Slave [Fic : Eyesheild 21]
เมื่อข้าทาสถูกรังแก เจ้านายจะเข้ามาช่วยอย่างไร (ความรักสไตล์เดมอนแห่งเดวิลแบ็ทจ้า~)
ผู้เข้าชมรวม
822
ผู้เข้าชมเดือนนี้
6
ผู้เข้าชมรวม
เนื้อเรื่อง
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
Fanfiction
Project : Eyesheild 21
Slave
ผู้คนเดินไปตามถนนในช่วงเวลาโกลเด้นไทม์ของการเลือกซื้อวัตถุดิบที่จำเป็นในการทำอาหารเย็น ร้านรวงมากมายแน่นขนัดไปด้วยลูกค้าที่ต่อสู้แย่งชิงสินค้าอย่างเอาเป็นเอาตายเพื่อให้ได้ของที่ถูกที่สุด แต่กลับมีเพียง 1 ร้านเท่านั้นที่ร้างผู้คน และในขณะที่ทุกคนคิดว่า จะมีใครบ้าเดินเข้าไปในร้านขายของน่ากลัวแบบนี้ ก็มีคนที่ว่าเดินถือถุงเต็มไปด้วยวัตถุดิบในการทำอาหารที่ล้วนมีอันตรายหลากหลายแบบไม่ต่างกับยาพิษ
เสียงหัวเราะปีศาจที่ดังขึ้นกับใบหน้าโฉดแสยะยิ้มของเด็กหนุ่มผมตั้งสีบลอนด์ที่มีหูยาวเรียวแหลมในชุดเครื่องแบบนักเรียนม.ปลายทำให้ทุกคนเสียวสันหลังวาบและถอยห่างกันหมด
‘กับไอ้หมอนั่นใช้แบบที่ออกฤทธิ์อ่อนสุดก็พอแล้วมั้ง ?’
เขาคิดพลางนึกถึงหน้าของคนที่จะตกเป็นเหยื่อสมุดเดธโน้ตในอนาคต แต่ความสนุกของเขาก็ถูกขัดจังหวะในวินาทีที่เขาก้าวออกมาจากตรอกขายของ รถมอเตอร์ไซค์ 2 คันพุ่งผ่านไปบนถนนใหญ่ ทุกคนคนต่างวิ่งหลบเสียงปืนกันอลหม่านกับเสียงปืนที่ดังขึ้น ยกเว้นเด็กหนุ่มในชุดนักเรียนเท่านั้นที่ยังคงยืนเฉย
ริมฝีปากบางแสยะยิ้มกว้างขึ้นจนเห็นฟันซี่ขาวที่ยาวแหลม ฝ่ามือเอื้อมไปหยิบปืนลูกซองที่ซ่อนเอาไว้บนหลังออกมาส่องแล้วเหนี่ยวไก ลูกกระสุนที่พุ่งออกไปด้วยการเล็งเพียงเสี้ยววินาทีนั้นจัดการเป้าหมายให้ล้มลงได้อย่างแม่นยำ แต่โชคร้ายที่เป้าหมายพุ่งเข้าไปทำให้สิ่งอื่นล้มลงตามไปด้วย
เจ้าของรถมอเตอร์ไซค์ 2 คันที่ระเบิดไปนั้นต่างตะโกนด่ามาอย่างโกรธเกรี้ยว แต่ปากก็หุบทันทีที่ปืนลูกซองเปิดศึกท้าดวลกับปืนพกของหนึ่งในเจ้าของรถ
กระสุนต่อกระสุนปะทะกันอย่างรวดเร็วด้วยฝีมือการเล็งอันเฉียบขาดของนักยิงผมบลอนด์ที่ยังคงหัวเราะเคี๊ยก ๆ และนักซิ่ง และเมื่อกระสุนนัดที่หกถูกยิงออกไป การดวลก็รู้ผล
“หมดน้ำยาแค่นี้แล้วเรอะไอ้ซิ่งตูดหมึก ?” น้ำเสียงเย้ยหยันของผู้กำชัยชนะเอาไว้ในมือดังมาพร้อมกับเสียงหัวเราะปีศาจ
