คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #14 : Chapter 14 : Turning Table
เฮอร์ไมโอนี่นั่งทานอาหารเช้าอย่างเหม่อลอย รอนมองหน้าแฮร์รี่ที่ตอนนี้ข้อมือหายดีเป็นปกติแล้วด้วยสายตางุนงง แฮร์รี่เองก็ไม่ต่างกัน หลังจากการแข่งควิดดิชจบลงเฮอร์ไมโอนี่ดูไม่ร่าเริงสดใสเลย จินนี่เองก็ไม่ต่างกันนัก เธอไม่ยอมมานั่งข้างแฮร์รี่เหมือนเคย กับย้ายไปนั่งกับดีน โทมัสแทน ทำเอาแฮร์รี่นึกหงุดหงิดใจอยู่ไม่น้อย
“เฮอร์ไมโอนี่...” รอนเรียก แต่อีกฝ่ายไม่มีท่าทีจะใส่ใจ ดวงตาสีน้ำตาลยังคงเหม่อลอยเหมือนถูกผู้คุมวิญญาณมอบจุมพิตให้ รอนกระแอมแล้วเรียกเสียงดังขึ้นจนเฮอร์ไมโอนี่สะดุ้ง
“มะ...มีอะไรเหรอรอน” เฮอร์ไมโอนี่ถาม แฮร์รี่เพิ่งสังเกตว่าเธอตาบวม
“ช่วงนี้เธอดูจิตใจไม่ค่อยอยู่กับเนื้อกับตัวเลยนะ เป็นอะไรหรือเปล่า มีอะไรทำไมไม่เล่าให้เราฟังล่ะ” แฮร์รี่ถาม เฮอร์ไมโอนี่ยิ้มเจื่อนๆ
“ฉันแค่เครียดเรื่องสอบว.พ.ร.ส.น่ะ ไม่มีอะไรหรอก” เฮอร์ไมโอนี่ตอบ รอนแค่นหัวเราะ
“ฉันเห็นเธออ่านหนังสือจบหมดทุกเล่มแล้ว จะกลัวอะไรล่ะ พวกฉันนี่สิ หน้าปกหนังสือยังไม่ได้แตะเลยด้วยซ้ำ” รอนบอกพลางกวาดแพนเค้กเข้าปากอย่างตะกละตะกลาม แฮร์รี่กำลังจะถามว่าเธอเป็นอะไรกันแน่ แต่ถูกขัดจังหวะเพราะเนวิลล์วิ่งกระหืดกระหอบเข้ามา ก่อนจะนั่งลงข้างๆ รอน
“นี่...พวกนายได้ยินเรื่องมัลฟอยกันหรือยัง หมอนั่นฟื้นแล้วนะ….” เนวิลล์พูดพลางหอบไป แฮร์รี่รีบถามทันที เฮอร์ไมโอนี่นั่งก้มหน้าตักซุปเข้าปากเงียบๆ
“แล้วหมอนั่นเป็นยังไงบ้าง”
“เอ่อ....” เนวิลล์อึกอัก รอนมองอย่างหงุดหงิด
“อะไรล่ะ....บอกมาสิ จะเอ่อทำไม” รอนแหวใส่ เนวิลล์ยิ้มเจื่อนๆ
“มัลฟอยความจำเสื่อม....มาดามพรอมฟรีย์บอกว่าหัวเขาน่าจะกระแทกแรงมากจนความจำเสื่อมเลย” เมื่อจบประโยค ช้อนในมือเฮอร์ไมโอนี่ร่วงลงในชามซุป จนน้ำซุปกระเด็นเปื้อนเสื้อเธอ แต่เธอไม่สนใจ
“...เห็นว่าเขาจำไม่ได้เลยว่าขึ้นมาอยู่ปีห้าได้ยังไง ความทรงจำสุดท้ายของเขาคือตอนจบปีสี่ แค่นั้น” เนวิลล์บอก เฮอร์ไมโอนี่รู้สึกว่าขอบตาเธอร้อนผ่าวเมื่อเธอเข้าใจความเลวร้ายที่คอยท่าอยู่ เธอรีบลุกจากโต๊ะไปโดยพยายามไม่ให้เพื่อนสังเกตว่าน้ำตาเริ่มไหลออกมาอย่างควบคุมไม่ได้ มีเพียงความคิดเดียวที่แจ่มชัด
มันเป็นแบบนี้ไปได้ยังไง....ทำไมนะ ทำไม....
