การกลับมาของเขาผู้นั้น
1ปีต่อมาหลังจบการต่อสู้ของวานท์และเเอล
สายลมพัดผ่านไปกระทบร่างที่มีบอร์ดี้สีเเดง ซึ่งในตอนนี้ได้หยุดทำงานไปแล้ว ราวกับต้องการส่งสารที่ไม่มีผู้ส่งให้
"ลมแย็นดีจริง นายว่ามั้ย"ร่างหนึ่งที่สวมใส่ชุดผ้าคลุมพูดพร้อมเดินเข้ามานั่งข้างๆร่างที่แน่นิ่งนั่น
"....."แต่กลับไม่มีเสียงตอบรับกลับมา ซึ่งเป็นเรื่องปรกติอยู่
"มนุษย์ที่แสนอ่อนแอจำเป็นที่จะต้องมีเราเหล่าเรพลิลอยด์ปกป้องจากอันตราย แต่ใช่ว่ามนุษย์ทุกคนอยากถูกปกป้องตลอดไป มนุษย์บางคนก็ต้องการที่จะรวมต่อสู้กับ ต้องการปกป้องสิ่งสำคัญของตนเอง เพื่อไม่ให้เสียมันไปอีกครั้งหรือเสียมันไป"ร่างสูงยังคงพูดต่อไปราวกับร่างที่แน่นิ่งนั้นฟังอยู่"มนุษย์เป็นสิ่งมีชีวิตที่เข้าใจยากพอๆกับเราเหล่าเรพลิลอยด์ อาจเพราะมีจิตใจที่ใกล้เคียงกัน จึงทำให้เราเหมือนกันมาก หึๆ"ร่างสูงหัวเราะเบาๆ
แล้วร่างสูงก็ลุกขึ้นยืนมองท้องฟ้าสีครามที่ยามนี้ช่างเงียบสงบและรมรื่น ร่างสูงหันกลับกลับมามองร่างที่ดูเหมือนไม่ได้รับรู้เรื่องใดเลย ร่างสูงถอดฮูดของเสื้อคลุมลงเผยให้เห็นหน้าคมดุ ตาสีฟ้าใสราวนภาและผมสีบลอนด์ทองยาว
"เมื่อก่อน"พ่อ"ได้รับฉายาว่าปีศาจแดงแห่งHQ และตอนนี้ถึงเวลาที่"ลูก"ต้องรับฉายานี้ไปแล้ว ดูแลรักษา"นางฟ้า"ของลูกไว้ให้ดีล่ะ อย่าปล่อยเขาไปหรือด่วนจากเขามาอีกล่ะ"ร่างสูงพูดพร้อมเดินเข้าไปนั่งคุกเข่าตรงหน้าร่างสีเเดง
แล้วจึงเอื้อมมือไปเเตะหน้าผากของผู้ที่ขึ้นชื่อว่าเป็นลูกของปีศาจแดงแห่งHQ ร่างสูงท่องบางอย่างเบาๆ ลมที่พัดผ่านทำให้ผมของร่างสูงสะบัดไปมา
"พ่อขอให้ลูกโชคดี "ซิลเว""แล้วร่างของทั้งคู่ก็เปล่งแสงสว่างขึ้นมา
ร่างสูงได้สลายไปราวกับไม่ได้นั่งอยู่ตรงนั้นมาตั้งแต่เเรก ผิดกับร่างของชายหนุ่มที่มีผมสีบลอนด์ทองและตาสีฟ้าใสราวนภาที่ไม่ได้ผิดเพี้ยนไป ซึ่งกำลังซ่อมแซมตนเองอยู่
"ป...ปีศาจเเดงแห่งHQเหรอ .. ร๊อคเเมน .. ร๊อคเเมนซีโร่ .. ท่านพ่อสินะ.."