“หนอย ! แน่จริงมาฉะกันตรงๆ ดิวะ !!” แต่นักเลงซิ่งก็ยังไม่ยอมแพ้ ถึงมันจะค่อนข้างเหมือนการหาเรื่องให้อีกฝ่ายเหนี่ยวไกปืนก็ตาม
“ไม่เอาว่ะ ชั้นชอบจบแบบเร็ว ๆ งี้มากกว่า”
ปีศาจสุดโฉดปฏิเสธด้วยการแสยะยิ้มกว้าง เขาเอี่ยวหลบหมัดที่พุ่งเข้ามาได้อย่างไม่ยากเย็น แต่ก่อนที่ลูกเตะจะเข้ามาผสมโรง ขายาว ๆ ก็ยื่นเข้ามาขัดให้ร่างกำยำสะดุดล้มลง จากนั้นจึงลงไปนั่งบนหัวพร้อมกับปืนจ่อเก้าอี้อย่างสบายอารมณ์เป็นการปิดท้าย
“Touchdown YA-HA !! ตอนแรกชั้นก็นึกว่าใครที่มีธุระกับหนึ่งในทาสของชั้นซะอีก ไม่ใช่คนห่างคนไกล อยู่เขตถัดไปเองนี่หว่า ใช่มั้ย คุณทาคาซากิ ชิโร่” เดมอนแห่งเดวิลแบ็ทใช้น้ำเสียงล้อเลียนอ่านชื่ออย่างชัดถ้อยชัดคำทำให้เจ้าของชื่อหน้าซีดเผือด
“กะ....แกรู้ได้ไงฟะ !!?”
“นั่นสิ ทำไมกันน้า ? โดยเฉพาะเรื่องเมื่อตอนอายุ 13 ที่.......” จ้าวแห่งการแบล็คเมล์แกล้งทิ้งคำพูด
“หวา~ กะ....แกรู้เรื่องนั้นได้ยังไง !? ยะ....ยอมแล้วเฟ้ย !! อย่าพูดนะเฟ้ย !!”
“’งั้นก็มาเป็นทาสชั้นซะ เคี๊ยก ๆ ๆ ๆ ๆ” เสียงหัวเราะปีศาจฟังดูเหมือนเสียงที่ดังมาจากนรกในหูของคนที่ตกเป็นเหยื่อ และนั่นทำให้เขาต้องสะอึกนิ่งเงียบทำใจอยู่นานกว่าจะยอมก้มหัวให้
“เออ ยอมแล้ว จะลุกไปได้รึยัง ?”
“ฮืม ? กฎข้อแรกของการเป็นทาสของเดมอนแห่งเดวิลแบ็ท จำเอาไว้ซะ” ใบหน้าคมแสยะยิ้ม “บอกทุกอย่างที่ชั้นอยากรู้มา” ลำกล้องของกระบอกปืนตบที่ใบหน้าเบาๆ “ทำไมถึงมายุ่มย่ามกับไอ้คาเมเลออนตูดหมึกนั่น ?”
“ก็มันอยากทำหน้าหาเรื่องในถิ่นชั้นนี่หว่า”
“โฮ่ ไอ้ตูดหมึกสิ้นคิดอย่างแกเลยเอาปืนไล่ยิงสินะ อืม ๆ” เจ้านายแกล้งทำเสียงลงท้าย และแกล้งหรือจดอะไรจริงๆ ลงไปในสมุดโน้ต “สาธยายแก๊งแกมาดิ๊”
“เฮ้ย!! ชั้นต้องบอกขนาดนั้นเลยเหรอวะ !?” รอยยิ้มที่ฉีกกว้างของปีศาจและออร่าสีดำทมึนคือคำตอบ เขาจึงจำใจที่จะบอกหมดเปลือก
“ขอบใจ....” คำพูดสองคำที่ได้ยินทำให้ข้าทาสคนล่าสุดรู้สึกโล่งใจเหมือนยกภูเขาออกจากอก แต่คำพูดต่อมาก็ทำให้สะดุ้งโหยง “ท้ายสุดนี่รักษาด้วยชีวิตเลยนะเฟ้ย....”
“อะ...อะไร ?” หัวหน้าแก๊งซิ่งถามและฟังเสียงที่กระซิบข้างหูอย่างหวาด ๆ
“อยู่คุมแต่ในเขตของแก อย่ามายุ่มย่ามกับทาสในเขตชั้นอีก แล้วชั้นจะทำแบบเดียวกัน” แล้วก็ปิดท้ายด้วยเสียงหัวเราะตามแบบฉบับของปีศาจแห่งเดมอน “ไสหัวไปได้แล้ว....”
