ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ` [exo]▻Twilight◅ {chanbaek} 。

    ลำดับตอนที่ #11 : -10-

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 4.65K
      22
      8 ก.พ. 57

    Supercell
     







    -10-

    เซฮุนและคริสมารออยู่หน้าบ้าน

    ผมไม่เห็นเขาเลยที่โรงพยาบาล ตอนที่ผมลงจากรถเขาก็ช่วยเข้ามาประคองแล้วพูดคุยกับพ่ออย่างสนิทสนม จริงๆแล้วไม่ได้โกรธเคืองหรือว่างอนที่เขาไม่ยอมไปเยี่ยมผมหรอกนะ บางทีเซฮุนอาจจะมีธุระที่ต้องจัดการ หมอนั่นช่วยผมให้นั่งลงบนโซฟา หลังจากที่พ่อและคริสเดินไปช่วยกันขนของของผมเข้ามาในบ้าน ก็ยอมเอ่ยปากพูด

    “ฉันขอโทษนะแบคฮยอน”

    “ขอโทษเรื่องอะไร?”

    “ฉันไม่ได้เข้าไปช่วยนาย”

    “หืม? ชานยอลเล่าว่านายไปด้วยนะ”

    “ฉันแค่นั่งรถไปกับพี่ ฉันไม่กล้าเข้าไปแบคฮยอน สุดท้ายแล้วก็เป็นแค่คนขี้ขลาด กลัวว่าจะเผลอทำอะไรนายลงไป”

    “หือ?”

    “กลิ่นเลือดของนาย ฉันเชื่อแล้วจริงๆว่ามันมีพลังมากแค่ไหน แค่ยืนอยู่ด้านนอกฉันยังต้องควบคุมตัวเองแทบแย่ มีแค่พ่อกับชานยอลเท่านั้นที่เข้าไป”

    เซฮุนทำหน้าแหยเหมือนจะรู้สึกผิดในขณะที่ผมก็ร้องอ๋อพลางลูบต้นคอตัวเองเบาๆด้วยความเผลอ หมอนั่นรีบโบกมือเป็นพัลวัน “แต่ฉันไม่คิดจะทำอะไรนายหรอกนะแบคฮยอน”

    “เชื่อสิถ้าชานยอลมาได้ยินประโยคนี้ เขาเข้าใจนายผิดแน่”

    เซฮุนถอนหายใจก่อนจะขยับเข้ามาใกล้แล้วเอาศีรษะวางลงบนไหล่ผม ให้ความรู้สึกเหมือนกับว่ากำลังโดนน้องชายตัวสูงๆอ้อน ผมไม่ทำอะไรมากไปกว่าลูบผมสีควันบุหรี่นั่นเบาๆ เซฮุนหันมามองผม เขาใช้ปลายจมูกโด่งๆกดลงบนแก้ม ผมเบิกตากว้าง

    “เฮ้!

    “ฉันรู้แล้วล่ะว่าทำไมชานยอลถึงชอบนาย”

    “ทะ...ทำไม”

    “เพราะนายคือแบคฮยอนไง ให้ตายสิ ฉันก็ชอบนายด้วยเหมือนกัน”

    “เดี๋ยวนะ......”

    “แต่ฉันมีคริสอยู่แล้ว โทษทีนะแบคฮยอนที่ทำให้นายต้องผิดหวัง”

    เซฮุนยักไหล่ไปมาแล้วหัวเราะเมื่อผมเอาหมอนตีเขา ให้ตายสิผมตกใจหมดเลย คริสเดินเข้ามา ร่างโปร่งก็ลุกขึ้นไปหาเขา ผมมองตามภาพนั้นด้วยรอยยิ้มบางๆ เซฮุนกับคริสอยู่ด้วยกันมานานแล้ว เดาเอาว่าน่าจะก่อนผมเกิดเสียอีก ถึงตอนนี้ผมจะอายุน้อยกว่า ไม่นานผมก็จะอายุมากกว่าพวกเขา

    ตระกูลปาร์ค จะไม่มีใครแก่ไปกว่านั้นอีกแล้ว

    ผมเองก็ไม่อยากจะเป็นคนที่แก่ที่สุดหรอกนะ

    “ทานข้าวกันมารึยัง?”

