Difference [Fic : Cluster Edge] - Difference [Fic : Cluster Edge] นิยาย Difference [Fic : Cluster Edge] : Dek-D.com - Writer

    Difference [Fic : Cluster Edge]

    มนุษย์สร้างพวกเขาขึ้นมา พวกเขาคือร่างโคลนนิ่งที่มีต้นแบบมาจากมนุษย์คนหนึ่ง แล้วทำไมพวกเขาถึงไม่ถูกเรียกว่า "มนุษย์" แต่เป็น "เครื่องจักรทำสงคราม"

    ผู้เข้าชมรวม

    780

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    5

    ผู้เข้าชมรวม


    780

    ความคิดเห็น


    2

    คนติดตาม


    2
    เรื่องสั้น
    อัปเดตล่าสุด :  26 ต.ค. 50 / 18:21 น.


    ข้อมูลเบื้องต้น
    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ




      Fanfiction

      Project : Cluster Edge

      Difference

       

      ราตรียามค่ำคืนนั้นเงียบสงบและเต็มไปด้วยดวงดาวที่เรียงรายอยู่เต็มท้องฟ้า  มือข้างหนึ่งยกขึ้นปัดผมสั้นประบ่าสีน้ำตาลอ่อนที่ถูกลมพัดแล้วทัดเอาไว้หลังหู  ก่อนที่ร่างในชุดแนบเนื้อสีดำใต้ชุดเกราะสีเงินและผ้าคลุมผืนยาวจะหันไปมองทางหน้าต่างที่อยู่ข้าง ๆ

      มานั่งทำอะไรอยู่บนหลังคาน่ะ  Chrome  นี่มันเวลานอนนะ  อย่าบอกนะว่า  ทหารเทียมไม่จำเป็นต้องนอนน่ะ 

      เด็กหนุ่มที่มีผมสั้นหยักศกสีบลอนด์สวมเสื้อสีขาวและกางเกงขายาวสีน้ำตาลเรียกพร้อมกับรอยยิ้ม  ใช่  เขาคือ Fon Aina  Sulfur  เด็กหนุ่มจากโรงเรียน Cluster E.A.  ที่ไม่กลัวเครื่องจักรสังหารอย่างเขาตั้งแต่เจอกันครั้งแรก

      จริง ๆ เลยน้า  ชั้นไม่รู้หรอกนะว่านายไปทำอะไรมา  แต่คงเกี่ยวกับพวกทหารเกรียนใช่มั้ยล่ะ  ถ้าพวกเขารู้ว่านายยังมีชีวิตอยู่ต้องตามมาฆ่าแน่  ดีนะที่  Beryl ไปเจอนายเข้า  ไม่งั้นคงได้เลือดไหลหมดตัวตายอยู่กลางป่ากันพอดี  Fon ยังคงพูดไปเรื่อยๆ ขณะท้าวคางบนขอบหน้าต่างมองท้องฟ้า 

      งั้นก็ปล่อยชั้นไว้อย่างนั้นสิ  แบบนี้นายกับ Beryl  จะเดือดร้อนนะ

      ถึงอย่างนั้นก็เถอะ  แต่จะปล่อยนายเอาไว้แบบนั้นก็ไม่ได้นี่นา

      ทำไมล่ะ ?

      คำถามสั้น ๆ ทำเอาอีกฝ่ายถึงกับถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่  เพราะไม่รู้ว่าจะอธิบายไอ้ความรู้สึกที่ไม่เห็นเป็นรูปธรรมให้กับทหารเทียมที่มีอัตราความรู้ในการใช้ชีวิตประจำวันต่ำเข้าใจแบบสั้นๆ ได้ยังไง  ขนาดเรื่องของ พี่สาว  ก่อนหน้านี้ยังต้องอธิบายกันเป็นชั่วโมง ๆ 

      อืม....ก็เพราะชั้นกับ  Beryl  เป็นห่วงนาย  ไม่อยากให้นายตายน่ะสิ

      แล้วทำไมถึงไม่อยากให้ตายละ?  ถึงชั้นจะตายก็โคลนนิ่งขึ้นมาใหม่ได้อยู่ดี  ถึงตอนนี้จะมีการสั่งห้ามไม่ให้ผลิตทหารเทียมแล้วก็เถอะ

      แล้วเด็กนักเรียนหัวดีของ  Cluster  E.A.  ก็ต้องถอนหายใจและชักจะเริ่มปวดหัวอีกครั้งกับคำตอบแบบตรงๆ  ซื่อๆ  ที่พอจะเดาออกว่าเพื่อนทหารเทียมคนนี้จะพูด

      ก็จริงอยู่  แต่--”  แต่ความพยายามก็ถูกขัดจังหวะด้วยเจ้าของบ้านที่เปิดประตูเดินเข้ามา

      กลับไปนอนได้แล้ว  Chrome  แล้วทำไมไม่เปลี่ยนชุด ? บาดแผลหายดีแล้วเหรอ ?  เขาถาม  แต่อีกฝ่ายที่ยังคงอยู่ในเครื่องแบบของทหารเทียมกลับมองด้วยใบหน้าใสซื่อที่ฉายแววความสงสัย   คงจะลืมสินะ...แล้วเขาก็ได้แต่ถอนหายใจกับคำตอบที่เดาได้จากสีหน้านั้น

      อ๊ะ  ขอโทษนะครับ  ทำให้คุณ  Beryl  ตื่นซะแล้ว  จะไปเดี๋ยวนี้แหละครับ  มาเร็ว  Chrome”  Fon  หันไปขอโทษเจ้าของบ้านแล้วฉุดแขนเพื่อนให้ลุกขึ้น

      พวกนายนี่ทำอะไรแปลกๆ 

      สำหรับทหารเทียมอย่างนาย  อะไรที่มนุษย์อย่างพวกเราทำก็แปลกไปหมดนั่นแหละ

      Chrome  เพียงแค่ยักไหล่แล้วยิ้มก่อนจะเดินตามเพื่อนทั้งสองไปอย่างว่าง่าย  แต่หลังจากเดินไปได้เพียงไม่กี่ก้าว  เขาก็กลับฉุดให้เพื่อนทั้งสองคนล้มลงกับพื้นก่อนที่จะถูกยิง 

      ไม่ทันที่  Fon  จะตะโกนถามด้วยความตกใจ  คำตอบก็มาปรากฏอยู่ตรงหน้า  เครื่องบินรบของทหาร  2  ลำบินโฉบขึ้นมาจากด้านล่างและฉายไฟมายังพวกเขา

      ขอโทษนะ....

