คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : Chapter 1 : Despise
สถานีรถไฟคิงครอสต์, ลอนดอน
เสียงรถไฟหัวจักรสีแดงคุ้นตาเพิ่งจะเข้าชานชาลาเก้าเศษสามส่วนสี่ บรรดาผู้ปกครองมากมายต่างกวาดตามองบรรดานักเรียนชายหญิงทยอยลงจากรถ บรรยากาศเต็มไปด้วยความสุข เสียงหัวเราะและเสียงพูดคุยดังจอแจไปทั่วชานชาลา
“ผ่านไปอีกหนึ่งปีสินะ” เด็กชายผมแดงยุ่งกระเซิงและใบหน้าตกกระกล่าวพลางบิดขี้เกียจและอ้าปากหาวเสียกว้างและเสียงดังจนคนที่เดินผ่านไปมาหันมามอง
“จบปีสี่แล้วนะรอน แต่นายก็ยังไม่เปลี่ยนสักนิด” เด็กชายผมสีดำและดวงตาสีเขียวสดใสกล่าว แล้วผลักหัวเพื่อนรักไปเบาๆ เป็นการหยอกล้อ รอนทำหน้าเบ้แล้วผลักหัวแฮร์รี่คืนบ้าง ทั้งคู่หัวเราะเฮฮา จนเรียกสายตาจากเด็กหญิงผมสีน้ำตาลฟูฟ่อง คิ้วเธอขมวดมุ่นเมื่อเห็นทั้งคู่เล่นกันจนไม่สนใจเก็บของ
“จริงๆ นายทั้งคู่ก็ทำตัวเป็นเด็กไม่เปลี่ยนเลยนั่นแหละ” เฮอร์ไมโอนี่บ่นขณะกระชับกระเป๋าเป้บนหลัง แล้วกลอกตามองเพื่อนรักทั้งสอง
“เอาน่า ยังไงก็ปิดเทอมแล้วนะ เออ แฮร์รี่ ก่อนเปิดเทอมสักสองอาทิตย์นายมาค้างบ้านฉันไหม แม่ฉันคิดถึงนายมากกว่าคิดถึงฉันเสียอีก” รอนบ่น ขณะที่ทั้งสามคนกำลังก้าวลงจากรถไฟ
“ดีเหมือนกัน เพราะฉันเบื่อพวกเดอร์สลีย์เต็มทน” แฮร์รี่กลอกตาอย่างหน่ายๆ เมื่อนึกถึงลุงกับป้า และลูกพี่ลูกน้องตัวอ้วนเผละที่ชื่อดัดลีย์
“เธอก็ด้วยนะเฮอร์ไมโอนี่ จะมาด้วยกันไหม?” รอนถาม เฮอร์ไมโอนี่ยิ้มและพยักหน้า หลังจากนั้นทั้งหมดก็ถูกรายล้อมด้วยอ้อมกอดของคุณนายวีสลีย์ ทั้งหมดไถ่ถามสารทุกข์สุขดิบกันและกัน จนเฮอร์ไมโอนี่ลืมเวลา
“ตายจริง หนูสายแล้วล่ะค่ะ พ่อแม่กับแม่คงมารอแล้ว ขอตัวก่อนนะคะคุณนายวีสลีย์”
“จ้ะ แล้วเจอกันก่อนเปิดเทอมนะ ฝากทักทายคุณพ่อคุณแม่ด้วยนะจ้ะ” คุณนายวีสลีย์กล่าวอย่างใจดีแล้วหอมแก้มเธอฟอดหนึ่ง
“ขอบคุณค่ะ แล้วเจอกันนะ แฮร์รี่ รอน” เธอกล่าวลาเพื่อนทั้งสองอย่างเร่งรีบ ก่อนจะรีบฝ่าฝูงชนไปยังทางออกของชานชาลา
เธอมัวแต่รีบวิ่งจนไม่ลืมหูลืมตา จนกระทั่งชนเข้ากับคนหนึ่งอย่างแรงจนเฮอร์ไมโอนี่เซจนเกือบล้ม เธอเงยหน้าและอ้าปากจะกล่าวขอโทษ แต่ถ้อยคำของเธอหายไปทันทีเมื่อเห็นบุคคลที่เธอเพิ่งจะชนเข้า
“ไม่มีตาหรือไง ยัยเลือดสีโคลน” ถ้อยคำบาดหูและน้ำเสียงเย็นชาจากคุณชายเลือดบริสุทธิ์ เดรโก มัลฟอยมองเธอด้วยสายตาเย็นชาปนขยะแขยง