    “เรียบร้อยแล้วครับ ให้ผมช่วยเอาของขึ้นไปเก็บนะ” เซฮุนตอบอย่างอารมณ์ดี เขาเอาของของผมขึ้นไปเก็บบนห้องเมื่อตอบคำถามของพ่อเสร็จ ช่วยกันสามคนในขณะที่ผมก็นั่งอยู่คนเดียวหน้าทีวี เพราะลมแรงประตูที่เปิดค้างไว้ก็ปิดดังปึงปังจนผมสะดุ้งด้วยความตกใจ ภาพของใครบางคนที่กำลังจ้องผมอยู่หลังต้นไม้ทำให้รู้สึกกลัวขึ้นมาอีกครั้ง

    ผมคิดมากเกินไปเองรึเปล่า....หรือบางทีอาจจะเป็นผลข้างเคียงของยา

    ผมควรจะบอกชานยอลไหม? เขาจะหาว่าผมคิดไปเองอีกรึเปล่า?

    “พ่อว่าลูกควรจะขึ้นไปพักบนห้องมั้ย? เห็นอาการไม่ค่อยดีมาตั้งแต่บนรถแล้ว”

    พ่อถามตอนที่เห็นผมกำลังนั่งหน้าซีด เซฮุนขมวดคิ้วแล้วเข้ามาดูผมด้วยความเป็นห่วง ผมโบกมือปัด บอกว่าไม่เป็นอะไรและยืนยันว่าจะนั่งอยู่ตรงนี้ ผมอยู่บนเตียงมาสองอาทิตย์นั่นมันทำให้ผมเบื่อมากพอแล้ว อีกเหตุผลคือผมไม่อยากจะอยู่คนเดียว

    “เป็นอะไรรึเปล่าแบคฮยอน?”

    เซฮุนนั่งลงข้างๆแล้วทำหน้านิ่ว ส่วนคริสก็ตามพ่อผมไปทำโน่นทำนี่เพราะเซฮุนเป็นคนสั่ง ผมนิ่งไปไม่รู้ว่าควรจะบอกดีไหม แม้ผมจะบอกตัวเองซ้ำๆว่ามันเป็นเรื่องที่คิดไปเองแต่ไม่รู้ว่าทำไมถึงเก็บเอามาคิดมากขนาดนี้

    “จีฮุน.....ตายแล้วใช่มั้ย?”

    “ใช่ ชานยอลเป็นคนจัดการ นายกังวลเรื่องนี้อยู่หรอ?”

    “ถ้าอย่างนั้นฉันคงคิดมากไป”

    “ทำไม เกิดอะไรขึ้น?”

    “.......ตอนที่กำลังกลับบ้าน ในป่า...ฉันเห็นใครกำลังจ้องฉันจากตรงนั้น”

    “ในป่า?”

    “ยืนอยู่หลังต้นไม้...ผู้หญิงที่มีดวงตาสีแดง ไม่รู้นะ บางทีฉันอาจจะคิดมากไปเอง”

    เซฮุนนิ่งไปในขณะที่ผมก็ทำได้แต่กำมือตัวเองแน่น ไม่มีชานยอลอยู่ด้วยมันไม่รู้สึกปลอดภัยเหมือนเก่า แม้มันจะเป็นช่วงเวลาสั้นๆที่เขากำลังไปส่งแม่ของผมก็ตามผมค่อยๆหันไปมองเซฮุน เขายิ้มออกมาและจับมือผมเอาไว้

    “คงไม่มีอะไรหรอก แบคฮยอนคงจะคิดมากไปเอง วันนี้ฉันจะอยู่เป็นเพื่อนนะชานยอลสั่งมาแบบนั้น จะเอาอะไรบอกฉัน เพราะชานยอลไม่ให้นายเดิน โอเค้?”

