ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Surprising Love : สุดเซอร์ไพร์ส รักนี้มาได้ไงเนี่ย!?

    ลำดับตอนที่ #6 : 6th Surprise : ไหงงั้นล่ะ!?

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 2.32K
      7
      11 ส.ค. 51

     

     



    เย้ ๆๆ ได้มาอัพวันอังคารตามที่บอกจริง ๆ ด้วย ดีใจจัง >_<,, น้อยใจตอนที่แล้วไม่มีคนเม้นเลย (ทิ้งเรากันหมดแล้วอะ) ยังไงอ่านแล้วก็ทิ้งข้อความไว้หน่อยนะจ้ะ ติชม ก็ชอบอ่านทั้งนั้นเลย
    อ้อ คราวที่แล้วอัพตอน 5 แล้วก๊งอะค่ะ สำหรับใครที่เข้ามาอ่านแล้วมันแปลก ๆ ลองไปอ่านตอน 5 ใหม่ดูนะ แก้แล้วจ้า

    แล้วจะหาเวลามาอัพได้อีกเมื่อไหร่ล่ะเนี่ย!? (ไม่ได้กลับบ้านซะด้วยอาทิตย์นี้) เอาเป็นว่าจะพยายามมาอัพให้ได้ภายในอาทิตย์นี้แหละนะจ้ะ ^^v

    ปล. กลับมา edit โง่ไหมนั่น อัพไปแล้วลืมเขียนชื่อตอน -_-;; (โง่..)

     

     

    CHAPTER 06.-ไหงงั้นล่ะ!?

     

     

     

                    "นี่แกอยู่กับไอ้ปริมทำไมไม่ติวให้มันล่ะ!!" เสียงยัยโฟนดังโหวกเหวกในท้ายคาบภาษาไทยอันน่า T___T.... เมื่อเพื่อนทุกคนสอบท่องกลอนผ่านกันหมด ยกเว้นแค่ฉันนี่แหละ คนเดียว T__T คนเดียวเลย ฮืออออออ

     

                    "เอ๋า!! ฉันก็ชวนมันท่องแล้วแต่มันไม่ท่องเองนี่หว่า ไม่ใช่แม่มันนะยะ จะได้จ้ำจี้จ้ำไชมันได้น่ะ!" ไอ้ป่านว่ากลับพลางเขกหัวฉันหนึ่งทีเป็นภาพประกอบ โทษฐานที่ดันทะลึ่งสอบตกอยู่คนเดียวในห้อง "ไงล่ะแก บอกแล้วว่าให้ท่อง ๆ  อู้นักสอบตก เดี๋ยวบั๊ดสมน้ำหน้าซ้ำซะเลย!" ดูมันซิไอ้เพื่อนบ้า!! ไม่ปลอบใจกันแล้วยังจะมาสมน้ำหน้าฉันอีกเหรอ ToT ทีใครทีมันแล้วกัน!! ฮึ่มมมมมม...

     

                    ดังนั้นคนสอบตกอย่างฉันจะทำอะไรได้ นอกจากนั่งหน้ามึนท่องกลอนภาษาไทยความยาว 12 บท ท่ามกลางเพื่อน 20 กว่าชีวิต (นับได้ 25 ชีวิต) ที่ช่วยกันลุ้นจนตัวโก่ง.. แต่รู้อะไรไหม สมาธิฉันกระเจิงกระจายเกลี้ยงก็เพราะพวกแกนั่นแหละ -*- ยกตัวอย่างเช่นตอนที่ฉันกำลังจะท่องกลอนบทที่ 4 ได้ ยัยคิมคนดี(ประชด)ที่เพิ่งกรอกน้ำเป๊บซี่ลิตรเข้าปากไปอึกใหญ่ มันดันเสร่อ เรออออออ ออกมา!!! ยัยนี่!!!!!! สงสัยจะเริ่มไล่ลมตั้งแต่ปลายเท้า เสียงมันถึงได้ดังฟังดูยิ่งใหญ่น่าเกลียดและยาวนานขนาดนั้น -*- ทำเอาฉันสติหลุด ต้องเริ่มท่องใหม่   แต่พอฉันกำลังจะท่องบทที่ 8 ได้!! มือถือของไอติมก็ดันดังขึ้นมาอีก!!!!! จนฉันถึงกับหัวเราะน้ำตาไหลไปเลยที่มันกล้าาาา เอาเพลง เมียหลวง //คุณณ เห็นน ดีแล้ววว หรือคุณเจ้าขาาาา ที่คุณนำเมียย น้อยมาาาาา บูชาเหนือเมียยย และลูกกกกกกก// มาทำเป็นเสียงเพลงเรียกเข้า ฮ่า ๆๆๆ ฮือ ๆๆๆ T___T ต้องท่องใหม่อีกแล้ววว

     

