ผมชื่อ กาแฟ(ครับ)
อ๊ะ! เห็นหัวข้อเรื่องแล้วอย่างพึ่งด่วนสรุปว่าเป็นโฆษณาขายกาแฟนะเจ้าค่ะ เพราะเจ้าแมวอ้วนนาม กาแฟ(สุดหล่อ) จะมาป่วน ขยุ่มขยำ กระชากลากดึงให้คุณตกหลุดรัก(ไปหมด)
ผู้เข้าชมรวม
164
ผู้เข้าชมเดือนนี้
0
ผู้เข้าชมรวม
ดีคร้า!!! นี่ก็เปนเรื่องแรกๆที่พยายามแต่ง
หลังจากดูฤกษ์ดูชัยกันมาหลายปี
เขียนๆแต่งๆลบๆเลิกๆกันมานาน
เลยขอถือโอกาสที่ทางโรงเรียนสุดเฮี้ยบสั่งการบ้านมา
ให้แต่งเรื่องสั้นส่ง ยัยหัวขี้เลื่อยเลยแอบจิ๊ก
มาโพสให้ได้อ่านแบบ...
ขำๆ ชิลๆ ตลกนิดๆ+มีสาระหน่อยๆ(จริงดิ)
ฮุ ฮุ ฮุ ติ ชมได้ ไม่กัด ไม่ข่วน หรือกระชากรุมทึ้ง(อ่านะ)
รับลองฉีดยากันไว้แล้ว-*-
เนื้อเรื่อง
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ในบ้านหลังเล็กๆหลังหนึ่งใจกลางเมืองที่เต็มไปด้วยคนผู้พลุกพล่าน ประกอบด้วยสมาชิกทั้งห้า คือ คุณพ่อ คุณแม่ น้องปีใหม่ น้องฟิล์ม และผม ชาติชายใจทหารที่แสนรูปหล่อนาม กาแฟ ครับ นับว่าผมเป็นบุคคลที่มีความสำคัญที่สุดของบ้านนี้เลยก็ว่าได้ ครอบครัวของผมนั้นก็เป็นครอบครัวธรรมด๊า ธรรมดาครอบครัวหนึ่ง คุณพ่อก็รับราชการมีฐานะค่อนข้างมั่นคง ส่วนคุณแม่ก็เป็นแม่บ้านที่ดีคอมดูแลเรื่องข้าวปลาอาหาร ปัดกวาดเช็ดถูบ้านให้สะอาดตลอดเวลา ปีใหม่กับฟิล์ม ก็ถือว่าเป็นน้องผม เพราะผมเกิดก่อนพวกเขาอีก ตอนนี้ปีใหม่ หรือ ด.ญ.ปณพร น้องสาวแสนน่ารักของผมก็เรียนอยู่ชั้นประถมปีที่หนึ่งแล้ว ส่วนฟิล์ม หรือ ด.ช. รัฐภูมิ(เอ่อ...คือไม่ได้เป็นญาติฝ่ายไหนกับ ฟิล์ม-รัฐภูมิดาราดังนะฮับ) น้องชายคนสุดท้อง สุดรัก และสุดเลิฟของพี่กาแฟก็กำลังเรียนอยู่ชั้นอนุบาล น่ารักน่าชังทีเดียว ถึงบางทีผมจะชังมากกว่ารักก็ตามทีเถอะนะ“กาแฟ แกมาฉี่ใส่รองเท้าฉันอีกแล้วใช่ไหม หนอย เจ้าแมวจอมตะกละ มานี่เดี๋ยวนี้นะ!”
ผมบอกรึยังครับว่าผมไม่ใช่คน...
เจ้าแมวอ้วนนาม ‘กาแฟ’ รีบเผ่นออกจากรัศมีความอาฆาตของผู้เป็นนายหญิงทันทีที่เสียงมหาประลัยดังขึ้น กาแฟมีขนสั้นสีน้ำตาลเข้มคล้ายสีสนิม หรือสีกาแฟ มันเลยถูกตั้งชื่อว่า ‘กาแฟ’ ดวงตาเป็นสีเหลืองอำพัน ขนาดของตัวจัดได้ว่าเป็นลูกเสือโคร่งขนาดย่อมเยาได้สบายๆ(ตะกละเป็นชีวิตจิตใจ) กาแฟเป็นสมาชิกเพียงหนึ่งเดียวของบ้านที่ไม่ใช่คน!!!
