ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [FIC EXO] ::Distorted DayTime ::KrisYeol

    ลำดับตอนที่ #73 : CHAPTER 70

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 6.5K
      25
      3 ก.พ. 57




    Distorted Daytime









    เพ่ยฟางนั่งอยู่บนโซฟาในห้องพักคนป่วยของโรงพยาบาลเอกชนแห่งหนึ่งในกรุ่งปักกิ่งโดยมีคุณยายหลี่นั่งอยู่ข้างๆหญิงสาวชะเง้อมองร่างโปร่งที่นอนอยู่บนเตียงด้วยความเป็นห่วง คุณชานยอลสลบไปหนึ่งวันเต็มๆตอนนี้ก็ยังไม่รู้สึกตัวด้วยซ้ำ จนหล่อนกับคุณยายหลี่รู้สึกเป็นกังวลคิดว่าถ้าถึงครึ่งวันคุณชานยอลยังไม่ฟื้นคงจะต้องไปบอกพยาบาลให้ตามหมอมาดูอาการ



    คุณชานยอลทำไมยังไม่ฟื้นจ๊ะยาย นี้มันผ่านมา1วันเต็มๆแล้วนะคะ



    ยายเองก็ไม่รู้เหมือนกัน นี้ยายว่าถ้าเที่ยงแล้วคุณชานยอลไม่ฟื้นยายจะไปตามพยาบาลแล้ว เธอเองก็อย่าคิดมากเป็นห่วงคุณชานยอลจนลืมลูกในท้องล่ะ ถ้าป่วยไปอีกคนจะแย่นะ



    จ๊ะ ยายเองก็เหมือนกันนะ ทานอะไรไหมผลไม้เอาไหมคะ เดี๋ยวเพ่ยฟางปอกหะ..



    ฮื่ออ ฮึก น้ำ ...ฮึก




    คุณชานยอล/คุณชานยอล! ฟื้นแล้วเหรอคะ



    สองยายหลานลุกขึ้นจากเตียงเมื่อได้ยินเสียงคนที่หลับไปนานดังขึ้น แต่ด้วยวัยเพ่ยฟางจึงเดินไปถึงเตียงคนป่วยก่อนหญิงสาวรินน้ำในเหยือกใส่แก้วพร้อมหลอดยื่นไปให้ร่างโปร่งที่กำลังทำสีหน้าไม่สู้ดีปรับสายตาให้ชินกับแสงสว่างหลังจากที่อยู่ในความมืดนานหลายวัน



    น้ำค่ะ ค่อยๆดื่มนะคะ



    ชานยอลดื่มน้ำที่หญิงสาวยื่นให้ก่อนจะทิ้งตัวลงนอนบนเตียงหลับตาลงช้าๆพยายามเรียกความทรงจำที่เลือนหายไปชั่ววันคืนกลับมาเปือกตาสีน้ำนมลืมขึ้นช้าๆน้ำตาคลอที่หน่วยตากลมเมื่อความทรงจำทุกอย่างคืนกลับมา ชานยอลมองหน้าคุณยายหลี่ที่กำลังยิ้มให้เขาสลับกับเพ่ยฟางที่ยิ้มให้เขาไม่ต่างกันก่อนที่หญิงสาวทั้งสองคนจะต้องตกใจเมื่ออยู่ๆคนที่เพิ่งฟื้นก็ร้องไห้ออกมา



    ฮื่ออ ยาย ฮื่ออ ชานยอลไม่เคยมีอะไรกับพี่หลี่ฟง ฮื่ออ ไม่เคยมี ฮื่ออ เชื่อชานยอลนะยาย ฮื่ออ



    คำพูดว่าร้ายของคุณคริสดังขึ้นในสมองเมื่อความทรงจำกลับมา ข้อกล่าวหาที่เขาพยายามปฏิเสธและอธิบายแต่กลับไม่มีโอกาสได้พูดเพราะอีกฝ่ายไม่คิดจะฟังบทลงโทษของคนใจร้ายช่างสาหัสจนเขาเจ็บเจียนตาย ยิ่งมองดูสภาพของตัวเองที่แขนหักซ้ำรอยเดิมรอยช้ำที่ของเก่ายังไม่หายกลับมีรอยใหม่เพิ่มเข้ามาแล้วยิ่งสังเวชตัวเองกลั่นความรู้สึกทั้งหมดออกมาเป็นน้ำตา