เฮอร์ไมโอนี่รู้สึกตัวอีกทีเมื่อเธอหยุดอยู่หน้าห้องพยาบาล เธอรู้ว่าถึงเธอเข้าไป เขาก็คงตะเพิดเธอออกมาอยู่ดี ช่วงเวลาๆ ดี ที่ทั้งคู่เคยมีให้กันในตอนนี้จางหายไปราวกับเป็นเพียงควันสายหนึ่ง เธอปาดน้ำตาออก ก่อนจะค่อยๆ แง้มประตูเข้าไป เฮอร์ไมโอนี่เพียงแค่อยากเห็นหน้าเขา อยากเห็นว่าเขาไม่เป็นไรเท่านั้นเอง....
“มาทำอะไรตรงนี้ ยัยเลือดสีโคลน” เสียงบาดหูของแพนซี่ พาร์กินสันดังขึ้นด้านหลัง เฮอร์ไมโอนี่สะดุ้ง เมื่อหันไปก็พบแพนซี่ยืนมองเธออย่างรังเกียจ แต่กระนั้น กลับมีแววเลื่อนลอยอยู่ในดวงตาสีดำสนิทของเธอ
“ถอยไปซะ คนอย่างหล่อนไม่คู่ควรกับเขาหรอก!” แพนซี่แทบกรีดร้องใส่เธอราวกับคนเสียสติ ก่อนจะผลักเฮอร์ไมโอนี่ไปชนกำแพงอย่างแรงจนเธอหลุดร้องออกมาอย่างเจ็บปวด แพนซี่ยิ้มเหยียด ก่อนจะผลักประตูเข้าไปอย่างไม่ไยดี
เฮอร์ไมโฮนี่ยืนลูบหัวไหล่ที่โดนกระแทกเบาๆ แล้วนึกเจ็บปวดอยู่ในใจ เมื่อเธอรู้ว่าแพนซี่พูดถูก เลือดสีโคลนอย่างฉันไม่มีวันสมหวังกับเขาหรอก เฮอร์ไมโอนี่คิดในใจ ก่อนจะเดินกลับหอด้วยจิตใจที่เหม่อลอย จนเธอชนเข้ากับใครคนหนึ่ง เฮอร์ไมโอนี่เซไปเล็กน้อย ก่อนจะกล่าวขอโทษอย่างไม่ใส่ใจนัก
“สบายดีหรือเปล่าครับ เฮอร์ไมโอนี่” สเปนเซอร์ถาม มือแข็งแกร่งของเขาจับไหล่เธอไว้ไม่ให้ล้ม แต่เฮอร์ไมโอนี่ขยับตัวออกอย่างสุภาพ เธอยิ้มอย่างอ่อนแรง
“สงสัยจะอ่านหนังสือมากไปหน่อยน่ะ...” เฮอร์ไมโอนี่บอก เธอรู้สึกราวกับแรงโน้มถ่วงกำลังกดเธอลงกับพื้น เหมือนมีตะกั่วนับล้านตันทับใส่เธอ ดวงตาสีน้ำเงินราวเพชรบลูไดมอนด์ของสเปนเซอร์ดูพร่ามัวไปหมด เสียงทุ้มต่ำที่เรียกชื่อเธอฟังดูร้อนรน
....หลังจากนั้นเธอก็ตกลงสู่ห้วงดำมืด....ไร้ความรู้สึกใดๆ อีก
เดรโก มัลฟอยไม่สนใจซุปที่แพนซี่พยายามป้อนให้ เพราะสายตาเบือนไปเห็นชายหนุ่มร่างสูงผมสีน้ำตาลอ่อนกำลังอุ้มร่างๆ หนึ่งเข้ามาในห้องพยาบาลอย่างเร่งรีบ มัลฟอยหรี่ตามองผู้ชายคนนั้น ก่อนจะกำหมัดแน่น