ส่วนเสียงอาฆาตที่ดังมาจากทางนู้น ก็คือคุณแม่สุดที่รักของผมเอง ถึงไม่ได้เป็นคนให้กำเนิดผม แต่ท่านก็เป็นคนเก็บผมมาเลี้ยง อบรมผมจนโต(ถึงจะไม่ค่อยเชื่อฟังก็เถอะ)
“ที่รัก เสร็จรึยัง เดี๋ยวผมจะไปไม่ทันงานเลี้ยง”นี่คือเสียงคุณพ่อสุดหล่อของผมเองครับ เขากำลังใส่สูทยืนรออยู่หน้าบ้าน สงสัยจังว่าพวกเขาจะรีบร้อนไปไหนกัน
“แม่ค่ะ น้องร้องงอแงอีกแล้วค่ะ แม่รีบๆมาอุ้มน้องหน่อยได้ไหมค่ะ หนูจะทนไม่ไหวแล้ว” เด็กผู้หญิงที่กำลังกำลังตะโกนโหวกเหวกอยู่นั้น คือน้องปีใหม่ ส่วนเด็กที่กำลังแบะปาก ร้องไห้ฟูมฟายอยู่นั้นนะคือน้องฟิล์ม ศัตรูที่น่ากลัวของผม ไม่รู้ทำไมเด็กถึงชอบเห็นแมวเป็นของเล่นของพวกเขาอยู่เรื่อย ดึงหางบ้าง ดึงหูบ้าง ถึงผมจะเป็นแมวผมก็เจ็บเป็นเหมือนกันนะ นึกว่าแมวไม่มีหัวใจหรือไง (เอ๊ะ! แล้วมานไปเกี่ยวกับหัวใจตรงไหนเนี่ย) พอเตรียมตัวเสร็จพวกเขาก็ทยอยกันขึ้นรถ
เสียงรถสตาร์ทดังกระหึ่ม ก่อนที่พวกเขาจะออกรถไป เหลือแมวที่น่าสงสารไว้ตามลำพังในบ้านหลังเล็กๆนี้ หลังจากที่เจ้านายออกไป กาแฟก็จัดแจงหาที่นอนเพื่อรอพวกเขากลับบ้านด้วยความน้อยใจที่พวกเขาไปโดยไม่บอกลาสักคำหรืออย่างน้อยลูบหัวก็ยังดี บางครั้งผมก็คิดไปเองว่าพวกเขาอาจจะไม่รักผมอีกแล้ว ทั้งๆที่เมื่อก่อนพวกเขาออกจะเอาใจใส่ผมจะตายไป เล่นก็เล่นด้วยกัน ไปไหนก็ไปด้วยกัน แล้วนี่ถ้าขโมยขึ้นบ้าน แมวน้อยที่น่าสงสารที่สุดในโลกอย่างผมจะทำยังไงดีเนี่ย เจ้าแมวสีกาแฟยังคงคิดไปเรื่อยเปื่อย เพียงแต่เสียงบางอย่างสะกิดให้แมวอ้วนจอมคิดมา ให้ออกมาสู่โลกแห่งความจริง
แกรก แกรก
เสียงดังมาจากทางหน้าต่างหลังบ้าน ทำให้เจ้าแมวอ้วยขี้น้อยใจที่กำลังคิดหนัก ต้องหันไปมองเพราะด้วยว่าตอนนี้ไม่ได้มีใครสักคนอยู่ในบ้านนอกจากแมวที่กำลังนอนอยู่ตรงนี้ หรือว่าจะเป็นขโมย กาแฟเริ่มคิดหนักอีกรอบ คงไม่ใช่หรอกมั้ง
เพล้ง
คราวนี้เป็นเสียงกระจกแตก เจ้าแมวคิดมากรีบวิ่งไปทางต้นเสียงทันทีโดยไม่รอให้มันดังซ้ำสอง ก็พบคนแปลกหน้าคนหนึ่งกำลังพังกระจกเพื่อเข้ามาภายในบ้าน
ขโมย! เป็นความคิดแรกที่แล่นเข้ามาในหัวสมองอันน้อยนิดของเจ้าแมวหัวขี้เลื่อย