    “อะ....อื้อ” ผมยิ้มบางส่วนเซฮุนก็เริ่มพูดอีกครั้ง เล่าให้ฟังว่าหลังจากที่ไปช่วยผมในตอนนั้นแล้วเขาต้องเข้าป่าเหมือนกับว่าต้องไปปฎิบัติธรรม ผมหัวเราะให้กับคำพูดติดตลกนั่น แต่ใจของผมรู้ดี

    ความรู้สึกกลัวที่มันยังเกาะอยู่ตรงขั้วหัวใจ ทำยังไงก็ไม่หายไป

     

    ดีว่าเป็นช่วงปิดเทอมเพราะฉะนั้นผมเลยไม่ต้องกังวลว่าขาดเรียนขนาดนี้จะเป็นอะไรไหม ตอนนี้ขาของผมมันโอเคขึ้นมาหน่อย เวลาเดินเลิกใช้ไม้ค้ำไปแล้วเพราะมันน่ารำคาญ ส่วนใหญ่ชานยอลหรือไม่ก็เซฮุนจะเป็นคนช่วยประคองผมไป ยิ่งเป็นชานยอลแล้วเขานี่อุ้มผมเลยตอนที่พ่อไม่อยู่ แทบจะไม่ปล่อยให้ผมเดินด้วยซ้ำ

    เพราะไม่ได้ใช้แรงอะไรมากนักผมมีความรู้สึกว่ารอบเอวของผมมันเพิ่มขึ้น กางเกงมันเริ่มคับพอจับๆดูก็ต้องเบะปากออก มันเพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัดเลย ผมดึงเนื้อที่แขน ดึงที่แก้ม มันไปทุกส่วนจริงๆด้วยให้ตายสิ

    อุดอู้อยู่ในบ้านมาหลายวันแล้ว หมอจองซูเข้ามาดูอาการบ้างเป็นบางวัน ผมเลยไม่ต้องหอบหิ้วสังขารของตัวเองไปถึงโรงพยาบาล เพราะงั้นผมแทบจะไม่ได้ออกไปไหนเลย อย่างน้อยผมน่าจะได้ออกไปเดินนอกบ้านซักหน่อย

    แบบนี้ก็ไม่ต่างอะไรกับตอนอยู่โรงพยาบาล L

    “ให้ผมเดานะ คุณกำลังเบื่อที่จะต้องอยู่ในบ้านใช่มั้ย?”

    “เดี๋ยวนี้อ่านใจกันออกแล้วนี่นา”

    ชานยอลเดินมาพลางยิ้ม ผมพ่นลมขึ้นไปที่หน้าม้าบ่งบอกถึงความเบื่อหน่ายและไม่ยอมพูดกับเขา ชานยอลไม่ปล่อยให้ผมเดินเองแน่ เป็นไปตามคาด เขาเดินเข้ามาอุ้มผมแล้วเปิดประตูออกไปหน้าบ้าน แรกๆก็โวยวายใหญ่ แต่พอหลังๆผมเริ่มชิน ชานยอลบอกว่าเขามีความสุขที่ได้มีผมอยู่ในอ้อมกอดแบบนี้

    จะเถียงอะไรได้ล่ะถ้าเป็นแบบนั้น?

    “ผมกลัวว่าฝนมันจะตก ถ้าคุณตากฝนจะไม่สบายเอา”

    “ฟ้ามันก็ครึ้มอย่างนี้ทุกวันแหละน่า”

    “เอาไว้ขาคุณหาย จะชวนไปปิกนิกนะ”

    ผมเบะปาก ปิกนิกของเขาคือการล่าสัตว์ในช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์ ผมไม่กินอะไรแบบนั้นเสียหน่อยชานยอลหัวเราะ เขานั่งลงตรงข้ามผมพร้อมกับวางหนังสือที่หาได้มาจากในบ้านลงบนโต๊ะ ผมหยิบขึ้นมาดูไล่ทีละเล่มก่อนจะวางมันลงแล้วเอามือเท้าคาง จ้องชานยอลที่กำลังอ่านหนังสืออยู่แทน

    ชานยอลไม่สนใจผม เลยแกล้งเอาเท้าที่ใส่เผือกเตะหน้าแข้งของเขาไปหนึ่งที อีกคนขมวดคิ้วก่อนจะวางหนังสือลง เอามือเท้าคางแล้วจ้องผมกลับบ้าง “มีอะไรให้รับใช้ครับคุณหนู”

    “อยากฟังชานยอลร้องเพลง”

    “หืม?”

