อติน VS ดงบังชิงกิ - อติน VS ดงบังชิงกิ นิยาย อติน VS ดงบังชิงกิ : Dek-D.com - Writer

    อติน VS ดงบังชิงกิ

    ถอดบทสัมภาษณ์ของดงบิงชิงกิ แบบคำต่อคำ ไม่มีขาด ไม่มีเกิน แฟนๆ ดงบัง มาอ่านกันสนุกๆ นะจ๊ะ

    ผู้เข้าชมรวม

    14,877

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    8

    ผู้เข้าชมรวม


    14.87K

    ความคิดเห็น


    206

    คนติดตาม


    50
    เรื่องสั้น
    อัปเดตล่าสุด :  16 ก.ย. 49 / 11:33 น.


    ข้อมูลเบื้องต้นของเรื่องนี้
    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ

      และแล้ว หลังจากผ่านการนองเลือดมากมาย
      พี่ตินก็ได้มาทำต้นฉบับสัมภาษณ์นี้ซะที

      เอาเป็นว่า ตอนแรก พี่ออมตั้งใจว่าจะมาด้วยกับพี่ติน
      และเป็นคนเขียนบทความนี้เอง เพราะพี่ออมเค้าชอบดงบังมากๆ

      แต่ด้วยเหตุผลที่ยุ่งมากๆ หลายๆ อย่าง ทำให้เหลือแค่พี่ตินเท่านั้น ที่ได้มางานนี้ได้

      ทำให้พี่ติน ต้องเป็นตัวแทน เก็บข่าวมาฝากน้องๆ กัน

      งานนั้นก็คือ "Meet ดงบังชิงกิ" นั่นเองจ้า




      ก่อนอื่น พี่ตินขอออกตัวก่อนเลยนะจ๊ะ

      งานนี้ เค้าเข้มงวดมากๆ เรื่องถ่ายรูป พี่ตินเลยต้องแอบถ่ายกันสุดฤทธิ์

      ได้มาแค่นิดหน่อยเอง พอเป็นน้ำจิ้ม

      แถมรูปก็ไม่ค่อยชัดเหมือนตอนถ่ายเรนเลย

      ต้องขอโทษด้วยนะน้องๆ แต่พี่ตินก็พยายามแล้วนะ

      เรียกว่า อ่านคำวิจารณ์ขำๆ ของพี่ตินแทนดีกว่าจ้า แหะๆ

      ดงบังชิงกิๆๆ??? พี่ตินไม่เคยรู้จักวงนี้มาก่อน

      มันอยู่นอกวงโคจรชีวิตของพี่ตินมากๆ แบบว่าใคร อะไร ไม่รู้เรื่อง

      เพราะพี่ตินมีรสนิยมชอบวงหญิงล้วนมากกว่าเยอะ (แนวมอร์นิ่ง หรือว่าเบบี้ วอกซ์)

      พอเห็นหน้าทั้งห้าคน พี่ตินก็กุมขมับ

      หว่า นี่มันเด็กหนุ่มทั้งนั้น เราจะกินหญ้าอ่อนเหรอเนี่ย??? (พี่ออมกินไปแล้วหนึ่งคน)