      Chrome  เอ่ยสั้นๆ  ด้วยรอยยิ้มก่อนจะใช้ฝ่ามืออัดแรงดันอากาศกระแทกเข้าที่ท้องของ  Fon  แล้วส่งเจ้าตัวลงไปนอนแผ่หมดสติอยู่กับพื้น

      “Fon!! นาย--!!!”

      Beryl  เรียกด้วยความตกใจ  แต่ก็นิ่งเงียบไปทันทีที่คอถูกแขนล๊อกเอาไว้ด้านหลังในขณะที่คอถูกจ่อเอาไว้ด้วยคมดาบ  เขาเหลือบมองใบหน้าของทหารเทียมที่อยู่ด้านหลังอย่างลุกลี้ลุกลน  และหันกลับไปมองทหารบนเครื่องบินถือปืนเล็งมาที่พวกเขา

      อย่าเข้ามานะ  ถ้าพวกนายไม่อยากให้คนของตระกูล  Jasper  เป็นอะไรไปล่ะก็ ถอยออกไปซะ!!”

      ที่แท้ก็เอาเขาเป็นตัวประกันเพื่อใช้ข่มขู่ในการหลบหนีนี่เอง   เด็กหนุ่มตระกูลชนชั้นผู้ดีไม่รู้สึกแปลกใจ  และไม่คิดแม้แต่จะร้อง  เพราะเขาไม่เคยคาดหวังว่าใครจะมาช่วย  มันเป็นเรื่องธรรมดาในโลกของเขาที่จะมีการทรยศหักหลังเพื่อเอาตัวรอด  แต่ท่ามกลางเสียงของห่ากระสุนที่ไร้ความรู้สึกของทหารนั้นกลับได้ยินคำพูดที่เต็มไปด้วยความเจ็บปวดของสิ่งมีชีวิตที่ไม่เรียกว่า  มนุษย์

      ไอ้พวกมนุษย์  มันก็เหมือนๆ กันหมดแบบนี้แหละ  โง่เง่า  ไร้ศีลธรรม  ป่าเถื่อน  เห็นแก่ตัว  แล้วทำไมนายถึงยังอยากจะปกป้องคนอย่างพวกมันอีกเล่า !!  ตอบชั้นมาสิ Chalce !!!” 

      คมดาบปะทะลูกกระสุนด้วยความโกรธแค้น  ภาพของคนที่เคยรักและดูแลเขาเหมือนกับพี่ชายก้าวขึ้นเครื่องบินจากไปเพียงลำพังผุดขึ้นมาในหัว   เด็กหนุ่มที่ได้แต่ยืนมองอยู่เบื้องหลังนั้นไม่เข้าใจ  และไม่อยากจะเห็นการกระทำที่โหดร้ายป่าเถื่อนแบบนี้อีกต่อไปแล้ว

      Beryl  ได้ยินเสียงคมดาบปะทะกับลูกกระสุนอีกครั้งก่อนจะถูกอุ้มขึ้นพาดบ่า  เพียงพริบตาเดียวตนเองได้แต่มองบ้านของตนที่ห่างออกไปเรื่อย ๆ  จนลับสายตาไป  แต่แทนที่จะรู้สึกวิตกกังวลหรือหวาดกลัวตัว เขากลับรู้สึกโล่งใจและไม่นึกที่จะขัดขืนหรือหาทางหนีเลยแม้แต่น้อย  ทั้งใบหน้าและสายตาเก็บซ่อนทั้งอารมณ์และความรู้สึกที่ไม่แน่ใจว่าจะมีหรือไม่เอาไว้เป็นอย่างดี 

      ++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

      เสียงปืน  เสียงกระสุน เสียงระเบิด  และเสียงเครื่องยนต์ของเครื่องบินที่ดังกระหึ่มอยู่บนท้องฟ้าค่อยๆ เงียบหายไปพร้อม ๆ กับความโกรธของทหารเทียมคนหนึ่งที่วิ่งเข้าไปในป่าลึก 

      ฟ้ายามค่ำคืนกลับยิ่งมืดมิดด้วยกลุ่มเมฆหนาทึบที่รวมตัวกันแล้วกลั่นน้ำฝนลงมาอย่างหนัก  แต่ฝีเท้าของเด็กหนุ่มในชุดเกราะสีเงินและผ้าคลุมสีม่วงยาวกลับไม่ช้าลงเลยแม้แต่นิดเดียว

      แบบนี้ดูท่าจะไม่ไหว  สงสัยคงต้องหลบฝนซะก่อนล่ะมั้ง  Beryl ? เด็กหนุ่มในชุดเสื้อเกราะและผ้าคลุมถามคนบนหลังที่พยักหน้าเห็นด้วย

      “Chrome…”  Beryl  เรียกเบา ๆ เมื่อเห็นแสงไฟแวบอยู่ข้างหลังหลายครั้ง

      ตามมาแล้วสินะ  ตื้อชะมัด....

      ทหารโคลนนิ่งพูดอย่างเซ็ง ๆ  ก่อนจะผิวปากและเร่งฝีเท้าให้เร็วขึ้น  เด็กหนุ่มชนชั้นผู้ดีไม่รู้ว่าอีกฝ่ายทำเพื่ออะไร  หรือเรียกอะไรมา  แต่ก็ไม่ได้ถามอะไรและมองร่างเงา  6  ร่างที่พุ่งผ่านพวกเขาไปทางด้านหลังและหายไปพร้อมกับแสงไฟ

      ไม่ต้องห่วง  พวกนั้นจัดการได้สบายอยู่แล้ว  Chrome  พูดด้วยรอยยิ้ม 

      หลังจากวิ่งมาอีก  2-3  กิโลเมตรก็มาเจอถ้ำหนึ่งที่ภายในกว้างพอที่จะจุคนได้ประมาณ 10 กว่าคน  เขาจึงค่อยๆ คลำทางเดินเข้าไปจนสุดแล้วค่อยๆ วางเพื่อนลงนั่งกับพื้น  แท่งเหล็กทรงกระบอกเล็กๆ  ถูกควักออกมา  พอหมุนด้านบนไฟก็ติดขึ้นมาให้ความสว่างรอบตัวพวกเขา