กาแฟเดินเข้าไปใกล้อีกเพื่อความแน่ใจว่าตนไม่ได้คิดไปเอง ยิ่งเข้าใกล้เท่าไรก็ยิ่งทำให้มันตกใจขึ้นเท่านั้น เพราะความคิดฟุ้งซ่านของมันได้กลายเป็นจริงขึ้นมาแล้ว(แหม เหมือนความฝันได้กลายเป็นจริงซะงั้น) ขโมยจริงๆด้วย! เหมือนอย่างที่คิดเลย ทำไมซื้อหวยไม่ถูดอย่างนี้นะ เจ้าแมวคิด ก่อนจะสลัดความคิดทิ้งไป เมื่อขโมยเข้ามาในบ้านได้สำเร็จและกำลังเดินสำรวจเพื่อหาของมีค่า โจรค่อยๆยัดข้าวของใส่ถุงที่มันเตรียมมา แต่เรื่องอะไรที่เจ้าแมวสุดหล่อ อย่างกาแฟ จะยอมให้มันเอาไปเฉยๆ ไม่ทันที่ขโมยจะสังเกตเห็น สิ่งมีชีวิตขนาดยักษ์ก็กระโจนเข้าประทุษร้าย เสียงร้องโวยวายดังลั่นเป็นของหัวขโมยที่กำลังถูกสัตว์หน้าขนตะปบเข้าอย่างจัง เจ้าแมวที่คิดว่าตัวเองเป็นญาติกับซูปเปอร์แมนฮีโร่ผู้ผดุงความยุติธรรม ก็กางเล็บอันแหลมคมระดมข่วน จิก และกัดขโมยไม่เจียมบอดี้ที่อาจหาญมาลักทรัพย์ในบ้านหลังนี้ แต่ขนาดมันต่างกัน คนร้ายที่ตัวใหญ่กว่ากระชากกาแฟออกพร้อมกับโยนมันไปอีกทางหนึ่ง
“โอ๊ย! ไอ้แมวบ้า เสือกกัดมาได้ เจ็บฉิบหายเลย”ว่าแล้วขโมยก็จับแขนขึ้นมาดูร่องรอยที่ถูกเจ้าแมวขนาดลูกเสือโคร่งประทุษร้าย และก่อนที่หัวขโมยจะลงมือวางแผนฆาตกรรมแมว เขาก็ได้ยินเสียงรถหวอของตำรวจ ความตกใจเป็นขโมย สงสัยชาวบ้านแถวนี้คงได้ยินเสียงกระจกแตกเลยไปแจ้งความ ขโมยสบถด้วยความแค้นเคือง แล้วรีบเก็บข้าวของที่ขโมยมาได้ออกจากบ้านไปขึ้นรถยนต์ที่มันจอดรอไว้อยู่ไม่ไกลจากบ้านของเหยื่อ แล้วจัดการบึ่งรถออกไปทันที
ขโมยขับรถออกไปได้ไม่นานก็เจอกับด่านตรวจ ตำรวจโบกมือให้จอดรถ หัวขโมยก็ยอมจอดแต่โดยดี โดยทำทีว่าเป็นพนักงานกินเงินเดือนทั่วๆไปที่กำลังจะขับรถกลับบ้าน เขารู้อยู่แล้วว่าตำรวจจะต้องตั้งด่านตรวจแน่ ถ้ามีคนแจ้งว่ามีขโมยกำลังหลบหนี คนร้ายจึงเตรียมการไว้เรียบร้อย ถุงที่ขโมยมาก็ใส่ไว้ใต้เบาะนั่งเพื่อซ่อนของกลาง ไม่มีทางที่ตำรวจจะจับได้
ตำรวจสำรวจดูอยู่สักพักก็ไม่เจออะไรผิดปกติ จึงจะปล่อยรถไป แต่ก่อนที่จะปล่อยไปนั้นก็เกิดเสียงประหลาดขึ้นใต้เบาะรองนั่งที่ตัวเองกำลังนั่งทับอยู่ ทำให้ขโมยถึงกับเหงื่อตก
เมี้ยวหงาว มะแง้ว!