                    "นี่ ฉันว่าเรากลับกันไปก่อนดีกว่าไม๊ ดูปริมเขาไม่มีสมาธิเลย" ขอบคุณมากนลิน T__T ฉันเป็นหนี้บุญคุณนลินอีกแล้วว ไม่รู้ชาตินี้ต้องชดใช้ยังไงถึงจะหมด T^T (ไอ้นี่ก็เว่อร์ไป)  เพื่อนทุกคนพอได้ยินนลินพูดเข้าจึงบังเกิดจิตสำนึกขึ้นว่า การยืนมุงดูฉันกันอย่างนี้ไม่เห็นจะช่วยอะไรขึ้นมาตรงไหน (เพิ่งรู้เหรอ)

     

                    "ถ้างั้นกลับไปรอที่หอกลางนะ พวกเราว่าจะฝึกขึ้นเท้ากันต่อ" ปีใหม่ว่าพลางม้วนผมสีทองอร่ามยาวสยายของเธอ ให้เกล้าขึ้นไปเป็นกระจุกอยู่บนหัว ฉันชอบมองผมของปีใหม่จัง ปีใหม่เป็นผู้หญิงที่ย้อมผมทองได้ดูดีขึ้นกล้องจริง ๆ

     

                    ตอนนี้เพื่อน ๆ ทยอยกันเดินออกไปหมดแล้ว ต่างคนต่างพากันทิ้งลูกอม ลูกกวาดเอาไว้ให้ฉันกินแก้ง่วงเป็นกองเบ้อเร้ออยู่บนโต๊ะ อย่างนี้แหละเพื่อน ๆ ของฉัน น่ารักเสมอ ^___^ (ยกเว้นตอนที่พวกแกรวมหัวกันหลอกผีฉันในหอเมื่อปลายปีก่อนนะ) ฉันนั่งอมยิ้มมองบรรดาลูกอมลูกกวาดกองพะเนินอย่างครึ้มอกครึ้มใจ ก่อนจะตั้งหน้าตั้งตาท่องกลอนบทที่ 9 ต่อไปอย่างไม่หยุดยั้ง (*_*)b

     

     

     

     

     

                    แต่ในที่สุดก็มืดจนได้ -_-^^ ฉันคิดพลางเหลือบตามองหน้าต่างจากห้องพักครูภาษาไทยอย่างสุดแสนจะเคือง เมื่ออ.ปวีณา สั่งให้ฉันท่องกลอนซ่อมซ้ำแล้วว-- ซ้ำเล่า อย่างบ้าพลัง จนตอนนี้คอฉันแทบจะแตกอยู่แล้ว มีหวังคืนนี้ได้นอนละเมอออกมาเป็นกลอนแหง๋ ๆ

     

                    "เอาล่ะ คราวหน้าก็อย่าให้ซ่อมอีกล่ะ มันเสียเวลาครู" เสียเวลาหนูเหมือนกันนั่นแหละค๊าาาาา..-*-   ก็กว่าอาจารย์ท่านจะยอมเซ็นต์ชื่อให้ฉันสอบผ่านได้ เล่นเอาแทบจะต้องพึ่งบรรดายาอมแก้เจ็บคอที่เหล่าคุณเพื่อน ๆ วางไว้ให้จนเกือบหมดกอง ที่แน่ ๆ ตอนนี้ในกระเป๋ากระโปรงของฉันมีแต่ห่อลูกอมนี่แหละ ถ้ามดมันกัดขึ้นมาฉันคงคันคะเยอ

     

                    ฉันยกมือไหว้อาจารย์อย่างสวยงามที่หน้าห้องพักครู ก่อนจะสะพายเป้ใบเก่งปักชื่อโรงเรียนขึ้นหลัง แล้วไล่ฝีเท้าไปตามทางเดินซึ่งยังคงถูกส่องสว่างด้วยแสงไฟนีออนอยู่ ส่วนด้านนอกตัวตึกน่ะ ฉันรู้ดีว่ามืดสนิท เพราะเห็นจากหน้าต่างห้องพักครูเมื่อกี้ไง

     

                    ตอนนี้ นาฬิกาอนาล็อคเรือนเก๋าบนข้อมือของฉันบอกเวลา 8:25 PM บนหน้าปัด แล้วอย่างนี้ถ้าฉันโผล่หัวไปที่หอกลางจะยังมีใครอยู่ซ้อมอีกบ้างไหมล่ะเนี่ย ป่านนี้คนอื่นคงซ้อมขึ้นเท้ากันจนเดินได้ด้วยเล็บขบเรียบร้อยแล้ว ส่วนฉันน่ะเหรอ.. ก็เพิ่งจะท่องกลอนแปดจบไป 12 บทไงล่ะ -_-^^  พนันได้เลยว่าเจ้าพวกนั้นคงเฮโลกันออกไปหาอะไรกินอิ่มแล้วแน่นอน

     

                    ทิ้งฉันอะ ToT..................