“ขอโทษละกัน” เฮอร์ไมโอนี่กล่าวด้วยเสียงเย็นชาไม่ต่างกัน ก่อนจะขยับตัวเดินหนีบุคคลผู้ที่เธอไม่อยากจะเจอมากที่สุด
“จะรีบไปไหนละ จะรีบไปหาครอบครัวเลือดสีโคลนของเธอหรือไง” ประโยคนี้ทำเอาเฮอร์ไมโอนี่ชะงักฝีเท้า ก่อนจะหันกลับมาประจันหน้า โทสะเริ่มเดือดอยู่ในดวงตาสีน้ำตาลของเธอ
“ถึงเลือดฉันจะสกปรก แต่ฉันมั่นใจว่ามันสะอาดกว่าเลือดของนายร้อยเท่าพันเท่า” เฮอร์ไมโอนี่ตอกกลับใส่มัลฟอย ทำเอาใบหน้าซีดเซียวเริ่มจะขึ้นสีด้วยความโกรธไม่ต่างกัน ดวงตาอาฆาตของมัลฟอยไม่ได้ทำให้เฮอร์ไมโอนี่กลัวเลยแม้แต่น้อย เธอจ้องกลับอย่างเย็นชาเสียจนมัลฟอยแอบแปลกใจ การประจันหน้าของทั้งคู่เรียกความสนใจของบรรดานักเรียนที่เดินผ่านไปมา และเริ่มมีเสียงซุบซิบ
“ถอนคำพูดของเธอซะ” มัลฟอยเค้นเสียงต่ำ เฮอร์ไมโอนี่กระตุกยิ้มอย่างพอใจเมื่อเธอยั่วเขาได้สำเร็จ เธอถอยหลังทิ้งรอยยิ้มสะใจไว้บนใบหน้าให้เขาเห็น และตั้งท่าจะเดินออกไป
“ฉันละแปลกใจจริงๆ ว่าคนขี้เหร่อย่างเธอจะมีใครลดตัวลงมาหลงรักด้วยหรือเปล่านะ” มัลฟอยยั่วกลับ เฮอร์ไมโอนี่ไม่สนใจ ก้าวเท้าเร็วขึ้น แต่ไม่เร็วพอที่จะพ้นระยะได้ยินประโยคสุดท้าย
“คงไม่มีหรอกใช่ไหมล่ะ ถ้าไม่ได้ตาบอดและใฝ่ต่ำมากพอ” เฮอร์ไมโอนี่หยุดเท้า หยาดน้ำตารื้นขึ้นมาด้วยความเจ็บใจ เธอกระพริบตาไล่มันไป ร่างสูงเดินผ่านเธอไป เดรโก มัลฟอยมองเธออย่างสมเพชและรอยยิ้มสะใจ ทิ้งท้ายด้วยคำพูดที่ดังมากพอที่คนจะได้ยินทั้งชานชาลา
“ยัยเลือดสีโคลน”
บรรดาผู้ปกครองและนักเรียนหันมามองเธอเป็นตาเดียว เฮอร์ไมโอนี่ก้มหน้าด้วยความอับอาย แล้วรีบวิ่งออกจากชานชาลาไป
สองสัปดาห์ก่อนเปิดภาคเรียน
“เฮอร์ไมโอนี่ลูกรัก พร้อมหรือยังจ้ะ” เสียงผู้เป็นแม่ดังขึ้นมาตามบันได เฮอร์ไมโอนี่ตรวจตราความเรียบร้อยของบรรดาสิ่งของสำหรับการไปบ้านโพรงกระต่ายเป็นครั้งสุดท้าย ก่อนจะมองกระจกสำรวจตัวเองอีกครั้ง แล้วเธอหยิบกล่องเล็กๆ สีดำ ข้างในคือเข็มกลัดของพรีเฟ็คที่ถูกส่งมาให้เธอไม่กี่วันก่อน เฮอร์ไมโอนี่ดีใจมากที่ได้รับเลือกให้ทำหน้าที่นี้
ผ่านไปไม่กี่เดือน เฮอร์ไมโอนี่ เกรนเจอร์ ได้เปลี่ยนไปมาก ผมสีน้ำตาลฟูฟ่องของเธอแปรเปลี่ยนเป็นเหยียดตรง ถูกตัดให้เข้ากับใบหน้ารูปไข่ของเธอ ไม่ยุ่งกระเซิงเหมือนเคย ใบหน้าถูกแต่งแต้มด้วยสีสันตามวัย ดวงตาสีน้ำตาลทอประกายตื่นเต้น เธอเปลี่ยนจากเด็กหญิงกลายเป็นหญิงสาวเต็มตัวแล้ว
“โชคดีนะลูก” พ่อกับแม่กอดเธอ เฮอร์ไมโอนี่ล่ำลาทั้งคู่ แล้วก้าวเข้าไปในเตาผิง
