คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : แก้วกานดา ๐๒
แก้วกานดา ๐๒
***
เกิดมาจนอายุสามสิบห้า
เทพพิทักษ์ไม่คิดว่าความซวยมันจะพุ่งชนมาพร้อมกันเสียแบบนี้
ตั้งแต่เจอหน้าไอสามเกลอ
สัญญาณเตือนภัยในหัวก็ดังไม่หยุด ดังเสียยิ่งกว่าเสียงร้องไห้กระจองอแงของเจ้าแก้วตอนเด็กเสียอีกมั้ง
เขารู้จักมันสามคนมานานพอจนรู้ว่ามันอาจจะนำความซวยอะไรมาให้เขา
ประการแรกคือเขาอาจจะถูกน้องน้อยที่เฝ้าทะนุถนอมมาตั้งแต่น้อยโกรธไปข้ามวัน
จากการโม้ไปทั่วเรื่องเจ้าแก้วอย่างนั้นเจ้าแก้วอย่างนี้โดยที่เจ้าตัวไม่รู้ความ
ประการที่สองคือความเรื่องเจ้าแก้วไม่ใช่ผู้หญิงอาจแตก
เนื่องจากไอพวกปากอยู่ไม่สุขอย่างไอสามเกลอนรกนี่
เทพพิทักษ์ไม่ใช่คนขี้ขลาด
ชายชาติทหารอย่างเขาถูกบ่มเพาะมาให้กล้าหาญ
แต่ก็ใช่ว่าความกล้าหาญของเขาจะได้ผลเมื่ออยู่ต่อหน้าน้องชายคนเล็กหากอีกฝ่ายโกรธขึ้ง
เทพพิทักษ์ไม่เคยทนได้เลยหากโดนน้องโมโหจนไม่พูดไม่จา
แล้วชีวิตของไอ้เทพพิทักษ์คนนี้จะเป็นอย่างไรต่อน่ะหรือ
หากหลับตาดูก็คงจะเห็นแต่ความมืดมิดเสียแน่
“เอ้อ...บังเอิญเสียจริง”
เอกอดิศรคนพี่แสร้งยิ้มทักเพื่อนที่เพิ่งเจอกันห่างกันไม่ถึงสิบนาที
แม้จะแอบทำมือปาดคอชี้หน้าเจ้าพวกสามเกลอที่ยืนกอดคอชะเง้อชะแง้หา ‘เจ้าแก้ว’ กันยกใหญ่ โดยที่ไม่รู้เลยด้วยซ้ำว่าเจ้าแก้วที่มันหากำลังยืนกระพริบตาปริบๆ
อยู่ตรงหน้าพวกมันเนี่ย!
ไอพวกเพื่อนโง่เอ๋ย
เทพพิทักษ์ส่ายหัวให้กับความช่างจินตนาการของสามเกลอ ป่านนี้คงมองหาแม่สาวงามชดช้อยราวกับคุณหนูอยู่ล่ะสิไอพวกประตูดินเอ๋ย!
“นี่หรือ
เพื่อนของพี่เทพ ผมกำลังจะเข้าไปทักทายเสียพอดี”
เสียงของเจ้าแก้วเอ่ยขึ้นพร้อมยิ้มกว้าง
สร้างความฉงนให้แก่สามเกลอยิ่งนัก แต่ก็ยังดีที่พวกมันจะมีมารยาทพอที่จะปั้นยิ้มหวานให้น้องรักของเขาแทนที่จะสู่รู้เอ่ยถามหา
‘เจ้าแก้ว’ ในอุดมคติของพวกมัน
หลังจากที่มองผ่านไปมาจนเสียพอใจไอนรินทร์ก็ปั้นยิ้มกว้างให้น้องเขา
ก่อนจะเอ่ยถามอย่างเกรงใจ
“สวัสดีครับ
เอ่อ ประทานโทษนะ คุณเป็นน้องชายคนไหนของไอเทพล่ะนี่”
“เอ่อ
สวัสดีครับ ผมชื่อ...”