     

     

     

                    ฉันเดินด้วยความหดหู่สุด ๆ ลงมาจากตึกของนักเรียนภาคภาษา ตึกนี้คุ้น ๆ ไหมล่ะ ก็ตึกที่วันก่อนฉันได้กินน้ำแอ๊บเปิ้ลฟรีเงินเตไงล่ะ นี่ฉันก็เพิ่งคิดได้เหมือนกันนะเนี่ยว่าฉันมายุ่มย่ามแถวตึกนี้อีกแล้ว แล้วตรงสนามฟุตบอลที่อยู่ไม่ห่างจากตึกนี้เลย ก็ยังมีคนเตะบอลกันอยู่เสียด้วย

     

                    ซึ่งแน่นอนว่าฉันไม่รู้หรอกว่าใครเป็นใครที่กลางสนามนั่น เพราะถึงแม้ทางโรงเรียนจะมีนโยบายเปิดไฟสปอร์ตไลท์ส่องสนามให้ยังไงก็เถอะ ถ้าคุณลองมองจากระยะไกล ไอ้เงาดำ ๆ เหล่านั้น มันก็พาดทับหน้าทับตาคนในสนามมั่วกันไปหมด จนคุณเดาไม่ออกว่าใครเป็นใครอยู่ดี

     

                    ฉันแอบคิดเล่น ๆ ว่าเตอาจเป็นหนึ่งในพวกนั้นที่เตะบอลอยู่กลางสนามก็ได้ เขาอาจจะแอบมาดักรอฉันที่ใต้ตึกนี่เพราะสืบรู้มาว่าฉันสอบตกวิชาท่องกลอนภาษาไทย (คิดดี ๆ แล้วอุบาทว์พิลึก เตอย่ารู้เลย -_-") แล้วก็อาจจะมารอส่งน้ำแอ๊บเปิ้ลของโปรดฉันให้เป็นกำลังใจและปลอบประโลมเรียกขวัญ โทษฐานที่ที่ฉันถูกยัยอาจารย์ใจร้ายกดขี่ข่มเหง แถมยังโขกสับให้ท่องกลอน 12 บทนั่นซ้ำ ๆ ถึง 2 ทุ่ม!

     

                    เอ่อ.. ฉันนี่ท่าจะท่องกลอนมากไปจนเพี้ยน -_-;;;

     

     

     

     

                    "พี่เตเขาคบอยู่กับพี่ปริมจริง ๆ เหรอคะ  พี่วิน" แต่ทันทีที่ได้ยินชื่อของตัวเองร่วมอยู่ในบทสนทนาที่ไม่คุ้นเคยมาก่อน ฉันก็รีบถอยหลังกลับขึ้นไปบนบันไดใหม่โดยอัตโนมัติทันที O.o!!

     

                    ตรงปลายบันได (ซึ่งฉันกำลังจะลงไปถึงอยู่แล้วเชียว) ปรากฏเด็กผู้หญิง 3-4 คนยืนออรอบตัวผู้ชายคนหนึ่ง  โดยจากการเพ่งมองอย่างสุดกำลังของฉันจนทำเอาปวดตาไปหมดนั้น ทำให้พอจะเดาได้ทั้งที่มองยังเห็นไม่ชัดเท่าไหร่ว่า น่าจะเป็นไอ้เตี้ยซุ่มซ่ามที่เอาหัวมาโขกไหล่ฉันหน้าร้านข้าวหมูแดงเมื่อวันก่อน และที่สำคัญที่สุดก็คือ เขาเป็นเพื่อนเต O.o

     

                    เพื่อนของเตคนนั้น (ท่าทางจะชื่อวิน ถ้าฟังไม่ผิด) ตอนนี้กำลังถูกรุมถามเกี่ยวกับเรื่องเตและฉันอยู่อย่างเลี่ยงไม่ได้ (สมน้ำหน้า เมื่อเช้าเพื่อนฉันก็โดนอย่างนี้แหละย่ะ) แต่ดูท่าทางจากหน้าตาที่หมอนั่นแสดงออกแล้ว ไม่เห็นว่าจะทุกข์ร้อน ลนลาน พยายามแก้ข่าวให้ฉันเลยสักนิดเดียว

     

                    "พี่ว่าไปถามเตดูเองดีกว่าครับ"

     

     

                    O.o ??????????????

     

                    o.O !!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!

     

                    O.O !!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!???????????????????

     

     

                    ให้ไปถามเตเองงั้นเหรอ!!!!!!!!!!

     

     

                    หน็อยแน่ะไอ้บ้า!!! วันนั้นฉันน่าจะใช้ไหล่โขกหัวมันให้แตกเย็บสี่เข็มไปเลย ทำไมแกไม่ปฏิเสธให้เป็นเรื่องเป็นราวอย่างที่พวกเพื่อนฉันก็พยายามอยู่นี่ล่ะฟะ!!!!!!!!!!!

     

                    หน็อยแน่ะ ๆๆๆๆๆ >w<!!!!

     

     

                    ไอ้บ้าที่ชื่อวินนั่นเดินผิวปากสบายอารมณ์จากไปพร้อมกับโค้กกระป๋องในมือแล้ว (4 กระป๋องได้) ทิ้งให้บรรดารุ่นน้องที่ตั้งคำถามเมื่อกี้เกิดสีหน้าต่าง ๆ กันไป  มีทั้งน้องที่ทำสีหน้าไม่เข้าใจ เสียใจ โกรธเคือง รวมไปถึง อึดอัดฟึดฟัด

     

                    ส่วนสำหรับตัวฉันที่ยืนแอบฟังอยู่ตรงนี้น่ะ มีแค่อย่างเดียวเท่านั้นแหละ

     

     

     

                    ฉันโมโห!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!

