คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #6 : 6th CHAOS - MEET
6th CHAOS - MEET
"โน่! ตกลงเรื่องค่ากลองเป็นไงวะ!" โห สุดยอด...รักผมกันสุดพลัง โผล่หน้ามาห้องชมรมปุ๊บ ถามถึงเงินก่อนเลย
"ก็ไม่เป็นไงว่ะ ไม่ตาย แค่บาดเจ็บสาหัส นี่หนีตำรวจมานะ เดี๋ยวกะจะไปกบดานแถว ๆ ภูเก็ต"
ผัวะ!
"ไอ้ควาย ตลกไม่เข้าท่า กูหมายถึงค่ากลอง ไม่ใช่ฆ่ากลอง...ระวังนะมึง ไปภูเก็ตเสร็จทุกราย"
"นั่นมันเสม็ดพี่" ถึงตอนนี้ผมไม่ค่อยแน่ใจว่ามุกใครควายมากกว่ากัน...
ผมเดินหัวเราะหึหึผ่านตัวพี่นนท์ที่เพิ่งโบกหัวผมมา ก่อนจะเหวี่ยงกระเป๋า(ไอ้ปุณณ์) ลงโซฟาข้างเปียโน แล้วสอดส่ายสายตาหาเจ้าตัวปัญหาที่ตอนนี้ก้มหน้าหลบสายตาผมวูบ แม่งก็รู้ตัวนี่หว่า
"ร...เราไปเข้าห้องน้ำก่อนนะ" มันจะหนีครับ หน็อยแน่ะ! คิดว่าพ้นเหรอออ
"ไม่ต้องเลยไอ้ง่อย มึงทำกูเดือดร้อน!" แน่นอนว่าไอ้ห่านี่ไม่ไวไปกว่าผมหรอกครับ ตัวเปี๊ยกแค่นี้น่ะ ผมตะครุบคอเสื้อมันไว้ทันก่อนที่จะหลบหนีสำเร็จ แล้วดำเนินการลากคอมาเสียบประจานกลางห้องชมรม
"ไอ้ห่านี่ไปนั่งหน้าเซ่อวันพิจงบฯ ให้พี่อั๋นวรรณศิลป์ตัดเงินชมรมเรา ทำไงกะมันดี" อะฮ้า ดูเหมือนจะมีแนวร่วมแค้นไอ้ง่อยเพิ่มขึ้นตามลำดับแล้วครับ
"ถอดกางเกงออกแล้วเอาเมจิกเขียนช้างน้อยมัน" หูยยย เรื่องเหี้ย ๆ อย่างนี้ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าความคิดไอ้เป้อ มึงจะหวาดเสียวไปหน่อยมั้ง อีกอย่าง กูไม่อยากดูช้างน้อยมัน
"ให้มันเต้นไก่ย่างหน้าเสาธงตอนเช้า" อันนี้ก็จะออกแนวนันทนาการบันเทิงใจเกินไป
"ให้มันทำการบ้านเพื่อนทุกคนในชมรมเป็นเวลา 1 เดือน" ไม่เกี่ยวแล้วแหละ!
"เอามันเป็นเบ๊ดีกว่า หลังจากนี้ไปจนกว่าจะหมดเทอม ไอ้ง่อยต้องเป็นเบ๊ชมรมเรา ทำตามทุกอย่างที่ทุกคนสั่ง" อืม...