    “รู้สึกว่าพ่อจะมีกีต้าร์อยู่ในบ้านนะ ร้องให้ฟังหน่อยสิ”

    เขาทำหน้างงๆนิดหน่อยก่อนจะยิ้มออกมา ริมฝีปากสีชมพูแตะลงบนหน้าผากผมหนึ่งทีก่อนที่เขาจะเดินเข้าไปในบ้าน ไม่นานก็เดินออกมาพร้อมกับกีต้าร์โปร่งของพ่อที่ผมเห็นมันตั้งไว้นานแล้ว พ่อไม่เคยใช้มันซักที ผมเคยถามว่าซื้อมาทำไม พ่อตอบติดตลกกลับมาว่าเอาไว้ตั้งโชว์ให้เขารู้สึกว่าพ่อสามารถเล่นดนตรีได้

    พ่อใครก็ไม่รู้น่าหมั่นไส้สุดๆเลยว่าไหม

    ชานยอลเทสต์เสียงอยู่ซักพักก่อนที่เขาจะเริ่ม ผมยังคงเท้าคางมองคนรักที่เริ่มเคาะกีต้าร์ เอาเป็นว่าเขากำลังจะร้องเพลงให้ผมฟังตามที่ขอ เมื่อเข้าจังหวะได้เขาก็หันมาส่งยิ้มให้ผมแล้วเริ่มร้องเพลง

    서로 함께일 때면 눈빛만 봐도 알아 알아 알아 (UhUh)

    เวลาที่เราอยู่ด้วยกัน ฉันจะสามารถพูดได้โดยการมองเข้าไปในตาของเธอ (อา อา)

    집으로 돌아오면 뭐라고 할지 몰라 몰라 몰라

    พอกลับมาถึงบ้าน ฉันก็ไม่รู้จะพูดอะไรซะงั้น

    아직은 서툴러 나의 모든 말들이

    ทุกๆสิ่งที่ฉันพูดไปมันคงจะดูเขินๆสินะ

    아직은 어려워 너의  문자들이

    แค่ข้อความมันยังยากเกินไปเลย

    사전을 펼치고 하나씩 Want to know Want to know I don’t know

    ฉันเปิดดิกชันนารี เปิดแล้วเปิดอีก อยากจะรู้ อยากจะรู้ ฉันไม่รู้

    เสียงเคาะกีต้าร์หยุดลงแค่นั้น เขาหันมาส่งสายตาเจ้าชู้ให้กับผมอย่างที่ชอบทำเป็นประจำ ฟันล่างของชานยอลขบที่ริมฝีปากของตัวเอง แม้จะเขินแต่ผมก็แกล้งทำเป็นว่าไม่รู้สึกอะไร จ้องไปยังเขาต่อ ชานยอลดีดกีต้าร์อีกครั้ง

    I'm sending 143 글자론 아직 전달이   Woah Oh Oh

    ฉันกำลังส่งไปว่า 143  ฉันยังอธิบายความรู้สึกของตัวเองออกมาเป็นคำพูดไม่ได้เลย whoa oh oh

