ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    แก้วกานดา [YAOI]

    ลำดับตอนที่ #3 : แก้วกานดา ๐๒

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 134
      5
      24 พ.ค. 61

    แก้วกานดา ๐๒

    ***

                เกิดมาจนอายุสามสิบห้า เทพพิทักษ์ไม่คิดว่าความซวยมันจะพุ่งชนมาพร้อมกันเสียแบบนี้

                ตั้งแต่เจอหน้าไอสามเกลอ สัญญาณเตือนภัยในหัวก็ดังไม่หยุด ดังเสียยิ่งกว่าเสียงร้องไห้กระจองอแงของเจ้าแก้วตอนเด็กเสียอีกมั้ง เขารู้จักมันสามคนมานานพอจนรู้ว่ามันอาจจะนำความซวยอะไรมาให้เขา

                ประการแรกคือเขาอาจจะถูกน้องน้อยที่เฝ้าทะนุถนอมมาตั้งแต่น้อยโกรธไปข้ามวัน จากการโม้ไปทั่วเรื่องเจ้าแก้วอย่างนั้นเจ้าแก้วอย่างนี้โดยที่เจ้าตัวไม่รู้ความ ประการที่สองคือความเรื่องเจ้าแก้วไม่ใช่ผู้หญิงอาจแตก เนื่องจากไอพวกปากอยู่ไม่สุขอย่างไอสามเกลอนรกนี่

                เทพพิทักษ์ไม่ใช่คนขี้ขลาด ชายชาติทหารอย่างเขาถูกบ่มเพาะมาให้กล้าหาญ แต่ก็ใช่ว่าความกล้าหาญของเขาจะได้ผลเมื่ออยู่ต่อหน้าน้องชายคนเล็กหากอีกฝ่ายโกรธขึ้ง เทพพิทักษ์ไม่เคยทนได้เลยหากโดนน้องโมโหจนไม่พูดไม่จา

                แล้วชีวิตของไอ้เทพพิทักษ์คนนี้จะเป็นอย่างไรต่อน่ะหรือ หากหลับตาดูก็คงจะเห็นแต่ความมืดมิดเสียแน่

                “เอ้อ...บังเอิญเสียจริง”

                เอกอดิศรคนพี่แสร้งยิ้มทักเพื่อนที่เพิ่งเจอกันห่างกันไม่ถึงสิบนาที แม้จะแอบทำมือปาดคอชี้หน้าเจ้าพวกสามเกลอที่ยืนกอดคอชะเง้อชะแง้หา เจ้าแก้วกันยกใหญ่ โดยที่ไม่รู้เลยด้วยซ้ำว่าเจ้าแก้วที่มันหากำลังยืนกระพริบตาปริบๆ อยู่ตรงหน้าพวกมันเนี่ย!

                ไอพวกเพื่อนโง่เอ๋ย เทพพิทักษ์ส่ายหัวให้กับความช่างจินตนาการของสามเกลอ ป่านนี้คงมองหาแม่สาวงามชดช้อยราวกับคุณหนูอยู่ล่ะสิไอพวกประตูดินเอ๋ย!

                “นี่หรือ เพื่อนของพี่เทพ ผมกำลังจะเข้าไปทักทายเสียพอดี”

                เสียงของเจ้าแก้วเอ่ยขึ้นพร้อมยิ้มกว้าง สร้างความฉงนให้แก่สามเกลอยิ่งนัก แต่ก็ยังดีที่พวกมันจะมีมารยาทพอที่จะปั้นยิ้มหวานให้น้องรักของเขาแทนที่จะสู่รู้เอ่ยถามหา เจ้าแก้วในอุดมคติของพวกมัน

                หลังจากที่มองผ่านไปมาจนเสียพอใจไอนรินทร์ก็ปั้นยิ้มกว้างให้น้องเขา ก่อนจะเอ่ยถามอย่างเกรงใจ

                “สวัสดีครับ เอ่อ ประทานโทษนะ คุณเป็นน้องชายคนไหนของไอเทพล่ะนี่”

                “เอ่อ สวัสดีครับ ผมชื่อ...”

