อยู่ก่อนแต่ง(นิยายมะใช่กระทู้)

เนื้อเรื่อง

" ที่รัก อีกไม่นานเราก็จะได้อยู่ด้วยกันแล้วนะ ตอนนี้เรือนหอของเราก็ใกล้จะเสร็จแล้ว แค่คิดถึงวันนั้นก็มีความสุขมากที่สุดในโลกเลย รอคอยเวลาที่จะอยู่กับคุณแทบไม่ได้ คืนนี้คุณสวยเหลือเกิน เป็นของผมได้ไหมคนดี" ชายหนุ่มเว้าวอน


" ทำไมไม่อยากเป็นของคุณ ใจน่ะ เป็นของคุณตั้งนานแล้ว ร่างกายก็พร้อมที่จะเป็นของคุณ อยากมีความสุขกับคุณจะตาย แต่อีกใจหนึ่งก็กลัวค่ะ เห็นคุณหมอทั้งหลายออกมาพูดกันว่า ควรจะตรวจก่อนแต่ง เพราะบางครั้งอาจจะมีโรคบางอย่างที่อาจจะติดต่อกันได้จากการมีเพศสัมพันธ์นะคะ ไม่ใช่ไม่ไว้ใจคุณหรอกนะ อย่าคิดมากไป" เธอตอบเบาๆ เพราะในบรรยากาศที่แสนจะโรแมนติกที่เขาและเธอกำลังอยู่นั้น อะไรต่อมิอะไรก็จะเกิดขึ้นได้ตามธรรมชาติของหนุ่มสาว


" โอเคครับ ผมก็อยากจะให้คุณสบายใจว่า ผมไม่เคยมีโรคอะไรแบบที่ว่ากันหรอก เพราะเคยดูรายการคลินิกรักทางเนชั่นทีวี เห็นคุณหมอเขาเคยเล่าถึงเรื่องผู้ชายคนหนึ่งที่เคยมีความสัมพันธ์ทางเพศประเภทรักชั่วข้ามคืนกับผู้หญิงรุ่นพี่ที่พบในผับแห่งหนึ่ง แล้วปล่อยให้อารมณ์เลยเถิดไป เนื่องจากไม่สามารถยับยั้งอารมณ์ได้

" ปรากฏว่า หลังจากนั้นหลายเดือนไปมีความสัมพันธ์ก่อนแต่งงานกับคู่หมั้น เพราะลืมเรื่องเก่าๆ ไปแล้วจึงไม่ได้มีการป้องกันโดยที่ฝ่ายชายสวมถุงยางอนามัย ทั้งสองมีความสุขโดยคุมกำเนิดด้วยการหลั่งภายนอกทุกครั้ง ซึ่งก็ได้ผลดีที่สามารถป้องกันการท้องได้ แต่..."


" แต่อะไรคะ เกิดอะไรขึ้นกับเขาและเธอคะ ดูท่าทางคุณไม่อยากเล่าต่อเลย"

" ใครบอกเล่า ผมเพียงแต่กำลังลำดับเรื่องราวว่า จะเล่าอย่างไรดีมากกว่า ในที่สุดก่อนที่จะแต่งงานกัน เขาและเธอก็จูงมือไปให้คุณหมอตรวจก่อนแต่ง แต่อนิจจา ฟ้าดินช่างไม่เห็นใจในความรักของเขาและเธอเลย ปรากฏว่าผลการตรวจออกมานั้น ทั้งเขาและเธอมีผลบวกต่อเชื้อเอชไอวี ที่เป็นสาเหตุของโรคเอดส์" เขาเล่าเสียงเครือราวกับรับรู้ความโศกเศร้าของหนุ่มสาวที่ความรักต้องลงเอยในรูปแบบที่แสนจะเศร้า แค่พวกเขาทั้งสองไม่ได้นึกถึงการมีความสัมพันธ์ทางเพศที่ปลอดภัย โดยการให้ฝ่ายชายสวมถุงยางอนามัยทุกครั้งที่จะมีเพศสัมพันธ์เท่านั้น