ซิลเวลุกขึ้นยืนหลังจากที่ร่างกายของตนเองซ่อมแซมเสร็จแล้ว ซิลเวได้ออกเดินทางไปที่ๆคนที่เขาคาดว่าจะเป็น"นางฟ้า"ของตนอยู่ และแน่นอนก่อนออกเดินทางเขาไม่ได้ลืมหยิบอาวุธและผ้าคลุมที่หลงเหลือไว้(ของซีโร่)ไปด้วย
ณ ยานGuardians โซนห้องพัก
"ตามนี้นะวานท์ อย่าไปสายเชียวล่ะ"เสียงใสๆของเด็กสาวบอก(กำชับ)ฝาแฝดของตนดังขึ้น
"รู้เเล้วน่าเอล ไม่สายหรอก บ่ายนี้ใช่มั้ยล่ะ"เด็กชายหน้าหวาน และไว้ผมยาวตามรุ่นพี่ที่เสียไปนาม"วานท์"เอ่ยอย่างเซ็งๆ
"ใช่ ชั้นไปเตรียมตัวก่อนนะ"ว่าแล้วเด็กสาวนาม"เอล"ก็กลับเข้าห้องของตนไป
"ครบรอบหนึ่งปีแล้วสินะ..."วานท์เอ่ยกับตัวเองอย่างเลื่อนลอยพร้อมเดินเข้าไปในห้องของตนเช่นกัน
เขาเดินตรงไปที่โต๊ะทำงานก่อนจะนั่งลงบนเก้าอี้พร้อมเอื้อมมือไปหยิบรูปของซิลเวและเเว่นตามา ซึ่งนี่เป็นภาพสุดท้ายที่วานท์มีอยู่ ทุกๆวันเขาจะมานั่งร้องไห้ตรงนี้...กับรูปและเเว่นตาอันนี้ พลางกล่าวโทษตัวเองไปด้วย แน่นอน.......วันนี้ก็ด้วย
"ฮึก...รุ่นพี่...ผม..ผมมันอ่อนแอ..อ่อนเเอมากที่สุด ฮึกๆ ถ้าตอนนั้นผมเชื่อรุ่นพี่ตั้งแต่แรก รุ่นพี่คงไม่....ฮึกๆฮือๆๆๆ"
ณ หลุ่มศพของซิลเว
"เรามาเยี่ยมเเล้วค่ะ รุ่นพี่ซิลเว"เอลเอ่ยพลางยิ้มเศร้าพร้อมเดินเข้ามาหาป้ายหลุ่มศพสีขาวสะอาด
"....."วานท์ไม่ได้พูดอะไรแต่แสดงสีหน้าปวดร้าวพร้้อมเดินเข้ามาอยู่ข้างๆเอลเช่นกัน
"สบายดีมั้ยคะ? รุ่นพี่ ไม่ต้องห่วงพวกเราหรอกค่ะ หนู วานท์กับทุกคนที่อยู่ในยานGuardiansสบายดีคะ"เอลนั่งยองๆแล้ววางดอกไม้ไว้บนหลุ่มศพเฉกเช่นทุกวัน ดวงตาของเธอเริ่มเอ่อล้นไปด้วยน้ำตา
"ฮึกๆๆ รุ่นพี่คะ เราคิดถึงรุ่นพี่นะคะ เรา..ฮึก อยากเจอรุ่นพี่อีกค่ะฮือๆๆ"เอลเริ่มร้องไห้ทีละนิด วานท์ดึงเอลเข้ามากอดพลางร้องไห้เบาๆเช่นกัน
"ฮึกๆวานท์ ซิกๆชั้นอยากเจอรุ่นพี่อีกจัง....ซิกๆ"น้ำเสียงที่เอ่ยออกมาของเอลนั้นแหบพร่าและสั่นเคลือ