“นั้นมันเสียงอะไรนะคุณ”ตำรวจถามคนร้ายในคราบคนธรรมดา
“ผะ...ผมไม่เห็นได้ยินอะไรเลยนี่ครับ คุณตำรวจคงหูฝาดไปเอง”เหงื่อเม็ดโตผุดขึ้นมาบนหน้าคนร้าย ที่เริ่มซีดอย่างเห็นได้ชัด
“แต่ผมได้ยินเสียงแมว (คิดว่าอ่านะ) ร้องดังมาจากใต้เบาะคุณนะ”ตำรวจชักเริ่มสงสัย เหมือนเจ้าของเสียงจะรู้ก็ยิ่งร้องหนักเข้าไปอีก เมี้ยวหงาว มะแง้วว! หง่าวแง้ว เหมียวเมี่ยว!
“นี่มันเสียงแมวชัดๆ (ปกติแมวบ้านคุณมันร้องอย่างงี้หรอฮะ) ขอความกรุณาช่วยลงมาจากรถด้วย ผมขอตรวจรถคุณ”ขโมยรู้ตัวแล้วว่าไม่รอดแน่คราวนี้ จึงรีบกระโจนออกจากรถเพื่อวิ่งหนีการจับกุม แต่ก็ถูกตำรวจรวบตัวไว้ได้เสียก่อน ตำรวจค้นเบาะนั่งในรถยนต์ก็พบกับถุงที่ใส่ข้าวของที่ถูกขโมยมา และเจ้าของเสียงแปลกประหลาดที่ดังขึ้น มันไม่ใช่ใครที่ไหนนอกจาก ผู้พิทักษ์ความยุติธรรมที่ชอบทำตัวเป็นฮีโร่อย่างเจ้ากาแฟนั้นเอง
“เจ้าแมวอ้วนตัวนี้เองหรอที่ร้องนะ (ตูนึกว่าสัตว์ประหลาดที่ไหน) ขอบใจนะ ไม่งั้นเราคงจับขโมยไม่ได้ แต่แกนี่มันอ้วนจริงๆเลย ไม่รู้ว่าเข้าไปอยู่ในนี้ได้ไง”ตำรวจพูดพรางลูบหัวมันก่อนจะซักมือกลับแทบไม่ทัน เมื่อเจ้าแมวฮีโร่แยกเขี้ยวโชว์ฟันสวยให้ชม ตำรวจรีบวางมันลงแล้วนำตัวขโมยไปโรงพัก ปล่อยเจ้าแมวอ้วนไว้ตัวเดียว
เมื่อหลายนาที่ก่อน...
หลังจากที่กาแฟถูกโจรสลัดทิ้งไปยังมุมหนึ่งของห้อง มันก็พยายามตะเกียดตะกาย คลานเข้าไปในถุงที่ใส่ข้าวของที่ขโมยมา โดยที่คนร้ายไม่ทันเห็น พอถึงด่านตรวจ กาแฟตัดสินใจร้องออกไปเมื่อได้ยินเสียงตำรวจ และถ้าไม่ร้องออกไปตอนนั้น มันคงได้เป็นแมวตากแห้งแบนแต๊ดแต๋แน่ๆ และก็เป็นจริงดังคาดเสียงร้องอันพิลึกกึกกือของมันทำให้มันรอดจากเหตุการณ์สยองขวัญมาได้ และตอนนี้ก็เหลือเพียงอย่างเดียวที่มันต้องทำคือ ‘กลับบ้าน’
แต่ปัญหาคือ ทางไหนละ...