"โอเคเลย โอม คบกันมา 11 ปี วันนี้มึงพูดถูกใจกูสุด" ผมหันไปตบบ่าชมมัน มันยิ้มรับคำพูดผมได้แป๊บนึงแล้วก็หุบยิ้มทันที
"แล้วเมื่อ 11 ปีที่ผ่านมากูเป็นไงวะ"
"กูครุ่นคิดมาตลอดเลยว่าจะไปขอซื้อตะกร้อต่อจากคนงานก่อสร้าง จะได้เอามาครอบปากให้มึง" เรียกเสียงฮาได้ทั่วทั้งห้องชมรม เว้นแต่ไอ้โอมปากหมา ที่โดนผมหลอกด่าไปเมื่อครู่
"ไอ้ควาย มันคนละอันกัน ฝากไว้ก่อนเหอะมึง คราวหน้ายูริโทรมากูจะจีบให้เข็ด"
"แล้วใครห้ามมึงไม่ให้จีบวะ ขอให้จีบติดนะ" สาธุ ผมอวยพรส่งให้เลย อย่าหาว่าโง้นงี้ ยูริน่ารักดีก็จริง แต่เรื่องจริงยิ่งกว่านั้นคือผมไม่ได้ชอบเธอ
"โห ไอ้ขุนแผนนน มีสาวสวยมาก้อร่อก้อติกหน่อยละทำเป็นหยิ่ง เขาทิ้งไปจะรู้สึก"
"เหอะ กูน่ะโรมิโอ"
"แล้วไม่ไปหานางวันทองรึไง ไหนว่านัดไว้เย็น ๆ" ไอ้สัดนี่ โรมิโอบ้านพ่อมึงสินัดกับวันทอง แต่เออว่ะ...พูดแล้วนึกออก ผมบอกว่าจะไปตอนเย็น ๆ ก็จริงอยู่ แต่ในชมรมมันดูไม่มีอะไรให้ผมช่วยเลยนี่หว่า รุ่นน้องตรงหน้ามันรอซ้อม Marching Band สำหรับงานบอลก็จริง แต่โต้โผงานนี้เป็นไอ้ฟิล์ม(รัฐธรรมนูญ) ไม่ใช่ผม
"เออ จะไปละ สรุปว่าเรื่องเงินชมรมอีกสองหมื่นกูไปคุยกับสภาฯ แล้วนะ เดี๋ยวทางนั้นเขาจะจัดการให้ ไม่มีอะไรต้องเป็นห่วง...มั้ง" ผมพูดพลางจะหันหลังกลับ แต่เสียงเห่าหอนของไอ้โอมยังคงดังไม่หยุดปาก
"แหงละสิ โน่ลงทุนไปขายตูดให้ไอ้ปุณณ์นี่หว่า" ใครแม่งเหยียบหางไอ้ห่านี่วะ หอนจัง กุเพิ่งพูดอยู่แหม็บ ๆ ว่าอยากเอาตะกร้อครอบปาก หลังจากวันนี้ไปคงต้องหามาครอบจริง ๆ แล้วละมั้ง ผมคิดไปพลางหันซ้ายขวาหาที่มัดปากชั่ว ๆ ของมันไป
"จริงเหรอฮะพี่โน่!"
"เชื่อมันก็ออกลูกเป็นจามรีแล้วละครับน็อต เออ สรุปว่าจัดการเรื่องเงินให้แล้วนะ วันนี้ไม่มีอะไร ทุกคนนั่งรอไอ้ฟิล์มไป กูขอกลับก่อนละ ไอ้ง่อย! มึงอยู่ปิดห้องด้วย ถ้ารู้ว่าเหตุการณ์ไม่เรียบร้อยหรือของหาย มึงตาย!" ผมสั่งแกมขู่มันเอาไว้ เห็นหน้าขาว ๆ นั่นเหงื่อแตกซีดแล้วไม่วายขำ โกรธมันก็จริงอยู่ แต่เรื่องของเรื่องคืออยากแกล้งแม่งมากกว่า
"เออ บาย เจอกันพรุ่งนี้" หลังจากร่ำลากับทุกคนเสร็จ ผมก็มุ่งหน้าออกไปยังประตูโรงเรียนทันที
***
จริงอยู่ที่ว่าผมไม่ได้ออกจากโรงเรียนเย็นเท่าที่โม้กับยูริไว้ แต่กว่าจะฝ่ากำแพงรถติดหน้าถนนเจริญกรุง (หลับไปแล้วเป็นสิบตื่น) รอดออกมาลัดเลาะในเมืองหลวงจนถึงสยามได้นี่ก็หนักหนาเอาการเลยทีเดียว