นับตั้งแต่เสียซิลเวไป วานท์และเอลก็มาเยี่ยมหลุมศพทุกวัน แม้ว่าจะคนละเวลาก็ตาม ทั้งคู่ต่างก็มานั่งร้องไห้อยู่ตรงหน้าหลุมศพนี้ ไม่มีใครไม่เสียใจกับการจากไปครั้งนี้เพราะรุ่นพี่ผู้เป็นที่รักได้ช่วยชีวิตของพวกเขาไว้ตั้งมากมาย
หลังจากนั่งร้องไห้ไปสักพัก ก็ได้มีเสียงดัวขึ้นมาจากเครื่องมือสื่อสารของทั้งคู่ว่า
"วานท์!เอล!พวกเธออยู่ไหน"
เสียงของหัวหน้าหน่วยGuardiansนาม"อล๊อตเต้"หรือที่เรียกกันว่า"แพรรี"ถามขึ้นอย่างร้อนรน
"แพรรี!มีอะไรเกิดขึ้นใช่มั้ย เราอยู่กันที่เขตD-11(มั่วเอา อย่าได้ใส่ใจ)น่ะ"วานท์ปาดนำ้ตาทิ้งพร้อมพูดด้วยเสียงที่มั่นคงราวกับไม่ได้ร้องไห้มาตลอดเวลา
"เราตรวจพบสัญญาณแปลกๆที่จุดD-30กับC-99(นี่ก็มั่ว) และเขตC-99นั่นยังเป็นจุดอาศัยของชาวเมืองด้วย!!"แพรรีพูดอย่างร้อนรนยิ่งกว่าตอนเเรกเสียอีก
"ไม่นะ!!ที่นั่นยังมีเด็กกับผู้หญิงอีกมากเลยนะ!!"เอลพูดอย่างตื่นตระหนก เธอรีบปาดน้ำตาแล้วลุกขึ้นยืน
"แยกกันนะเอล!"
"อืม! ชั้นเอาโมเดล เอ็กซ์ไปนะ"เอลว่าพลางหยิบโมเดล เอ็กซ์แล้วจากไป วานท์เองก็รีบวิ่งไปอีกทาง
ณ เขต D-27(คุ้นมั้ย?)
ตู้มๆๆ
"หืม เสียงแบบนี้.. หรือว่า..!!"เมื่อคิดได้ดังนั้น ซิลเวก็รีบวิ่ง(ไม่ได้สวมโมเดลเลยแดชไม่ได้)ไปทางต้นเสียงทันที
'ขอให้ทันทีเถอะ อย่าเป็นอะไรไปนะ.....วานท์!!!'แล้วซิลเวก็รีบวิ่งยิ่งกว่าเดิม
กลับมาที่เขตD-30
ตู้มๆๆๆๆๆๆๆ
"บ้าเอ้ย!! ทำไมไม่หมดซักทีฟร้า!~~~~~~~~~~~~"วานท์ตะโกนอย่างเหลืออด ก็จะไม่ให้โมโหได้ยังไง ในเมื่อเขาสู้กับกองทัพแพนเทอ้อน(ขออภัยถ้าสะกดผิด)มานานมากแล้ว ตั้งแต่ที่เขาได้แยกกับเอลที่เขตD-11
'ตัวที่เท่าไหร่แล้ววานท์?'เสียงของโมเดลแซดดังขึ้นมาในหัววานท์ที่กำลังสาดกระสุนอย่างเมามันส์(?)อยู่
"ราวๆตัวที่279แล้วฟระ"วานท์ตอบโดยไม่ได้สังเกตว่ามีแพนเทอ้อนตัวหนึ่งกำลังพุ่งมาด้านหลังของเขา ซึ่งนั่นทำให้วานท์หลบไปพ้นจากการโจมตีที่แสนรุนแรงของมัน
"อัก!!!!!!"วานท์ที่โดนกระแทกอย่างหนักโดยไม่ได้หลบเลี่ยงแม้แต่ต้องทนรับความรุนแรงจนหลุดจากการร๊อคออน แล้วจึงโดนซัดอีกรอบให้ไปชนต้นไม้จนโค่น
"วานท์!!!"โมเดลเเซดตะโกนอย่างตื่นตระหนก