“บ้านโพรงกระต่าย” เธอกล่าวชัดเจน แล้วเปลวเพลิงสีเขียวจากผงฟลูก็โอบล้อมรอบตัวเธอ เฮอร์ไมโอนี่หลับตาแน่น
เมื่อลืมตาขึ้นก็พบกับคนที่เธอคุ้นเคย รอนยิ้มกว้างราวกับรอยยิ้มจระเข้ขณะช่วยเธอออกมาจากเตาผิง
“เฮ้ เธอเปลี่ยนไปหรือเปล่าเนี่ย? ดูแปลกตาไปเลยนะ” รอนทัก เขาดูเหมือนเดิม เพียงแต่สูงขึ้นและล่ำสันเหมือนนักกีฬา เฮอร์ไมโอนี่ยิ้มเขิน
“ไม่ซะหน่อย เธอคิดไปเองแน่ๆ รอน”
“เออนี่ ฉันมีอะไรจะให้เธอดู” รอนกอดอกแล้วเชิดหน้าอย่างมั่นอกมั่นใจ ก่อนจะหยิบกล่องสีดำเล็กๆ ขึ้นมาให้เฮอร์ไมโอนี่ดู รอนบรรจงเปิดฝากล่อง เฮอร์ไมโอนี่ตาโตขึ้นมาทันที
“นั่นมัน....”
“เข็มกลัดพรีเฟ็ค! ช่ายยยยย!! ในที่สุดฉันก็มีอำนาจมากพอที่จะแกล้งรุ่นน้องแบบสนุกๆ แล้วล่ะปีนี้” รอนพูดแล้วหัวเราะคิกคักอย่างชอบใจ
“อย่าคิดว่าฉันจะยอมให้นายทำแบบนั้น” เฮอร์ไมโอนี่กล่าวเสียงเรียบ แล้วชูเข็มกลัดพรีเฟ็คของเธอขึ้นมาบ้าง รอนหน้าซีดลงในทันที
“อ้าว สวัสดี เฮอร์ไมโอนี่” แฮร์รี่กล่าวทักทาย เขาเดินมากับจินนี่ เห็นได้ชัดว่าทั้งคู่เพิ่งจะคุยกันมา รอยยิ้มยังไม่ทันจะจางไปจากใบหน้าทั้งคู่ รอนมองทั้งคู่ด้วยสายตาสงสัยก่อนจะกระแอม
“ฉันหิวข้าวแล้วล่ะ ไปกันเถอะเฮอร์ไมโอนี่” รอนบอก มองแฮร์รี่กับจินนี่ไม่วางตา แล้วจงใจเดินแทรกกลางระหว่างทั้งคู่เข้าไปในครัว ทำเอาทั้งคู่แอบยิ้มขำๆ
“ไปกินข้าวกันเถอะเฮอร์ไมโอนี่” จินนี่บอกยิ้มๆ แล้วเดินนำเข้าไปในครัว
เสร็จสิ้นมื้อเช้า ครอบครัววีสลีย์รวมถึงแฮร์รี่และเฮอร์ไมโอนี่ก็ไปตรอกไดแอกอน รอนและจินนี่แยกไปร้านตัวบรรจงและหยดหมึกกับคุณและคุณนายวีสลีย์เพื่อซื้อหนังสือเรียนใหม่ ส่วนเฟร็ดกับจอร์จบอกว่าจะไปร้านขายอุปกรณ์ควิดดิช แต่เมื่อคุณนายวีสลีย์ลับตาไป ทั้งคู่ก็รีบวิ่งไปยังร้านของเล่นเจ้าประจำในทันที
“เรารู้กันสี่คนนะ เฮอร์ไมโอนี่ แฮร์รี่” เฟร็ดว่าพลางขยิบตา แฮร์รี่หัวเราะ แต่เฮอร์ไมโอนี่กลับมุ่ยหน้าอย่างไม่ค่อยพอใจนัก
“ไหนๆ เราก็ซื้อหนังสือเรียนหมดแล้ว เธอจะไปไหนล่ะ เฮอร์ไมโอนี่” แฮร์รี่ถาม เมื่อสองแฝดลับตาไปแล้ว
“อืม ฉันว่าเราไปนั่งรอครอบครัววีสลีย์กันดีกว่าที่ร้านกาแฟกลางแจ้งนั่นกันเถอะ” เฮอร์ไมโอนี่เสนอแล้วชี้ไปที่ร้านค็อฟฟี่ช็อปกลางแจ้งที่หัวมุมถนน แฮร์รี่พยักหน้า ทั้งคู่เดินไปด้วยกันและคุยกันเรื่อยเปื่อย แต่แล้วเฮอร์ไมโอนี่ก็ชะงัก
“มีอะไรหรือเปล่า?”