ในที่สุดร่างบางก็ลุกขึ้นและใช้ปืนกลที่หยิบออกมาจากที่ซ่อนเดิมยิ่งกราดไล่ให้ชนชั้นผู้น้อยวิ่งหนีไป ริมฝีปากบางแสยะยิ้มในขณะที่เท้าก้าวเข้ามาหาเหยื่อรายต่อไป
“ดูดีนิ ไม่คิดว่าอย่างแกจะวิ่งหนีมาหลบหลังชั้น แบบนี้ตำแหน่งหัวโจกของคาเมเลออนจะทำไงฟะ ?”
“ไม่ต้องมา ส. ใส่เกือกซ้ำเติมนู่นนี่เลยแก ชั้นแค่บังเอิญผ่านมาแถวนี้เฟ้ย ! แล้วทำไมแกจะต้องเอี่ยวมอ’ไซค์ชั้นไปด้วยฟะ !!!??”
หัวโจกที่นั่งบนฟุตบาทพิงรถข้างถนนแหวกลับอย่างไม่เกรงกลัว ถึงร่างกายจะไม่อยู่ในสภาพที่พร้อมจะต่อกรกับเดมอนแห่งเดวิลแบ็ท ถึงจะเรียกว่าเป็นตกเป็นทาสของไอ้สุดโฉดนี่ก็ตาม ก็ไม่ได้หมายความว่าเขาจะต้องยอมก้มหัวให้แม้กระทั่งเรื่องของการตีฝีปาก
“ฮึ เนี่ยเหรอท่าทางกับคำพูดที่ควรให้กับผู้มีพระคุณน่ะ ?”
ริมฝีปากบางแสยะยิ้มเจ้าเล่ห์ขณะที่ใบหน้าคมเคลื่อนเข้ามาใกล้ นิ้วชี้เรียวยาวเชยคางขึ้นอย่างถือวิสาสะ แต่ฝ่ามือใหญ่ยาวก็ไม่ลังเลที่จะปัดนิ้วนั้นทิ้งอย่างไม่ใยดี
“แกระเบิดมอ’ไซค์ชั้นซะกระจุย ยังมีหน้ามาหวังคำขอบคุณอีกเรอะ !!”
ฮาบาชิระประชดกลับแล้วผุดลุกเดินออกไปอย่างหัวเสีย บาดแผลถูกกระสุนเฉี่ยวบนไหล่ข้างซ้ายไม่ทำให้เขาช้าลงเลยแม้แต่ก้าวเดียว แต่เสียงที่ดังขึ้นทางด้านหลังกลับหยุดฝีเท้าเอาไว้ได้ชะงัด
“กะว่าจะให้นี่ซะหน่อย....สงสัยนายคงไม่อยากได้หรอกมั้ง ? เผอิญมันเหลือจากรางวัลที่ตาแก่ในทีมชั้นให้หลังจากไปนั่งเรื่อสำราญยกทีมน่ะ”
ร่างสูงกลับมายืนถือปืนพาดบ่า ฝ่ามือเรียวโบกแผ่นกระดาษทรงสี่เหลี่ยมผืนผ้าแล้วแตะเอาไว้บนริมฝีปาก โดยจงใจให้เห็นส่วนของตัวเลขที่มีจำนวนหลักมากพอที่จะถอยมอเตอร์ไซค์คันงามออกมาขับเล่นได้สบาย
ใบหน้าคมยังคงแสยะยิ้มเจ้าเล่ห์ นัยน์ตาสีฟ้าใสเหลือบลงมองเป็นเชิงท้าทายอย่างเย่อหยิ่งเหมือนกับจะบอกว่า เอาสิ ถ้าอยากได้ก็ลองก้มหัวคุกเข่าขอร้องอย่างสุภาพสิ หัวโจกแห่งทีมคาเมเลออนแทบไม่ต้องใช้เวลาในการคิด เพราะเขาเป็นคนที่มีศักดิ์ศรีมากเกินกว่าที่จะลดตัวไปทำอะไรพรรค์นั้นต่อหน้าสาธารณชนได้
‘แต่ไอ้ที่อยู่ในมือนั่นมันพอที่จะถอยมอ’ไซค์คันใหม่ได้เลยนะเฟ้ย !!’ แต่กระนั้นใจหนึ่งก็คิด แต่อีกใจหนึ่งก็เข้ามาห้าม ‘จะบ้าเรอะ แค่มอ’ไซค์มีปัญญาหาเองได้เฟ้ย ไม่จำเป็นต้องไปก้มหัวกระดิกหางขอไอ้จอมโฉดนั่นหรอก !!’