    ยายเชื่อค่ะ ยายเชื่อคุณชานยอลไม่มีทางทำตัวเหลวไหลแบบนั้นหรอก



    แต่คุณคริสไม่เชื่อ! เขาไม่เชื่อผม เขาไม่ฟังผมเลย ฮื่ออ



    ชานยอลกุมมือของคุณยายไว้นึกถึงเรื่องเมื่อวานแล้วก็ร้องไห้ คุณยายหลี่ยกมือขึ้นวางลงบนศีรษะทุยลูบเส้นผมนุ่มเบาๆปลอบใจหวังให้อีกฝ่ายสบายใจขึ้น



    โธ่คุณค่ะ อย่าพูดอีกเลยนะคะอย่าร้อง



    ผมบอกว่าผมเจ็บ ผมเจ็บ แต่เขาก็ไม่ฟัง ฮื่ออ ไม่ฟัง ผมอยากหย่า ผมอยากจะหย่ายาย



    อย่าพูดอย่างนั้นนะคะ ไม่เอานะคะอย่างร้อง นอนพักนะคะ หรือจะทานข้าวไหม ยายจะให้พยาบาลเอามาให้



    ไม่เอา ฮื่ออ ผมอยากกลับบ้าน ผมอยากกลับไปหาแม่ ฮื่ออ ผมอยากหย่า ผมจะหย่า



    กำลังจะหันไปบอกเพ่ยฟางให้เลื่อนรถเข็นอาหารที่พยาบาลเอาเข้ามาให้ตอนเช้ามาให้เพื่อจะให้คนป่วยได้ทานอาหารแต่คำว่าหย่าที่หลุดออกมาจากปากของร่างโปร่งที่พูดด้วยน้ำเสียงจริงจังก็ทำให้หล่อนต้องหันกลับมาเผชิญหน้ากับอีกฝ่ายอีกครั้งด้วยความเป็นห่วง



    คุณอย่าพูดแบบนี้ที่ไหนนะคะ อย่าพูดเรื่องหย่า  ถ้าคุณคริสได้ยินจะทำยังไง



    อ๊ากกกก



    จบคำพูดของคุณยายชานยอลก็กรีดร้องออกมาด้วยความคับแค้นใจจนสองยายหลานถึงกับตกใจเพ่ยฟางทำแก็วน้ำที่ถืออยู่หล่นลงพื้นแตกกระจาย คุณยายหลี่รีบเข้าไปห้ามร่างโปร่งที่กำลังดิ้นพล่านร้องไห้อยู่บนเตียงก่อนจะหันไปสั่งหญิงสาวที่กำลังทำตัวไม่ถูกให้ไปตามพยาบาลมา



    เพ่ยฟางออกไปไม่นานก็กลับเข้ามาพร้อมพยาบาลอีกสองคน คุณยายกับพยาบาลอีกคนช่วยกันจับชานยอลไว้ส่วนอีกคนก็เตรียมเข็มฉีดยาโดยมีเพ่ยฟางยืนเอาใจช่วยอยู่ห่างๆ มองดูพยาบาลคนนั้นฉีดเข็มลงไปบนแขนข้างซ้ายของคุณชานยอลด้วยความเป็นห่วง สักพักคนที่กำลังอาระวาดก็สงบลง



    คนไข้จะสลบไปสักพักนะคะ ยาที่ฉีดให้เป็นยานอนหลับอย่างอ่อน ไม่ต้องเป็นห่วงนะคะ



    ค่ะ คุณชานยอลจะไม่เป็นอะไรมากใช่ไหมคะ



    ไม่หรอกค่ะ แต่ระวังอย่าทำให้คนไข้เครียดเพราะอาจจะเกิดอาการแบบนั้นอีกได้ ถ้าหมดธุระแล้วดิฉันขอตัวนะคะ



    ค่ะ ขอบคุณมากค่ะ



    พยาบาลทั้งสองเดินออกไปจากห้องโดยมีเพ่ยฟางเดินไปส่งที่ประตูก่อนจะเดินกลับมาหาคุณยายที่นั่งลงบนเก็าอี้ข้างเตียงคนไข้ หญิงสาวมองใบหน้าหวานที่เต็มไปด้วยน้ำตาของคุณชานยอลด้วยความสงสารเข้าใจความรู้สึกของชายหนุ่มเป็นอย่างดี



    น่าสงสารคุณชานยอลจังเลยนะคะยาย มีแต่เรื่องเข้ามาในชีวิต แค่เรื่องเพ่ยฟางคนเดียวก็แย่แล้ว นี้ยังมาพลาดทำเรื่องแบบนี้อีก..เฮ้ออ



    ใช่ เฮ้ออ แต่จะให้พูดเรื่องหย่าจนเข้าหูคุณคริสก็ไม่ได้ เธอก็รู้ว่าพี่อู๋ฟานของเธอเป็นยังไง