     

     

     

                    ----------------------------------------------------------------------------

     

     

     

                    ฉันเดินลงส้นเท้าอย่างกระฟัดกระเฟียดขึ้นหอด้วยความไม่พอใจอย่างแรง ไม่รู้คิดไปเองหรือเปล่าว่าบรรดาเด็กผู้หญิงข้างทางมันพากันรุมมองฉันพิลึก แต่ฉันไม่สนใจอะไรแล้วทั้งนั้นแหละ จะมองก็มองไป อยากจะเข้าใจว่าอะไรก็เชิญญญ ตามสบาย ฉันไม่วุ่นวายแก้ตัวแล้ว!!

     

                    รุ่นน้องสี่-ห้าคนที่ฉันจำได้ว่าเราเรียนตึกเดียวกันยกมือไหว้ฉันสลอน (ตึกเรียนฉันคือตึก PA (Performing Art) ซึ่งประกอบด้วยนักเรียนสายนาฏศิลป์ไทย-สากล ดนตรีไทย-สากล และ การแสดง) ฉันจำไม่ได้หรอกว่าน้องเขาเรียนสายไหน เพราะแค่เบอร์โทรศัพท์เพื่อนตัวเองฉันยังจำไม่ค่อยได้เลย แล้วจะเอารอยหยักสมองตรงไหนไปจำหน้าน้อง - .. - แต่ถึงแม้ว่าฉันจะดูแย่มากที่จำหน้าน้องตัวเองไม่ได้ ฉันก็ยังแอ๊บเนียนไปก่อนโดยการยกมือรับไหว้บรรดาน้อง ๆ แต่โดยดี

     

                    ขอโทษนะน้อง ๆ จ๋า.. วันนี้พี่ไม่มีอารมณ์จะยิ้มหรอก  พี่ไม่ได้ตั้งใจหยิ่ง แต่มันเซ็งสุด ๆ จริง ๆ -*-

     

     

                    ฉันเดินลากขาแบบเซ็งสุดโต่งต่อไปถึงหน้าห้อง 317 ที่เป็นรังซุกหัวนอนของฉันกับยัยป่าน  และเพียงแค่สัมผัสจากใต้ประตูที่มีไอเย็นลอดออกมา ฉันก็รู้ทันทีว่ายัยป่านอยู่ในห้องชัวร์

     

                    'แอ๊ดด---'

     

                    "อ้าวไอ้ปริมมาแล้ว!! มีขาเพิ่ม ๆๆๆๆ" เสียงไอ้ป่านแว้ดมาแต่ไกลทั้งที่ไพ่ยังคามืออยู่แท้ ๆ  ฉันยิ้มขำ ๆ เมื่อเห็นพลพรรคนักเล่นไพ่กำลังสุมหัวกันอยู่บนเตียงอย่างแน่นขนัด (ทั้งยัยป่าน ไอติม ไอ้ปุ้ย คิม พริ้ม และปีใหม่) ถ้าขืนพวกนั้นขย่มเตียงแรงอีกหน่อย มีหวังคืนนี้ฉันคงต้องลงไปนอนบนพื้นเพราะเตียงมันพัง

     

                    "ไม่เล่นอะ เดี๋ยวอาบน้ำก่อน" ว่าจะเล่าเรื่องอีตาวินอะไรนั่นให้ฟังอยู่แล้วเชียวนะป่าน แต่เห็นกำลังง่วนอยู่กับกิจการ (ที่ท่าทางจะไปไม่รอด) เลยพับเก็บไว้ก่อนแล้วกัน

     

                   

                    เอ๊ะ.. ว่าแต่มาตั้งวงไพ่กันแบบนี้แล้วเนี่ย แสดงว่าซ้อมขึ้นเท้ากันเสร็จแล้วใช่ไหมอะ!!!! ToT ฮือ ๆๆ เหลือฉันไม่ได้ซ้อมคนเดียวอีกแล้ว T___T

     

     

     

                    ----------------------------------------------------------------------------

     

     

     

                    "นี่เร็ว ๆ เลย ฉันอยากดูตีสิบ" โห... ไอ้ป่านเพื่อนรัก................. ดูแกพูดเข้าซิ๊!! ช่างประเสริฐจริง ๆ

     

                    ทันทีที่มันพูดจบฉันก็จัดแจงหันไปค้อนมันวงใหญ่เสียหนึ่งที -_-; ตอนนี้ฉันระเห็ดมาอยู่หอกลางเรียบร้อยแล้ว เพราะเป็นคนเดียวที่ยังไม่ได้ซ้อมขึ้นเท้าเพื่อความชัวร์อีกรอบก่อนเข้าเรียนคาบ practice กับ อ.นีรนารถ ในวันพรุ่งนี้ และก็เป็นยัยป่านเองนั่นแหละ ที่เสนอตัวจะมานั่งอยู่เป็นเพื่อนฉันที่นี่

     

                    แล้วดูดิ๊ มาถึงยังไม่ทันไรก็บ่นซะและ.. กลับไปเลยไป้ ชิ้ว!