กระทั่งเวลาฟ้าเริ่มเปลี่ยนเป็นสีส้ม ๆ ที่รถแท็กซี่โทนแดงแรงฤทธิ์ของผมจอดหน้าลานเซ็นเตอร์พ้อยท์อย่างนิ่มนวลประทับใจ ผมงก ๆ เงิ่น ๆ ควักแบงค์สีเดียวกับรถจ่ายก่อนจะเดินลากขาตามทางผู้คนพลุกพล่านผ่านหน้าจอ Screen Shake ขนาดใหญ่
ว่าแต่...มันไม่ยังเย็นเท่าไหร่เลยว่ะ โผล่ไปตอนนี้ยูริจะคิดเอาเองรึเปล่า ว่าผมรีบออกมาหาเธอด้วยเพราะมีใจปฏิพัทธ์เนี่ยยย
แต่ก็ช่างเหอะ ถ่อมาถึงแล้วก็ไม่รู้จะทำอะไร ไอ้จะให้ไปเดินเที่ยวช็อปปิงในซอยสยามนี่ก็ไม่ใช่วิสัยผมซะด้วย รีบ ๆ ไปหาจะได้รีบ ๆ กลับไปนอนเล่นเกมดีกว่า
คิดได้เช่นนั้นผมก็พาตัวเองมุ่งหน้าไปยังร้านบ้านหญิงทันที
เสียงพนักงานต้อนรับเจื้อยแจ้วทักทายผมที่เปิดประตูเข้ามา พร้อมกับเสนอบริการหาที่นั่งให้เสร็จสรรพ อืมมม บริการดีเหมือนเดิม เพียงแต่วันนี้คนที่ผมนัดไว้คงนั่งหัวเราะร่าอยู่บนชั้นสองของตัวร้านเรียบร้อยแล้ว
"ไม่เป็นไรครับ นัดเพื่อนไว้" ผมตอบพวกพี่เขาสั้น ๆ พร้อมผงกหัวแค่นั้นก่อนจะปลีกตัวขึ้นชั้นสองของร้านไป แน่นอนว่าโต๊ะของยูริหาไม่ยากเลย ในเมื่อเป็นกลุ่มหญิงล้วนต่อโต๊ะยาวซะขนาดนั้น
แล้วนั่นแห่กันมาทั้งโรงเรียนเลยเหรอครับเนี่ย!
"โน่! มาเร็วจัง!" วันทอง เอ้ย! ยูริเห็นผมทันทีที่ปรากฏตัวบนชั้นสอง ตาไวจริง ๆ พับผ่า ผมผงะไปชั่วครู่ก่อนจะเกิดความลังเลว่าควรเข้าไปแจมโต๊ะหญิงล้วนขนาด 20 คนโต๊ะนี้ดีหรือไม่
"อ้าวโน่" แต่เดี๋ยวก่อนนะ เสียงนี้คุ้น ๆ ว่ะ ไม่ใช่เสียงผู้หญิงซะด้วย
แล้วถ้าความจำผมไม่ผิด มันคือ...
"เฮ้ย!" โผล่มาอยู่นี่ได้ไงวะ!!!
"มาด้วยก็ไม่บอก จะได้ออกมาพร้อมกัน" ยังมีหน้ามาพูด แค่เจอมึงนอนอยู่ข้าง ๆ ทั้งคืนกูก็เซ็งจะตาย Ha อยู่แล้ว ยังต้องมาเจอแม่งหลังเลิกเรียนอีกเหรอวะเนี่ย! ชาติที่แล้วกูกับมึงไปทำบุญร่วมกันมาที่วัดไหน กูจะได้ไปอธิษฐานล้างซวยถูก ผมโวยวายในใจไป มองหน้าไอ้ปุณณ์ไปอย่างบรรยายไม่ถูก ว่ากำลังทำหน้าตกใจ หรือเซ็ง หรือเบื่อ ไม่น่าลืมเล้ยยยว่ายูริกับเอมเขาเป็นเพื่อนกัน ถ้าลองนัดกลุ่มใหญ่ขนาดนี้แล้วจะเจอไอ้ปุณณ์พ่วงมาด้วยก็ไม่ใช่เรื่องแปลก
"โน่มานี่สิ ยูสั่งมันเบรกแตกที่โน่ชอบไว้ให้ด้วยนะ" เสียงยูริเจื้อยแจ้วมาจากหัวโต๊ะเบื้องหน้าผม เรียกให้มองใบหน้าขาว ๆ นั้นที่ฉีกยิ้มให้ผมอยู่ ผมยิ้มกลับไปพลางคิดว่าถ้าต้องไปนั่งตรงนั้นสงสัยจะเซ็งยิ่งกว่า คิดได้ดังนั้นผมก็เบียดตัวเองลงนั่งข้างปุณณ์ทันที "อ้าว?" มันส่งเสียงร้องเบา ๆ อย่างฉงน