      เอาเป็นว่า เพื่อน้องๆ ชาวเว็บ พี่ตินก็เลยต้องศึกษาเสียหน่อย

      ใครเป็นใคร คนไหนหน้าตายังไง เพื่อจะจำให้ได้ก่อนวันไปเจอพวกเขาไงล่ะ




      วันที่ 14 กันยายน คือวันที่พี่ตินได้ไปเจอพวกเขามา

      งาน Meet ดงบังชิงกิครั้งนี้ จัดขึ้นที่โรงแรมเพนนินซูล่า

      ซึ่งพี่ตินก็ขอชมเชยการทำงานของรปภ.ที่นี่ ช่างเนี้ยบเสียจริงๆ

      เค้าไม่ให้ใครเข้ามาได้เลย นอกจากเป็นนักข่าว

      ก่อนจะเข้าได้ พี่ตินต้องชูนามบัตร ยิ้มหวาน ปั้นหน้า ขอเข้าไปหน่อยนะค้าๆๆ

      เรียกว่ากว่าจะเข้าได้เหงื่อแตกกันทีเดียว


      เมื่อเข้ามาแล้ว ยังไม่พอค่ะ น้องๆ

      พี่ตินต้องผ่านด่านที่สอง คือด่านเข้าไปเจอพีอาร์ของแชนเนลวี

      กว่าจะเข้าไปได้ ก็เหนื่อยอีกเหมือนกัน


      เมื่อเข้าไปได้อีก ยังไม่จบแค่นี้

      เรียกว่าการพบเด็กหน้าตาดีนี่ลำบากมากจริงๆ

      พี่ตินยังต้องไปยืนรอ เค้าเปิดประตูให้นักข่าวเข้าตอน 11.30 น. เสียอีก

      แต่ในเมื่อทนมาแต่แรกแล้ว พี่ตินก็ทนต่อไปค่ะ



                       หนุ่มๆ ทั้งสี่ หน้าใสปิ๊ง กล้องมัวไปหน่อย แหะๆ

      เอาล่ะ เมื่อประตูเปิด หลังจากรอจนขาแข็ง

      พี่ตินก็พรวดเข้าไปข้างใน เป็นคนที่ 2-3 เพราะไปเฝ้าประตู เพื่อน้องๆ > <

      พี่ตินเลยได้ที่นั่งหน้าสุดเลยเชียว

      เรียกว่าครั้งนี้ได้ที่นั่งดีมากๆ ดีกว่าครั้งที่ไปเรนเยอะ

      ที่ที่พี่ตินนั่งทำให้สามารถสบนัยน์ตากับดงบังของน้องๆ ได้ทุกคนเลยล่ะจ้า

      เดี๋ยวจะเล่าๆ ว่าได้สบตากับใครบ้าง ดีไหม? ฮิๆ


      และแล้ว หลังจากผ่านไปครู่หนึ่ง เมื่อนาฬิกาบอกเวลาเที่ยง

      (ตอนนี้ท้องพี่ตินร้องจ้อกๆๆ เพราะไม่ได้กินข้าวเช้ามานะเซ่ มานั่งเฝ้าแต่เช้าเลย)

      ดงบังชิงกิก็ออกมาแล้วค่า

      นักข่าวทั้งหลายก็ปรบมือๆ กันกราวใหญ่เลยทีเดียว

      ทั้งห้าคนเดินมานั่งที่ตามรูปในโปสเตอร์  ซึ่งนับเป็นโชคดีอย่างสูง

      เพราะพี่ตินจำชื่อพวกเขาตามโปสเตอร์นั่นเอง

      ขืนไม่นั่งตามโปสเตอร์ พี่ตินมีหวังแย่แหงๆ

      ก่อนนั่ง หนุ่มขวาสุด ขวัญใจน้องๆ นายยูโนว์ ก็ปรบมือ แปะๆ

      แล้วเรียกเพื่อนๆ ในวงให้ร้องเพลงอะไรสักอย่าง ซึ่งพี่ตินเดาว่าน่าจะเป็นการแนะนำตัว ทำนองนั้น

      แล้วห้าหนุ่มก็ "สวัสดีครับ" กันดังลั่นห้อง เรียกเสียงปรบมือกราวใหญ่ทีเดียว

      เอาล่ะ ทั้งห้าคนนั่งได้แล้ว

      พี่ตินค่อยๆ ทวนชื่อและนั่งวิจารณ์ขำๆ ในใจ

      ซ้ายสุด - ชื่อ เซีย



        เซีย พี่ตินถ่ายเค้าออกมาหน้าเครียดจัง

      เอ๊ะ คนนี้หน้าไม่เหมือนในรูปเลยเฮะ

      ตัวจริงหล่อกว่าในรูปตั้งเยอะแน่ะ พ่อหนุ่มคนนี้ หน้าตาน่ารัก ยิ้มหวานอยู่ตลอดเวลา

      หน้าใส นัยน์ตาสวย ปากแดงใส แบบว่าน่ารักดีจังเลยนะ

      อะนะ พี่ตินขอฟันธงเลยว่า "คนเนี้ย หล่อที่สุดในวงค่าาาาาาาาาา"

      นอกจากหล่อแล้ว พ่อหนุ่มเซียยังพูดเก่ง และหัวเราะเก๊งเก่ง

      เรียกว่า คนนี้พี่ตินให้ฉายาว่า "สุดหล่อของพี่ติน" นะจ๊ะ

      คนถัดมา ชื่อว่า มิคกี้ สินะ


         ถ่ายแล้วหน้าตาเจี๋ยมเจี้ยม น่ารักเฮะ

      คนนี้หน้าไม่เหมือนในรูปอีกแล้ว ตอนนี้ไว้ผมซะยาวเชียว

      แล้วก็มารวบไว้ข้างหลัง แบบหลวมๆ หน้าตาก็จิ้มลิ้ม

      มองๆ ไปพี่ตินว่าเหมือนวีเจจ๋า ที่เป็นพิธีกรอยู่ชอบกล

      หนุ่มคนนี้เงียบมากเลยจ้าน้องๆ เค้าไม่พูดเลย แบบว่านั่งนิ่ง มาดขรึม

      เอาฉายา "นิ่งสงบสยบความเคลื่อนไหว" ไปจ้า

      คนกลาง แจจุง ใช่ไหม?



