (โว๊ย) คงสมองตื้นจริงๆเสียด้วยสิแกน่ะไอ้ถั่วงอก” เด็กหนุ่มว้ากตอบ แม้จะเป็นคำต่อว่าที่ฟังดูข้างๆคู แต่รู้สึกว่าคำที่ทั้งสองกำลังโวยวายใส่กันนั้น มันก็กำลังปลุกอารมณ์ยัวะให้กับผู้ฟังที่แสนดีอย่างราวี่ได้เช่นกัน (me / แหงละ
ที่ด่ากันน่ะมีราวี่เอี่ยวล้วนๆ)
“ว้ากกกกกกกก หยุดดดด!!!”
“แฮ่ก
แฮ่ก
แฮ่ก
แฮ่ก
แฮ่ก” ร่างที่สั่นเทิ้ม เพราะความโกรธของอเลน และคันดะหันมาทางผู้หยุดสงครามน้ำลายคราวนี้
“ที่กำลังคุยกันน่ะ มันเรื่องของรินารี่ไม่ใช่เหรอ
พวกนายมาด่ากันทำไม (ด่าฉันทางอ้อมอีกต่างหาก - -^)” ราวี่เปรยเสียงดัง แล้วมองทั้งสองสลับกัน ถึงแม้ว่าประกาศหยุดสงครามอย่างเขาจะเอ่ยขัดแล้ว แต่ดูเหมือนว่าสงครามนั้น จะไม่ยอมหยุดง่าย
เพราะฉะนั้น ประเด็นอะไรที่จะลากเข้าสู่สมรภูมิอีกละก็ ไม่ต้องเจือกพูดถึงมันอีก ไม่งั้นล่มชัวร์!
อเลนและคันดะ ทิ้งตัวลงนั่งอีกครั้งพร้อมเสียง ‘เชอะ’ เบาๆที่ดังออกมาจากปากของทั้งสอง แน่นอนว่าทั้งสองไม่ยอมมองหน้ากันแม้จะจะใช้หางตาเหลือบมอง
ราวี่ส่ายหน้าอย่างระอา
“ฉันคิดว่าเรื่องนี้ ฉันจะเข้าไปดูให้มันชัดๆว่าโคมุอิทำอะไรนักหนาทำไมถึงได้ทำให้รินารี่ต้องพาลวุ่นวายซะขนาดนั้นด้วย” สายตาที่หาดูได้ยาก ในสถานการณ์แบบนี้ของราวี่ปรากฏขึ้น พร้อมรอยยิ้มจางๆที่ชวนให้หญิงสาวต้องหลงในความจริงจังนั้น นำพาเข้าสู่ประเด็นที่ต้องคุยอีกครั้ง
“อย่าบอกนะว่า
ราวี่คิดจะเข้าไปในชั้นต้องห้ามนั่นนะครับ?” อเลนว่า
“ไหนๆก็ไหนๆ
รู้ให้มันชัดไปเลยก็ได้นี่น่า ค้างๆคาๆปล่อยให้มีข่าวลือแปลกๆไร้สาระ
ฉันละเกลียด” คันดะเสริม
“ก็เห็นเกลียดซะทุกอย่าง
” เจ้าของเรือนผมสีขาวเงินสบถเบาๆพลางหรี่ตา
“แกว่าไงนะ?”