     

                   

                    "ฮะ ๆๆ ทำหน้าทุเรดน่า... ซ้อมไปไป๊" เมื่อยัยป่านเห็นว่าฉันชักจะทำหน้าบูดเป็นตูดลิงแล้ว มันถึงได้ปลอบใจฉันด้วยคำขู่ว่า 'ทำแล้วทุเรศ'... อ๋อ นี่คือคำปลอบของแกงั้นเหรอ!? ฮึ่มม ทีใครทีมันแล้วกันน

     

                    ฉันเชิ่ดหน้าใส่มันอย่างไม่อยากสนใจคำจิกกัด แล้วยัดรองเท้าบัลเล่ต์คู่เก่งลงยังเท้าอันเพรียวงามของฉัน (ถุย.. ที่จริงเป็นเล็บขบ เจ็บมากเลย) แต่ในขณะที่ฉันกำลังตั้งหน้าตั้งตายืนให้ได้ด้วยปลายนิ้วโดยไม่จับบาร์ และยัยป่านเองก็กำลังคว้าการ์ตูนมานั่งอ่านไปพร้อม ๆ กันนั้น พลันมีเสียงจ้อกแจ้กจอแจดังขึ้นมาเสียก่อน ราวกับว่ากำลังมีคนกลุ่มใหญ่มุ่งหน้ามาทางนี้

     

                    ซึ่งจริง ๆ แล้วมันไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรเลย เพราะใคร ๆ ก็มีสิทธิ์ผ่านหอกลางได้ทั้งนั้น (ที่นี่เป็นที่ทำกิจกรรมของนักเรียนทุกคน) แต่หนังตาซ้ายและขวาของฉันมันดันกระตุกพร้อมกันแปลก ๆ

     

                    เห้ย!? นี่ฉันคงเป็นเด็กผู้หญิงที่สับสนในตัวเองขนาดหนัก! ดูขนาดหนังตาฉันสิ มันยังสับสนเลยว่าจะกระตุกข้างไหนดี -_-".. ตกลงอีกประเดี๋ยวฉันจะโชคดีหรือโชคร้ายกันแน่ล่ะเนี่ย........ ฉันขึ้นขาไปพลางใช้ความคิดอย่างหนัก จนอีปริมมันคงเห็นว่าฉันดูไม่ตั้งใจซ้อมเท่าไหร่ เลยจัดแจงม้วนหนังสือการ์ตูนของมันมาเคาะหัวฉันเข้าให้หนึ่งที

     

                    "นี่แน่ะ!! เหม่ออารายย เดี๋ยวดูตีสิบไม่ทัน!!" ดูมัน... กุก็นึกว่าจะห่วงกัน ที่แท้คือกลัวดูตีสิบไม่ทันซะงั้น เดี๋ยวบั๊ดกัดหูเลย แง่ม -_-^^

     

     

                    ในขณะที่ทั้งฉันและป่านกำลังง่วนกับการพยายามขึ้นขาให้สูงที่สุดอยู่นั่นเอง (จริง ๆ คือมีฉันคนเดียวที่ซ้อม แต่ยัยป่านเป็นหน่วยกึ่งบ่นกึ่งสอนกึ่งให้กำลังใจอยู่ข้าง ๆ) แต่เสียงจ้อกแจ้กจอแจกลับดังขึ้นเรื่อย ๆ จนในที่สุดเสียงเหล่านั้นก็ดังมาจนถึงบริเวณหน้าห้อง

     

     

                    ฉันหันไปมองต้นเสียงทั้งที่ยังขึ้นเท้าอยู่ และพบว่าคือแฟนของฉันเอง (ประชด) เตไง -_-;;... ซึ่งดูจากเหงื่อท่วม ๆ หัวยุ่ง ๆ นั่นแล้ว ฉันก็พอจะเดาออกได้ไม่ยากว่าเพิ่งกลับมาจากเตะบอลแหง๋ ๆ แต่บอกตรง ๆ ว่าตอนนี้ไม่มีอารมณ์จะเจอหน้าเตเล้ยยย แม้แต่นิดเดียว (ปกติต้องมีอารมณ์ด้วยเหรอ) ยิ่งเห็นไอ้คนที่ชื่อวินนั่นเดินหน้าเป็นตามเตมา ฉันยิ่งอารมณ์เสียเข้าไปใหญ่ ฮึ่มม

     

                    สายตาของเราประสานกันชั่วครู่ ก่อนที่เตจะผงกหัวและยิ้มให้ฉันอย่างทักทาย ส่วนฉันเองถึงแม้จะยังเคืองเพื่อนของเขาอยู่ไม่หาย แต่ก็มีน้ำใจกีฬามากพอที่จะไม่พาลลงกับเตไปด้วย เอาเป็นว่าฉันเองก็ยิ้มตอบเขาไปเหมือนกันนั่นล่ะ