ยังไม่ทันจะได้พูดอะไร
เทพพิทักษ์ก็โยนชะลอมมะม่วงในมือใส่อกเพื่อนทั้งสามคนละชะลอมสองชะลอม
ก่อนที่น้องชายคนเล็กจะเอ่ยชื่อของตนออกมา
หรือไอตัวแสบทั้งสามจะระริกระรี้ร้องหาเจ้าแก้วเสียก่อน
แก้วกานดาเงยหน้ามองพี่ชายอย่างประหลาดใจ
ไม่คิดว่าพี่ชายของเขาจะไม่อยากให้รู้จักเพื่อนของตัวเองเสียขนาดนี้
หรือว่าจะมีความลับอะไรปิดบังเขา...
“พวกเอ็งจะอยากรู้กันไปทำไมหือ
นี่มะม่วง แม่กันฝากมาให้จากที่บ้าน พวกเอ็งมาก็ดี เอาไปเก็บที่ห้องทำงานให้กันที”
เทพพิทักษ์ตะโกนลั่น
ชี้นิ้วสั่งเพื่อนชายทั้งสามที่ถือชะลอมในมือ ชายหนุ่มมองพี่ชายคนโตที่ชี้นิ้วสั่งเพื่อนของตัวเองให้กลับไปเสียแก้วกานดาก็จนใจจะเอ่ยรั้ง
แม้เขาจะอยากรู้เหลือเกินก็ตามว่าอะไรทำให้พี่ชายของตนเองดูมีพิรุธถึงเพียงนี้
“ไอนี่
โยนมาได้ มะม่วงช้ำหมดจะว่าไงกันฮึ อีกอย่าง ฉันยังไม่ได้เห็นน้องสาวแกเลยนะเว้ย”
ชายหนุ่มผิวเข้มหันมาตะโกนไล่หลัง
จากพี่ชายเขาวาดมือขู่จะตีจึงพากันวิ่งปรู๊ดหนีไป กริยาอาการราวกับเด็กทำให้เจ้าแก้วไม่แปลกใจว่าทำไมพี่ชายของเขาถึงได้คบกับชายหนุ่มพวกนี้ได้
แต่คำพูดประโยคท้ายทำให้แก้วกานดาเอะใจ
น้องสาวหรือ?
บ้านเขามีน้องสาวเสียที่ไหน?
“เออ
เจ้าแก้วน้องสาวเอ็งน่ะ กันยังไม่ได้เห็นเลยนะเว้ย!!!”
เท่านั้นล่ะ แก้วกานดาก็ถึงบางอ้อทันที
ไอพี่บ้านี่ เที่ยวไปประกาศในกรมว่าเขาเป็นผู้หญิงกระนั้นหรือ!!!
หากน้องชายคนเล็กของบ้านเอกอดิศร หากโกรธแล้วทั้งบ้านจะร้อนเป็นไฟไปเสียด้วย
มิใช่ร้อนเป็นไฟเพราะเจ้าแก้วโกรธได้น่ากลัว
แต่ร้อนเป็นไฟเพราะทุกคนในบ้านจะวิ่งเร่าหาเหตุผลว่าทำไมเจ้าแก้วน้องน้อยถึงได้โกรธ
พร้อมทั้งหาทุกสิ่งมาปรนเปรอจนกว่าเจ้าตัวเล็กจะพอใจ
ซึ่งแกนนำจะเป็นใครไปไม่ได้
นอกจากคุณหญิงโฉมวิลัยผู้ที่รักเจ้าแก้วเสียยิ่งกว่าแก้วตาดวงใจเสียนั้นเอง
เหตุนั้นแก้วกานดาจึงไม่คิดจะกลับบ้านเสียตอนนี้
เขาไม่อยากจะทำตัวร้ายกาจเป็นเด็กๆ เหมือนอย่างเคย ชายหนุ่มจึงเลือกที่จะให้นายอ่ำหันพวงมาลัยรถจากบ้านไปเป็นห้างอดิศราวงศ์