    Sending 143 단순한 숫자놀이가 아냐 Woah Oh Oh

    ก็ส่งไป 143 มันไม่ใช่เกมตัวเลขทั่วๆไปนะ whoa oh oh

    I love you 143 너는 486

    ฉันรักเธอ 143 ส่วนเธอคือ 486

    Sending 143 너무 다르지

    ส่งไป 143 พวกเรานี่ช่างแตกต่างกันจริงๆ

    Sending 143 아직 어렵지

    ส่งไป 143 ยากจังเลย

    단순한 숫자놀이가 아냐 143

    มันไม่ใช่แค่เกมตัวเลข 143นะ

    ผมตกหลุมรักชานยอลอีกครั้งในรอบวัน

    “ให้ตายสิ้แบคฮยอน ผมจะไม่ให้คุณไปฟังใครคนไหนร้องเพลงเลย ทำหน้าเคลิ้มขนาดนี้ทำกับผมแค่คนเดียวนะ”

    ชานยอลทำเสียงสูงพลางส่ายศีรษะไปมา เขาวางกีต้าร์ลงก่อนจะลุกจากเก้าอี้มานั่งชันเข่าขึ้นหนึ่งข้างลงตรงหน้า ผมมองตาม มือใหญ่จับข้อเท้าของผม วางลงบนหน้าขาของเขา ชานยอลลูบมันเบาๆ ตอนนี้ผมก็ทำได้แค่หน้าร้อนฉ่าเมื่อมือของเขาค่อยๆเลื่อนขึ้นมาตรงน่อง

    “ชานยอล”

    “อยู่นิ่งๆนะ ผมจะเสกคาถาให้ขาของคุณหายไวๆ”

    “ไม่ได้อายุสามขวบซักหน่อย” ปากก็ว่าแบบนั้นแต่ผมไม่ได้ดึงขาออก ชานยอลส่งยิ้มอย่างที่เขาชอบทำ แน่นอนว่านั่นมันทำให้ผมใจสั่นได้ทุกครั้งที่มอง เขาเป่าเบาๆลงทีข้อเท้าผมและจูบลงที่หัวเข่า ผมสะดุ้ง ชักขาของตัวเองกลับมาแต่ชานยอลก็ยังจับไว้

    ชานยอล....ชานยอลกำลังทำให้หัวใจผมทำงานอย่างหนัก นี่พูดเลย!!

    “ถึงมันจะเจ็บปวดเวลาที่ผมมองคุณ แต่การที่ได้อยู่ด้วยกันแบบนี้มันทำให้ผมมีความสุข ผมเห็นแก่ตัวรึเปล่า”

    “ฉันยืนยันนะชานยอล ทั้งหมดนั่นเป็นความผิดของฉัน”

    “ถ้าเป็นไปได้ผมอยากจะเจ็บแทน”

    “ถ้านายเจ็บ แล้วใครจะดูแลฉัน”

    ชานยอลไม่ตอบเขาทำเพียงแค่ยิ้ม เขาวางขาลงบนพื้นเหมือนเดิมอย่างแผ่วเบาก่อนจะลากเก้าอี้มานั่งข้างๆ กีต้าร์ถูกใช้อีกครั้ง และเพลงนี้ผมคิดว่าผมร้องได้

    Have I told you lately that I love you
    Have I told you there's no one above you
    Fill my heart with gladness
    Take away my sadness
    Ease my troubles, that's what you do 
    ฉันได้บอกเธอรึเปล่าว่าฉันรักเธอ
    ฉันได้บอกเธอรึเปล่าว่าไม่มีใครอยู่เหนือเธอแล้ว
    เติมเต็มหัวใจฉันด้วยความปลื้มปิติ
    นำเอาความโศกเศร้าฉันออกไป
    คลายปมปัญหาของฉัน นั่นคือสิ่งที่เธอทำ
    Oh the morning sun in all its glory
    Greets the day with hope and comfort too
    And you fill my life with laughter
    You can make it better
    Ease my troubles that's what you do 
    ดวงตะวันยามเช้าในความรุ่งโรจน์
    ทักทายวันใหม่ด้วยความหวังและความสุขสบาย
    เธอเติมเต็มชีวิตฉันด้วยเสียงหัวเราะ
    เธอทำให้ทุกๆอย่างดีขึ้นได้
    คลายปมปัญหาของฉัน นั่นคือสิ่งที่เธอทำ
    There's a love that's divine
    And it's yours and it's mine
    Like the sun At the end of the day
    We should give thanks and pray to the One 
    มันมีความรักที่ศักดิ์สิทธิ์
    และมันเป็นของเธอและของเธอ
    เหมือนดั่งดวงตะวันในท้ายที่สุดของวัน
    เราควรจะขอบคุณและภาวนาแด่พระผู้เป็นเจ้า