เปรียะ เปรียะ
"อะ...ว.วานท์"โมเดลแซดที่กำลังจะพุ่งไปหาวานท์โดยที่ไม่ได้ระวังตัว ทำให้โดยแพนเทอ้อนที่ใช่ไฟฟ้าสู้ได้ช๊อตไฟฟ้่าใส่จนระบบรวนและทำให้ไม่สามารถควบคุมระบบได้อีกต่อไปแล้ว โมเดล แซดตกลงบนพื้นตามเเรงโน้มถ่วงของโลกแล้วแน่นิ่งไป
"โมเดล....แซด....ไม่นะ"วานท์คราง น้ำตาอาบแก้มทั้งสองข้าง ดวงตาที่เคยมุ่งมั่น บัดนี้กลับเต็มไปด้วยความกลัวและหวาดผวา
กลัว....กลัวว่าจะเสียโมเดล เเซดไปเหมือนที่เสียแม่กับรุ่นพี่ที่รัก
กลัว....ว่าจะไม่มีค่าในสายตาใครอีกต่อไปเพราะทำอะไรไม่ได้เลย
กลัว....ว่าจะตายที่นี่แล้วจะรักษาสัญญาไว้ไม่ได้ ทั้งของรุ่นพี่ตนเองและของเอล
'ได้โปรดเถอะ ใครก็ได้ช่วยเราที.....รุ่นพี่!!'วานท์ตะโกนลั่นในใจด้วยความเจ็บปวด และน้ำตายังคงไหลรินต่อไปไม่สิ้นสุดเสียที
กองทัพแพนเทอ้อนนั้น เมื่อเห็นว่าศัตรูไม่มีพิษสงอะไรแล้วก็กรูกันเข้าไปล้อมรอบวานท์ทันที วานท์ทำได้แต่หลับตารอชะตากรรมของตนเอง สติที่มีหลงเหลืออยู่ก็น้อยเต็มทนแล้ว
ตู้ม ๆๆๆๆ!!!!
วานท์ลืมตาขึ้นเมื่อได้ยินเสียงดังทั่วทุกทิศที่ล้อมรอบเขาไว้ เขาพยายามคงสติเพื่อดูผผู่วยชีวิตเขาไว้ให้ได้ สิ่งที่วานท์เห็นคือแผ่นหลังที่โหยหามานาน ผมยาวสีบลอนด์ทองปลิวสยาย
'ไม่จริงน่า....รุ่นพี่...'วานท์คิดก่อนหมดสติไป
หลังจัดการแพนเทอ้อนได้หมด ซิลเวก็หันกลับไปหาวานท์ที่นอนพิงตอไม้ที่เหลือทันที เขารีบร้อนเข้ามาดูอาการให้วานท์ พร้อมหยิบโมเดลแซดไปด้วย
"วานท์!! วานท์!! วานท์!! ตื่นซิ วานท์!!"ซิลเวร้องเรียกวานท์เสียงดัง
ซิลเวรีบเช็คว่าวานท์ยังคงหายใจและปลอดภัย หลังเช็คครบทุกอย่างเเล้วสรุปว่าวานท์แค่มีแผลถลอกตามตัวเท่านั้นเสร็จ ซิลเวเหลือบไปเห็นมือที่กุมบางอย่างไว้อย่างแน่นหนาราวกับว่ากลัวมันจะหายสลายไปกับธาตุอากาศ ซิลเวเอื้อมมือไปกุมมือวานท์ที่กำลังกุมสิ่งนั้น แล้วเขาก็มองดูสิ่งที่กำเอาไว้
"ยังเก็บไว้อย่างดีสินะ วานท์....."ซิลเวเอ่ยอย่างแผ่วเบาพร้อมเผยรอยยิ้มมี่ห่างหายไปนานแสนนานมาก แต่ไม่เคยลืมได้เลยแม้สักนิด