     

     

                    ว่าแต่คนอะไรฟะ... เพิ่งเล่นบอลเสร็จ เหงื่อท่วมตัวแล้วยังหล่ออยู่เลย -_-"

     

     

     

                    เตกับผองเพื่อนเดินผ่านห้องที่ฉันซ้อมอยู่ไปแล้ว แต่ยัยป่านที่เฝ้ามองเหตุการณ์ทั้งหมดด้วยสีหน้างง ๆ ถึงกับรีบปรี่เข้ามาหาฉันแทบจะทันที "เห้ย! เตยิ้มให้แกด้วยอะ!!" เอ๋า.. แล้วมันตกใจอะไรวะ?

                    "แล้วไงอะ.. ก็รู้จักกันไง" ฉันตอบไปอย่างไม่ยี่หร่ะ คือได้รู้จักทักทายกับคนหล่อ ๆ มันก็ถือเป็นกำไรชีวิตอะนะ แต่ติดที่ยังเคืองไม่หายนี่หน่า...

     

     

                    ดูท่าทางยัยป่านมันจะไม่พอใจกับคำตอบของฉันอยู่มากโข ถึงได้ฟึดฟัด ๆ กลับไปนั่งอ่านการ์ตูนเหมือนเดิมอย่างเซ็ง ๆ... อ้าว แล้วนั่นจะพลิกกระดาษแรง ๆ ทำไมล่ะ เดี๋ยวก็พังหมดหรอกยัยบ้า - .. -

     

     

                    ฉันขำพรืดกับท่าทางเป็นเด็ก ๆ ของมัน ก่อนจะตั้งหน้าตั้งตาขึ้นเท้าต่ออย่างไม่ลดละ เอาล่ะ อีกนิดเดียว ๆๆ ว่าแต่มีใครพกกรรไกรตัดเล็บมามั่งไม๊ว้าา... เจ็บเล็บขบง้ะ ขึ้นเท้าไม่สะดวกเลย T__T

     

                    "ไอ้ป่าน แกพกกรรไกรตัดเล็บมามั่งปะ" ฉันส่งเสียงถามไปทั้งที่ไม่ได้หันมองด้วยซ้ำ ได้ยินเสียงยัยป่านตอบกลับมาว่า

     

                    "ใครจะพกมาฟะ.."

                    "แต่ผมมีนะ"

     

     

                    O.o...................... ห๊ะ!?

     

     

                    เสียงใครมันดังมาพร้อม ๆ กะเสียงยัยป่านเลยอะ!? ฉันหล่นลงจากปลายเท้าที่กำลังขึ้นอยู่ทันทีด้วยความตกใจ และเมื่อหันไปมองดูก็พบกับ...................

     

     

                    "เต......" ฉันเรียกเขาเสียงมึน มึนมาก นี่ฉันซ้อมหนักจนเห็นภาพหลอนรึไงหว่า -_-"

     

                    แต่คงไม่ใช่แค่ฉันแล้วแหละ ในเมื่อหน้ายัยป่านก็แลดูเหวอรับประทานพอ ๆ กัน

     

     

                    ผู้ชายคนนั้นอมยิ้มให้ฉัน จนแทบจะทำให้ลืมเรื่องที่เคยเคืองไปเสียหมด (เอ่อ.. ไหงงั้นล่ะเนี่ย) ฉันมองหน้าเขาด้วยความงงไม่หายว่าเมื่อกี้ผ่านไปแล้วจะกลับมาอีกทำไม แต่ก็ถึงบางอ้อ เมื่อในมือเขาถือถุงพลาสติกจากร้านสะดวกซื้อถุงใหญ่มาด้วย

     

                    "ขยันกันจัง ผมเลยเดินไปซื้อนี่มาฝาก" เตพูดทั้งรอยยิ้มพลางค้นอะไรก๊อบแก๊บ ๆ ออกมาจากถุงชั่วครู่  แล้วกล่องน้ำผลไม้สีสดสองกล่องก็ถูกยื่นให้เราทั้งคู่ ท่าทางยัยป่านเหมือนกำลังจะเป็นลม ก็ดูหน้ามันสิ เคลิ้มอย่างกับอะไรดี ทีอย่างนี้ไม่เร่งให้เตรีบ ๆ ไปล่ะ แกจะได้ไปดูตีสิบ!!