"เออน่ะ ขอนั่งด้วย ตรงนั้นน่ากลัว" ผมกระซิบตอบพร้อมพยักพเยิดไปทางหัวโต๊ะที่ยูรินั่งอยู่ ตรงนั้นมีเพื่อนผู้หญิงรายล้อมนับสิบ จนไอ้ปุณณ์ต้องหัวเราะร่วนราวกับกำลังชอบอกชอบใจ
"ฮะฮะฮะ ตอนแรกผมก็กลัวว่ะ ดีใจนะเนี่ยที่ได้โน่มาเป็นพวก" มันได้ทีพูดเสียงใส เหอะ! ไม่ใช่สถานการณ์แบบนี้ กูไม่มานั่งอิงแอบแนบชิดกับมึงให้เสียวตูดหรอกโว้ย
"ปุณณ์กับโน่สนิทกันตั้งแต่เมื่อไหร่คะเนี่ย" เออ ผมเกือบลืมไปเลยว่าปุณณ์มันมากับแฟนมัน จนสำเนียงรื่นหูของเอมดังขึ้นจากฝั่งตรงข้ามที่ผมนั่งอยู่นั่นแหละถึงได้นึกออก เอ...ตูนี่ก็มานั่งเบียดแฟนชาวบ้านเขาอยู่ได้ แย่จริง
"เฮ้ย ลืมไปว่ามากับแฟน งั้นเราเฟดดีกว่า โทษทีว่ะ" ผมไม่ได้ตอบคำถามนั้นของเอม (ไม่รู้จะตอบไงวะ) แต่หันไปผงกหัวปลก ๆ ให้ปุณณ์ ก่อนจะลุกขึ้นยืนเตรียมทำใจไปนั่งข้างยูริที่กวักมือชวนผมยิก ๆ
แล้วก็คงเดินไปถึงนั่น นั่งกินมันเบรกแตกสบายไปแล้ว ถ้าไอ้ปุณณ์ไม่ได้คว้าข้อมือผมเอาไว้ซะก่อน
"เฮ้ย คิดมากไรวะ นั่งนี่ก็ได้ถ้าอึดอัด" ปุณณ์ไม่รั้งผมไว้เปล่า ยังฉุดให้ล้มลงมานั่งเก้าอี้ตัวเดียวกับมันแบบเดิมอีก แน่นอนว่าหน้าผมเหวอแดก ขณะที่ยูริกวักมือเก้อ แถมเริ่มขมวดคิ้วทำท่าจะงอน
เฮ้ย ๆๆ ไม่ง้อนะบอกไว้ก่อน
"เมื่อคืน เพื่อนที่ปุณณ์บอกว่ามาค้างที่บ้านคือโน่เองเหรอคะ" เสียงหวาน ๆ ของเอมยังคงป้อนคำถามให้ผมต่อ ทำเอาผมอึกอัก พูดลำบากเหมือนมีตะกร้อครอบปากไอ้โอมมาครอบปากผมเลยว่ะ เอ่อ...จะตอบว่าไงดี มันจะดูแปลก ๆ รึเปล่าถ้าพูดไปตามจริง ผมชักระแวงใจตงิด ๆ
"อื้อ นี่ไง ยังใส่เสื้อผมอยู่เลย เห็นเปล่า" แต่คนที่ชิงตอบเป็นไอ้ปุณณ์ซะงั้น! ไม่พูดเปล่าแล้วยังเอามือมาทาบ ๆ เลขประจำตัวบนเสื้อผมให้เอมดูอีก! นี่มึงไม่กลัวแฟนสงสัยเลยรึไงวะ ถ้าใครรู้ว่ากูไปนอนบ้านมึงในฐานะอะไรละก็...โอ๊ย รู้ถึงไหนอายไปถึงนั่น
ระหว่างที่ผมกำลังนั่งเหวอให้ไอ้ปุณณ์โชว์เสื้อนักเรียนที่ผมใส่ว่าเป็นของมันอยู่ เสียงคนเดินด้วยรองเท้านักเรียนก็ดังเข้ามาประชิดตัวผมอีกแรงอย่างไม่ยอมแพ้