ตึกแถวหลังใหญ่พี่ชายคนที่สี่ อย่างคุณชายธีรธรณ์เป็นเจ้าของ
ห้างหลังใหญ่นั้นเป็นห้างรับสินค้าจากประเทศจีนที่พี่ชายของเขาใช้เงินของตัวเองลงทุน
จนกลายเป็นห้างที่ไม่ว่าลูกท่านหลานเธอที่ไหนก็ต้องเคยเข้าไปเดินเล่นหรือเลือกซื้อสินค้าคุณภาพดีเยี่ยม
แม้จะเปิดมาเพียงสิบปีแต่ก็โด่งดังไปทั่วพระนคร เนื่องจากแก้วกานดาเรียนจบมาทางด้านบริหาร
เขาจึงคิดจะมาร่วมบริหารห้างร่วมกับพี่ชาย ซึ่งธีรธรณ์ก็ไม่ได้ขัดข้อง เขาคิดจะขยายกิจการ
หากมีกำลังเป็นน้องชายคนเล็กก็ไม่น่าจะมีปัญหาอะไร
“อ้าว...เจ้าแก้ว”
เสียงของคุณชายธีรธรณ์
บุรุษร่างใหญ่ในชุดสูทสีครีมแบบยุโรปเอ่ยทักอย่างประหลาดใจเมื่อเห็นน้องชายที่เดินขึ้นลิฟต์มายังออฟฟิศชั้นบนอย่างไม่คาดคิด
เขาไม่คิดว่าเจ้าแก้วจะคิดมาเยือนที่ทำงานหลังจากวันแรกที่เพิ่งได้เหยียบเมืองไทยมาหมาดๆ
เมื่อเห็นใบหน้าบูดบึ้งของน้องจึงไม่อยากทักอะไรมากนัก
“สวัสดีครับพี่ชายธีร์
วันนี้น้องแวะมาดูที่ทำงาน หวังว่าคงไม่รบกวนพี่ชายธีร์จนเกินไป”
“รบกวนอะไรกันเจ้าแก้ว
พี่แค่แปลกใจ แล้วนี่ทำไมหน้างอเป็นปลาทูเสียขนาดนั้น โดนใครรังแกมาหรือ?”
เมื่อได้ยินเสียงทัก
เจ้าแก้วก็พยายามปรับอารมณ์ เขาไม่ใคร่จะทำให้พี่ชายคนเกือบเล็กสุดลำบากใจ
จะว่าไปบ้านนี้ก็แปลก พี่ชายคนโตสุดกลับชอบละเล่นราวกับเด็ก
แต่คนที่เกือบเกิดเป็นลำดับสุดท้ายกลับดูเป็นผู้ใหญ่มากกว่าเสียอีก
“น้องเพิ่งไปเยี่ยมพี่ชายใหญ่ที่กรมมา”
“โดนแหย่มาอีกสิ
พี่นึกว่าเจ้าแก้วจะชินแล้วเสียอีก”
ชายธีร์เอ่ยเย้า
ก่อนจะเดินนำน้องชายไปยังโต๊ะทำงาน เจ้าแก้วถอดหมวกและเบลเซอร์พาดไว้กับที่แขวน
ก่อนจะเดินตามพี่ชายไปนั่งตรงข้าม
“จะว่าไปน้องมาก็ดี
วันนี้พี่มีนัดคุยงานกับหุ้นส่วนคนใหม่”
“หุ้นส่วนคนใหม่?”
“ใช่
ปกติเขาก็เป็นคู่ค้ากับเรามานาน พี่เห็นเป็นการดีหากเขาจะผูกขาดกับห้างเรา
ทีนี้สินค้าจากฝั่งจีนก็จะลงที่เราที่เดียว น้องว่าดีหรือไม่?”
“คู่ค้าที่เป็นคู่ค้ากับเรามานาน
พี่ชายธีร์จะบอกว่าตระกูลรัตนาธิกุลวงศ์หรือครับ?”