การโต้เถียงในหัวของเด็กหนุ่มยังคงดำเนินต่อไปอย่างดุเดือด ส่วนอีกฝ่ายก็ยังคงยืนถือปืนเท้าสะเอวยิ้มเจ้าเล่ห์ และสนุกกับการมองใบหน้าที่เคร่งเครียดในทุกวินาทีของการรอคอย ถึงจะหวังเอาไว้ว่าจะได้เห็นข้าทาสมาคุกเข่าก้มหัวลงแทบเท้า แต่การที่เขาถูกคว้าคอเสื้อพร้อมกับถูกตะคอกใส่หน้าด้วยคำพูดอันเด็ดเดี่ยวก็เป็นสิ่งที่คาดเอาไว้แล้วเช่นเดียวกัน
“แค่มอ’ไซค์คันสองคันชั้นมีปัญญาหาได้เองเฟ้ย !! แกนั่นแหละที่ต้องซื้อมาใช้ชั้นด้วยซ้ำไอ้บ้า !!” แต่รอยแสยะยิ้มเจ้าเล่ห์ยังคงอยู่บนใบหน้าคม “แต่อย่างแกคงไม่คิดจะทำแบบนั้นหรอกว่ะ เพราะงั้นอย่ามาให้ชั้นเห็นหน้าอีก ไม่งั้นชั้นฆ่าแกแน่ !!”
‘ดูท่าจะหนักไปหน่อยแฮะ แต่มันสนุกสุดๆ เลยว่ะ’ เดมอนแห่งเดวิลแบ็ทคิดพลางหัวเราะขณะมองคนตรงหน้าปล่อยมือแล้วสาวเท้าเดินจากไปอย่างหัวเสีย ถึงจะอดเสียดายไม่ได้ แต่ถ้ามันถึงเวลาหยุด เขาก็รู้ว่าต้องทำตามนั้น
“ล้อเล่นน่ะ.....”
“หา ?” ทั้งตัวของเด็กหนุ่มหัวโจกและคนอื่นๆ ที่ยืนดูเหตุการณ์ต่างอึ้งกันไปหมด
“ชั้นบอกว่าล้อเล่น.......”
รอยแสยะยิ้มเปลี่ยนมาเป็นเพียงรอยยิ้มแฝงเลศนัยธรรมดาบนริมฝีปากบาง ขาก้าวเข้ามาใกล้ นิ้วเรียวเชยคางหัวหน้าทีมคาเมเลออนในขณะที่มืออีกข้างหนึ่งใช้กระดาษแผ่นนั้นตบที่แก้มเบาๆ ก่อนจะปล่อยให้มันร่วงลงในฝ่ามือใหญ่ยาวที่ยกขึ้นมารับอย่างอึ้ง ๆ
“นายเห็นชั้นเป็นคนยังไง ?” ทุกคนก็ต่างนึกในใจเหมือนกันว่า ก็เป็นปีศาจน่ะสิ แต่เจ้าตัวกลับไม่สนใจและหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมากดโทร
“เฮ้ ! มารับไอ้หัวโจกตูดหมึกของพวกแกหน่อยดิ๊” ใบหน้าคมว่าพลางหัวเราะร่า
“เฮ้ย !! แล้วแกไปตรัสรู้เบอร์ลูกน้องชั้นได้ไงฟะ !!!” ท่านหัวหน้าถึงกับสะดุ้งโหยงที่ปลายสายนั้นคือหนึ่งในลิ่วล้อของเขาเอง อีกฝ่ายก็แค่ฉีกยิ้มปีศาจพร้อมกับแผ่ออร่าสีดำทะมึนเป็นคำตอบ
สิบนาทีต่อมารถมอเตอร์ไซค์คู่ชีพของลูกน้องที่ถูกเรียก 2 คันก็แล่นเข้ามาจอด พวกเขารีบวิ่งเข้ามาถามอาการของหัวหน้าถึงแผลบนไหล่เป็นการใหญ่ แต่เวลาอันซาบซึ้งก็หยุดชะงักด้วยเสียงปืน