"โน่ใจร้ายจัง ไม่ยอมไปนั่งกับยู" วันไหนว่างกูจะหาเวลาไปทำสังฆทานสักที ผมคิดพลางเกาหัวแกรกที่โดนเพื่อนตัวเองกวนตีนไม่พอ ยูริยังจะมายืนยิ้มเผล่อยู่ข้างหลังผมอีก (เอาไงกับกูวะ!) ถ้าโดดน้ำในแก้วแล้วว่ายออกไปโผล่มหาสมุทรอินเดียได้ตอนนี้ ผมคงทำว่ะ
"เอ่อ...ก็ยูมีเพื่อนนั่งด้วยเยอะแล้วนี่ โน่ไม่กวนดีกว่า"
"ใครบอกว่ากวนล่ะ ยูอยากนั่งกับโน่นะ ไม่ได้เจอกันตั้งเป็นอาทิตย์ หรือถ้างั้นยูมานั่งตรงนี้ก็ได้นะ โน่จะได้นั่งกับปุณณ์ด้วยไง ดีไหม" อุตส่าห์ถามว่าดีไหม แต่ไม่เห็นหยุดฟังคำตอบ เธอวิ่งกลับไปลากเก้าอี้มานั่งข้างผมแล้วครับ เอาเข้าไปชีวิตกู...
"ผมเพิ่งรู้ว่าโน่คบกับยูริอยู่" ปุณณ์กระซิบเบา ๆ ระหว่างที่ยูริกำลังเดินหาเก้าอี้ว่างเพื่อจะมานั่งกับผม จนผมได้แต่ยิ้มแหะ ๆ ให้กับประโยคนั้นของมัน แล้วทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ดีกว่า ขี้เกียจอธิบายยาว เรื่องของเรื่องก็คือ เดี๋ยวฝ่ายหญิงเขาจะดูไม่ดีนั่นเอง
"มาแล้ว ๆๆ นี่! ไปนั่งเบียดปุณณ์อยู่ทำไม มานั่งกับยูสิ สงสารปุณณ์เค้า เมื่อยแย่" ยูริที่ได้เก้าอี้วิ่งร่ามานั่งข้าง ๆ พวกผมพลางเอ็ดผมใหญ่ แถมยังตีไหล่อีกแน่ะ (อูยยย เจ็บ) ว่าแต่ให้ไปนั่งเก้าอี้ตัวเดียวกับยูริแบบนั้นนี่จะดีกว่าจริงเหรอ
"ไม่เป็นไรหรอกครับ ผมไม่ได้เมื่อยอะไร" โห้...ไอ้ปุณณ์ ทำเป็นแมน ผมเหล่มองพ่อพระเอกตลอดกาลอย่างหมั่นไส้ (ทั้งที่เขาอุตส่าห์ให้นั่งด้วยแท้ ๆ)
"ไม่ได้หรอกปุณณ์ โน่มานั่งนี่เร็ว ๆ" แต่อย่าฝันว่ายูริจะยอมแพ้ เฮ้อ...อยากทำอะไรก็เชิญ ตอนนี้ผมรู้สึกเหมือนตัวเองเป็นเชือกที่เขาใช้ชักเย่อ ยื้อไปทางโน้นที ทางนี้ที สุดท้ายทำได้แค่ถอนหายใจปลง ๆ แล้วย้ายตัวเองไปนั่งเบียดเก้าอี้ตัวเดียวกับยูริ ท่าทางเธอมีความสุขยิ้มร่าดีนะครับ (แต่ปกติเธอก็ยิ้มเก่งอยู่แล้ว) กุลีกุจอหาสารพัดของกินที่สั่งมาประเคนให้ผมใหญ่
"ยี้...หมั่นไส้คนมีความรักมากเลยอะ สวีตกันไม่เห็นใจเพื่อนโสด ๆ อย่างพวกฉันเลยนะยะยู" แว่วเสียงเพื่อนสาวของยูริแซวกันระงมจนผมเหงื่อตก แต่ดูท่าทางยูริจะมีความสุขดีที่ได้ยินคำพูดแบบนี้ เพราะเธอยิ้มน้อยยิ้มใหญ่จนแก้มแทบปริ
"ก็หาแฟนมั่งสิ" เอ้า ไปตอบเพื่อนแบบนั้นทำไมล่ะครับ! ว่าแต่ผมต้องอยู่ในสภาพนี้อีกนานเท่าไหร่เนี่ย T__T
***
เป็นเวลานาน กว่าที่พลพรรคสาว ๆ โขยงใหญ่จะทั้งกินและเมาท์กันจนสะใจพระอาทิตย์ก็ตกเดินไปหลายชั่วโมงแล้ว ผมมองซากอารยธรรมที่เหลืออยู่บนโต๊ะยาวของพวกเธอแล้วก็ต้องกลืนน้ำลายอย่างเหลือเชื่อ