“ปะ..ปะ
เปล่าครับ ผมว่าก็ดีเหมือนกัน” คันดะสะบัดหน้าหนี เมื่อสิ้นคำอเลนกล่าว
“อือ
ใช่ไหมละ
บางทีต้นเหตุมันอาจจะเป็นเพราะว่าโคมุอิทดลองก็ได้นี่น่า” ราวี่ยิ้มกว้าง “ว่าไง พวกนายว่าไงละ?” เด็กหนุ่มเจ้าของเรือนผมสีส้มเอ่ยถามความคิดของอีกสองคน
“ก็ไม่ทำไมนี่ครับ ผมว่าแบบนั้นมันก็ดี” อเลนกระพริบตาถี่ๆ ไม่มีข้อแย้งใดๆทั้งนั้น
“แต่
” เสียงเข้มขัด “ถ้ารู้แล้วจะได้อะไรขึ้นมาล่ะ ประเด็นคือไม่ต้องการให้รินารี่นอนดึกไม่ใช่รึไง? ไม่เห็นจะเกี่ยวตรงไหนที่ต้องรู้ว่าโคมุอิทดลองอะไรอยู่” คันดะมุ่นคิ้ว แล้วถามต่อ
“แหม
ยูก็แบบนั้นมันก็ไม่ตื่นเต้นเร้าใจน่ะสิ
เอาจริงๆนะ” ราวี่เปลี่ยนท่านั่ง พลางทำหน้าตาสดใสกว่าเดิม “ถ้าโคมุอิกำลังทดลองอะไรแปลกๆหรือไร้สาระ เราก็จะได้ขัดไว้ทัน แต่ถ้าเป็นของที่ดูแล้วสมเหตุสมผลที่รินารี่ต้องนอนดึก เราก็จะได้ช่วยไง ตกลงไหม?”
“ฟังดูแปลกๆ
แต่ก็โอเคครับ?”
“เชอะ
ก็แค่หาเรื่องสนุกใส่ตัว สรุปว่าจะช่วย แต่ก็ต้องรู้ก่อนว่าที่จะช่วยน่ะมันต้องทำอะไรสินะ” เด็กหนุ่มสรุปสั้นๆ “ในเมื่อตกลงได้แล้ว
พวกแกก็หลับห้องไปซะ” เด็กหนุ่มตวาด เชิงตะเพิด ขณะที่ราวี่ยกมือขึ้นปรามก่อน
“ดะ
เดี๋ยวก่อนสิยู ยังไม่ได้นัดหมายวันทำภารกิจเลยนา - -^” เจ้าของเรือนผมสีส้มว่า
“ก็ในเมื่ออยากจะรู้พวกแกจะรออะไรเล่า จะทำตอนนี้หรือจะทำพรุ่งนี้มันก็เรื่องของพวกแก ที่ฉันลดตัวไปร่วมวงเพราะว่าอยากจะทำลายทิ้งซักที ไอ้ข้อกังขาข่าวลือไร้สาระนั้น
ว่าเป็นชั้นต้องห้ามบ้างละ แต่ชั้นผีสิงบ้างละ เข้าใจหรือยัง!”
“ ครับ ” เสียงประสานของราวี่ และอเลนอีกครั้ง และเป็นครั้งสุดท้าย ก่อนจะถูกผู้เป็นเจ้าของห้องโยนออกมานอกห้อง เนื่องการจากก่อความรบกวนในยามราตรีกาล
me / กรี๊ดดดดดดดด ฟิคเรื่องที่สอง แต่เขียนเป็นเรื่องที่สาม ข้าน้อยฝากด้วยเจ้าค่ะ ^^ แนวนี้ เหอๆ Y ค่ะ Y จริงแท้แน่นอน แรกๆก็งี้ๆแหละ เข้าใจหน่อยเจ้าค่ะ แต่จะเป็นคู่ไหนนั้น
ทายดูสิค่ะ โฮ่ะๆๆ
เขียนเองแล้วจะรู้ค่ะ ว่าที่ อจ.โอชิโนะแกว่า รินารี่ฉลาดกว่าราวี่ ราวี่ฉลาดกว่าอเลน อเลนฉลาดดว่าคันดะ มันจริงนะคะเนี่ย!! อ่านตอนที่ปรึกษากันน่ะคะ ราวี่ถึงจะดูขี้เล่นแต่พี่แกก็มีความสามารถ จริงจังได้ซะขนาด นี่เขียนเองบิ๊วเองนะคะเนี่ยไม่ได้เปิดหนังสือดู ฮุฮุ
สำหรับข้าน้อยแล้ว อเลนนั้น
[เคะ] ยูจังนั้น
[เสะ] ราวี่นั้น
[เมะ] กรี๊ดดด ครบเซ็ทแว้ววววววววว >[]< ย้ากกกกกก!!! แล้วคุณละ สามคนนี้คืออะไร!? กร๊ากกกก
[G]~@ngel_al
ความคิดเห็น