      นายรออยู่นี่นะ  ชั้นจะไปหาอะไรมาก่อกองไฟ

      Beryl  พยักหน้าแล้วรับแท่งเหล็กติดไฟมาถืออย่างว่าง่ายและนั่งรออยู่เฉย ๆ ตามที่บอก  ในใจนึกถึงแต่เรื่องที่เกิดขึ้น  โดยเฉพาะคำพูดที่อีกฝ่ายเพิ่งจะพูดไปเมื่อสักครู่  มันไม่ใช่เพราะเขาไม่รู้เหตุผลว่าทำไม แต่มันเพราะอะไรต่างหาก  ในเมื่อเป็นเครื่องจักรสังหารไร้หัวใจที่ทำได้ทุกอย่างเพื่อให้ตัวเองอยู่รอด  แล้วทำไมถึงกลับมาทำดี  ห่วงใยดูแลกันแบบนี้

      ทหารเทียมไม่รู้สึกหนาวหรือไม่สบายเพราะอากาศแบบนี้อยู่แล้ว  เพราะงั้นทำไมถึง......  เขาคิดถึงความจริงที่เคยอ่านเจอในหนังสือประวัติศาสตร์ที่มีบันทึกอยู่น้อยนิดในช่วงสงคราม  ถ้าเขาเหมือนกับ  Agate  ก็คงจะไม่มีอะไรต้องกังวลล่ะมั้ง  ถึงจะค่อนข้างต่างกันก็เถอะ?

      ++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

      นี่  ทำไมต้องเอาเจ้านั่นมาด้วยล่ะ ?  เรียกพวกชั้นมาก็ได้นิ  เครื่องบินรบแค่  2  ลำเอง

      เด็กหนุ่มที่มีผมสั้นสีน้ำตาลเข้ม สวมชุดเกราะเครื่องแบบทหารเทียมและผ้าปิดตาสีดำข้างขวาถามด้วยความสงสัย  ในขณะที่กำลังฟันทำลายรถของกองทัพอยู่

      มันกระทันหันน่ะสิ  เลยต้องใช้วิธีจับตัวประกัน  แต่พวกมันก็ยังสาดกระสุนใส่ทั้ง ๆ ที่เจ้านั่นเป็นคนของตระกูล  Jasper”  เด็กหนุ่มผู้เปรียบเสมือนเป็นหัวหน้าทีมที่มัดผมยาวประบ่าสีน้ำตาลอ่อนเอาไว้ด้านหลังบอกด้วยความหงุดหงิด   ชั้นละไม่เข้าใจจริงๆ ว่า  Chalce ยังอยากจะปกป้องมนุษย์อย่างพวกมันไปทำไม

      อย่ามาถามชั้นสิ  ถ้านายที่เป็นน้องชายไม่รู้แล้วใครจะรู้ล่ะ

      เด็กหนุ่มสวมผ้าปิดตาตอบด้วยท่าทีไม่ใส่ใจเหมือนกับคนอื่น ๆ ในกลุ่ม เพราะพวกเขาเพียงแค่รู้สึกยินดีกับการที่ได้เดินตามและทำตามคำบอกของหัวหน้าทีมคนนี้   ไม่ได้รู้สึกอะไรกับคนที่ชื่อ  Chalcedony  Renierite  มากมายนัก

      เฮ้ !  ก็บอกว่าไม่ใช่ไงล่ะ นั่นมันพระจันทร์ทรงกรด  เป็นปรากฏการณ์ธรรมชาติ  ไม่ใช่อาวุธสงคราม

      เด็กหนุ่มแฝดสามที่มีผมตั้งสีน้ำตาล  และสวมหน้ากากปิดหน้าครึ่งล่าง  จึงหยุดยิงพระจันทร์ที่ว่าตามที่เด็กหนุ่มผมสีดำยาวบอก  แล้วกระโดดลงมาจับ ๆ จิ้ม ๆ ตัวหัวหน้าของพวกเขา  ทำให้เจ้าตัวเกือบร้องเสียงหลงเมื่อนิ้วมาโดนแผลถูกกระสุนยิงที่สีข้างข้างขวา

      เฮ้ ! หยุดนะ !!”

      Chrome ร้องพลางปัดมือซน ๆ พวกนั้นออก  แล้วทำสายตาดุใส่พวกเขา  ทำให้ทั้งสามพากันทำหน้าหงอยๆ แล้วเดินไปหลบอยู่หลังเด็กหนุ่มสวมผ้าปิดตา

      น่า ๆ  Chrome  เขาไม่ได้โกรธหรอก  แค่ไม่อยากให้ไปจับแผลเขาเท่านั้นเอง 

      คนเป็นโล่ห์อดหันมาปลอบด้วยรอยยิ้มไม่ได้  แฝดสามจึงพยักหน้าแล้วออกมายืนอยู่ข้างๆ เขา  นัยน์ตาที่มีสีเหมือนกันสามคู่จับจ้องมาที่หัวหน้าเหมือนกับจะขอและถามอะไรบางอย่างด้วยท่ายืนที่ค่อนข้างแสดงความกระตือรือร้นพอสมควร  และมันทำให้หัวหน้าทีมฉีกยิ้มเย็นๆ แฝงความโหด

      แน่นอนอยู่แล้ว  โทษฐานที่พวกมันทำให้ฉันบาดเจ็บ  แถมยังเกี่ยวข้องกับเจ้าคนที่ฆ่า  Chalce  อีก  ต้องเอาคืนให้สาสม  ไว้เสร็จเรื่องตรงนี้เมื่อไหร่  เราจะไปทำลายที่นั่นให้ราบเลย

      แฝดสามรีบพยักหน้าพร้อมกับตาลุกวาวด้วยความดีใจ  ก่อนจะวิ่งเข้าไปกอดหัวหน้าที่แทบจะร้องไม่เป็นภาษา  เพราะไปโดนแผลเขาอีกแล้ว  แต่เจ้าตัวกลับโกรธไม่ลงเมื่อดวงตาสามคู่ที่แสนจะใสซื่อมองเขาด้วยความเป็นห่วง

      ชั้นไม่เป็นไรหรอก  พรุ่งนี้แผลก็ปิดสนิทแล้ว  ยังไงชั้นก็เป็นทหารเทียม  แผลแค่นี้ไม่เท่าไหร่หรอก

      นายนี่ก็แปลกนะ  ถึงจะได้รับการโปรแกรมเรื่องความรู้สึกมา  แต่ก็ไม่เห็นต้องแสดงท่าทีเหมือนอย่างมนุษย์ก็ได้นี่  จริง ๆ นายก็ไม่ได้รู้สึกเจ็บเหมือนพวกนั้นซะหน่อย  เด็กหนุ่มผมยาวสีดำถามด้วยความสงสัย