    ผมเงียบเสียงลงก่อนจะหันหน้าไปมองคนที่กำลังดีดกีต้าร์ ผมตัดสินใจไม่ร้องต่อ ให้เขาเป็นคนขับกล่อมผมในช่วงสุดท้าย น้ำเสียงของชานยอลเป็นอะไรที่น่าฟังเสมอ ผมหลับตาลงก่อนจะปล่อยให้เสียงของเขาแทรกซึมเข้ามาในใจ

    Have I told you lately that I love you
    Have I told you there's no one above you
    Fill my heart with gladness
    Take away my sadness
    Ease my troubles, that's what you do 
    ฉันได้บอกเธอรึเปล่าว่าฉันรักเธอ
    ฉันได้บอกเธอรึเปล่าว่าไม่มีใครอยู่เหนือเธอแล้ว
    เติมเต็มหัวใจฉันด้วยความปลื้มปิติ
    นำเอาความโศกเศร้าฉันออกไป
    คลายปมปัญหาของฉัน นั่นคือสิ่งที่เธอทำ

    *Have I Told You Lately - Rod Stewart

     

    ผมนั่งรอชานยอลที่ห้องนั่งเล่นเป็นปกติ พ่อออกจากบ้านเร็วกว่าทุกทีทำให้คราวนี้ผมต้องอยู่คนเดียวนานกว่าที่เคย ผมเริ่มเปิดทีวีให้อยู่เป็นเพื่อน เพราะพ่อออกไปแต่เช้าพระอาทิตย์เลยยังไม่ตื่นมาทักทายกัน บรรยากาศที่ค่อนข้างมืดและฝนที่ตกพรำๆมันค่อนข้างดูน่ากลัวอยู่ไม่น้อย

    ผมเร่งเสียงทีวีให้ดังมากขึ้นเมื่อฝนทำท่าตกหนัก เสียงเม็ดฝนที่ตกระทบหลังคาทำเอาผมต้องขดตัวขึ้นมานั่งบนโซฟา เพราะเสียงฟ้าร้องทำเอาผมต้องขดตัวไปอยู่ใต้ผ้าห่ม เกลียดจริงๆเสียงฟ้าร้อง มันทำให้รู้สึกเหมือนว่าผมกลายเป็นลูกสุนัขตัวเล็กๆ เมื่อมันเงียบลงผมก็โผล่หัวออกมาจากใต้ผ้าห่ม ได้ยินเสียงกุกกักหน้าบ้านผมก็ยิ้มออกมา

    ชานยอลคงจะมาแล้ว

    เสียงฟ้าร้องดังขึ้นอีกครั้งพร้อมกับที่ประตูเปิด ผมยิ้มกว้างออกมาก่อนจะค่อยๆเบิกตากว้างเมื่อพบว่าร่างที่ยืนอยู่หน้าประตูไม่ใช่คนที่ผมรอ ร่างบอบบางของหญิงสาว ผมไม่รู้ว่าเธอเป็นใคร เธอเข้ามาได้ยังไงและต้องการอะไร ผมจ้องไปที่ดวงตาคู่นั้น ตัวผมเกร็งขึ้นมาทันที

    ที่ป่าข้างถนนเมื่อวันนั้น

    ไม่ผิดแน่ผมจำได้

    “บยอนแบคฮยอน!!

    เธอเป็นแวมไพร์!