“เฮ้ย ! ไปห่วงกันวันหลังเฟ้ย !!” เดมอนแห่งเดวิลแบ็ทแยกเขี้ยวว่าด้วยความหงุดหงิดอย่างไม่รู้สาเหตุ “แกน่ะไปซ้อนท้ายไอ้หมอนั่นกลับซะ” ปีศาจจอมโฉดชี้นิ้วสั่งลิ่วล้อคนหนึ่งให้กลับไปกับเพื่อน
“ส่วนแกน่ะขับพาชั้นไปส่งดิ๊”
ส่วนคำสั่งที่สองนั้นสำหรับหัวหน้า ทีแรกพวกลูกน้องต่างแยกเขี้ยวและยกไม้เบสบอลขึ้นเตรียมพร้อม แต่ก็ยอมวางมือไปเพราะหัวหน้าตัวจริงบอกให้ทำตาม
“แกเนี่ยมันโฉดจริง ๆ จะเห็นแก่ที่ชั้นบาดเจ็บหน่อยไม่ได้รึไง ?”
“แล้วจะให้บอสอย่างชั้นลดตัวลงไปเป็นสารถีให้ลูกน้องเนี่ยนะ ?” ถึงแม้คำพูดจะฟังดูเย่อหยิ่งและยียวนกวนประสาท แต่ใบหน้าคมและรอยยิ้มบางๆ บนริมฝีปากกลับไม่มีความชั่วร้ายแฝงอยู่
“บอกให้ไปส่งก็ไปส่งดิ”
ปีศาจแห่งเดมอนว่าพลางยิ้มอย่างขำๆ แล้วกระโดดขึ้นไปนั่งบนรถเป็นการบังคับกลายๆ ให้อีกฝ่ายขึ้นมานั่งประจำตำแหน่งคนขับและจบการโต้เถียง ทาสจึงจำยอมที่จะทำตามอย่างไม่เต็มใจ
‘เอาฟะ อย่างน้อยก็ไม่ต้องเดินกลับล่ะวะ.....’
++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
บ้านที่ตั้งตระหง่านอยู่เบื้องหน้าช่างดูคุ้นตา และไม่ใช่ที่ๆ เด็กหนุ่มบนที่นั่งคนขับมอเตอร์ไซค์คิดว่าจะได้มาเห็นในคืนนี้ หรืออย่างน้อยก็ไม่ใช่กับคนซ้อนท้ายอยูข้างหลัง
‘จะพูดออกมาตรงๆ ว่าจะมาบ้านชั้นไม่ได้รึไงวะ ?’ เขาคิดอย่างเหนื่อยหน่ายใจกับใบหน้าคมที่ฉีกยิ้มกว้าง “แล้วแกจะมาบ้านชั้นทำไมฟะ ?”
“ แล้วทำไมชั้นจะมาไม่ได้ล่ะ ? ” ไอ้สีหน้าไร้เดียวสาของผู้ถามนั้นไม่รู้ว่าแกล้งทำหรือเป็นของจริงกันแน่ แต่เขาก็เชื่อว่าเป็นอย่างแรก เพราะอย่างปีศาจนักแบล็คเมล์ไม่มีทางทำอะไรโดยไม่มีการวางแผนเอาไว้ล่วงหน้าแน่นอน
“มาได้เฟ้ย แต่ชั้นยังไม่ได้เชิญเลยเว้ย !”
เด็กหนุ่มร่างสูงผอมก้าวเข้ามาประชิดตัว ฝ่ามือเรียววางบนหน้าอกแกร่ง ริมฝีปากบางกระซิบข้างหูแผ่วเบาด้วยน้ำเสียงที่ยียวน ทำให้คนถูกรุกหน้าแดงด้วความโกรธและเหตุผลอื่นโดยไม่รู้ตัว
“โฮ่~ แล้วอย่างชั้นยังต้องเชิญด้วยเหรอ ?”