รอยยิ้มที่เหมือนกำลังปลอบประโลมหัวใจ รอยยิ้มที่แสนอบอุ่น รอยยิ้มที่มีเพียงคนๆนี้เท่านั้นที่ยิ้มแบบนี้ออกมาได้ รอยยิ้มที่มีไว้เพื่อคนๆเดียวที่แสนสำคัญ รอยยิ้มที่่"ปีศาจเเดง"มีให้"นางฟ้า"ได้เพียงคนเดียวเท่านั้น ไม่สามารถยิ้มให้ใครได้อีก
ซิลเวอุ้มวานท์ขึ้นแล้วจึงลุกขึ้นหลังเก็บโมเดลแซดเข้าที่ไว้เรียบร้อยแล้ว ซิลเวหันหลังแล้วเดินจากไป ทิ้งไปเพียงท่อนไม้แหลมยาวที่เขาใช้สู้และเศษซากแพนเทอ้อนที่มีรอยตัดแบบเฉียบคมทิ้งไว้
-เวลาเดียวกัน-ณ ยาน Guardians
"กลับมาแล้วจ้า!"
เอลตะโกนอย่างร่าเริงตามปรกติหลังทำภารกิจเสร็จเรียบร้อยแล้ว เธอเดินเข้าไปหาเเพรรีที่กำลังทำหน้าตึงเครียดพร้อมถามว่าทำไมถึงได้ทำหน้าเครียดกันเชียว
"วานท์หายตัวไปน่ะเอล"แพรรีพูดอย่างเคร่งเครียด
"ไม่จริงน่า!!"เอลอุทาน
"เขาหายตัวไปเเถวๆเขตD-30 ที่ๆเราตรวจพบสัญญาณแปลกๆนั่น เราไม่สามารถติดต่อเขาได้เลย"เเพรรีอธิบายสถานการณ์คร่าวๆอย่างรวดเร็ว
"ชั้นจะไปตามหาเขาเอง!!"เอลบอกแพรรี ดวงตาของเธอฉายเเววสับสน กระวนกระวาย ไม่รู้จะทำอย่างไรดี
"ไม่ได้นะเอล!"แพรรีห้ามเอลไว้ทันที
"แต่นั่นพี่ชายชั้นนะ!! แพรรี!!"เอลแย้งกลับไปทันที แต่แพรรียังคงรั้งเธอไว้อย่างนั้น จนกระทั่ง......
"เกิดอะไรขึ้นแพรรี?ไหงมาเล่นดึงกันไปมาอย่างนี้ล่ะ ว่างงานขนาดนั้นเลยเรอะ"
เสียงเจี้ยวจ้าวช่างพูดที่มักมาก่อนตัวของอดีตฮันเตอร์อิสระสาวนาม"อาเช่"ดังมาจากหน้าประตู อาเช่เดินเข้ามาพร้อมกับคู่หูที่เธอไปเจอตอนที่ทำภารกิจในครั้งอดีต หนุ่มน้อยรูปร่างอ้อนแอ้นซ้ำยังหน้าหวานมากเกินจนบางคนยังแยกไม่ได้ถ้าไม่รู้จัก แถมยังสวมปลอกคอที่มีสายไฟห้อยลงมา2เส้นนาม"เกรย์"
"วานท์หายไปน่ะสิ!!!"เอลตะโกนซ้ำยังทำหน้าเหมือนจะร้องไห้
"ว่าไงนะ!!! รุ่นพี่/วานท์หายไป!!!"เกรย์และอาเช่ตะโกนอย่างตกใจ
ผับ ผับ
"อะ?!/หือ/ว้าว/เอ๋"(เอล/อาเช่/เกรย์/แพรรี)