กาแฟเดินไปเรื่อยๆเท่าที่ขาสั้นๆป้อมๆของมันจะพาไปได้ พรางคิดว่าป่านนี้ คนที่บ้านจะเป็นห่วงมันไหนนะหรือว่าพวกเขากำลังฉลองกันอยู่ที่แมวสุดหล่อตัวนี้หายไปจากบ้านได้สักที ความคิดทำให้กาแฟเริ่มท้อ บวกกับท้องที่ร้องอย่างเอาเป็นเอาตายเพราะไม่ได้กินข้าวตั้งแต่เมื่อคืนวาน กาแฟเริ่มหมดแรง มันหาที่ร่มๆนั่งเพื่อคิดหาทางใหม่ แล้วสติก็ค่อยๆเรือนลางก่อนที่จะสลบไป
กลิ่นหอมลอยมาเตะจมูกของเจ้าแมวจอมตะกละ ทำให้สิ่งที่นอนแน่นิ่งเหมือนไร้ชีวิตกลับมามีชีวิตอีกครั้ง แมวผู้หิวโหยจึงลืมตาขึ้นเพื่อมองหาต้นตอของกลิ่นอันหอมหวานที่ล่อให้แมวอดอยากอย่างกาแฟน้ำลายสอเลยทีเดียว กาแฟค่อยๆเดินไปตากลิ่นอันเย้ายวนที่ลอยมาจากร้านอาหารแห่งหนึ่ง ภายในร้านมีผุ้คนมากมายนั่งทานอาหารกันอย่างเอร็ดอร่อย ทั้งสุกี้ยากี้ ข้าวราดแกงต่างๆ รวมถึงอาหารจานโปรดของกาแฟอย่าง ปลาทอด เจ้าแมวอ้วนจ้องมองอาหารนานาชนิดผ่านกระจกใสไปด้วยความหิวโหยและอยากกินเป็นอย่างยิ่ง แต่มันก็ทำอะไรไม่ได้ นอกจากมองและมอง
กาแฟพรางนึกไปถึงตอนที่มันอยู่กับพ่อแม่ น้องปีใหม่และน้องฟิล์มในบ้านหลังเล็กๆอันแสนอบอุ่น ถึงพวกเขาจะไม่เคยซื้ออาหารเลิศหรูให้ตน แต่ก็ดูแลให้อาการครบทุกมื้อไม่เคยขาดตกบกพร่อง กาแฟเริ่มนึกถึงข้าวคลุกปลาทู อาหารฝีมือแม่ต่างสายเลือดต่างเผ่าพันธุ์ของมัน ที่ทำให้กินอยู่ทุกวัน แมวอ้วนละสายจาจากร้านอาหารพลางเดินคอตกอย่างหมดอาลัยตายอยาก มันเดินไปเรื่อยๆ ไร้ซึ่งจุดหมายปลายทางโดยที่มันไม่รู้เลยว่าสิ่งเลวร้ายกำลังมาเยือน!!!
มือหยาบกร้านของคนตัวใหญ่ตะครุบเข้าที่คอของกาแฟ ไม่ทันทีแมวผู้โชคร้ายจะทันตั้งสติเพื่อตอบโต้ เจ้าของมือก็เหวี่ยงกาแฟเข้าไปในท้ายรถ ตามมาด้วยเสียงกลอนประตูที่ถูกล็อกอย่างแน่นหนา เมื่อกาแฟตั้งสติได้ก็มองไปรอบๆเพื่อหาทางออก แต่ในนี้มือสนิทมีเพียงแสงเล็กน้อยที่รอดมาจากหน้าต่างเล็กๆที่มีลูกกรงตรงประตู แมวทุกตัวมีความสามารถในการมองเห็นในที่มืด ความมืดจึงไม่เป็นปัญหาสำหรับกาแฟ รถกำลังเคลื่อนที่ไปเรื่อยๆ ความกลัวก่อเกิดขึ้นในใจของแมวที่ไม่ผอมตัวนี้ มันไม่รู้ว่ามันอยู่ที่ไหน และจะกลับบ้านได้ยังไง ก่อนที่แมวขี้กลัวจะหวาดวิตกไปมากกว่านี้ รถก็ได้หยุดลง ประตูถูกเปิดออก ยังไม่ทันที่แสงจะส่องถึงแมวผู้หวาดวิตก มันก็ถูกจับโยนลงไปในถุง กาแฟพยายามดิ้นเพื่อให้หลุดพ้นจากถุง แต่แรงแมวรึจะสู้แรงคนได้ ในที่สุดแมวอ้วนก็ถูกปล่อยลงในกรงขังที่ชื้นแชะ