เจ้าแก้วได้ยินชื่อนี้มาตั้งแต่เล็ก
เพราะห้างนี้เพิ่งก่อตั้งตอนแก้วกานดาอายุได้เพียงสิบขวบ ตอนนั้นพี่ชายธีร์อายุยี่สิบสอง
เพิ่งเรียนจบกลับมาก็ก่อตั้งห้างหลังใหญ่ด้วยตัวเอง
หากไม่มีเจ้าสัวจากตระกูลรัตนาธิกุลวงศ์คอยสนับสนุนนำสินค้ามาลงให้
ห้างอดิศราวงศ์ก็คงไม่มีทางตั้งในพระนครมาจนได้ถึงป่านนี้
“ถูกแล้วเจ้าแก้ว
ไม่นานมาแล้วเจ้าสัวโค้วเพิ่งจะยกบริษัทให้ลูกชายคนโตของท่าน คุณชายอติเทพ
น้องคุ้นชื่อนี้บ้างหรือไม่?”
“เอ่อ
น้องไม่คุ้น”
“งั้นหรือ
เมื่อก่อนเขามาเที่ยวที่บ้านเราออกบ่อย น้องก็ติดเขามากเลยนะ”
แก้วกานดาทำหน้ายุ่ง
ในหัวเขาไม่มีความทรงจำเกี่ยวกับคุณชายอติเทพที่ว่าเลยซักนิดตั้งแต่อายุสิบขวบจนกระทั่งถูกส่งไปเรียนเมืองนอก
คนที่คุ้นตาเขาที่สุดเห็นจะเป็นเจ้าสัวโค้วที่พี่ชายธีร์แวะเวียนเอาของไปฝากบ่อยๆ หรือกระทั่งท่านเองที่แวะเวียนมาจิบน้ำชาสนทนาเล่นหมากรุกกับคุณพ่อเป็นครั้งเป็นคราวเท่านั้น
อติเทพหรือ
ไม่มีอยู่ในหัวเลย
“เอ้าๆ
ทำหน้ายุ่งเสียขนาดนั้น หากนึกไม่ออกก็ไม่ต้องนึกหรอก เดี๋ยววันนี้เขาจะมาคุยเรื่องสัญญากับพี่
ยังไงน้องก็อยู่ฟัง หากมีอะไรจะช่วยพี่ได้ก็คอยช่วยก็แล้วกัน”
คุณชายธีร์เอ่ยพลางยิ้ม
ไม่นานนักก็มีเสียงเคาะประตูจากทางด้านหลัง เจ้าแก้วหันไปมองตามพี่ชาย
หลังจากที่พี่ชายของเขาเอ่ยปากอนุญาต บานประตูก็เปิดออก เผยให้เห็นชายหนุ่มเจ้าของร่างสูงใหญ่พร้อมกับใบหน้าหล่อเหลาแบบครึ่งไทยครึ่งจีนอยู่ในชุดสูทสีเข้มตัดเย็บพอดีตัว
มองด้วยตาเปล่าก็รู้ว่าผ้าเนื้อดีขนาดไหน
นี่น่ะหรือคุณชายอติเทพ
แม้ไม่ดูเป็นคุณชายเจ้าสำอาง แต่หน้าตาก็ดูร้ายไม่เบา นี่คงจะมีสาวติดทั่วพระนครเลยล่ะสิท่า
“สวัสดีครับคุณชายธีรธรณ์
แล้วก็...ไม่คิดว่าจะได้เจอเลยนะครับ น้องแก้ว”
อีกฝ่ายพูดด้วยน้ำเสียงนุ่มทุ่มหู
สิ้นคำสรรพนามที่เรียก เจ้าแก้วก็ตัวชาวาบ อารมณ์โกรธกรุ่นขึ้นมาในอก เอาล่ะ เจ้าแก้วคิดว่าเขาชักไม่ชอบหน้าอีกฝ่ายเสียแล้ว
แม้จะแค่ถูกเรียกชื่อก็ตามทีเถอะ
น้องแก้วหรือ
เขาไม่ยอมให้คนนอกจากครอบครัวมาเรียกชื่อนี้เสียหน่อย!!!
ที่พระเอกโผล่แปลว่ามีเงินจ่ายค่าตัวพระเอกแล้วค่ะ เยยยยยยย้
ความคิดเห็น