“เฮ้ย !! จะไม่พาเพื่อนเข้าบ้านเหรอวะรุย !!” ชายร่างกำยำใหญ่โตผู้เป็นพี่ชายเจ้าของบ้านโผล่หน้าออกมาตะโกนเรียกจากห้องนอนส่วนตัวชั้นสอง เสียงของเขาเป็นเหมือนระฆังช่วยชีวิตที่ทำให้เดมอนล่าถอยออกไป
“คนในครอบครัวไม่เห็นจะว่าอะไร แล้วทำไมนายต้องบ่นด้วยวะ ?”
“ชั้นไม่ได้บ่นเว้ย แค่สงสัย”
หัวหน้าทีมคาเมเลออนว่าพลางถอนหายใจแล้วเข็นรถเข้าไปเก็บในบ้าน ก่อนจะเดินตามเข้าไปและทักทายพ่อกับแม่ตามมารยาท ในขณะที่อีกฝ่ายเดินล้วงกระเป๋าขึ้นไปชั้นสองอย่างสบายอารมณ์ การพูดคุยเล็กน้อยถึงเรื่องแผลบนไหล่นั้นเป็นไปอย่างสงบ เพราะมันเป็นเรื่องปกติที่คาดหวังว่าจะเกิดขึ้นได้หลังจากลูกชายทั้งสองคนย่างเท้าเข้าไปเรียนในโรงเรียนโซคุงาคุ แต่เรื่องที่พาเพื่อนมาบ้านกลับทำให้พ่อและแม่แปลกใจแทน
“ดีนะที่เก็บอาหารเย็นเอาไว้ให้ เอาไปแบ่งกินกับเพื่อนก็แล้วกัน เพราะในตู้เย็นไม่มีอะไรเหลือพอให้มาทำเพิ่มแล้ว” ผู้เป็นแม่ว่าพลางชี้ไปยังห้องอาหาร บนโต๊ะมีชุดอาหารเย็นที่ถูกคลุมเอาไว้ด้วยพลาสติกใสวางอยู่
“ไม่เป็นไร เจ้านั่นมันไม่เรื่องมากหรอก” ลูกชายคนที่สองของบ้านว่าไปยังงั้นเอง เพราะเขารู้ว่าคนที่ถือวิสาสะขึ้นไปนั่งสบายใจเฉิบอยู่ในห้องของเขาจะบ่นอะไรได้ในเมื่อมันมีให้กินอยู่แค่นี้ ‘ แต่มันอาจใช้ให้ชั้นให้ออกไปซื้อที่ร้านคอนวิเนียนก็ได้ ’ เขาคิดขณะยกถาดอาหารขึ้นชั้นสองไป
บานประตูถูกถีบให้เปิดออกเนื่องจากมือไม่ว่าง แต่คนในห้องก็ไม่ได้ว่าอะไรหรือเห็นว่ามันเป็นเรื่องเสียมารยาท เพราะอย่างน้อยห้องและเตียงที่เขากำลังนั่งไขว้ห้างจับจองอยู่นี่ก็เป็นของคนเปิดประตู
“มีอยู่แค่นี้ เพราะงั้นกินไปอย่าบ่น”
เจ้าของห้องว่าสั้นๆ พลางวางถาดอาหารลงข้างๆ แขกไม่ได้รับเชิญ ก่อนจะเดินไปหยิบกล่องปฐมพยาบาลออกมาจากลิ้นชักโต๊ะเขียนหนังสือ
นัยน์ตาสีฟ้ามองตามร่างสูงที่กำลังเตรียมของใช้สำหรับทำแผลอย่างเงียบๆ ขณะหยิบตะเกียบคีบข้าวเข้าปาก และค่อย ๆ กินอาหารไปทีละอย่างอย่างใจเย็น ถึงคนทำจะไม่ใช่เชฟมืออาชีพ แต่รสชาติก็ถือว่าอร่อยไม่เลวเลยทีเดียว
“ฮาบาชิระ.......”
“เรียกทำมะ......”