            สวัสดีครับ ผมรักช้างนะครับ ^ ^

      น้องคนนี้หน้าหวานมากกกกกกกกกกกกกกกกก

      พี่ตินมองแล้วตกใจ เค้าไม่ได้ทำผมเหมือนในรูป แต่ทำผมขาววววววว

      (ซึ่งมีคนบอกมาว่าเมื่อถอดแล้ว จะเป็นสีน้ำตาล)

      แล้วก็ใส่หมวกไหมพรมถักปิดศีรษะไว้

      เห็นหน้าหวานๆ ชัดเจนขึ้น จมูกโด่งเรียวเหมือนสันมีดเลยทีเดียว สวยมาก

      ปากก็สวย บางๆ แดงๆ น่ารักดี นัยน์ตาก็กลมแป๋ว

      มองเผินๆ เป็นเด็กผู้หญิงได้เลยสบายๆ

      พ่อคนนี้ พี่ตินขอเรียกเค้าว่า "นายคนรักช้าง" ละกัน

      เพราะอะไร ไปติดตามในบทสัมภาษณ์เอาเองละกันนะจ๊ะ

      คนถัดมา ชางมิน



      ดูๆ ไปก็หน้าเหมือนเจอร์รี่ เอฟโฟร์เหมือนกันนะ

      ทันทีที่เห็น พี่ตินต้องร้อง ว้าย แตงโมมาทำอะไรตรงนี้

      เพราะว่าพ่อหนุ่มชางมิน หน้าตาเค้าเหมือนเพื่อนพี่ตินที่ชื่อแตงโมมากๆ

      ถอดแบบกันมาเลยทีเดียวเชียว

      ทั้งนัยน์ตา จมูกปาก ผิว เรียกว่าเหมือนมากๆ

      น้องคนไหนอยากมีแฟนหน้าตาอย่างนี้ เพื่อนพี่ตินยังว่างนะจ๊ะ

      ฉายาของพ่อหนุ่มคนนี้ก็เลยเป็น "นายแตงโม" ไป

      คนขวาสุด อะนะ อย่าเพิ่งกรี๊ดนะเด็กๆ นายยุนโฮ ยูโนว์ ของน้องๆ นั่นเองแหละ



               หนุ่มเมล็ดอัลมอนด์ของพี่ติน

      อืม........

      เอาไงดีล่ะ พี่ตินว่าคุณยูโนว์เป็นคนที่ถ่ายรูปแล้วเหมือนตัวจริงที่สุดเลย

      ในรูปหน้ายังไง ตัวจริงก็หน้ายังงั้น แต่ว่าหน้าตาเค้าเรียวกว่าในรูปนิดหน่อย

      ส่วนที่พี่ตินจับใจมากที่สุด เห็นจะเป็นนัยน์ตาเรียวยาว รูปเมล็ดอัลมอนด์

      นัยน์ตาของหนุ่มคนนี้สวย เรียวได้รูปมากๆ

      ขอเรียกว่า "หนุ่มนัยน์ตาเมล็ดอัลมอนด์" ละกันนะ คุณยุนยุน 

       

      งานนี้ถ้าถามว่าพี่ตินชอบใคร

      พี่ตินชอบเซียจ้า เค้าหล่อและน่ารัก และเราก็สบนัยน์ตาปิ๊งๆ (555) ให้กันตั้งหลายครั้ง