“โชค วันนี้แกจับได้กี่ตัววะ”ชายคนหนึ่งพูดขึ้น
“ตัวเดียวเองวะ เจอมันเดินอยู่ข้างถนนเลยสอยมา”ชายอีกคนพูดตอบ
“ไอ้แมวอ้วนเนี่ยนะ”พูดเสร็จชายคนนั้นก็เคาะลูกกรง
กาแฟจ้องมองชายสองคนสนทนากัน มันสังเกตว่าชายสองคนนี้ใส่เสื้อผ้าเหมือนกัน แต่ที่สะดุดตามันที่สุดคือ ปลอกแขนสีแดง ซึ่งเป็นสิ่งที่สัตว์จอนจัดทั้งหลายรู้จักกันเป็นอย่างดี ไม่เว้นแต่แมวบ้านอย่างกาแฟ พวกเขาคือ ‘เทสบาลจับสัตว์’ มันเป็นคำต้องห้ามสำหรับพวกสัตว์ไร้ที่อยู่เลยทีเดียว ส่วนใหญ่พวกสัตว์จะไม่เอ่ยชื่อ แต่จะเรียกคนพวกนี้ว่า คนที่สัตว์ก็รู้ว่าใคร แน่นอนว่าสัตว์ทุกตัวกลัวพวกเขา เพราะไม่เคยมีใครตัวไหนถูกจับไปแล้วกลับออกมาได้ ไม่มีใครรู้ชะตากรรมที่แท้จริงของพวกที่ถูกจับ เป็นที่รู้กันในหมู่สัตว์ว่า ใครก็ตามที่เห็นคนพวกนี้ ให้ใส่เกียร์หมา (ถึงจะเป็นแมวก็เหอะ) เผ่นให้เร็วที่สุดได้เลย
ตอนนี้แมวอ้วนก็รู้แล้วว่าตอนนี้มันอยู่ที่ไหน แต่อีกปัญหาก็ผุดขึ้นมาคือมันจะหนีรอดพ้นจากมฤตยูของพวกคนปลอกแขนแดงพวกนี้ไปได้ยังไง กาแฟเริ่มสวมวิญญาณ เจมส์บอน ศูนย์ศูนย์เจ็ด อย่างในหนังที่คุณแม่ชอบเปิดให้น้องฟิล์มดูบ่อยๆพรางทดลองกระบวนท่าจริงกับแมวผู้น่าสงสารตัวนี้ ฟ้าเริ่มมืด แต่แมวญาติห่างๆของเจมส์บอนก็ยังคิดหาหนทางที่จะออกไปจากที่นี่ไม่ได้สักที มันจึงตัดสินใจหลับเพื่อเพิ่มพลัง พรุ้งนี้ค่อยมาคิดต่อ
ผ่านไปสองวันแล้ว แรงฮึดของแมวอ้วนเริ่มถดถอยลงเนื่องด้วยยังไม่มีอะไรแล่นเข้ามาในหัวสมองอันน้อยนิดของมันเลย รู้เพียงว่า คนที่สัตว์ก็รู้ว่าใครจะเปิดกรงวันละหนึ่งครั้งเพื่อให้อาหาร แต่แมวยอดนักสืบก็ไม่เห็นหนทางที่จะผ่านผู้คุมตัวยักษ์ออกไปได้เลย ความคิดของมันต้องสะดุดลง เพราะด้วยว่าตอนนี้แมวผอมหนังหุ้มกระดูกกำลังชัก ดิ้นกระแด๋วๆน้ำลายฟูมปากอยู่ข้างๆกรง แมวเพื่อนบ้านอย่างกาแฟถึงกับถอยกรูไปชิดฝาผนังอีกฝังของกรงขังด้วยกลัวจะมีชะตากรรมเหมือนแมวผอมตัวนั้น