                ยังไม่ทันจะได้พูดอะไร เทพพิทักษ์ก็โยนชะลอมมะม่วงในมือใส่อกเพื่อนทั้งสามคนละชะลอมสองชะลอม ก่อนที่น้องชายคนเล็กจะเอ่ยชื่อของตนออกมา หรือไอตัวแสบทั้งสามจะระริกระรี้ร้องหาเจ้าแก้วเสียก่อน แก้วกานดาเงยหน้ามองพี่ชายอย่างประหลาดใจ ไม่คิดว่าพี่ชายของเขาจะไม่อยากให้รู้จักเพื่อนของตัวเองเสียขนาดนี้

                หรือว่าจะมีความลับอะไรปิดบังเขา...

                “พวกเอ็งจะอยากรู้กันไปทำไมหือ นี่มะม่วง แม่กันฝากมาให้จากที่บ้าน พวกเอ็งมาก็ดี เอาไปเก็บที่ห้องทำงานให้กันที”

                เทพพิทักษ์ตะโกนลั่น ชี้นิ้วสั่งเพื่อนชายทั้งสามที่ถือชะลอมในมือ ชายหนุ่มมองพี่ชายคนโตที่ชี้นิ้วสั่งเพื่อนของตัวเองให้กลับไปเสียแก้วกานดาก็จนใจจะเอ่ยรั้ง แม้เขาจะอยากรู้เหลือเกินก็ตามว่าอะไรทำให้พี่ชายของตนเองดูมีพิรุธถึงเพียงนี้

                “ไอนี่ โยนมาได้ มะม่วงช้ำหมดจะว่าไงกันฮึ อีกอย่าง ฉันยังไม่ได้เห็นน้องสาวแกเลยนะเว้ย”

                ชายหนุ่มผิวเข้มหันมาตะโกนไล่หลัง จากพี่ชายเขาวาดมือขู่จะตีจึงพากันวิ่งปรู๊ดหนีไป กริยาอาการราวกับเด็กทำให้เจ้าแก้วไม่แปลกใจว่าทำไมพี่ชายของเขาถึงได้คบกับชายหนุ่มพวกนี้ได้ แต่คำพูดประโยคท้ายทำให้แก้วกานดาเอะใจ

                น้องสาวหรือ? บ้านเขามีน้องสาวเสียที่ไหน?

                “เออ เจ้าแก้วน้องสาวเอ็งน่ะ กันยังไม่ได้เห็นเลยนะเว้ย!!!

                เท่านั้นล่ะ แก้วกานดาก็ถึงบางอ้อทันที

                ไอพี่บ้านี่ เที่ยวไปประกาศในกรมว่าเขาเป็นผู้หญิงกระนั้นหรือ!!!

     

                หากน้องชายคนเล็กของบ้านเอกอดิศร หากโกรธแล้วทั้งบ้านจะร้อนเป็นไฟไปเสียด้วย

                มิใช่ร้อนเป็นไฟเพราะเจ้าแก้วโกรธได้น่ากลัว แต่ร้อนเป็นไฟเพราะทุกคนในบ้านจะวิ่งเร่าหาเหตุผลว่าทำไมเจ้าแก้วน้องน้อยถึงได้โกรธ พร้อมทั้งหาทุกสิ่งมาปรนเปรอจนกว่าเจ้าตัวเล็กจะพอใจ

                ซึ่งแกนนำจะเป็นใครไปไม่ได้ นอกจากคุณหญิงโฉมวิลัยผู้ที่รักเจ้าแก้วเสียยิ่งกว่าแก้วตาดวงใจเสียนั้นเอง

                เหตุนั้นแก้วกานดาจึงไม่คิดจะกลับบ้านเสียตอนนี้ เขาไม่อยากจะทำตัวร้ายกาจเป็นเด็กๆ เหมือนอย่างเคย ชายหนุ่มจึงเลือกที่จะให้นายอ่ำหันพวงมาลัยรถจากบ้านไปเป็นห้างอดิศราวงศ์ ตึกแถวหลังใหญ่พี่ชายคนที่สี่ อย่างคุณชายธีรธรณ์เป็นเจ้าของ