      พี่ตินก็ยิ้มแหะๆ ส่วนเค้ายิ้มหวานเหมือนเทพบุตร เรียกว่าหล่อน่ารักใจละลายมากๆ

      แต่ถ้าถามว่าใครที่สบตากับพี่ตินบ่อยที่สุด

      ซึ่งพี่ตินสงสารเค้ามากๆ เพราะเรานั่งตรงกันพอดี

      ก็คือ คุณหนุ่มรักช้าง น้องแจจุง คนตรงกลางนั่นเองค่ะ

      เพราะพี่ตินเองก็นั่งหน้าสุด ตรงกลางพอดี โอ้ว

      เราสองคนเลยต้องมองหน้ากันตลอดเวลา

      มองแล้วก็แหะๆ หลบตากันไป แบบว่าสงสารน้องเค้าจริงๆ เลย

      ส่วนยูโนว์ของน้องๆ ไกลพี่ตินไปหน่อย

      แต่ก็สบตากันบ้าง เค้ายิ้มแบบผู้ดีๆ ไงไม่รู้แฮะ

      มองพี่ตินเหมือนมองยัยบ๊อง แบบว่ารอยยิ้มนั่น ช่างเทพบุตรนัก

      มองแล้วก็ไม่แปลกใจ ว่าทำไมน้องๆ หลายคนถึงหลงใหลเค้ากันขนาดนั้น




      และหลังจากจ้องหน้ากันชั่วอึดใจหนึ่ง

      ต่อไป เราก็มาถึงช่วงตอบคำถามกันแล้วจ้า

      น้องๆ มาฟังกันให้ดีเลยทีเดียว

      บทสัมภาษณ์นี้ พี่ตินถอดเทปอัดแบบคำต่อคำ ด้วยความยากลำบากมากกกกกกก

      เพราะพี่ตินเกิดจำเสียงของพวกหนุ่มๆ เค้าไม่ได้น่ะสิ -*-

      กว่าจะแกะได้ ต้องฟังกลับไปกลับมาตั้งหลายรอบ

      เรียกว่าพยายามให้ไม่มีข้อผิดพลาดแล้ว

      และหวังว่า จะไม่มีอะไรผิดนะ (ทำหน้าจริงจัง)

      เวลาสัมภาษณ์ประมาณ 40 นาทีจ้า พี่ตินถอดเทปมาให้ทั้งหมดเลย

      หวังว่าน้องๆ จะชอบกันนะ ^ ^

       

      บทสัมภาษณ์ดงบังชิงกิ

      ถอดเทปโดย อตินเองจ้า

      นักข่าว : รู้สึกไงกะคอนเสิร์ตที่จะจัดพรุ่งนี้

      ห้าหนุ่มดงบังแย่งกันตอบใหญ่ ลงท้ายก็หัวเราะกันเอง แล้วคุณยูโนว์ เมล็ดอัลมอนด์ ก็เป็นผู้ตอบ  

      ยูโนว์ : ตื่นเต้นมากๆ เลย เพราะว่าเป็นคอนเสิร์ตครั้งแรกในเมืองไทย

      ก็อยากจะโชว์อะไรแปลกๆ ใหม่ๆ ให้แฟนๆ ชาวไทยได้ดู

      และก็ ตื่นเต้นมากๆ เลย (ยิ้ม)





      นักข่าว
      :
      เตรียมตัวอะไรมาบ้างคะ

      (แย่งกันตอบอีกแล้ว ห้าหนุ่มทั้งหลาย)  

      มิคกี้ : มิคกี้ครับ (แนะนำตัวเป็นภาษาไทย นักข่าวหัวเราะกันเกรียวกราว มิคกี้เขินไป)

      ช่วงนี้ พวกเรากำลังเตรียมอัลบั้มที่สามอยู่ อาจจะไม่ค่อยมีเวลาซ้อม

      แต่เราก็พยายามหาเวลาซ้อมให้มากที่สุด เพื่อให้คอนเสิร์ตออกมาดีที่สุด

      นักข่าว : คิดว่าดงบังชิงกิมีลักษณะพิเศษยังไงที่บอยแบนด์วงอื่นไม่มี

      ยูโนว์ : อันนี้ อาจจะเพราะว่าเราเป็นวงที่ร้องเพลงแบบอะแคปเปลลาด้วย

      ก็เลยแตกต่างจากวงอื่น คือพวกเราจะเน้นร้องแบบประสานเสียงมากกว่า




      นักข่าว
      :
      อยากทราบว่า ใครมีส่วนร่วมในคอนเสิร์ตครั้งนี้บ้าง

      (คำถามนี้ ห้าหนุ่มดงบังหัวเราะ 555 แบบไม่เกรงใจ ไม่รู้หัวเราะอะไรกันสินะ) 