    ค่ะ ก็ได้แต่ภาวนาและช่วยกันพูดนะคะนะคะ ว่าอย่าให้คุณชานยอลพูดเรื่องนี้กับพี่อู๋ฟานเลย ไม่อย่างนั้น
    คุณชานยอลอาจจะได้กลับมานอนที่โรงพยาบาลนี้อีกเป็นครั้งที่สามแน่



    พูดจบสองยายหลานก็หันไปสบตากันแล้วก็ถอนหายใจออกมาอีกครั้งต่างคนต่างนั่งลงบนที่ของตัวเองเฝ้ารอให้คนบนเตียงฟื้นขึ้นมาหายจากอาการป่วยไข้ทางการและทางใจเสียที





    เพ่ยฟางเปิดผ้าม่านรับแสงว่างจากดวงอาทิตย์คุณชานยอลฟื้นขึ้นมาเมื่อเวลาล่วงเลยสู่เช้าวันใหม่ โดยมีคุณยายหลี่และหล่อนคอยดูแลอยู่ใกล้ๆพอฟื้นขึ้นมาร่างโปร่งก็ไม่พูดจากับใครเอาแต่นั่งเหม่ออยู่เงียบๆบนเตียงจะพูดต่อเมื่อถูกถามอาหารของโรงพยาบาลก็ไม่ยอมแตะ จนคุณยายหบี่กลัวว่าคุณชานยอลจะต้องป่วยเพราะโรคขาดสารอาหารอีกเลยกลับบ้านไปทำอาหารมาให้แทบทุกวันคุณชานยอลถึงยอมทาน แต่ไม่รู้ว่ายอมทานเพราะอยากทานหรือทานเพราะเกรงใจคนทำกันแน่ โชคดีที่คุณน้ากลับไปตั้งแต่วันนั้นเพราะสาขาที่สิงคโปร์มีปัญหา ไม่อย่างนั้นเรื่องทุกอย่างคงแย่กว่านี้



    คุณชานยอลทานอีกหน่อยนะคะ นี้คุณยายทำซุปสาหร่ายมาให้ด้วยนะ



    .....ฉันอยากกลับบ้าน



    วันนี้ก็อีกเช่นที่คุณชานยอลทานข้าวแทบนับคำได้เล่นเอาคนทำอย่างคุณยายหลี่และคนป้อนอย่างเพ่ยฟางต้องพลอยกินข้าวไม่ลงไปด้วย แถมคนป่วยยังเอาแต่พูดว่าจะกลับบ้านไม่ได้พูดแบบผ่านแล้วผ่านไปเหมือนแต่ก่อน แต่คุณชานยอลพูดด้วยน้ำเสียงแน่แน่วพร้อมกับดวงตากลมที่เริ่มแข้งกระด้างไร้แววขึ้นทุกวัน



    เดี๋ยวพรุ่งนี้นี้ก็ได้กลับแล้วค่ะ



    หญิงสาวพูดพร้อมส่งรอยยิ้มเจือนให้อีกฝ่ายทำเป็นว่าบ้านที่ร่างโปร่งพูดถึงคือคฤหาสน์ตระกูลอู๋ไม่ใช่บ้านที่เกาหลีอย่างที่อีกฝ่ายต้องการ



    ฉันอยากกลับบ้านของฉัน ฮึก ไม่ใช่ที่นั้น ไม่ใช่ ฮื่ออ



    อย่าพูดเลยนะคะ คุณก็รู้ว่ามันเป็นไปไม่ได้ จะให้เพ่ยฟางกับคุณยายย้ำอีกสักกี่ครั้งคุณถึงจะเชื่อ



    ไม่! โทรหาแม่ให้ฉันทีเพ่ยฟาง โทรหาแม่ให้ที ฮื่ออ



    ชานยอลเอื้อมมือไปจับแขนเล็กไว้ออกแรงเขย่าทั้งน้ำตา เพ่ยฟางหันไปสบตากับคุณยายที่นั่งหน้าเครียดอยู่บนโซฟาก่อนจะตัดสินใจพูดแบบนั้นออกไป



    ฉันโทรให้ได้ค่ะ แต่คุณชานยอลจะบอกคุณแม่เรื่องนี้เหรอคะ คุณไม่กลัวท่านเป็นห่วงเหรอ บทเรียนที่ผ่านมามันมากพอที่จะทำให้คุณรู้และเข็ดได้แล้วนะคะคุณชานยอล คุณจำไม่ได้เหรอว่าที่คุณหนีกลับบ้านครั้งนั้นมันจบลงยังไง พี่อู๋ฟานไม่ยอมหรอกค่ะ เขาไม่ยอมปล่อยให้คุณไปไหนหรอก