      ก็  Chalce บอกว่าทำแล้วจะเป็นมนุษย์นี่นา  เพราะความเจ็บปวดคือสิ่งหนึ่งที่แสดงให้เห็นว่าเรายังมีชีวิตอยู่

      ถึงจะตอบคำถามออกมาได้อย่างน่าฟังน่าคิด  แต่คนฟังและคนพูดเองกลับไม่ค่อยสนใจที่จะเข้าใจคำพูดนั้นมากนัก  พวกเขาเพียงแต่รู้ว่าถ้าทำแล้วเป็นเรื่องดีเท่านั้น 

      พี่นายเนี่ยเข้าใจยากจริงๆ แต่ก็ช่างเหอะ  มันก็ไม่ค่อยเกี่ยวกับสิ่งที่พวกเรากำลังทำอยู่แล้วเด็กหนุ่มสวมผ้าปิดตายักไหล่แล้วก็ไม่สนใจที่จะคุยเรื่องนี้อีก

      รอบรัศมีที่พวกเราอยู่ไปจนถึงแถวชานเมืองไม่มีพวกทหารอยู่เลย  ดูเหมือนพวกเราจะฆ่าพวกมันได้ก่อนที่จะส่งข่าวไปหาหน่วยอื่นได้  แบบนี้คงปลอดภัยไม่มีใครมายุ่งซักพัก

      เด็กหนุ่มที่มีผมสั้นสีน้ำตาล  และสวมหมวกโทนสีเดียวกันเดินเข้ามาพร้อมกับรายงานหลังจากที่ได้ออกไปสำรวจบริเวณรอบ ๆ เมื่อหลายนาทีก่อน  ทันทีที่เขาเข้ามาใกล้แฝดสามก็รีบเข้าไปต้อนรับด้วยวิธีเดียวกับที่ทำกับหัวหน้า  ทำให้เจ้าตัวงงว่าเกิดอะไรขึ้น

      เฮ้  มีอะไรน่ะ ?  เจ้าพวกนี้ไปได้ความคิดแปลก ๆ อะไรมาอีกล่ะ?

      ก็แค่สงสัยว่านายได้รับบาดเจ็บเหมือนกับ  Chrome  รึเปล่าน่ะ  เด็กหนุ่มผมยาวสีดำบอก

      โอเค ๆ ชั้นปลอดภัย  ไม่โดนยิงหรืออะไรทั้งนั้นแหละ แฝดสามพยักหน้าแล้วกลับไปยืนที่เดิม

      คืนนี้เราจะพักในป่านี่   ในระหว่างนั้นให้สองคนออกไปสำรวจฐานทัพ   ส่วนคนที่เหลือก็ผลัดเวรกันเฝ้ารอบที่พัก พรุ่งนี้จะออกเดินทางไปทำลายที่นั่นหลังเอา  Beryl  ไปส่งแล้ว

      แล้วนายจะเอาเขาไปส่งยังไง  อาจจะมีพวกทหารมาคอยเฝ้าอีกก็ได้เด็กหนุ่มผมสั้นสวมหมวกถาม   เขารู้สึกอยากพูดต่อขึ้นมาว่า  แล้วจะลำบากไปส่งทำไม  ให้เดินกลับไปเองก็ได้นี่

      ชั้นมีวิธีก็แล้วกัน  นายสองคนไปสำรวจฐานทัพ  กลับมาก่อนรุ่งสาง  ส่วนคนที่เหลือตามชั้นมา 

      หัวหน้าทีมก้มลงหยิบกองเศษไม้แล้วเดินนำเข้าไปในป่า  โดยมีแฝดสามและเด็กหนุ่มผ้าปิดตาเดินตามมา  ส่วนสองคนที่เหลือนั้นเดินแยกออกไปอีกทางหนึ่ง

      ++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

      เสียงฝีเท้าที่เดินเข้ามาท่ามกลางความมืดทำให้เด็กหนุ่มผมบลอนด์เงยหน้าขึ้นมองทางต้นเสียงด้วยสีหน้าเคร่งเครียด  และซ่อนแท่งไฟเอาไว้ที่ด้านหลัง  แต่เมื่อเห็นผ้าคลุมและเกราะสีเงินลาง ๆ  ก็ถอนหายใจ 

      ดูท่านายจะระแวงชั้นน่าดูเลยนะ  แต่ก็น่าอยู่หรอก  ไม่รู้ว่าจะเชื่อรึเปล่าแต่ชั้นทำเพื่อช่วยนายนะ

      แต่ที่ชั้นเห็น  มันเหมือนกับนายช่วยตัวเองมากกว่า

      นายไม่เชื่อสินะว่าชั้นจะช่วยนายจริง ๆ  ไม่ใช่ว่าไม่เชื่อเพราะถูกลักพาตัวน่ะ เฮ้--”

      ก่อนที่เขาจะหันไปบอกให้แฝดสามช่วยก่อกองไฟ   เจ้าตัวก็เดินเข้ามาด้อม ๆ มอง ๆ เด็กหนุ่มชนชั้นผู้ดีที่เขยิบถอยจนติดผนังถ้ำและมองด้วยสายตาไม่ไว้วางใจอยู่เงียบ ๆ  Chrome อดถอนหายใจกับความอยากรู้อยากเห็นแบบเด็ก ๆ ของคนในทีมไม่ได้

      ไม่ต้องห่วงหรอก  พวกนั้นแค่สงสัยน่ะ เขาว่าพลางเอากิ่งไม้มากองรวมกัน  นี่อย่าไปจ้องเขาแบบนั้นสิ  คนๆ นี้ก็เหมือนเด็กผมสั้นสีบลอนด์ที่เราช่วยขึ้นมาจากแม่น้ำตอนนั้นไงล่ะ  เอาไฟมาหน่อยสิ

      เมื่อ Beryl  ได้ยินแบบนั้นก็ยื่นแท่งไฟให้หนึ่งในแฝดสาม  อีกฝ่ายรับมันมาโดยไม่พูดอะไรก่อนจะเดินมายื่นให้กับ  คนขอ  ส่วนแฝดอีกสองคนนั้นเดินมานั่งลงข้าง ๆ กองไฟที่ให้ความสว่างไปทั่วทั้งบริเวณ