เจ้าของชื่อหันมาถามด้วยน้ำเสียงรำคาญนิดๆ แต่ก็หยุดก่อนที่จะพูดจบ เมื่อเหลือบไปเห็นอาหารที่เหลือเอาไว้ครึ่งหนึ่งและคนเรียกที่กลับนอนหลับตาอยู่บนเตียงเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น เขาอดหัวเราะเบา ๆ กับท่าทางของอีกฝ่ายไม่ได้ คนๆ นี้นี่นี่พูดหรือทำอะไรนอกจากเรื่องชั่วออกมาตรง ๆ ไม่ได้จริงๆ
“ขอบใจ”
เขาเข้าไปจูบหน้าผากพร้อมกับขอบคุณเบาๆ แล้วนั่งลงบนขอบเตียงข้างๆ อีกฝ่ายก่อนจะหยิบตะเกียบขึ้นมาคีบอาหารเข้าปาก ถึงมันจะไม่มากพอที่จะทำให้เขาอิ่มได้ แต่การที่เดมอนสุดโฉดอุตส่าห์มีน้ำใจก็ทำให้เขาไม่คิดที่จะบ่น
“ตอนอยู่ข้างนอกนั่น ดูเหมือนนายจะโกรธสุดๆ เลยนะถึงได้กล้าพูดกับชั้นแบบนั้น ?”
“นั่นไม่ใช่เพราะแกนึกสนุกเลยจงใจยั่วโมโหชั้นรึไง จริงๆ เลยนะ จะช่วยรึจะให้ก็ทำให้มันดีๆ หน่อยไม่ได้รึไง ?” เด็กหนุ่มหัวโจกถอนหายใจพลางคาบปลายตะเกียบเอาไว้ในปาก
“ทำแบบนั้นก็ไม่สนุกสิ....” ร่างสูงผอมเพรียวบางลุกขึ้นมานั่งกอดคอเขาเอาไว้ “นายน่ะเวลาโมโหดูตลกปนน่ารักดีออก” นิ้วเรียวแกล้งจิ้มแก้มเป็นการหยอกล้อ ใบหน้าคมแสยะยิ้มอย่างสนุกสนาน
“ชมหรือด่าฟะ แต่ยังไงก็ไม่ขอบคุณว่ะ”
เด็กหนุ่มที่ถูกแกล้งว่าพลางปัดนิ้วที่น่ารำคาญออกแล้วหันมากินอาหารต่อ เขาสะดุ้งโหยงเมื่อริมฝีปากอีกฝ่ายสัมผัสกับมุมปาก ปลายลิ้นอุ่นค่อยๆ เลียเม็ดข้าวที่ติดอยู่ออก
“นายนี่หน้าแดงง่ายชะมัด” ใบหน้าคมถอยห่างออกมาแล้วหัวเราะอย่างขำ ๆ
“เป็นใครก็แดงทั้งนั้นแหละฟะ !! ทำตัวดีๆ แล้วก็นั่งเฉยๆ ชั้นยังไม่หายโกรธเรื่องมอ’ไซค์นะเฟ้ยฮิรุม่า!!”
แต่อีกฝ่ายกลับมีเขากับหางปีศาจโผล่ออกมาลางๆ นัยน์ตาสีฟ้าเหลือบมองและริมฝีปากแสยะยิ้มเป็นการล้อเลียนเหมือนกับจะบอกว่า โฮ่~ จริงน่ะ ?
“เออดิ !!”
ฮาบาชิระยืนยันและพยายามซ่อนความเขินโดยการคีบข้าวเข้าปากคำสุดท้ายแล้วแกล้งผุดลุกขึ้นเดินไปนั่งลงกับพื้น ก่อนจะกระวีกระวาดหยิบอุปกรณ์ทำแผลที่วางเอาไว้ก่อนหน้านี้มาใช้จริงๆ ซะที แต่อีกฝ่ายยังคงอยากเห็นหน้าแดงๆ ของเขาอยู่จึงตามลงมานั่งข้าง ๆ
“นายนี่แกล้งง่ายชะมัด”
“กับเดมอนแห่งเดวิลแบ็ทอย่างนายน่ะ มันก็ง่ายไปหมดทุกคนนั่นแหละ”
หัวโจกทีมคาเมเลออนประชดพลางถอดเสื้อออก แต่ก่อนที่ผ้าชุบน้ำจะสัมผัสกับบาดแผล ฝ่ามือเรียวก็แย่งมันมาเช็ดให้แทน เขาจึงเลิกคิ้วขึ้นสงสัยกับท่าทีที่เปลี่ยนไปของเจ้าของมือ
“ถึงจะแกล้งแต่ก็ใช่ว่าจะเหมือนกันหมดทุกคนนะ.....โดยเฉพาะนาย......”