“ลีโอนาร์ด สเปนเซอร์....มันมาที่นี่ได้ยังไง” มัลฟอยแทบจะเค้นเสียงลอดไรฟัน แพนซี่มองตาม ก่อนจะยิ้มบางๆ
“สเปนเซอร์ย้ายมาเรียนตอนขึ้นปีห้า แล้วนายก็บาดเจ็บจากการแข่งควิดดิชกับหมอนั่นด้วย” แพนซี่บอกพลางค่อยๆ เลื่อนไปกุมมือมัลฟอย แต่อีกฝ่ายดึงมือกลับ ก่อนจะส่งสายตาขุ่นมัวมาให้
“เธอก็รู้ว่าฉันไม่ชอบให้ใครถูกตัว” มัลฟอยพูดเสียงเฉียบ แพนซี่หน้าเจื่อนเล็กน้อย ก่อนจะเก็บข้าวของเตรียมลุกออกไป
“ฉันไปก่อนนะ มีเรียนน่ะ แล้วจะกลับมาเยี่ยมใหม่” แพนซี่บอก แต่มัลฟอยไม่ได้สนใจเลยแม้แต่น้อย แพนซี่อดรู้สึกน้อยใจไม่ได้ เธอเดินออกไป โดยไม่สังเกตเลยว่าสเปนเซอร์อุ้มใครเข้ามา
“วางบนเตียงเลย คุณสเปนเซอร์” มาดามพรอมฟรีย์บอก ขณะเดินนำเข้ามายังเตียงถัดจากมัลฟอยไปสองเตียง สเปนเซอร์ค่อยๆ วางร่างของเฮอร์ไมโอนี่ลงอย่างแผ่วเบา มัลฟอยมองใบหน้าซีดเซียวของเธอแล้ว อยู่ๆ เขาก็ปวดขมับขึ้นมาอย่างรุนแรง เมื่อมัลฟอยหลับตาลง ความทรงจำมัวๆ แล่นผ่านอย่างรวดเร็วจนเขาปวดหัวอย่างหนัก
“อ้าว คุณมัลฟอยเป็นอะไรหรือเปล่า” มาดามพรอมฟรีย์ร้องถามเมื่อเห็นเขากุมขมับอย่างเจ็บปวด
“ผม...ผมปวดหัว...ครับ” มัลฟอยพูดแค่นั้น เขาเอนตัวลงนอน เหงื่อพรายผุดขึ้นเต็มหน้าผาก เขาหันไปมองเฮอร์ไมโอนี่อีกครั้ง ภาพความทรงจำมัวๆ เหล่านั้นยังคงกระพริบราวกับเป็นฟ้าผ่าอยู่ในหัวของเขา
“คุณเกรนเจอร์ เธอไม่ค่อยได้พักผ่อนน่ะ เลยป่วยเป็นไข้หวัดใหญ่ ฉันจะให้เธอนอนที่นี่สักสองคืนนะ” มาดามพรอมฟรีย์บอกสเปนเซอร์ เขายิ้มรับ หลังจากนั้นมาดามก็หันมาหามัลฟอย
“เดี๋ยวฉันจะเอายามาให้นะ คุณมัลฟอย รอสักครู่” หลังจากนั้นเธอก็เดินออกไป เหลือเพียงมัลฟอยที่จ้องมองเฮอร์ไมโอนี่ที่ไม่มีสติรู้ตัวอย่างไม่วางตา โดยมีสเปนเซอร์นั่งเฝ้าเฮอร์ไมโอนี่อยู่