      นายควรจะถอดเสื้อผ้ามาผิงไฟนะ จะได้แห้ง

      คนฟังรู้สึกตกใจกับคำแนะนำอยู่พอสมควร  แต่เขาก็เพียงแค่เลิกคิ้วข้างหนึ่งขึ้นอย่างสงสัยในขณะที่มือข้างหนึ่งรวบปิดคอเสื้อเอาไว้  Chrome  ที่เห็นท่าทีแบบนั้นแล้วก็อดขำไม่ได้

      นายนี่เหมือนอย่างที่  Agate  เล่าให้ฟังเลยแฮะ   เอาเหอะ  ถ้าไม่อยากก็มานั่งใกล้ ๆ  ไฟแล้วกัน  อย่างน้อยจะได้ไม่หนาว

      เด็กหนุ่มตระกูลผู้ดีชั่งใจอยู่ซักพักก่อนจะเดินมานั่งข้าง ๆ  คนแนะนำ   เขาอดรู้สึกโล่งใจไม่ได้ว่า  ในที่สุดก็ได้หนีจากความหนาวที่น่ารำคาญมาได้ซะที  แต่กับฝ่ายทหารเทียมเขากลับรู้สึกกังวลใจและอึดอัดไม่หาย  เมื่อสายตาของเด็กหนุ่มแฝดสามยังคงจ้องมาที่เขา 

      พวกเขาสงสัยว่านั่นคืออะไรน่ะ” Chrome  ช่วยแปลความหมายให้  เมื่อจับสังเกตอาการที่ไม่แสดงออกของเขาได้

      Beryl  มองตามนิ้วมือที่ชี้มาที่กระเป๋ากางเกงสีดำของเขา  เขาจึงหยิบสิ่งที่อยู่ข้างในออกมาแล้วมองแฝดสามอย่างงง ๆ  ว่าทำไมถึงสนใจนาฬิกาพกธรรมดา ๆ ที่ทำจากเงินในเมื่อมันเป็นของที่ใคร ๆ ก็มีกัน

      นั่นมันสำคัญรึเปล่า ?

      ก็แค่นาฬิกาธรรมดาที่ชั้นใช้ดูเวลาเท่านั้น

      งั้นให้เจ้าพวกนี้ดูได้รึเปล่า ?  ไม่เคยเห็นกันน่ะ

      Beryl  ยื่นนาฬิกาให้แฝดสามที่รับมาสุมหัวดูกันอย่างสนอกสนใจ  เขามองเด็กหนุ่มสามคนที่ทำตัวเหมือนเด็กๆ ด้วยความสงสัย  และหันไปมอง  Chrome  ด้วยความรู้สึกเดียวกันกับคำพูดของอีกฝ่าย

      อะไร ?  ก็นั่นมันไม่ใช่อาวุธสงครามนี่  นายคิดว่าทหารเทียมอย่างพวกเราจะพกมันลงไปในสนามรบด้วยรึไง  กลายเป็นว่าเครื่องจักรสังหารหันมาถามเด็กหนุ่มด้วยความสงสัยแทน  เพราะตัวเขาเองก็ไม่เข้าใจว่านาฬิกามันเป็นของที่จำเป็นต่อการใช้ชีวิตของมนุษย์ตรงไหน  แต่ถ้ามีไว้เพื่อกำหนดเวลาการปฏิบัติหน้าที่ในภารกิจต่างๆ ล่ะก็เขาพอจะเข้าใจ

      แต่นายรู้จักมัน แล้ว......เขาถามด้วยน้ำเสียงไม่แน่ใจขณะสังเกตเห็นอะไรบางอย่าง “….ทำไม.....พวกเขาไม่เหมือนกับนาย?

      อืม....จะว่าเหมือนก็เหมือน  จะว่าไม่เหมือนก็ไม่เหมือนนั่นแหละ

      หมายความว่าไง ?

      ชั้นน่ะได้รับการสอนให้พูดแล้วก็ได้รับความทรงจำของมนุษย์มาในขณะที่พวกนี้ไม่  แต่ถึงพวกนี้จะยังไม่ได้รับการสอนให้พูด  แต่ก็อยู่ในระดับหัวหน้าเหมือนชั้นนะ  อีกฝ่ายมองเหมือนกับจะไม่เชื่อ แล้วเรื่องพวกนี้มันเกี่ยวกับตอนทำสงครามตรงไหนล่ะ  แค่เรื่องเกี่ยวกับทางทหาร  กลยุทธ  แล้วก็อาวุธยุทโธปกรณ์ก็พอแล้ว

      นั่นสินะ.....แต่นายยังไม่ตอบคำถามเลยนี่ว่าเหมือนหรือต่างกันตรงไหน  นอกจากเรื่องของการพูดนั่น

      ก็เหมือนตรงที่ว่าไม่เข้าใจมนุษย์ไง  แต่ต่างตรงที่ว่า ชั้นกับคนอื่นๆ ในกลุ่มไม่ได้ขี้สงสัยแล้วสนใจที่จะหาคำตอบเรื่องยิบย่อยอย่างนาฬิกาของนายเหมือนกับเจ้าพวกนี้หรอกนะ  พวกมนุษย์น่ะเข้าใจยาก  รอยยิ้มหายไปก่อนที่เขาจะพูดต่อ ......ในเมื่อพวกมนุษย์สร้างเรา  เห็นเราเป็นแค่อาวุธสงคราม  ไม่เคยพยายามที่จะเข้าใจและยอมรับพวกเราเหมือนกับChalce แล้วทำไมพวกเราถึงต้องสนใจที่จะเข้าใจมนุษย์ด้วยล่ะ  เราก็แค่รู้ว่าถ้าเราทำอย่างที่  Chalce บอกแล้วเราก็จะได้เป็นมนุษย์แค่นั้นเอง

      ทำไมนายถึงทำแบบนั้นล่ะ?  Beryl  ที่เห็นแววตาเศร้าสร้อยของทหารโคลนนิ่งก็รู้สึกเห็นใจ  แต่ก็เผลอหลุดปากถามเรื่องเครียดที่สงสัยมานาน 

      อีกฝ่ายถอนหายใจก่อนจะตอบโดยที่ยังคงจ้องเปลวไฟกับแฝดสามที่ยังคงสุมหัวกันเล่นวิเคราะห์รูปพรรณสัณฐานและการทำงานของนาฬิกาอย่างไม่รู้เบื่อ

      ก็เพื่อช่วยพวกนายสองคนอย่างที่บอก สำหรับ Fon น่ะเหมือนถูกชั้นทำร้ายจนสลบไปใช่มั้ยล่ะ แล้วนายก็ดูเหมือนถูกชั้นลักพาตัว....