คำพูดแฝงความนัยยิ่งทำให้คนฟังหน้าแดงจนต้องซ่อนมันเอาไว้ด้วยการใช้มือปิด แต่กระนั้นก็ยังเห็นได้จากใบหูที่มีสีเดียวกัน
“หยุดแกล้งชั้นซะทีสิเฟ้ย !!” จากความเขินเริ่มเปลี่ยนมาเป็นความรำคาญ สีแดงเรื่อบนใบหน้าเริ่มจางหายไปและถูกแทนที่ด้วยอารมณ์ที่ว่า ฮิรุม่ารู้ถึงการเปลี่ยนแปลงนี้ดี เขาจึงแค่หัวเราะเบาๆ และไม่พูดอะไรขณะช่วยทำแผล แต่กระนั้นก็ยังอดที่จะมีแถมท้ายในตอนจบไม่ได้อยู่ดี
“ไง เสร็จแล้ว ทาสที่น่ารักไม่คิดจะขอบคุณเจ้านายที่ช่วยทำแผลเลยเหรอ ?”
ฝ่ามือเรียวแกล้งลูบผมเสยสั้นสีดำ ใบหน้ายื่นเข้าไปใกล้จนทำให้ร่างที่ผอมสูงแต่กำยำกว่าเผลอเอนไปทางด้านหลังอย่างลืมตัว ริมฝีปากบางเหยียดยิ้มเจ้าเล่ห์เหมือนกับจะบอกเป็นนัยๆ ถึงสิงที่ต้องการ
“ชิ ทำแบบนี้ระวังจะได้มากกว่าที่ขอนะ” คนถูกขออดที่จะถอนหายใจไม่ได้
“ใครๆ ก็ชอบที่จะได้กำไรไม่ใช่รึไง ? นายเองก็ด้วย จริงมั้ย ?”
น้ำเสียงเชิญชวนแฝงความเซ็กซี่เล็กน้อย แขนสองข้างเคลื่อนเข้ามาโอบรอบคอเอาไว้เพื่อกันไม่ให้หนีในขณะที่ร่างขยับเข้ามาจนแนบชิดกับร่างในอ้อมกอด ริมฝีปากบางเคลื่อนเข้ามาจูบแผ่วเบาเพื่อเอาค่าตอบแทนด้วยตัวเอง
‘เอาแต่ใจชะมัด แต่ก็ช่างเหอะ......ได้กำไรก็โอเคล่ะนะ’
เด็กหนุ่มที่ถูกขโมยค่าตอบแทนถอนหายใจ แต่ก็อดที่จะยิ้มบางๆ แล้วจูบกลับไม่ได้ ในใจนั้นรู้สึกดีใจนิดหน่อยที่ได้มีโอกาสทำแบบนี้กับคนที่อยู่ตรงหน้า และเขาก็ไม่เกรงใจที่จะขอกำไรเพิ่มด้วยการผลักร่างบางให้ล้มลงนอนกับพื้น ลิ้นเคลื่อนผ่านริมฝีปากบางที่เปิดรับอย่างเต็มใจและควานหาความหอมหวานที่อยู่ภายใน พร้อมกับทำให้จูบที่แผ่วเบาเร่าร้อนขึ้น
“ไม่เกรงใจเลยนี่หว่า.....”
ฮิรุม่าแสยะยิ้มพูดขณะที่เหลือบลงมองฝ่ามือใหญ่ยาวที่หายเข้าไปใต้เสื้อนักเรียนสีขาวแล้วไล้สัมผัสไปตามผิวขาวเนียนละเอียด ปลายนิ้วที่สัมผัสถูกยอดอกและริมฝีปากที่เข้ามาซุกไซ้ซอกคอทำให้สะดุ้งเล็กน้อย
“กำไรตรงหน้ามันหายากนี่.......จริงมั้ย ?” ฮาบาชิระแสยะยิ้มแล้วกระซิบข้างหูแผ่วเบา
“ก็จริง......”
. END -
.
ผลงานอื่นๆ ของ Hitomisure ดูทั้งหมด
ผลงานอื่นๆ ของ Hitomisure
ความคิดเห็น