    ในตัวผมร้องบอกออกมาแบบนั้น ร่างที่เปียกโชกก้าวเข้ามาในบ้านก่อนจะเข้ามาประชิดร่างผมที่นอนอยู่บนโซฟาอย่างรวดเร็ว เธอบีบคอของผม ไม่มีแม้แต่คำอธิบาย ความปราณีของเธอก็ไม่มี มือเล็กๆนั่นบีบคอผมจนขาดอากาศ ผมพยายามจะดึงมือของเธอออกแต่ก็ไม่เป็นผล

    ผมดิ้นอยู่ได้ซักพัก เหมือนตัวเองกำลังจะกลับลงสู่ขุมนรกอีกรอบ ก่อนที่ผมจะหมดลมหายใจไปจริงๆร่างของผู้หญิงคนนั้นก็กระเด็นออกไป ผมไอค่อกแค่กเมื่อเป็นอิสระ ชานยอลเข้ามาดูผมด้วยอาการร้อนรน  ผมยิ้มออกมาเมื่อพบว่าชานยอลเป็นคนช่วยผมไว้อีกแล้ว

    “แบคฮยอน! คุณเป็นอะไรมั้ย?”

    “มะ....ไม่ ฉันโอเคแล้ว แค่ก”

    “คุณเป็นใคร!?” ร่างสูงหันไปถามร่างที่นอนอยู่บนพื้น ชานยอลไม่ได้ห่างไปจากผมเหมือนกลัวว่าจะมีใครคนอื่นเข้ามาอีก ผมยันตัวลุกขึ้นนั่งพลางดึงชายเสื้อของชานยอลไว้ ไม่อยากจะให้เขาวู่วามมากเท่าไหร่ อย่างไรเสียอีกฝ่ายก็เป็นผู้หญิง เธอลุกขึ้นมานั่ง ไม่ตอบคำถามของชานยอล เอาแต่ใช้สายตาจ้องด้วยความอาฆาต ยอมรับเลยว่าผมกลัว

    “จีฮุน....”ชานยอลครางออกมาเบาๆ ส่วนผมก็ได้แต่ตัวสั่นทุกทีที่ได้ยินชื่อนั้น แขกที่ไม่ได้รับเชิญแยกเขี้ยวออกมา

    “แกฆ่าเขาชานยอล! แกฆ่าเขาเพราะเด็กนี่!!

    เธอตะโกนออกมาก่อนจะชี้นิ้วมายังผม ดวงตาคู่นั้นเผยความเคียดแค้นออกมาจนปิดไม่มิด แถมยังแผ่มายังผมจนรู้สึกอึดอัดไปหมด ผมกำชายเสื้อของชานยอลแน่นขึ้น หัวใจเต้นระรัว อีกฝ่ายเอื้อมมือมากุมมือผมเอาไว้ ความเย็นจากร่างกายของเขาทำให้ผมผ่อนคลาย

    “ผมทำไปเพราะมีเหตุผล”

    “เหตุผลที่ว่าคือปกป้องอาหารเนี่ยนะ!? น่าตลกสิ้นดี!

    “คุณจองโบรา อยากให้ทำความเข้าใจเสียใหม่ แบคฮยอนคือคนรักของผมไม่ใช่อาหาร”

    ได้ยินชานยอลพูดแบบนั้น คนที่ถูกเรียกว่าจองโบราก็หัวเราะออกมา ราวกับคนบ้าที่ส่งเสียงหัวเราะออกมาได้ไม่หยุด เธอเดินเข้ามาใกล้ ชานยอลมายืนขวางหน้าเอาไว้ ร่างกายของเขาแข็งเกร็ง เธอหยุดอยู่ตรงนั้น จ้องมายังผมและคนที่กำลังปกป้องผมเอาไว้

    “คนรัก? อาหารคือคนรัก? น่าขำซะจริง”

    “...........”