      นั่นสินะ..... แบบนี้พวกทหารก็จะเห็นว่าพวกเราเป็นแค่ผู้เคราะห์ร้ายที่ไม่มีความเกี่ยวข้องกับพวกกบฏ  ถึงจะโดนสอบสวนทีหลังก็จะไม่ถูกตั้งข้อกล่าวหาอะไรด้วย   ถ้าอย่างนั้นชั้นก็ควรกลับไปโดยไม่ให้ใครรู้สินะ

      จริง ๆ แล้ว.....ชั้นก็มีแผนอยู่นะ  ถึงนายจะไม่เห็นด้วยแต่มันก็เป็นวิธีที่เหมาะสม  เจ้าของแผนว่าด้วยน้ำเสียงไม่แน่ใจ  ถึงตอนนี้แฝดสามก็หันมาฟังด้วยความสนใจ

      ลองว่ามาสิ....

      นายบาดเจ็บที่คอ  แล้วก็ไปล้มพับอยู่ตรงชายป่า  เมื่อพวกทหารมาเจอก็จะได้เข้าใจว่านายหมดประโยชน์   และถูกเอามาทิ้งในขณะที่พวกชั้นหนีไปก่อนหน้านั้น  ฟังดูโง่ๆ มั้งอย่างที่พวกมนุษย์เรียก  แต่เปอร์เซนต์ความสำเร็จสูง

      ทำไมต้องที่คอ ? มันจำเป็นขนาดนั้นเลยเหรอ?

      ก็ชั้นขู่นายด้วยการเอาดาบจ่อคอนี่  เพราะงั้นถ้ามันจะพลั้งมือเฉือนคอนายไปก็ไม่แปลกใช่ไหมล่ะ  นี่เป็นแผนขั้นต้นที่ง่ายแล้วก็กระจอกสุดในคู่มือแผนทางการทหารที่ว่าด้วยบทของกลยุทธการล่อหลอกศัตรูเพื่อหนีเอาตัวรอดในภาวะเสียเปรียบ  ภายใต้ข้อบังคับที่ห้ามมิให้ผู้ใดตาย  คำตอบที่ทหารเทียมพูดออกมาเหมือนเป็นเรื่องธรรมดาสุด ๆ  ทำให้คนฟังรู้สึกว่าไม่น่าถามออกไปเลย

      ชั้นแนะนำให้ทำตามนะ  เพราะ Chrome  ไม่เคยพลาด  อีกอย่างเขาก็เป็นคนๆ เดียวในกลุ่มพวกเราที่อยากช่วยนาย 

      เสียงของเด็กหนุ่มที่  Beryl  ไม่รู้จักดังขึ้น ทหารเทียมที่สวมผ้าปิดตาข้างซ้ายมองประธานนักเรียนอยู่สองสามวินาทีก่อนจะหันไปคุยกับหัวหน้า  การปรากฏตัวของเขาทำให้นักเรียนดีเด่นของ Cluster  E.A.  อดสงสัยไม่ได้ว่า  กลุ่ม ที่ว่านั้นมีทั้งหมดกี่คนกันแน่

      ทุกอย่างปกติเรียบร้อยดี  เด็กหนุ่มรายงานหัวหน้าก่อนจะหันไปหาแฝดสาม มาเร็ว  ได้เวลาเปลี่ยนเวรแล้ว  แต่พอทั้งสามคนลุกขึ้นโดยพร้อมเพรียงกัน  เขาก็ห้ามเอาไว้ก่อน  เดี๋ยว  แค่  2  คนก็พอแล้ว  จะไปทำไมตั้งสาม

      คำพูดง่าย ๆ แทบทำให้แฝดสามแทบร้องไห้  แล้วหันไปทั้งเขย่าทั้งดึงผ้าคลุมของหัวหน้าทีมเบาๆ เหมือนกับจะขอร้องเป็นนัย ๆ ว่า  ได้โปรดให้พวกเขาออกไปลาดตระเวนด้วยกันทั้งสามคน

      อย่างอแงน่า  ใช่ว่าพวกนายไม่เคยแยกกันซะหน่อย 

      เด็กหนุ่มผ้าปิดตาเลิกคิ้วข้างหนึ่งถามด้วยความสงสัย  แต่แฝดสามก็ยังคงส่ายหน้าปฏิเสธแล้วหันไปดึงท่านหัวหน้าแรงขึ้นพลางส่งสายตาขอร้องที่มองออกยากเหลือเกิน

      รู้แล้วๆ  ไปทั้งสามคนนั่นแหละ  เลิกดึงเลิกเขย่าได้แล้ว

      แฝดสามยิ้มแล้วเข้าไปสวมกอดเขาแน่นทันที  ก่อนที่จะวิ่งออกนอกถ้ำไป  เด็กหนุ่มผ้าปิดตาได้แต่มองคนอนุญาตงง ๆ  ก่อนจะโบกมือเป็นเชิงให้เด็กหนุ่มตระกูลชนชั้นผู้ดีเขยิบออกไป  แล้วตัวเองก็นั่งลงตรงนั้นแทน  เด็กหนุ่มที่ถูกไล่จึงขยับมานั่งตรงฝั่งตรงข้ามและฟังบทสนทนาของพวกเขาอยู่เงียบ ๆ

      ทำไมถึงให้ไปง่าย ๆ ยังงั้นล่ะ?  แล้วเป็นอะไรไปอีกล่ะ ? เมื่อก่อนไม่เห็นจะว่าอะไร เด็กหนุ่มผ้าปิดตาถาม

      ก็คราวนี้ไม่เหมือนกันนี่

      ไม่เหมือนยังไง ?

      ก็คนหนึ่งอยู่ในถ้ำไม่ได้ทำอะไรนอกจากนั่งเล่นนาฬิกา  ในขณะที่อีกสองคนออกไปทำงาน

      มิน่าล่ะ  จะว่าไปพวกนั้นก็ไม่เคยถูกสั่งให้ไปทำอะไรที่แตกต่างกันเลยนี่นะ  ก็ไม่แปลกหรอกที่จะรู้สึกเหมือนถูกแยกจากกันน่ะ

      มนุษย์หนึ่งเดียวในกลุ่มที่ถูกทิ้งอยู่นอกวงกลับไม่คิดจะถามแม้จะไม่เข้าใจคำพูดพวกนั้นก็ตาม  และยังคงนั่งมองทหารเทียมสองคนคุยกันไปเรื่อย ๆ  ในขณะที่อดรู้สึกแปลกใจเล็กน้อยไม่ได้  เมื่อ  Chrome  ขอผ้าคลุมจากเพื่อน แล้วเอามันมาพันเสื้อเกราะสีเงินของเขา  ก่อนจะยื่นมาให้พร้อมกับผ้าคลุมของตัวเอง

      ขอบใจ..... 