“อะไรวะ ตายอีกแล้วหรอ เฮ้ย! โชค แกเอาแมวตัวนี้ไปทิ้งทีดิ เดี๋ยวมันส่งกลิ่น แล้วกูจะกระเดือกข้าวไม่ลง”หลังสิ้นเสียง ชายคนที่ถูกเรียก ก็เปิดกรงแมวข้างๆ เอื้อมมือไปจับร่างแมวที่บัดนี้นอนแน่นิ่งแล้ว ก่อนจะโยนใส่ถุงสีดำแล้วเดินลับหายไป เหลือเพียงความหวาดกลัวของแมวตัวอื่นๆที่เห็นเหตุการณ์
หลังจากเหตุการณ์ที่ทำให้แมวเพื่อนบ้านของกาแฟจากไป ก็ดูเหมือนทุกอย่างจะเข้าสู่ความปกติอย่างรวดเร็ว กาแฟนั่งมองไปยังประตูด้วยความหวังว่ามันจะเปิดออกด้วยความท้อแท้ใจอย่างที่สุด นี่เป็นวันที่สี่แล้วที่กาแฟเข้ามาเป็นหนึ่งในคอเล็กชั่นแมวสุดสวาทของพวกคนปลอกแขนแดง
“โชค เดี๋ยวกูออกไปข้างนอกหน่อย มีธุระวะ”ชายหนึ่งในสองเอ่ยขึ้น ก่อนเปิดประตูออกไปอย่างรีบร้อน และด้วยความรีบร้อนนั้นทำให้เขาปิดประตูไม่สนิท เหมือนสวรรค์จะเมตตาแมวผู้น่าสงสารอย่างกาแฟ ความคิดหนึ่งก็แล่นแว็บเข้ามาในหัวอันแสนกลวงของเจ้าแมวน้อยตัวนี้ เมื่อพอจะมีหนทางให้หนี แมวอ้วนก็ไม่รอช้ารีบดำเนินตามแผนที่ตนนึกขึ้นได้ทันที
เหยื่อผู้เคราะห์ร้ายของเจ้าแมวจอมวางแผนยังไม่รู้ว่าภัยร้ายกำลังมาเยือน นอนเอเขนกอยู่บนเก้าอี้ สายตาจ้องมองไปยังทีวีที่กำลังฉายการแข่งขันฟุตบอลนัดสำคัญอย่างเมามันส์ ทันใดนั้นกาแฟก็เกิดอาการผิดปกติ มันเริ่มดิ้นทุรนทุราย ชักดิ้นชักงอ อย่างน่ากลัว ทำให้แฟนบอลตัวฉกาจอย่างโชคต้องละสายตาจากทีวีไปยังกรงของเจ้าแมวมีปัญหา
“อะไรวะ มาตายอะไรกันตอนนี้ คนกำลังดูบอลอยู่”ว่าพรางเปิดกรงเพื่อเอาร่างที่ตอนนี้นอนแน่นิ่งไปแล้วของกาแฟไปทิ้งก่อนที่กลิ่นจะโชยออกมา เขาหยิบแมวออกมาจากกรงด้วยความรีบร้อนเพราะอยากจะกลับไปดูบอล ทำให้ไม่สังเกตว่าแมวที่อแน่นิ่งเมื่อสักครู่ได้กลับมาหายใจอีกครั้งพร้อมกับอาวุธเล็บพิฆาตอันแหลมคมที่กางออกมาโชว์ และก่อนที่มันจะถูกโยนลงไปในถุงดำ กาแฟก็กระโจนจู่โจมทันทีโดยเล็งไปที่ใบหน้าของเทศบาลผู้โชคร้าย กาแฟไม่รอช้าในขณะที่เหยื่อของมันกำลังปิดหน้าด้วยความเจ็บปวด มันก็วิ่งออกไปทางช่องประตูที่ปิดไม่สนิทหายวับไปทันที
เมื่อผ่านเหตุการณ์เฉียดตายมาได้ แมวอ้วนก็เดินลอยคอไปมาเพื่อหาทางกลับบ้าน แต่จนแล้วจนรอดก็ยังเดินวนอยู่ที่เดิน ก่อนที่มันจะหมดแรง เงาของคนๆหนึ่งก็ทอดลงมา