     

                    "ขอบคุณค่ะ" แต่คนที่พูดประโยคนี้ไม่ใช่ฉันหรอก คงเดาไม่ยากว่าใคร -_-"... ส่วนฉันน่ะเหรอ ยังอึ้งอยู่ แต่ก็เจาะกล่องดูดทันที (แบบว่ากลัวเตเปลี่ยนใจแล้วจะขอคืนง่ะ)

     

                    สรุปว่าจากที่ตั้งหน้าตั้งตาซ้อมอยู่เมื่อกี้ดันแปรสภาพกลายเป็นวงขนมแทนซะอย่างนั้น -_-" ก็เตเล่นซื้อขนมนมเนยมาเต็มที่แบบนี้แล้วฉันจะกล้าทำให้เขาเสียน้ำใจได้ยังไง (จริง ๆ คือตะกละ) ฉันก็เลยใส่รองเท้าบัลเล่ต์นั่งขัดสมาธิกินขนมซะอย่างนั้น! ว่าแต่เตนี่รู้ใจจริง ๆ ซื้อมาแต่ละอย่างของโปรดทุกอย่าง ถ้าฉันไม่อ้วนก็ให้มันรู้ป๊ายยยยยย!!! สุดท้ายเราเลยตั้งวงขนม จับเข่าคุยกันอย่างสนุกสนาน และจะว่าไปนี่เตไม่มีคำว่าถือตัวอยู่ในพจนานุกรมเลยจริง ๆ นะ

     

     

                    "เมื่อกี้ได้ยินปริมถามหากรรไกรตัดเล็บ" อยู่ดี ๆ เตก็พูดเรื่องที่ฉันเกือบจะลืมไปแล้วขึ้นมา (มัวแต่เพลิดเพลินกับการกินและเม้าแตก) ฉันพยักหน้าหงึก ๆ กลับไปก่อนจะได้รับกรรไกรตัดเล็บจากคนที่ฉันคิดไม่ถึงมาก่อน

     

                    ว่าแต่จะดีเหรอ........ ให้ฉันแงะเล็บขบต่อหน้าผู้ชายที่ป๊อบที่สุดในโรงเรียนอย่างนี้น่ะ -_-;;;;

     

     

                    "เตพกกรรไกรตัดเล็บไปไหนมาไหนด้วยเหรอ" ยัยป่านถามขึ้นอย่างสงสัย ซึ่งอันที่จริงฉันก็สงสัยเหมือนกันเพราะมันผิดวิสัยคนปกติเหลือเกินที่พกมาด้วย ทำเอาเตขำตาหยี โอ๊ยย น่ารัก >.,<

     

     

                    "เป็นเล็บขบอะ เวลาเตะบอลแล้วผมเจ็บ ก็เลยพกติดไว้ตัดเล็บขบ" เขาพูดด้วยอาการเขินอายเล็กน้อย ส่วนฉันกับยัยป่านทำหน้าอย่างนี้ไปแล้ว >>> O.O <<< อย่างนี้เลย

     

     

                    เพิ่งจะรู้ว่าคนหล่อก็เป็นเล็บขบกับเขาด้วย!!!! (คนหล่อก็คนนะยะ)

     

     

                    ฉันหัวเราะก๊ากกก (ต่างกับการหัวเราะน้อย ๆ ของเตเมื่อกี้โดยสิ้นเชิง) จนยัยป่านตบหลังฉันดังอั้ก!! โทษฐานไปขำเต -_-;; เอ่อ ขอโทษ ลืมตัว --__--;;;

     

     

                    เตเองก็ดูเหมือนจะไม่ได้ถือสาอะไร เขายังมีหน้าถอดถุงเท้าออกมาโชว์รอยเล็บขบตรงหัวแม่เท้าให้ฉันดูอีกแน่ะ!!! O.O เกิดมาก็เพิ่งจะเคยเห็นเล็บขบคนหล่อขนาดนี้แหละวะ!!! ฉันมองมันด้วยความอึ้ง เท้าของเตใหญ่และยาวจัง (เห้ย!! คิดอะไร!!) ฉันมองนิ้วหัวแม่เท้าที่มีรอยเลือดนิดหน่อย และรอยแงะเล็บขบนั่นอย่างพิศวง O.O

     

     

                    "จ้องอะไรขนาดนั้นเล่าอีปริม!!" เอาอีกแล้ว เมื่อกี้ยัยนี่เพิ่งตบหลังฉันไปแหมบ ๆ ตอนนี้มันตบหัวฉัน T__Ta หน้าฉันงี้แทบทิ่มลงไปจุ๊บกับเล็บขบเต อีบ้าาา.. ไม่ระวังเล้ยยย

     

                    ในที่สุดเตก็หัวเราะร่ากับการกระทำ (ห่าม ๆ) ของพวกเราทั้งสองคน ทำเอาทั้งฉันและยัยป่านอายม้วนไปตาม ๆ กัน แหะ ๆๆ ฉันพยายามทำตัวสงบเสงี่ยมที่สุดเหมือนเดิมก่อนจะถอดรองเท้าบัลเล่ต์คู่เก่งออก

     

                    แล้วสองคนนั้นก็ชวนคุยหัวเราะเล่นหัวเฮฮากันโดยไม่สนใจฉันที่นั่งแงะเล็บขบอยู่ตรงนี้อีก -_-"... ก็ดีแล้วแหละ อย่ามาสนใจเลย เหอ ๆๆ

     

     

     

                    ----------------------------------------------------------------------------

     

     

     

     