                ห้างหลังใหญ่นั้นเป็นห้างรับสินค้าจากประเทศจีนที่พี่ชายของเขาใช้เงินของตัวเองลงทุน จนกลายเป็นห้างที่ไม่ว่าลูกท่านหลานเธอที่ไหนก็ต้องเคยเข้าไปเดินเล่นหรือเลือกซื้อสินค้าคุณภาพดีเยี่ยม แม้จะเปิดมาเพียงสิบปีแต่ก็โด่งดังไปทั่วพระนคร เนื่องจากแก้วกานดาเรียนจบมาทางด้านบริหาร เขาจึงคิดจะมาร่วมบริหารห้างร่วมกับพี่ชาย ซึ่งธีรธรณ์ก็ไม่ได้ขัดข้อง เขาคิดจะขยายกิจการ หากมีกำลังเป็นน้องชายคนเล็กก็ไม่น่าจะมีปัญหาอะไร

                “อ้าว...เจ้าแก้ว”

                เสียงของคุณชายธีรธรณ์ บุรุษร่างใหญ่ในชุดสูทสีครีมแบบยุโรปเอ่ยทักอย่างประหลาดใจเมื่อเห็นน้องชายที่เดินขึ้นลิฟต์มายังออฟฟิศชั้นบนอย่างไม่คาดคิด เขาไม่คิดว่าเจ้าแก้วจะคิดมาเยือนที่ทำงานหลังจากวันแรกที่เพิ่งได้เหยียบเมืองไทยมาหมาดๆ เมื่อเห็นใบหน้าบูดบึ้งของน้องจึงไม่อยากทักอะไรมากนัก

                “สวัสดีครับพี่ชายธีร์ วันนี้น้องแวะมาดูที่ทำงาน หวังว่าคงไม่รบกวนพี่ชายธีร์จนเกินไป”

                “รบกวนอะไรกันเจ้าแก้ว พี่แค่แปลกใจ แล้วนี่ทำไมหน้างอเป็นปลาทูเสียขนาดนั้น โดนใครรังแกมาหรือ?”

                เมื่อได้ยินเสียงทัก เจ้าแก้วก็พยายามปรับอารมณ์ เขาไม่ใคร่จะทำให้พี่ชายคนเกือบเล็กสุดลำบากใจ จะว่าไปบ้านนี้ก็แปลก พี่ชายคนโตสุดกลับชอบละเล่นราวกับเด็ก แต่คนที่เกือบเกิดเป็นลำดับสุดท้ายกลับดูเป็นผู้ใหญ่มากกว่าเสียอีก

                “น้องเพิ่งไปเยี่ยมพี่ชายใหญ่ที่กรมมา”

                “โดนแหย่มาอีกสิ พี่นึกว่าเจ้าแก้วจะชินแล้วเสียอีก”

                ชายธีร์เอ่ยเย้า ก่อนจะเดินนำน้องชายไปยังโต๊ะทำงาน เจ้าแก้วถอดหมวกและเบลเซอร์พาดไว้กับที่แขวน ก่อนจะเดินตามพี่ชายไปนั่งตรงข้าม

                “จะว่าไปน้องมาก็ดี วันนี้พี่มีนัดคุยงานกับหุ้นส่วนคนใหม่”

                “หุ้นส่วนคนใหม่?”

                “ใช่ ปกติเขาก็เป็นคู่ค้ากับเรามานาน พี่เห็นเป็นการดีหากเขาจะผูกขาดกับห้างเรา ทีนี้สินค้าจากฝั่งจีนก็จะลงที่เราที่เดียว น้องว่าดีหรือไม่?”

                “คู่ค้าที่เป็นคู่ค้ากับเรามานาน พี่ชายธีร์จะบอกว่าตระกูลรัตนาธิกุลวงศ์หรือครับ?”