      สายตามองของใช้แทนหมอนและผ้าห่มเป็นเชิงถามแต่ก็ยังคงไม่ถามอะไรแล้วเอนตัวลงนอนอย่างว่าง่าย  เพราะถ้ามัวแต่ยึกยักปฏิเสธ  เขาอาจจะสร้างปัญหาให้อีกฝ่ายด้วยการเป็นหวัดไม่สบาย 

      ขอดูแผลหน่อยสิ  เด็กหนุ่มผ้าปิดตาพูดขึ้นเมื่อเห็นว่ามนุษย์หลับไปแล้ว นายไม่น่าบ้ารับกระสุนแทนเจ้านี่เลยนะ  มนุษย์น่ะถึงจะโดนยิงก็ใช่ว่าจะตายซะหน่อย  นิ้วมือค่อยๆ ไล่สัมผัสบนบาดแผลใต้ผ้าสีดำ  พลางจดจำลักษณะสัมผัสแล้ววิเคราะห์ว่าบาดแผลปิดสนิทดีหรือยัง  เลือดยังคงไหลอยู่หรือไม่ 

      แต่ก็ใช่ว่าจะรักษาได้ทุกอย่างนี่  ถ้าโดนยิงด้วยอาวุธหนักที่มีวิสัยทัศน์การยิงระยะไกลอย่างสไนเปอร์ก็ไม่รอดเหมือนกัน

      นั่นสินะ....ดูเหมือนพรุ่งนี้คงจะปิดสนิท  แต่ทำให้หายเร็วที่สุดจะดีกว่า  นายจะออกไปพรุ่งนี้แล้วนี่

      เพื่อการทำงานอย่างมีประสิทธิภาพสูงสุดงั้นสินะ  เด็กหนุ่มว่าด้วยรอยยิ้มพลางมองเพื่อนเอาเกราะส่วนไหล่ซ้ายของตัวเองไปอังไฟจนแดง  แล้วเอามาแนบกับแผลของตน 

      รู้แล้วน่า  ไม่แกล้งร้องหรอก  ไม่งั้นเจ้านั่นก็ตื่นกันพอดี 

      Chrome  พูดดักเอาไว้ก่อน   อีกฝ่ายจึงได้แต่หัวเราะเบาๆ แล้วทำซ้ำๆ อย่างนั้นสองสามที  โดยแต่ละครั้งก็เพิ่มความร้อนขึ้นเรื่อยๆ ก่อนจะลองสัมผัสที่แผลอีกครั้ง  นิ้วมือรู้สึกถึงการเคลื่อนไหวของผิวหนังที่ค่อย ๆ สมานกันอย่างช้า ๆ หลังจากเชื้อโรคถูกความร้อนทำลายไปหมดแล้ว

      เฮ้อ  ให้ผ้าคลุมไปแล้วสงสัยคงต้องนอนบนพื้นเปล่าๆ ทั้งๆ ยังงี้สินะ  Chrome  ว่าพลางเอนตัวลงนอนโดยใช้เกราะไหล่ข้างหนึ่งเป็นหมอนหนุน  ส่วนอีกข้างนั้นให้เพื่อนไปใช้

      ก็ช่วยไม่ได้นี่  เต็มใจให้แล้วอย่ามาบ่นหน่อยเลยน่า  ทำตัวขัดแย้งเหมือนพวกมนุษย์ไปได้  เด็กหนุ่มผ้าปิดตาตอบกลับอย่างขำๆ

      ก็  Chalce  บอกว่ามนุษย์น่ะมีความขัดแย้งในตัวเองเยอะ  ชั้นก็แค่อยากลองทำดูบ้างแค่นั้นแหละ

      แล้วทั้งสองก็นอนคุยกันไปเรื่อยๆ  ถึงเรื่องที่พวกเขารู้ดีที่สุดอย่าง  การต่อสู้  การใช้ดาบ  กลยุทธทางทหาร  จนกระทั่งหลับไปโดยไม่รู้ตัว

      ++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

       

      ใกล้ทางออกของป่า

       

      เฮ้ ! พวกทหารจะมาถึงนี่ในอีกประมาณยี่สิบนาทีนะ  เด็กหนุ่มสวมหมวกวิ่งเข้ามาบอกหลังจากไปดูลาดเลาแถวๆ ชานเมืองเมื่อหลายนาทีก่อน

      แน่ใจนะว่าวิธีนี้จะได้ผลน่ะ?

      เด็กหนุ่มผมสีดำยาวถามเด็กหนุ่มผ้าปิดตาด้วยความไม่แน่ใจ  เขาไม่สงสัยในสิ่งที่หัวหน้าของเขาตัดสินใจ  แต่ห่วงว่ามนุษย์ที่อยู่ในกลุ่มจะทำเสียเรื่อง  โดยเฉพาะเรื่องที่จะหลุดปากบอกเรื่องของพวกเขากับทหาร

      แล้วจะไว้ใจได้แน่เหรอ  ถ้าเกิดเขาบอกเรื่องพวกเราล่ะ?

      ก็  Chrome  บอกว่าได้  นั่นก็หมายความว่าได้  ส่วนเรื่องบอกหรือไม่บอกน่ะ  Chrome  บอกว่าไม่ต้องเป็นห่วง  นั่นก็หมายความว่าไม่ต้องห่วง  คนอื่นในกลุ่มก็พยักหน้าเห็นด้วย  เด็กหนุ่มจึงไม่ถามอะไรอีกแล้วรอเงียบๆ เหมือนกับคนอื่น

      ชั้นจะเฉือนตรงนี้ลึกเข้าไปประมาณ  3  มิลนะ  เพราะงั้นอย่าเผอลหันไปทางด้านนี้บ่อยล่ะ  ไม่งั้นเลือดจะหยุดยาก  นิ้วไล้สัมผัสผิวขาวเนียนตรงบริเวณกลางลำคอทางด้านซ้ายเป็นการบอกตำแหน่ง  ชั้นจะเลี่ยงไม่ให้โดนเส้นเลือดใหญ่  เพราะงั้นไม่ต้องห่วง