“นายควรจะระวังคนใกล้ตัวนะ มัลฟอย” สเปนเซอร์กล่าวเบาๆ ก่อนจะจับมือเฮอร์ไมโอนี่ขึ้นมาแตะริมฝีปากเบาๆ มัลฟอยรู้สึกโกรธขึ้นมาอย่างไม่มีเหตุผลเมื่อเห็นภาพนั้น
“แกอย่ามายุ่งกับฉัน! แล้วย้ายมาฮฮกวอร์ตทำไมกัน!!” มัลฟอยเค้นเสียงออกมา สเปนเซอร์เพียงยิ้มบางๆ
“แกเคยถามฉันแล้ว และฉันจะไม่พูดซ้ำสอง มีเพียงสิ่งเดียวที่ฉันจะย้ำให้แกได้รับรู้นะ...เดรโก” สเปนเซอร์บรรจงวางมือของเฮอร์ไมโฮนี่ลง ก่อนจะเดินมากระซิบข้างๆ มัลฟอย
“เฮอร์ไมโอนี่ เกรนเจอร์เป็นของฉัน จำเอาไว้” สเปนเซอร์บอก มัลฟอยรู้สึกเลือดขึ้นหน้าอีกครั้ง แต่เขาก็ตอบออกไป
“แกจะทำอะไรกับยัยเลือดสีโคลนนั่นก็ตามใจแกสิ ฉันจะสนใจทำไม” มัลฟอยตอกกลับ สเปนเซอร์ยิ้มพอใจ
“แกพูดแล้วนะ เดรโก มัลฟอย” สเปนเซอร์บอกไว้แค่นั้น ก่อนจะหันหลังเดินออกไป มัลฟอยรู้สึกแปลกอยู่ในใจ เขามองไปยังเฮอร์ไมโอนี่ที่นอนหลับอยู่ แล้วความรู้สึกแปลกประหลาดก็เกิดขึ้นในใจ
เขาไม่ได้เกลียดเธอเลย....ไม่ได้เกลียด....แต่กลับรู้สึกผูกพันอย่างน่าประหลาด ทั้งๆ ที่เขาไม่เคยพูดดีๆ กับเธอสักครั้ง...หรือเธอพูดดีๆ กับเขา....
“นี่มันอะไรกัน….”
เฮอร์ไมโอนี่ลืมตาขึ้นมาก็พบกับเพดานที่ไม่ค่อยคุ้นตานัก ความมืดถูกแสงสีเงินของดวงจันทร์กลืนกินไป เธอค่อยๆ ลุกอย่างงุนงง นี่ห้องพยาบาลแน่ๆ ว่าแต่เธอมาอยู่ที่นี่ได้ยังไงกันนะ
“นอนลงซะ เกรนเจอร์” เสียงเย็นชาที่ดังขึ้นข้างๆ ทำให้เธอตกใจ เมื่อหันไปก็พบกับคนที่เธอปรารถนาจะเจอมากที่สุด
“มัลฟอย…” เฮอร์ไมโฮนี่เรียก เขาดูซีดเซียว โทรม และเหนืออื่นใด....เย็นชาและดูสับสนราวกับคนหลงทาง....
“….ทำไมเธอดูถึงไม่เกลียดฉัน ทำไมฉันถึงไม่เกลียดเธอ....”
“มันมีอะไรเกิดขึ้นก่อนฉันความจำเสื่อมใช่ไหม เกรนเจอร์” มัลฟอยถาม เฮอร์ไมโอนี่รู้สึกถึงความหวังเล็กๆ ในใจ
“....ใช่ ระหว่างนายกับฉัน....เราไม่ได้เกลียดกันอีกต่อไปแล้ว” เฮอร์ไมโอนี่เค้นเสียงออกมาอย่างยากลำบากเมื่อสบกับดวงตาสีฟ้าอ่อนคู่นั้น
ความคิดเห็น