    “ให้ฉันเดานะ พวกตระกูลชเวคงยังไม่มีใครรู้แน่ อยากรู้จริงๆว่าถ้าพวกเขารู้ แกจะยังปล่อยให้อาหารมีชีวิตอยู่ต่อไปรึเปล่า”

    ชานยอลยืนนิ่งไม่ได้มีท่าทีรู้ร้อนรู้หนาว โบราแสยะยิ้ม เธอจ้องมายังผมอีกครั้ง แต่ไม่ได้มีทีท่าเหมือนตอนแรกที่จู่ๆก็พุ่งเข้ามาบีบคอ ผมยกมือขึ้นลูบลำคอของตัวเองเบาๆด้วยความเผลอ

    “ไม่มีทางที่แกจะปิดเป็นความลับได้ตลอดไปชานยอล พวกนั้นทำหน้าที่พิทักษ์เผ่าพันธุ์ของเรา เขาต้องไม่ชอบใจแน่ถ้าหากรู้ว่านายมีคนรักเป็นอาหาร”

    “.........”

    “และฆ่าคนรักของฉันเพียงเพราะมัน!!

    ผมว่าเวลานี้ผ่านไปช้ามากๆ อยากจะหลับไปและตื่นขึ้นมาใหม่เพื่อหลอกตัวเองว่านี่เป็นเพียงแค่ความฝัน เรื่องวุ่นๆได้จบลงแล้ว จองจีฮุนตายแล้วและไม่มีใครมาที่นี่เพื่อที่จะแก้แค้น ไม่มีพวกตระกูลชเวที่อาจจะมาทำร้ายผมเพียงเพราะผมเป็นแค่มนุษย์ที่ล่วงรู้ความลับของเขา

    “เลือกเอาก็แล้วกัน อยากจะให้เด็กนี่ตายไปเงียบๆด้วยฝีมือของฉัน หรือต้องให้ถึงมือพวกตระกูลชเวแล้วพวกแกจะต้องทำงานรับใช้พวกนั้น”

    “ขอบคุณที่เตือนด้วยความหวังดี แต่ผมคิดว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องของอนาคต ทุกอย่างผ่อนผันกันได้”

    “ได้...ดี! ฉันจะคอยดูว่ามันจะอีกนานเท่าไหร่ที่แกจะปิดเรื่องนี้ได้”

    เธอกระแทกเสียงใส่ก่อนจะเดินออกจากบ้านไป ผมถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก ร่างกายของผมผ่อนคลายทันทีที่เธอหายไปจากประตูบ้าน ปาร์คชานยอลรีบหันมามองผม เขาตระกองกอดผมไว้ในอ้อมแขน เป็นอีกครั้งที่ผมรู้สึกปลอดภัยแม้ว่าเมื่อกี้ผมจะถูกทำร้ายก็ตาม

    “ไหวไหมแบคฮยอน คุณโอเครึเปล่า?”

    “โอเค...ฉันโอเค”

    “ต่อจากนี้.....ไม่ปลอดภัยแล้ว คุณไม่ปลอดภัยแล้วแบคฮยอน”

    ผมกอดชานยอลไว้อีกครั้งซุกหน้าลงไปบนบ่าแล้วกอดไว้แน่นๆ กลิ่นกายของชานยอลทำให้ผมรู้สึกผ่อนคลาย เขาเองก็กอดผมไว้ก่อนจะลูบศีรษะเบาๆเพื่อปลอบประโลม

    อยากให้ชานยอลรู้ไว้ ถึงผมจะต้องเสี่ยงอันตรายแค่ไหนแต่ผมก็พร้อมจะอยู่กับเขา

     

    Talk -10-
    ถ้าบอกว่าไม่มีไรทำจะผิดมั้ยย
    #คืออาทิตย์หน้าสอบโอเนต อะกิ..
    จะพยายามไม่ยืดเรื่องนะฮั้บ
    จะจบตรงไหนดี? ตอนแต่งงาน? รึจบไปเลยไม่ต้องแต่ง
    *โดนตบสามพันรอบ*
    ตอนนี้ไปสบายๆ(?) ร้องเพลงมุ้งมิ้งไปเรื่อย
    ฮริ้ง 
    หมดเรื่องจะเวิ่น เจอกันครั้งหน้าที่ไม่รู้จะมาเมื่อไหร่
    บายครัชชชชช


    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×