“เอ๊ะ! นี่มันแมวในใบประกาศนี่นา”หญิงชราผู้ใจดีอุ้มเจ้าแมวอ้วนขึ้นมา ทำให้มันสังเกตเห็นว่าทุกๆเสาไฟฟ้าจะมีใบประกาศติดอยู่ แต่ที่น่าตกใจกว่านั้นก็คือ บนใบประกาศมีรูปถ่ายของมันติดอยู่ กาแฟมองรูปตัวเองด้วยความแปลกใจ ไม่ทันที่มันจะคิดได้ถึงสาเหตุที่ว่าทำไมถึงมีรูปมันติดอยู่ทุกซอกทุกมุม หญิงชราก็ได้เดินมาถึงหน้าบ้านหลังเล็กที่กาแฟรู้จักดี
กิ๊ง ก๊องๆ
หญิงชรากดออดหน้าบ้าน ไม่นานใบหน้าของเด็กสาวที่คุ้นเคยก็โผล่ออก เมื่อเด็กน้อยเห็นว่าใครมาและพาอะไรมาด้วย เธอก็ดีใจยกใหญ่ตะโกนบอกให้สมาชิดคนอื่นๆในบ้านรู้
“แม่จ๋า! พ่อจ๋า! มีคนเจอกาแฟแล้ว!!! กาแฟกลับมาแล้ว!!!”เสียงตึงตังดังมาจากในบ้าน ตามมาการปรากฏตัวของบุคคลที่เด็กสาวเรียกหาและพ่วงเด็กชายวัยแบเบาะมาด้วยเสียงเรียกจากเด็กหญิงปีใหม่เรียกให้พ่อและแม่ออกมาดูด้วยความดีใจ หลังจากที่กลับมาจากงานเลี้ยง ก็พบว่าบ้านถูกขโมยงัด ข้าวของบางส่วนหายไปพร้อมกับสมาชิกอีกตัวหนึ่งของบ้านก็หายไปด้วย พวกเขาจึงตกใจมากกลัวว่าเจ้ากาแฟจะเป็นอันตราย หลังจากนั้นไม่นานตำรวจก็จับกุมขโมยได้ พวกเขาได้ข้าวของที่ถูกขโมยไปคืน และได้รู้ว่าตำรวจก็เจอกาแฟด้วยแต่มันกลับวิ่งหายไป ทำให้สมาชิกในครอบครัวทุกคนไม่สบายใจ แม้แต่ฟิล์มซึ่งดูเหมือนจะรู้ว่าแมวตัวโปรดไม่อยู่ก็ยิ่งร้องไห้โวยวายหนักขึ้นไปอีก พวกเขาดีใจมากที่ได้พบ กาแฟอยู่หน้าบ้านต่างเข้าไปกอดและหอมมันฟอดให้เพื่อให้หายคิดถึง
“พอดีฉันเห็นมันเดินวนอยู่แถวหน้าปากซอยนะจ๊ะ จำได้ว่าเป็นเจ้ากาแฟ ก็เลยเอามาส่งให้”หญิงชราว่าพรางยื่นเจ้ากาแฟให้ปีใหม่
“ขอบคุณมากคะ ป้า”หญิงชรายิ้มก่อนจะเดินจากไป
และแล้วครอบครัวอันแสนอบอุ่นก็ได้กลับมาอยู่พร้อมหน้าพร้อมตากัน ทุกคนต่างยินดีกับการกลับมาของเจ้าแมวตัวแสบ และดูเหมือนทุกคนจะให้ความสำคัญกับเจ้าแมวตัวอ้วนนามกาแฟมากขึ้นหลังจากวีรกรรมอันน่าทึ่งของแมวฮีโร่ตัวนี้ที่ช่วยจับขโมย ครอบครัวอันแสนอบอุ่นก็ยังคงดำเนินต่อไปและจะยังคงเป็นอย่างงี้อีกนานตราบเท่าที่แมวเจ้าปัญหาไม่ได้ก่อเรื่องเสียก่อน-*-
“กาแฟ! แกฉี่ใส่ชุดราตรีฉันอีกแล้วใช่ไหม วันนี้แกตาย เจ้าแมวตัวแสบ!!!”
ยังไงผมก็ยังเป็นบุคคลที่สำคัญที่สุดในบ้านอยู่ดีนั้นแหละ แมวหล่อ เท่ เก่งบาดใจขนาดนี้จะหาได้จากไหนอีกนอกจากที่นี่ที่เดียว กาแฟสุดหล่อขอเผ่นก่อนคร้าบบบบ!
ผลงานอื่นๆ ของ ยัยหัวขี้เลื่อย ดูทั้งหมด
ผลงานอื่นๆ ของ ยัยหัวขี้เลื่อย
ความคิดเห็น