กระเพาะผู้หญิงนี่ช่างน่ากลัวจริงๆ ขนาดว่าบริกรมาเก็บจานออกไปบ้างแล้วนะเนี่ย
เราเดินออกจากร้าน ลัดเลาะไปตามแหล่งช็อปปิงของสยามที่เปิดไฟสว่าง มาจนถึงป้ายรถเมล์หน้าโรงหนังสยาม รอส่งสาว ๆ ให้กลับบ้านที่อยู่ทางช่วงถนนพญาไท
"ยูริจะกลับยังไงล่ะ ดึกแล้ว" ผมถามไปเป็นมารยาทตามประสาแฟน(?)ที่ดีควรจะถาม จนเธอหันมายิ้มหวานอวดเขี้ยวน่ารักให้ผมด้วยดวงตาปิติ
"โน่จะไปส่งยูเหรอ" เอ่อ...เอางั้น?
แต่ก็อย่างที่ผมบอกนั่นแหละ ยูริไม่ใช่ผู้หญิงประเภทนั้นหรอก เธอหัวเราะหลังจากที่พูดจบประโยคทันที "ล้อเล่นน่ะ! ไม่ต้องห่วงหรอกค่ะ ยูริกลับแท็กซี่กับเมย์ แล้วเจอกันใหม่วันหลังนะ" ได้ยินแบบนั้นค่อยโล่งใจไปนิดหน่อย ไม่ใช่โล่งที่ไม่ต้องไปส่งยูรินะครับ แต่ผมโล่งใจที่มีคนกลับบ้านเป็นเพื่อนเธอต่างหาก
"ถึงบ้านแล้วก็โทรมาบอกด้วยนะครับ" ผมเองก็ไม่ใช่แฟนที่แย่นักหรอกน่า
หลังจากที่ร่ำลากับยูริและเพื่อน ๆ จนส่งเธอขึ้นรถแท็กซี่ไปเรียบร้อยแล้ว (ไม่ลืมจะถ่ายรูปทะเบียนรถแท็กซี่ไว้ในมือถือ) ก็ถึงตาผมบ้างละที่จะกลับบ้าน แต่แค่หันหลังมายังไม่ทันจะก้าวขาไปไหน ก็เสือกประจันหน้ากับไอ้ตัวป่วนชีวิตผมในช่วงหลัง ๆ มานี้เสียก่อน
"เฮ้ย!!!" มึงหล่อขนาดไหน แต่ดึก ๆ ดื่น ๆ มายืนเงียบ ๆ ข้างหลังกูก็นึกว่าผีเหมือนกันนะโว้ย! อูยยย เง็กเซียนฮ่องเต้ช่วยข้าน้อยด้วย ขวัญเอ๊ยขวัญมา
แน่นอนว่าผมร้องเสียงหลงที่หันกลับมาเจอหน้ามันรออยู่ แต่สิ่งที่น่าระแวงยิ่งกว่านั้นคือการปล่อยให้มันมายืนซ้อนหลังนาน ๆ อูย...ไม่ปลอดภัยแน่ ๆ รีบหันหน้าไปคุยกับมันดี ๆ ดีกว่า
"โน่เป็นแฟนที่ดียิ่งกว่าที่ผมคิดอีกนะเนี่ย" มันพูดทั้งรอยยิ้มทะเล้น แต่ผมรู้สึกเหมือนถูกหลอกด่าปะแล่ม
"หมายความว่าไง"
"เฮ้ย ไม่ใช่อย่างนั้น หมายความว่าโน่ก็ดูแลยูริดีเหมือนกันนะ นึกว่าจะใจร้ายกว่านี้ซะอีก" นี่มึงแก้ตัวแล้วเหรอวะ
"เป็นผู้ชายก็ต้องดูแลเขาหน่อยสิ นึกว่าปุณณ์จะไปส่งเอมซะอีกนะ" ผมพูดพลางเดินไปด้วยเพื่อขึ้นบันไดเลื่อนข้ามฝั่งไปยังป้ายรถเมล์หน้าสยามเซ็นเตอร์ แน่นอนว่าปุณณ์เดินตามผมติด ๆ เพราะจะว่าไปบ้านเราก็อยู่ใกล้กัน
แต่อย่ามาเดินอยู่ข้างหลังกูได้ไหมเนี่ยยย เข้าใจไหมว่ากูรู้สึกแปลก แปลกกก
"ปกติก็ไปส่งนั่นละ แต่วันนี้ต้องพาโน่ไปที่บ้านนี่"
มึงพูดอะไรนะ!