ทั้งสี่คนอุทานออกมาพร้อมกันเมื่อหันไปเจอหุ่นยนต์นกตัวหนึ่งสีฟ้าที่กำลังบินเข้ามา มันร่อนลงเกาะบนแขนเอลอย่างนุ่มนวลและน้ำหนักมันไม่ได้มากอย่างที่คิดเลยสักนิด ผิดกับรูปร่างอันมโหราฬของมันอย่างมาก เอลมองดูนกตัวนั้นและสังเกตเห็นกระดาษที่ผูกกับข้าของมันมา กระดาษแผ่นนั้นเหลืองมากราวกับผ่านกาลเวลาที่นานแสนนานมาแล้ว เอลค่อยๆเเกะกระดาษแผ่นนั้นออกมาอ่านให้ทุกคนฟัง
'ถึงเหล่าGuardians
ถ้าตอนนี้พวกคุณกำลังกังวลเรื่องวานท์อยู่ ไม่ต้องห่วงแล้วล่ะ เขาอยู่กับชั้นในตอนนี้ เขาโดนแรงกระแทกจากพวกแพนเทอ้อนทำให้กระดูกขาร้าวกับหัวแตก แต่ไม่ต้องห่วงหัวกระแทกไม่แรงทำให้สมองไม่ได้รับเเรงกระทบกระเทือน ส่วนขาชั้นจะรักษาเขาเอง วางใจได้ ชั้นจะดูแลเขาจนหายดี แล้วจะรีบพากลับไปส่งเอง
ปล.ฝากนกตัวนี้ด้วยละกัน เดี๋ยวจะไปเอาตอนไปส่งวานท์ อ๋อ มันชื่อBlue Birdนะ'
ทุกคนมองไปที่นกตัวใหญ่สีฟ้าหรือบลูเบิร์ดทันที มันไซร้ขนไม่ได้สนใจสายตาที่มองมาที่ตนเลยแม้สักนิด
"ไม่ได้เขียนชื่อผู้ส่งนิ"อาเช่พูดขึ้นหลังหันกลับมาจากเจ้าบลูเบิร์ด
"แปลกจังนะฮะ"เกรย์เอียงคอน้อย(หารู้มั้ยว่านั่นทำให้ทหารชายหลายคนเเถวนั้นโอเวอร์ฮีทไปตามๆกัน)
"ลายมือนี่คุ้นๆแฮะ"เอลพึมพำขณะนึกถึงคนที่เขียนสารคนนี้ แต่นึกยังไงก็ไม่ออก
"เราไว้ใจเขาคนนี้ได้เเน่เหรอ?"อาเช่ถามแพรรีที่เงียบแล้วแอบถอนหายใจอย่างโล่งอก
"อืม.......ชั้นว่าเราคงต้องพึ่งโชคเเล้วล่ะ เพราะยังไงวานท์ก็อยู่กับเขานี่ ถ้าเกิดเราไปทำอะไรที่เขาไม่ชอบชั้นว่าวานท์ต้องโดนลูกหลงแน่"แพรรีตอบหลังวิเคราะห์เหตุการณ์เเล้วเรียบร้อย
อาเช่พยักหน้า ส่วนเกรย์ก็คิดอยู่สักพักก็พยักหน้าเช่นกัน เอลเงยหน้ามองท้องฟ้าที่ตั้งเค้าเพื่อที่จะปล่อยพายุลูกใหญ่ออกมาในอีกไม่นาน ในใจของเอลนั้นเป็นกังวลไม่น้อยเลยทีเดียวเชียว เธอได้แต่ภาวนาให้พี่ชายของเธอปลอดภัยเมื่ออยู่กับคนๆนั้น
'วานท์......ขอให้ปลอดภัยทีเถอะ'
สถานที่ลึกลับที่คล้ายกับปราสาทอันเก่าแก่ ในห้องที่คล้ายห้องนอนที่ถูกถล่ม
"อึก!...อือ..ที่นี่....ที่ไหนกัน...."ร่างบางที่นอนอยู่บนเตียงมาตลอดปรือตาขึ้น เมื่อตาปรับสภาพได้แล้วเขาจึงลุกขึ้นแล้วมองไปรอบตัว