      Beryl  พยักหน้าและกัดฟันแน่นเพื่อไม่ให้เสียงเล็ดลอดออกมา  เมื่อคมดาบค่อย ๆ เฉือนผิวหนังลึกลงไป  หลังจากดาบเลื่อนออกไป เขาจึงค่อยลืมตาขึ้น

      ปล่อยให้มันไหลลงมาเปื้อนเสื้อสักพักก่อนแล้วค่อยใช้มือกดเอาไว้  พอพวกชั้นออกไปซักหนึ่งนาทีก็ลงนอนแล้วกลิ้งผ่านพุ่มไม้นั่นออกไป  จากนั้นก็นอนอยู่เฉยๆ ตรงนั้นจนกว่าพวกทหารจะมาเห็นเข้า  ระหว่างที่พวกนั้นพานายไป   ชั้นจะสะกดรอยตามเพื่อให้แน่ใจว่านายกลับถึงคฤหาสน์แล้วค่อยแยกตัวออกมา  โอเคนะ

      Chrome  ชี้ไปที่พุ่มไม้และบริเวณที่ว่าพลางบอกขั้นตอนให้อย่างละเอียด  ก่อนจะหันไปบอกเพื่อนในทีมให้ล่วงหน้าไปก่อนแล้วค่อยเจอกันก่อนค่ำที่จุดนัดหมาย  แต่ก่อนที่เขาจะขึ้นไปหลบบนต้นไม้ก็ถูกคว้าข้อมือเอาไว้ก่อน

      อะไร? มีตรงไหนไม่เข้าใจรึไง?  ทหารเทียมหันมาถามด้วยความสงสัย  และเข้าไปเงี่ยหูฟังคำพูดที่เบาจนแทบไม่ได้ยินของอีกฝ่าย

      ขะ....ขอบใจนะ

      ก็นายเป็นเพื่อนของ  Agate  นี่  เขาตอบด้วยรอยยิ้มก่อนจะขึ้นไปซ่อนตัว

      ++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

      การสอบสวนของทหารผ่านไปอย่างรวดเร็ว  และคนที่รอเด็กหนุ่มที่เดินออกมาพร้อมกับผ้าพันแผลสีขาวรอบคอก็คือ  เด็กหนุ่มผมสั้นหยักศกสีบลอนด์  ทั้งสองคนต่างไม่พูดอะไรในขณะที่เดินออกมาจากตึกทหารแห่งหนึ่ง    เพราะรู้ดีว่าสิ่งที่เกิดขึ้นทั้งหมดเป็นสิ่งที่ควรเก็บเงียบเอาไว้  หากพลาดพลั้งพูดอะไรออกไปแล้วล่ะก็  จะไม่มีวันได้เจอกลุ่มทหารเทียมที่ถือว่าเป็นเพื่อนของ  Agate  อีกเป็นครั้งที่สอง

      เด็กหนุ่มตระกูล  Jasper  พยักหน้าเป็นการบอกลาเพื่อนที่ลงจากรถส่วนตัวของเขา  ก่อนที่จะเลี้ยวรถกลับไปยังบ้านของตัวเอง

      เมื่อถึงบ้าน  เขาไม่รู้สึกแปลกใจที่ภายในนั้นเงียบแล้วก็มืด  เพราะมันคงจะมีงานเลี้ยงแสนหรูเริศที่คฤหาสน์หลังใดหลังหนึ่งของตระกูลชนชั้นผู้ดี  เขาคิดแล้วหันไปกล่าวขอบคุณพ่อบ้านส่วนตัวก่อนจะเดินขึ้นห้องของตัวเองไป

      เนคไทและเสื้อนอกสีขาวที่เป็นเครื่องแบบของ  Cluster  E.A.  ถูกถอดแล้วโยนเอาไว้บนเตียง  ก่อนที่ร่างผอมสูงจะเดินไปนั่งพิงโซฟาที่อยู่ติดกับหน้าต่างแล้วถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่   นัยน์ตามองพระจันทร์สีขาวนวลบนท้องฟ้ายามราตรีพลางนึกถึงทหารเทียมและคำพูดที่ได้ยินในตอนนั้น

      เขายอมรับลูกกระสุนแทนเขายังงั้นเหรอ ?  ได้รับบาดเจ็บแต่กลับไม่พูดถึงอะไรและไม่ยอมให้รู้ว่าได้รับบาดเจ็บเลยด้วยซ้ำ  ทำไมกัน  ทำไมจะต้องทำเพื่อเขาขนาดนั้นด้วย  เพราะถือว่าเป็นเพื่อนของ  Agate   หรือเพราะเห็นว่าเขาเป็น.....เพื่อนของตัวเอง

      ถ้าเช่นนั้นมันจะเป็นไปได้มั้ยที่หากวันหนึ่งเขาจะขอให้คมดาบนั้นทิ่มแทงลงมาที่กลางหัวใจ  และปลดปล่อยให้เขาได้เป็นอิสระจากครอบครัวที่ไร้เกียรตินี่  ในเมื่อทุกสิ่งทุกอย่างที่ทำก็เพื่อตระกูลผู้ดีจอมปลอม  แล้วเมื่อไหร่กันที่เขาจะได้ทำเพื่อตนเอง 

      สักวันหนึ่ง  เขาอาจจะอยากให้ทหารโคลนนิ่งคนนั้นลักพาตัวเขาไปและทำให้ไม่มีโอกาสได้กลับมาเหยียบที่นี่อีกเลยก็ได้  แม้มันจะเป็นคำขอที่แปลก  แต่ในใจก็แอบหวังเอาไว้แบบนั้นจริงๆ  และมันทำให้เขารู้สึกอยากที่จะมีชีวิตอยู่อีกครั้ง  เพื่อที่สักวันเขาจะได้พบกับพวกเขาและเพื่อนคนแรกที่มีพลังลึกลับอันมหาศาลที่จะมาช่วยปลดปล่อยเขาให้เป็นอิสระ 

       

      เขายินดีที่จะเฝ้ารอคอยและเก็บเรื่องราวของพวกเขาเอาไว้ในความเงียบตลอดกาล

       

      เพราะฉะนั้นมาสัญญากันเถอะ  ว่าพวกนายและชั้นจะมีชีวิตรอดจากความวุ่นวายและสงครามที่กำลังจะเกิดขึ้น  จนกว่าจะถึงวันที่พวกเราได้พบและอยู่ด้วยกันอีกครั้ง

       

       

      …. – END - ….

      ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

      loading
      กำลังโหลด...

      ความคิดเห็น

      ×