      เซีย : อย่างที่ทราบกันดี ว่าวงของเราร้องเพลงแบบประสานเสียง

      แต่ละคนก็จะต้องมีพาร์ทร้องไม่เหมือนกัน

      ก็จะพยายามซ้อมพาร์ทของตัวเอง เพื่อให้มีเสียงประสานที่ไพเราะที่สุด

      นักข่าว : ฝากอะไรถึงแฟนคลับชาวไทย

      แจจุง : แฟนๆ ที่ตั้งตารอคอนเสิร์ตครั้งนี้ เชื่อว่าจะได้ดูอะไรเด็ดๆ จากพวกเราแน่นอน

      เพราะว่าพวกเราตั้งใจมาแสดงให้กับแฟนๆ ชาวไทยโดยเฉพาะ

      ความจริงเราห้าคนเตรียมคำพูดสั้นๆ เป็นภาษาไทยมาด้วยนิดหน่อย

      แต่เมื่อกี๊เราตื่นเต้น เลยลืมไปหมดเลย 555

      กับคำพูดนี้ คนหัวเราะกันทั้งห้อง ทำให้หนุ่มหน้าหวานคนรักช้าง

      นายแจจุงก็เลยกล้ามากขึ้น ถึงกับลองพูดภาษาไทย

      แจจุง : ดีใจมากที่ได้มา

      (พูดเป็นภาษาไทย แต่ไม่ค่อยชัด เล่นเอานักข่าวฮาแตก

      นายแจจุงเลยทำหน้าเขินไป แต่ก็ไม่ยอมแพ้ เพราะเปิดไมค์มาลองใหม่)

      แจจุง : ขออีกทีนะครับ (ภาษาเกาหลี)

      "ดีใจมากที่ได้มาเมืองไทยอีกครั้ง" (ภาษาไทย)

      คราวนี้หนุ่มน้อยแจจุงของเราพูดชัดแจ๋ว ได้รับเสียงปรบมือ และรอยยิ้มในความเอ็นดูไปเต็มเหยียด

      พี่ตินเองยังอมยิ้มตามเลย เค้าน่ารักจริงๆ นี่

      และพอหนุ่มแจจุงพูดจบ หนุ่มแตงโม นายชางมินของเราก็อดไม่ได้

      เปิดไมค์ขึ้นมาพูดบ้าง เรียกว่าไม่ยอมน้อยหน้ากันเลย


      ชางมิน
      :
      คอนเสิร์ตครั้งแรกที่เมืองไทย (ภาษาไทย)

      แต่ฟังแล้วยังงงๆ ล่ามสาวเลยแปลให้

      พอนายชางมินได้ยินชัดๆ ก็หัวเราะก๊าก แล้วบอกว่า

      ที่ผมอยากพูดคือแบบนี้แหละ

      กำลังหัวเราะกันสนุกสนาน หนุ่มเซีย ขวัญใจพี่ตินก็พูดขึ้นมาบ้าง

       

      เซีย : ..... เชื่อ อะไ ร อะไร นะ&%$#$$^&&(

      ทุกคนเงียบเลยทีเดียว ก่อนจะหัวเราะออกมาไม่ยั้ง

      ก็หนุ่มเซีย เค้าพูดอะไรฟังไม่ออกจริงๆ นี่นา

      เซีย : ... อีกรอบนะครับ (ทำหน้าเขินใหญ่ๆ)

      เซีย : ช่วย ๕%$#^&#%&^#*

      อันนี้พี่ตินฟังได้ประมาณว่า "ช่วยติดตามให้กำลังใจเราด้วยนะครับ"




      นักข่าว
      :
      อัลบั้มที่สามมีแผนจะมาโปรโมทที่เมืองไทยบ้างไหมคะ

      เซีย : ถ้ามีโอกาสก็อยากจะมาโปรโมทที่เมืองไทยอีกนะ

      พวกเราอยากจะกลับมาอีกครั้ง

      นักข่าว : อัลบั้มในเวอร์ชั่นเกาหลีไปถึงไหนแล้ว

      ยูโนว์ : ใกล้จะเสร็จแล้วครับ เชื่อว่าอีกไม่นานนี้คงจะได้ชมผลงานของเรา

      กับคำถามเมื่อกี๊ ถ้ามีโอกาส ก็อยากมาเมืองไทยอีกนะครับ (หยอดกันใหญ่ หนุ่มๆ)

      นักข่าว : คิดจะทำอัลบั้มภาษาไทยบ้างหรือเปล่านะ

      เซีย (ผู้พูดภาษาไทยไม่รู้เรื่องที่สุด) : อยากจะร้องเพลงภาษาไทยเหมือนกันนะครับ

      แต่ตอนนี้คงต้องกลับไปเรียนภาษาไทยก่อน ต้องไปหาทางออกเสียงให้ดี 555 (หัวเราะตัวเองซะงั้น)