" สงสารจริงๆ เลยนะคะ ความจริงคำว่า ตรวจก่อนแต่งนั้น คนทั่วไปอาจจะไม่เข้าใจความหมายที่แท้จริงที่คุณหมอหวังดีก็ได้ คิดว่าน่าจะเปลี่ยนเป็นตรวจก่อนที่จะมีเพศสัมพันธ์น่าจะดีกว่านะ คนจะได้ระมัดระวังตัวมากขึ้น" เธอชวนเขาคุยต่อ พร้อมทั้งขอความเห็นเขาว่า


" ถ้าคุณอดรนทนไม่ไหวจริงๆ อยากจะมีอะไรกัน แล้วเราก็น่าจะไปซื้อถุงยางอนามัยมาใช้กันนะคะ เดี๋ยวนี้เขาว่า ใครรู้จักใช้ถุงยางอนามัยในการมีเพศสัมพันธ์นั้น เป็นคนที่ทันสมัยมาก ในขณะที่ผู้ชายที่ไม่ใช้ถุงยางอนามัยในการมีความสัมพันธ์ทางเพศนั้น น่าจะเป็นผู้ชายที่ไม่ค่อยจะมีความรับผิดชอบนะคะ"


" ครับ ผมเห็นด้วยจริงๆ เพียงแต่เชื่อไหมว่า ถึงแม้ปัจจุบันถุงยางอนามัยจะหาซื้อได้ง่ายตามร้านสะดวกซื้อก็ตาม ผู้ชายที่อยากจะซื้อทั้งหลายก็ไม่สะดวกใจ เพราะคนขายที่เป็นผู้หญิงมักจะชอบมองด้วยสายตาแปลกๆ เหมือนกับกำลังทำอะไรผิดๆอยู่ แทนที่จะมองเขาด้วยความชื่นชมว่า เขาเป็นสุภาพบุรุษที่มีความรับผิดชอบเหมือนที่คุณพูด"


" ค่ะเป็นค่านิยมผิดๆ ในสังคมของเราที่ชอบมองว่า ถุงยางอนามัยเป็นอุปกรณ์ในการป้องกันการติดโรคของผู้ชายชอบสนุกทั้งหลาย แทนที่จะมองว่า เป็นวัสดุอุปกรณ์ทางการแพทย์ที่มีไว้เพื่อการคุมกำเนิดและป้องกันโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ด้วย เป็นอุปกรณ์ที่เป็นประโยชน์ ซึ่งน่าจะหามาใช้อย่างเป็นเรื่องปกติธรรมดาของคนที่มีสิทธิ์จะใช้ได้"


" ผมว่า เราคงจะต้องให้ความรู้ด้านเพศศึกษาแก่ประชาชนคนทั่วไปอีกนาน มากกว่าจะเข้าใจว่า แท้ที่จริงแล้ว เพศศึกษานั้น สอนให้คนเรามีความปลอดภัยในทุกเรื่องราวที่เกี่ยวข้องกับเพศ รวมถึงการมีความสัมพันธ์ทางเพศที่ปลอดภัยด้วย "


" ใช่แล้วค่ะ เคยดูรายการเพศศึกษา เห็นคุณหมอบอกด้วยว่า นอกจากจะใช้เพื่อการคุมกำเนิดและป้องกันโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์แล้ว ถุงยางอนามัยยังทำให้เกิดสัมผัสรักที่ปลอดภัยด้วย เห็นว่าถ้าผู้ชายสูบบุหรี่แล้วสารก่อมะเร็งที่มีอยู่ในบุหรี่นับพันจะหลั่งออกมาในน้ำอสุจิของผู้ชาย ไปตกคั่งค้างที่ปากมดลูกของผู้หญิง เป็นปัจจัยเสี่ยงที่ทำให้ผู้หญิงเป็นมะเร็งปากมดลูกสูงมากขึ้น ถ้ามีเพศสัมพันธ์กับผู้ชายที่สูบบุหรี่ ถ้าเขาไม่ได้สวมถุงยางอนามัย"