"เฮ้ย! ให้ไปทำไมอีกวะ!!!" กูเป็นแฟน(ในนาม)แต่ไม่ได้แต่งเข้าบ้านมึงนะโว้ย จะให้ไปอยู่กินด้วยเลยรึไง!
"อ้าว แล้วโน่ไม่เอามอ'ไซค์ที่จอดทิ้งไว้บ้านผมเหรอ" เออว่ะ เกือบลืม อะไรวะเนี่ย วันนี้ผมเบลอจริง ๆ
"เออว่ะ เอา ๆๆ แล้วแป้งอยู่บ้านปะ" ต้องถามถึงตัวปัญหาก่อนเลยเป็นดีที่สุดครับ
"ไม่อยู่บ้านจะให้อยู่ไหนล่ะ ฮะฮะ" มันตอบผมกลั้วหัวเราะเหมือนผมถามคำถามโง่ ๆ แต่คำถามของผมมันก็โง่จริง ๆ นั่นแหละ
ว่าแต่...หลังจากเป็นแฟนกับยูริ ก็ต้องไปเป็นแฟนไอ้ปุณณ์ต่ออีกเหรอวะ! ชีวิตผมจะมีอิสระบ้างไหมเนี่ยยย
TBC.
Postscript (Since 2008) : ขอบคุณสำหรับคอมเม้น+คะแนนโหวตในตอนที่แล้วมาก ๆ เลยค่ะ ^^ มีแต่คนชอบน้องแป้งเต็มไปหมดเลย (555+) ก็ถ้าไม่มีน้องแป้ง ปุณณ์กับโน่คงไม่ได้เล่นอะไรพิเรนท์ ๆ กันแบบนี้เนอะ เห็นมีคนเชียร์ให้ยูริ ยูริ กับ เอม (งงปะ?) ด้วย 55555+.. อันนี้เดี๋ยวจะรับไว้พิจารณานะคะ 555+
โน่จะทำไงดีล่ะเนี่ย.. ไม่อยากโผล่ไปบ้านนั้นบ่อย ๆ แต่ก็ดันลืมมอไซค์ไว้ซะนี่... จะมีอะไรเกิดขึ้นอีกรึเปล่า.. อุอุอุ เดี๋ยวต้องติดตาม
ขอโทษด้วยนะคะที่มาต่อทีละสั้น ๆ T__T (เป็นนิสัยแย่ ๆ ไปแล้วอะ) แต่ยังไงจะพยายามมาต่อให้ถี่ที่สุดเท่าที่จะทำได้นะคะ ตอนนี้ก็ขอคอมเม้นกับคะแนนโหวตอีกหน่อยเนอะ (ชอบมากโหวตมาก ชอบน้อยโหวตน้อย ไม่ว่ากันเน้อ) ยังยินดีรับฟังคำติชมเหมือนเดิมค่ะ ^^
ปล. ตอนนี้อีโมติค่อนเยอะหน่อยต้องขอโทษด้วยแรง ๆ ไอ้โน่มันหลายอารมณ์เกิน เอาใจมันไม่ถูกเหมือนกัน เฮ้อ...
ความคิดเห็น