      นักข่าว : แล้วคิดว่าจะมีโอกาสได้มาถ่ายมิวสิคเต็มๆ ที่เมืองไทยบ้างไหม

      แจจุง : ได้มาเห็นเมืองไทยแล้ว ผมว่าบ้านเมืองที่นี่สวยงามมาก

      ก็คิดว่าอยากจะมาถ่ายเหมือนกัน ต้องลองดูก่อนครับ

      นักข่าว : แล้วอยากไปเที่ยวที่ไหนเป็นพิเศษไหมคะ ในเมืองไทย

      ดงบังทั้งห้ามองหน้ากันเลิ่กลั่ก แล้วหัวเราะ 5555555 (เอ๊ะ ยังไง)

      แจจุง : สถานที่ยังนึกไม่ออก แต่ที่อยากทำมากที่สุดก็คือการขี่ช้างนะครับ

      อยากขี่ช้างมาตั้งแต่เด็กๆ แล้ว

      เพราะว่าที่เกาหลีนี่ขี่ไม่ได้ ดูได้อย่างเดียว

      (นี่แหละ ที่มาของฉายาว่าหนุ่มรักช้าง ที่พี่ตินให้เค้าแหละ)  


      นักข่าว
      :
      ได้ข่าวว่าคอนเสิร์ตที่มาเลเซีย มีคนไทยไปให้กำลังใจเยอะมาก

      รู้สึกยังไงที่คนไทยตามไปให้กำลังใจ

      (น้องๆ ทั้งหลาย ฟังให้ดีๆ นายแตงโมของพี่ตินพูดแล้วๆๆ)

      ชางมิน : ดีใจมากๆ ที่แฟนๆ ตามไปให้กำลังใจ

      ตอนมาเมืองไทย เราได้รับการต้อนรับอย่างอบอุ่นมากๆ  

      และก็หวังว่างานคอนเสิร์ตพรุ่งนี้จะได้รับการต้อนรับเหมือนเดิม




      นักข่าว
      :
      ทางวงมีการเปลี่ยนทรงผมตลอด แต่ละคนมีทรงที่อยากจะทำมากๆ ไหม

      เซีย : เราไว้ใจสไตลิสต์ของเราว่าต้องหาทรงที่ดีที่สุดให้เราอยู่แล้วครับ

      ทรงอะไรก็ได้ เค้าจัดอะไรมา ก็ทำตามได้หมด

      และแล้ว ก็มาถึงคำถามที่น้องๆ หลายคนคงรอคอยสินะ

      นักข่าว : แต่ละคนมีสาวในดวงใจยังไงบ้าง

      ดงบังชิงกิทั้งห้า หัวเราะ 55555 อีกครั้ง และเกี่ยงกันตอบทันที

      สุดท้ายมิคกี้ก็ผายมือไปทางยูโนว์ ให้ตอบก่อน

      ยูโนว์ : อ่า ผมชอบสาวที่เป็นลูกกตัญญู รู้จักเคารพผู้ใหญ่

      เวลาทำอะไรมีความตั้งใจ และมีความเป็นผู้นำสูง

      ชางมิน : ผมว่าเรื่องอย่างอื่น เช่น สวยหรือหน้าตาดีก็สำคัญ

      แต่ที่สำคัญกว่าก็คือผมชอบคนที่รู้จักหน้าที่ของตัวเอง

      รู้ว่าตัวเองมีหน้าที่อะไร ก็ควรจะทำ

      แจจุง : ผมชอบคนมือเท้าสวยนะครับ

      (นักข่าวทุกคนดูมือกันไปตามๆ กัน)  

      มิคกี้ : หัวเราะก๊ากๆๆ

      ซึ่งพี่ตินก็งง ว่าเค้าหัวเราทำไม แต่แล้ว หนุ่มหน้าหวานแจจุงของเราก็เฉลยออกมา

      แจจุง : แล้วก็ ต้องเป็นสาวที่มีความสนิทสนมกับช้างได้มากเป็นพิเศษนะครับ

      55555555 (เค้าพูดเอง หัวเราะเองใหญ่)