" ใช่แล้วครับ ผมก็เคยทราบมาแบบนั้น โชคดีนะครับที่ผมไม่สูบบุหรี่ เพราะเดี๋ยวนี้ใครๆ ก็รู้ว่า นอกจากบุหรี่ทำให้เกิดการเสื่อมสมรรถภาพทางเพศแล้ว บุหรี่ยังไปทำให้ตัวอสุจิเกิดการพิกลพิการขึ้นด้วย ทำให้โอกาสที่ภรรยาจะตั้งครรภ์ยาก หรือไม่ถ้าเกิดตั้งครรภ์ขึ้น ทารกก็อาจจะพิการหรือแท้งง่าย"


" เป็นโชคดีของผู้หญิงเราจริงๆ ที่ผู้ชายที่จะใช้ชีวิตคู่กับเราเป็นคนไม่สูบบุหรี่และกินเหล้า และพูดมาถึงตอนนี้ก็นึกได้อีกเลยค่ะว่า ถุงยางอนามัยนี้นอกจากประโยชน์ที่พูดคุยกันมาแล้ว ยังทำให้สะอาดอีกนะคะ ไม่ต้องมีน้ำอสุจิมาตกค้างภายในจุดซ่อนเร้น ทำให้เกิดการระคายเคืองและอับชื้นได้"


" ผมเคยได้ยินว่า บางครั้งผู้ชายที่ไม่ได้ขลิบหนังหุ้มปลาย และไม่ทำความสะอาดอวัยวะของเขาก่อนร่วมรักกันนั้น ขี้ไคลที่หมักหมมใต้หนังหุ้มปลายของเขาก็อาจจะตกลงไปในจุดซ่อนเร้นของผู้หญิง ทำให้เกิดการอักเสบจากเชื้อราได้ด้วย"


" แหมคุณนี่รู้เรื่องเกี่ยวกับถุงยางอนามัยละเอียดดีจริงๆ ไปศึกษามาจากไหนคะ ทำราวกับเป็นผู้เชี่ยวชาญและช่ำชองเรื่องแบบนี้มาก่อนเลยนะคะ"


" อย่าระแวงผมแบบนั้นซิครับ ผมก็หาความรู้จากเวบไซด์ดีๆ และรายการดีๆ ที่ให้ความรู้ทางเพศศึกษาที่ถูกต้องบ้างไม่ได้หรือ ก็เพราะผมรักคุณอยากจะอยู่กับคุณอย่างมีความสุข เชื่อไหมว่า ผมศึกษาวางแผนเตรียมตัวกระทั่งจะมีบุตรเพศไหนก่อนเลย ถึงแม้ว่าจะไม่ได้ผลร้อยเปอร์เซ็นต์ก็อยากจะลองมีลูกสาวก่อนทีเดียว" เขากล่าวอย่างมีลับลมคมนัยนิดๆ รอให้เธอสงสัย


" ทำไมถึงอยากมีลูกสาวก่อนเล่าคะ ไม่อยากมีลูกชายเหมือนคนอื่นๆ หรือ"

" ก็ตามตำราเขาบอกว่า ถ้าอยากมีลูกสาวให้ทำรักบ่อยๆ นี่นะ ส่วนถ้าอยากจะได้ลูกชายให้ทำอะไรแค่วันไข่ตก แหมคุณก็ น่าจะรู้ว่าตอนที่ข้าวใหม่ปลามันนั้น มีผู้ชายคนไหนอยากทำเรื่องนั้นนานๆ ครั้ง" เขากล่าวพร้อมกับเสียงกลั้วหัวเราะแบบดีใจที่เธอหลงกล


" คุณนี่ละ พูดอะไรไม่รู้ เดี๋ยวไม่ยอมมีอะไรกันเลย" เธอพูดอายๆ

" แปลว่าคุณยอมมีอะไรกับผมแล้วใช่ไหมครับ ผมรับรองว่า ทำตามที่สัญญาและที่พูดทุกคำเลย นี่ผมก็เตรียมถุงยางอนามัยไว้เรียบร้อยแล้ว เผื่อว่าโอกาสที่ฟ้าประทานจะมาหา แต่ก็แล้วแต่คุณนะ เพราะผมรอได้"

" งั้นรอต่อไปอีกนิดนะคะคนดี รอวันแต่งงานก็แล้วกัน เพราะคุณก็คงอยากจะมีแบบเนื้อแนบเนื้อ ใช่ไหมคะ"