สถานที่นี้ดูคงความหรูหราอันเก่าแก่ไว้ แม้บางส่วนได้ถูกทำลายไปแล้วก็ตาม เตียงที่เขากำลังนอนอยู่นั้น ดูจะเรียบง่ายและถูกสร้างขึ้นเพื่อให้คน2คนได้นอนด้วยกัน ที่โต๊ะข้างเคียงมีรูปสองรูปที่ตั้งอยู่ วานท์หยิบรูปทั้งสองขึ้นมาดู รูปแรกเขียนกำกับข้างใต้รูปว่า 'My Beloved Queen "X"' ในภาพมีรูปหญิงสาวที่ดูสวยงามมากๆนั่งอยู่ในสวน พร้อมทั้งมีกระรอกหนุนตักและนกน้อยที่หลับอยู่บนหัวอยู่ด้วย เธอหน้าคล้ายๆวานท์เพียงแค่โครงหน้า เขารู้สึกอบอุ่นกับรอยยิ้มที่อ่อนโยนของเธอ หัวใจรู้สึกผ่อนคลายราวลูกได้อยู่กับแม่อย่างไรอย่างนั้น
ส่วนภาพต่อมาคือภาพของครอบครัวใดครอบครัวหนึ่งที่มีหญิงสาวในภาพก่อนอยู่ด้วย และมีตัวอักศรที่เขียนกำกับไว้เช่นกันว่า 'My whole family' ในภาพมีคนแก่อยู่สองคนที่ยืนอยู่หน้าสุด ข้างหลังนั้นมีเด็กสาวที่หน้าคล้ายๆหญิงสาวที่ชื่อ"X"นิดหน่อย เธอดูอ่อนเยาว์กว่าและข้างๆก็มีเด็กชายหน้ามีรอยแผลเป็นกากบาทที่อายุคาดว่าจะแก่กว่าราวๆ2-3ปียืนอยู่พร้อมอุ้มห่อผ้าโชว์เด็กน้อยหน้่าตาจิ้มลิ้มที่กำลังหัวเราะอยู่ ข้างเด็กชายเเละเด็กสาวมีผู้ชายที่ดูแก่กว่าเด็กชายราว6ปีเห็นจะได้ยืนทำหน้าไม่สบอารมณ์อยู่ข้างๆหญิงสาวคนเดิมที่กำลังอุ้มเด็กผู้ชายอายุราวๆ5ขวบที่หน้าตาถอดแบบมาจากผูชายคนนั้น แต่ดวงตากลับเหมือนหญิงสาวที่อุ้มอยู่ ใบหน้าของทุกคนแสดงถึงความสุขในวันวานที่ล่วงเลยไปแล้วอย่างชัดเจน(ยกเว้นผู้ชายคนนั้น)
ผู้เข้ามาใหม่นั้น เมื่อเห็นร่างที่หลับไปยาวนานกำลังจ้องมองดูภาพถ่ายที่ยังคงหลงเหลือไว้อยู่ไม่วางตาก็คลียิ้มออกมาพร้อมยกฮูดขึ้นปิดหน้า แล้วจึงเดินเข้าไปหา
ข้อความที่โพสจะต้องไม่น้อยกว่า {{min_t_comment}} ตัวอักษรและไม่เกิน {{max_t_comment}} ตัวอักษร
กรอกชื่อด้วยนะ
_________
กรอกข้อมูลในช่องต่อไปนี้ไม่ครบ
หรือข้อมูลผิดพลาดครับ :
_____________________________
ช่วยกรอกอีกครั้งนะครับ
กรุณากรอกรหัสความปลอดภัย
ความคิดเห็น