      เพื่อนๆ สมาชิก ดงบังชิงกิ หัวเราะกันไม่หยุดทีเดียวกับประโยคนี้

      แจจุง : (อธิบายต่อๆๆๆ แบบเครียดๆ) ก็เพราะว่าอยากจะพาแฟนไปขี่ช้างด้วยกันน่ะครับ

      ถ้าแฟนจะไปโกรธใส่ช้างก็จะไม่ดี ก็เลยต้องเอาแบบรักช้างน่ะสิ

      มิคกี้ : 555 ผมตกใจ คิดว่าแจจุงเค้าจะตอบสาวในอุดมคติคือช้างซะอีก 555555

      (หัวเราะกันใหญ่อีกครั้ง อืม นายหน้าหวานจริงๆ ก็แอบฮาเนอะ)

      มิคกี้ : สำหรับผมแล้ว ชอบแบบที่คบกันไปแล้ว นิสัยเข้ากันได้ทุกเรื่อง และชอบสาวผมตรงด้วย

      แจจุง (แทรกทันที) : ต้องผมตรงยาวนะ

      เซีย : ผมชอบผู้หญิงสนุกสนาน ร่าเริง สดใส ชอบกีฬา ชอบออกกำลังกาย

      (โห ตรงคอนเซ็ปท์พี่ตินเป๊ะเลยแหละ ร่าเริงสดใสสนุกสนาน 555)

      มิคกี้ : ขอเสริมหน่อยครับ สำหรับประเทศไทย เป็นที่รู้จักกันอยู่แล้วที่เกาหลี

      มาคราวที่แล้ว ก็เห็นว่าสวยงามมาก พอได้มาแสดงคอนเสิร์ตเป็นของตัวเองก็ดีใจมาก




      นักข่าว : แล้วมีฮีโร่ในดวงใจไหมคะ

      กับคำถามนี้ นายหน้าหวานแจจุงยืนขึ้นมาทันที

      (โชคดีที่พี่ตินรู้แล้วว่าเค้ามีชื่ออังกฤษว่า Hero เลยเก็ทมุข)

      แจจุง : (ยืนขึ้น แล้วโบกมือๆๆ) ผมๆๆ ผมชื่อฮีโร่

      ยูโนว์ : พวกเราชอบเพลงประสานเสียง วงที่น่าจะเป็นฮีโร่คงจะเป็นบอยทูเมน

      คราวนี้ก็มาถึงตานักข่าวเกาหลีถามบ้าง  

      นักข่าว : อาการบาดเจ็บของยูโนว์เป็นอย่างไร แล้วเตรียมตัวกับคอนเสิร์ตนี้ยังไง

      ยูโนว์ : ตอนที่ไปมาเลย์เจ็บ แต่ตอนนี้ใกล้จะหายแล้ว

      หมดช่วงพักฟื้น คงจะกลับมาได้ทำอะไรกับวงได้เหมือนเดิม

      นักข่าว : จบอัลบั้มนี้แล้ว จะออกมาเป็นโซโล่ไหม

      ยูโนว์ : พอหลังจากอัลบั้มสามออกมาแล้วเหรอครับ

      ผมว่ายังไงพวกเราก็น่าจะมาเป็นกลุ่มมากกว่า

      หลังจากนั้น ก็ยังไม่มีแพลนอะไรที่ชัดเจนเลยครับ




      นักข่าว
      :
      แล้วที่เกาหลีจะมีอะไรบ้าง

      ยูโนว์ : จะมีโปรแกรมที่เกาหลี 28 กย. จะมีรายการ และ 1 ตค. ก็มีไปเรื่อยๆ ครับ

      นักข่าว : ลักษณะเพลงของอัลบั้มที่สามจะเป็นยังไงบ้าง

      ยูโนว์ : คงจะเป็นเพลงที่โตขึ้น การทำงานที่โตขึ้น การร้องยากขึ้น มีการรีเมคเพลงเก่าๆ

      และอย่าลืมนะครับ เทปผีซีดีเถื่อนไม่เอา 5555

      (อุ๊ย นายอัลมอนด์แกอินเทรนด์นะเนี่ย)