                เจ้าแก้วได้ยินชื่อนี้มาตั้งแต่เล็ก เพราะห้างนี้เพิ่งก่อตั้งตอนแก้วกานดาอายุได้เพียงสิบขวบ ตอนนั้นพี่ชายธีร์อายุยี่สิบสอง เพิ่งเรียนจบกลับมาก็ก่อตั้งห้างหลังใหญ่ด้วยตัวเอง หากไม่มีเจ้าสัวจากตระกูลรัตนาธิกุลวงศ์คอยสนับสนุนนำสินค้ามาลงให้ ห้างอดิศราวงศ์ก็คงไม่มีทางตั้งในพระนครมาจนได้ถึงป่านนี้

                “ถูกแล้วเจ้าแก้ว ไม่นานมาแล้วเจ้าสัวโค้วเพิ่งจะยกบริษัทให้ลูกชายคนโตของท่าน คุณชายอติเทพ น้องคุ้นชื่อนี้บ้างหรือไม่?”

                “เอ่อ น้องไม่คุ้น”

                “งั้นหรือ เมื่อก่อนเขามาเที่ยวที่บ้านเราออกบ่อย น้องก็ติดเขามากเลยนะ”

                แก้วกานดาทำหน้ายุ่ง ในหัวเขาไม่มีความทรงจำเกี่ยวกับคุณชายอติเทพที่ว่าเลยซักนิดตั้งแต่อายุสิบขวบจนกระทั่งถูกส่งไปเรียนเมืองนอก คนที่คุ้นตาเขาที่สุดเห็นจะเป็นเจ้าสัวโค้วที่พี่ชายธีร์แวะเวียนเอาของไปฝากบ่อยๆ หรือกระทั่งท่านเองที่แวะเวียนมาจิบน้ำชาสนทนาเล่นหมากรุกกับคุณพ่อเป็นครั้งเป็นคราวเท่านั้น

                อติเทพหรือ ไม่มีอยู่ในหัวเลย

                “เอ้าๆ ทำหน้ายุ่งเสียขนาดนั้น หากนึกไม่ออกก็ไม่ต้องนึกหรอก เดี๋ยววันนี้เขาจะมาคุยเรื่องสัญญากับพี่ ยังไงน้องก็อยู่ฟัง หากมีอะไรจะช่วยพี่ได้ก็คอยช่วยก็แล้วกัน”

                คุณชายธีร์เอ่ยพลางยิ้ม ไม่นานนักก็มีเสียงเคาะประตูจากทางด้านหลัง เจ้าแก้วหันไปมองตามพี่ชาย หลังจากที่พี่ชายของเขาเอ่ยปากอนุญาต บานประตูก็เปิดออก เผยให้เห็นชายหนุ่มเจ้าของร่างสูงใหญ่พร้อมกับใบหน้าหล่อเหลาแบบครึ่งไทยครึ่งจีนอยู่ในชุดสูทสีเข้มตัดเย็บพอดีตัว มองด้วยตาเปล่าก็รู้ว่าผ้าเนื้อดีขนาดไหน

                นี่น่ะหรือคุณชายอติเทพ แม้ไม่ดูเป็นคุณชายเจ้าสำอาง แต่หน้าตาก็ดูร้ายไม่เบา นี่คงจะมีสาวติดทั่วพระนครเลยล่ะสิท่า

                “สวัสดีครับคุณชายธีรธรณ์ แล้วก็...ไม่คิดว่าจะได้เจอเลยนะครับ น้องแก้ว”

                อีกฝ่ายพูดด้วยน้ำเสียงนุ่มทุ่มหู สิ้นคำสรรพนามที่เรียก เจ้าแก้วก็ตัวชาวาบ อารมณ์โกรธกรุ่นขึ้นมาในอก เอาล่ะ เจ้าแก้วคิดว่าเขาชักไม่ชอบหน้าอีกฝ่ายเสียแล้ว

                แม้จะแค่ถูกเรียกชื่อก็ตามทีเถอะ

                น้องแก้วหรือ เขาไม่ยอมให้คนนอกจากครอบครัวมาเรียกชื่อนี้เสียหน่อย!!!

     

                ที่พระเอกโผล่แปลว่ามีเงินจ่ายค่าตัวพระเอกแล้วค่ะ เยยยยยยย้

    CR.SQW
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    นักเขียนปิดการแสดงความคิดเห็น
    ×