“ฉันลืมซื้อปากกาขนนกกับขวดหมึกน่ะสิ! แย่ชะมัด งั้นนายไปก่อนเถอะ เดี๋ยวฉันตามไปนะ” เฮอร์ไมโอนี่บอก แฮร์รี่แปลกใจเล็กน้อยที่เฮอร์ไมโอนี่หลงลืมของสำคัญไปได้อย่างไร แต่เขาก็พยักหน้า แล้วเดินหายไปในฝูงชน
เฮอร์ไมโอนี่เดินอย่างใจลอยจนกระทั่งมาหยุดอยู่หน้าร้านขายเครื่องเขียน เสียงกระดิ่งที่ประตูเรียกสติเธอคืนมา ภายในร้านไม่มีคนเลย มีเพียงเจ้าของร้านที่กล่าวต้อนรับเธออย่างใจดี
“สวัสดีคุณเกรนเจอร์ มีอะไรให้ฉันช่วยไหม” เธอถามอย่างเป็นมิตรพลางพับหนังสือพิมพ์เดลี่พรอเฟ็ต
“หนูจะมาหาซื้อปากกาขนนกกับขวดหมึกหน่อยค่ะ”
“อ๋อ เชิญด้านนู่นเลยจ้ะ สินค้าใหม่เพิ่งมาเมื่อเช้าเองนะ เชิญเลือกตามสบายเลย”
“ขอบคุณค่ะ”
เฮอร์ไมโอนี่กำลังพินิจปากกาขนนกฮูกสีขาวสะอาดเหมือนหิมะและน้ำหมึกสีน้ำเงินเข้มจากอินเดีย จนกระทั่งเสียงกระดิ่งดังขึ้นอีกครั้ง
“อ้าว อรุณสวัสดิ์ คุณมัลฟอย มีอะไรให้ช่วยไหมคะ” เสียงเจ้าของร้านทักทาย
เฮอร์ไมโอนี่แทบทำขวดหมึกหล่น เธอหันไปมอง เดรโก มัลฟอยยังไม่ทันสังเกตเห็นเธอ เฮอร์ไมโอนี่รีบหลบหลังชั้นวางของแล้วรีบคำนวณหาทางหนีทีไล่โดยไม่ให้มัลฟอยเห็น
เสียงฝีเท้ากำลังเดินมาทางเธอ เฮอร์ไมโอนี่ค่อยๆ หันไปมอง แต่ไม่มีวี่แววใครตรงนั้นเลย เจ้าของร้านก็ยังคงอยู่ที่เคานเตอร์ นั่งอ่านเดลี่พรอเฟ็ตอย่างเดิม เฮอร์ไมโอนี่ถอนหายใจอย่างโล่งอก บางทีมัลฟอยอาจจะออกไปแล้วก็ได้
“หึ เธอกำลังหลบใครอยู่ล่ะ” เสียงเย็นๆ ดังขึ้นข้างหู เสียงกรีดร้องของเฮอร์ไมโอนี่ยังไม่ทันหลุดจากปาก เพราะมือใครบางคนปิดไว้ได้ทันท่วงที นัยน์ตาสีซีดของมัลฟอยดูเจ้าเล่ห์ รอยยิ้มชั่วร้ายปรากฏขึ้นบนมุมปาก
“อย่าคิดว่าจะหนีฉันได้ง่ายๆ ยัยเลือดสีโคลน”
หัวใจของเฮอร์ไมโอนี่ร่วงไปอยู่ที่ตาตุ่มเมื่อสบดวงตาสีซีดนั่น ใบหน้าของมัลฟอยอยู่ใกล้จนเห็นรายละเอียดของใบหน้าเขา ทั้งดวงตาสีฟ้าอ่อน ผมบลอนด์ที่ปล่อยให้กระเซิงไม่หวีเรียบเหมือนเมื่อก่อน ริมฝีปากบางๆ จมูกโด่งเป็นสัน และเขาก็ไม่ใช่เด็กชายแล้ว แต่เป็นชายหนุ่มตั้งหาก แล้วก็หล่อด้วย เฮอร์ไมโอนี่คิด ก่อนจะรีบสะบัดความคิดนั้นออกไป
“ฉันจะทำให้เธอรู้จักคำว่ากลัวก็วันนี้ละ เกรนเจอร์”
ความคิดเห็น