      นักข่าว : มาเมืองไทย จะเน้นอะไร จะโชว์อะไรเป็นพิเศษ

      เซีย : กลุ่มของดงบังเป็นกลุ่มที่ชอบร้องอะแคปเปลล่าแดนซ์

      เราชอบเต้นระและร้องเพลง เราก็เลยอยากให้แฟนๆ ได้เห็นว่าเรามีความสามารถทางดนตรี

      และมีพัฒนาการจากอัลบั้มแรกมาจนถึงอัลบั้มที่สาม ก็ทำนองนั้นครับ

      เซีย (เล่าต่อไป) : ผมเป็นคนแรกที่ได้ออกมาโซโล่ คือไปร้องเพลง Feat กับจางจีอิน

      ปกติไปไหนก็ไปกับวง แต่ตอนนี้จะไปในฐานะศิลปินเดี่ยว ก็จะเขินๆ เหมือนกัน

      ซึ่งผมคิดว่าเม็มเบอร์คนอื่น ออกไปก็น่าจะประสบความสำเร็จเหมือนกัน

      แต่ไม่ว่ายังไง พวกเราก็ชอบแบบเป็นกลุ่มอยู่ดี

      นักข่าว : ดงบังชิงกิเป็นนักร้อง และมีผลงานละครมาบ้าง

      มีแผนการจะไปเล่นละครหรือหนังบ้างไหม

      ยูโนว์ : ก็ก่อนหน้านี้ ที่ไปเล่นละคร ก็เป็นประสบการณ์แปลกใหม่

      แต่เราอยากให้แฟนๆ รู้จักในฐานะศิลปินมากกว่า

      และในละครเรื่องนั้น พวกเราก็ร้องเพลงประกอบด้วย

      คือพวกเราชอบร้องเพลงมากกว่าครับ





      นักข่าว
      :
      ขอถามเรื่องที่เซียไป Feat กับนักร้องจีนมา จะไปโปรโมทในจีนหรือเปล่า

      เซีย : เกี่ยวกับเรื่องนักร้องที่ผมไป Feat เหรอครับ

      ถ้ามีโอกาส ผมก็อยากจะไป แต่ตอนนี้ยังไม่ชัดเจน ก็แค่ไป Feat เฉยๆ ครับ

      ยูโนว์ (พูดแทรกขึ้นมาเฉยๆ ซะงั้น)  : ไม่ว่าพวกเราจะทำอะไร ก็อยากจะขอกำลังใจแฟนๆ

      ให้ดูว่าพวกเรามีพัฒนาการอย่างไร

      แล้วก็ฝากผลงานอัลบั้มที่สามไว้ด้วย




      นักข่าว
      :
      ตอนนี้ มีการวางแผนในอนาคตจะทำอะไรบ้าง

      เซีย : เรากำลังให้ความสำคัญกับอัลบั้มสามครับ อยากให้ออกมาดูดี

      นักข่าว : คำถามสุดท้ายแล้ว อยากทราบเรื่องเกณฑ์ทหารของพวกคุณว่าไปถึงไหนแล้ว

      (ในเกาหลี ผู้ชายทุกคนต้องเกณฑ์ทหารนั่นเอง)  

      ยูโนว์ : พวกเรายังไม่ได้ไปตรวจร่างกายเลย

      ซึ่งกับคำถามนี้ พี่ตินก็คิดในใจว่า อืม หน้าตาหวานๆ แบบนี้ จะไปรบยังไงไหวอ่า

      ถ้าไปรบ แล้วศัตรูจะกลัวเหรอเนี่ย -*-


      และแล้วบทสัมภาษณ์ก็จบลงไป

      คราวนี้ก็ถึงเวลาที่เค้าให้ถ่ายรูปได้

      พี่ตินก็พยายามยื้อแย่งๆ ซึ่งถ่ายได้เป็นเวลาประมาณห้านาที

      ก็ถ่ายได้มาอย่างที่เห็น พี่ตินก็พยายามแล้วจริงๆ นะจ๊ะ

      หลังจากถ่ายรูปเสร็จ ห้าหนุ่มก็เรียงคิวจากไป

      พี่ตินก็ถอนใจโล่งอก งานของพี่ตินเสร็จแล้ว เย้



                                                                 สวัสดีครับ 

      และกับวันนี้ พี่ตินก็ดีใจที่ได้รู้จักกับห้าหนุ่มดงบังชิงกิมากขึ้น

      ได้รู้อะไรที่วัยรุ่นๆ กะเค้าบ้าง

      และที่สำคัญได้เป็นตัวแทนของน้องๆ ไปเจอห้าหนุ่มด้วย

      สุดท้ายนี้ พี่ตินต้องขอบอกว่า วงนี้เค้า "TVXQ" (เทพเจ้า) จริงๆ  

      เรียกว่าสมชื่อเค้าแล้วล่ะ

      อตินเอง  

      นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

      loading
      กำลังโหลด...

      คำนิยม Top

      ยังไม่มีคำนิยมของเรื่องนี้

      คำนิยมล่าสุด

      ยังไม่มีคำนิยมของเรื่องนี้

      ความคิดเห็น

      ×