                    "ฟู่.. สำเร็จซักที" ในที่สุด เมื่อไร้ซึ่งเล็บขบแล้ว ก็ดูเหมือนการซ้อมของฉันจะดำเนินผ่านไปได้ง่าย ๆ อืมม.. ดีแหะ ^^;;  ฉันลงจากปลายเท้าแล้วจัดแจงถอดรองเท้าบัลเล่ต์คู่เก่งออกเพื่อทำเวลา ยัยป่านจะได้กลับไปดูตีสิบทัน

     

                    แล้วดูนั่นซิ ตั้งแต่เตออกไปยัยนี่ยังนั่งหน้าบานไม่ยอมหุบกันเลยเชียว การ์ตูนนั่นมันทำให้เคลิบเคลิ้มมากนักรึไงหาาาาา -_-^^

     

                    "ไอ้ป่าน เสร็จแล้ว!!!" ฉันตะโกนออกไปหวังกระตุ้นมโนประสาทมันสักที เพราะดูท่าทางใจของเพื่อนฉันจะไม่อยู่กับเนื้อกับตัวแหะ... เห็นไม๊ล่ะ! มันสะดุ้งสุดตัวก่อนจะรีบปิดหนังสือ "อ่า เหรอ ๆๆ"

     

     

                    ฉันส่ายหัวอย่างระอาพลางยกผ้าขนหนูผืนเล็กมาซับเหงื่อ แล้วพลันสายตาที่เฉียบแหลม (พอ ๆ กับสมอง) ของฉันก็เหลือบไปเห็น..

     

     

                    กรรไกรตัดเล็บ (ขบ) ของเต ยังตั้งอยู่ตรงนั้น -_-;; อ้าว ไม่เอากลับไปด้วยล่ะพ่อคุณ..

     

     

                    "กรรไกรของเตยังอยู่นี่เลยอะปริม" ยัยป่านพูดขึ้นเมื่อเห็นมันพร้อม ๆ กันกับฉัน  ส่วนตัวฉันได้แต่พยักหน้าหงึก ๆ ก็ไม่รู้จะทำไงได้ ในเมื่อเตเขากลับไปแล้วเมื่อกี้นี้

     

                    เดี๋ยวเจอกันอีกค่อยคืนให้แล้วกันเนอะ..

     

     

                    ฉันเก็บมันลงกระเป๋าถือสีส้มอ่อนของฉันแล้วจัดการปิดแอร์ปิดไฟหอกลางให้เสร็จ (ช่วยชาติประหยัด) แต่ขณะที่กำลังเดินอยู่นั้นเอง ฝีเท้าฉันก็ต้องสะดุดกึก! เมื่อได้ยินประโยคที่แว่วมาเป็นครั้งที่ 2 ของวัน

     

     

                    "พี่เตคบอยู่กับพี่ปริมจริง ๆ เหรอคะ"

     

     

                    O.O ฉันกับยัยป่านหันมองหน้ากันเองแทบจะทันที แล้วก็วิ่งหลบปุ๊บอย่างรู้หน้าที่!!

     

     

                    ที่ระหว่างทางเดินกลับหอนั้น ฉันมองเห็นเด็กผู้หญิงสองสามคนกำลังยืนขวางเตอยู่ พร้อมตั้งคำถามกับเขาด้วยประโยคโดนใจ ที่ฉันเคยได้ยินมันมาแล้วเมื่อตอนกลางวัน

     

                    ยัยป่านรัวตบหลังฉันเสียยกใหญ่ให้ตั้งใจฟัง แต่ปัดโธ่!! จะตบทำไมล่ะ! ฉันเสียสมาธิ!!!!

     

     

                    ฉันแอบมองเหตุการณ์ทั้งหมดจากที่ไกล ๆ แต่ก็ใกล้พอที่จะมองเห็นรอยยิ้มของเต......... ว่าแต่จะยิ้มทำแป๊ะอะไรล่ะวะ ปั๊ดโธ้!!!!!!!!!!!! >"<

     

     

     

                    "^____^ พี่ขอตัวกลับหอก่อนนะครับ" เห้ย!!! นี่เหรอคำตอบนาย!!!!!!!!! O[]O!!!! ฉันถึงกับอ้าปากค้าง ส่วนยัยป่านถึงกับตาเหลือกอย่างสุดจะสงสัย (พอ ๆ กับฉันแหละ)

     

     

                    เตเดินเลี่ยงกลับไปทางหอชายแล้ว และรอยยิ้มนั้นก็ยังมีอยู่ ฉันบอกตรง ๆ ว่าตัวเองไม่อาจเข้าใจผู้ชายที่เอาแต่ยิ้ม 24 ชั่วโมงคนนี้ได้เลยแม้แต่นิดเดียว -*-a  รู้แต่ว่าตอนนี้พวกเด็กผู้หญิงสามคนนั่นที่ไม่ได้คำตอบอะไร กำลังฟึดฟัดโมโหกันอย่างน่าสยอง..

     

     

                    แล้วทำไมนายไม่ปฏิเสธไปล่ะฟะ!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!

     

     

     

     

     

    -TBC-

     

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×