    ฮื่ออ ฉันเกลียดเค้าเพ่ยฟาง ฉันเกลียดเค้า ฮื่ออ



    ชานยอลร้องไห้โฮยอมปล่อยแขนอีกฝ่ายให้เป็นอิสระ สิ่งที่เพ่ยฟางบอกกับเขาทำให้เขาได้คิดเขาจะไม่ยอมให้แม่ต้องเดือดร้อนเพราะเขาอีกแต่เขาเองก็อยากกลับบ้านเหลือเกิน จะทำยังไงดีครับแม่ ผมจะทำยังไงดี



    เพ่ยฟางเข้าใจค่ะ คุณอย่าร้องนะคะ เอาอย่างนี้ไหมคะ เพ่ยฟางจะต่อสายหาคุณแม่คุณให้ แต่คุณต้องรับปากนะคะว่าจะไม่พูดเรื่องนี้ ถ้าพี่อู๋ฟานรู้เรื่องนี้ต้องโกรธมากแน่ เพ่ยฟางไม่อยากให้คุณโดนทำร้ายอีกแล้วค่ะ



    ขอบใจนะ แต่ไม่แล้วล่ะ ฉันอยากคุยกับแม่ ฮึก แต่ฉันกลัวตัวเองจะแสดงความอ่อนแอให้แม่เห็น ฉันกลัวแม่เป็นห่วง



    ดีจังเลยค่ะที่คุณชานยอลคิดแบบนั้น ทานข้าวอีกนะคะ เดี๋ยวเพ่ยฟางป้อน



    เพ่ยฟางพูดพร้อมกับส่งยิ้มให้คนอยู่บนเตียงด้วยความดีใจก่อนจะชวนคนป่วยให้ทานข้าวต้มกับซุปสาหร่ายที่เหลืออยู่ในถ้วยแต่ชานยอลก็ปฏิเสธอาหารที่อีกฝ่ายกำลังจะป้อนเพราะเขาอิ่มมากจริงๆ



    ไม่ล่ะ ฉันอิ่มแล้ว อิ่มมากจริงๆ



    ค่ะ ถ้างั้นก็ไม่เป็นไร พรุ่งนี้ก็ได้กลับบ้านแล้วคุณชานยอลอยากทานอะไรเป็นพิเศษไหมคะ?”



    ....ไม่ล่ะ ฉันไม่อยากทานอะไร



    ไม่ได้นะคะ คุณชานยอลเพิ่งหายป่วยต้องทานอาหารเยอะๆ เอาไก่ตุ๋นน้ำแดงดีไหมคะ หรือว่าจะเอาซุปสามอย่างดี หรือคุณอยากทานอาหารเกาหลี เดี๋ยวเพ่ยฟางจะทำให้ทาน



    ชานยอลมองหญิงสาวที่กำลังไล่เมนูอาหารมาเรียกน้ำลายเขาด้วยสายตาเอ็นดูเต็มเปี่ยมไปด้วยคำขอบคุณถึงมันจะไม่ทำให้เขารู้สึกว่าอยากทานเลยก็ตาม สุดท้ายชานยอลก็ตอบออกไปถึงแม้ว่าจะรู้สึกอบากร้องไห้มากแค่ไหนก็ตาม



    อะไรก็ได้ ทำมาเถอะ ฉันกินได้หมดแหละ



    ค่ะ งั้นเพ่ยฟางกับยายจะทำทั้งอาหารจีนทั้งเกาหลีเลยดีไหมคะ



    อื้อ ขอบใจนะเพ่ยฟาง คุณยาย ชานยอลขอบคุณมากจริงๆ



    ชายหนุ่มเอื้อมมือไปจับมือบางของหญิงสาวทำกำลังเก็บถ้วยข้าวอยู่ข้างเตียงก่อนจะหันไปมองคุณยายพูดขอบคุณทั้งน้ำตา ก็มหน้าแทบชิดกับอก จนคุณยายที่นั่งอยู่บนโซฟาต้องลุกขึ้นไปปลอบ



    อย่าร้องไห้เลยนะคะ ยายรักคุณเหมือนลูกเหมือนหลาน เพ่ยฟางเองก็รักคุณเหมือนพี่เหมือนน้องคนหนึ่ง มีอะไรก็ต้องช่วยเหลือกันสิคะ



    ฮึก ยายครับ



    ทุกเรื่องที่เกิดขึ้นทุกคนมีส่วนผิด ทั้งคุณคริส เพ่ยฟาง หรือตัวคุณเอง ยายเองก็ผิดที่โกหกคุณ ผิดที่เลี้ยงคุณคริสมาผิดๆจนกลายเป็นคนแบบนี้ ยายขอโทษนะคะ ยายขอโทษ



    ยายไม่ผิด ฮื่อ ยายไม่ผิด ชานยอลผิดเอง ชานยอลผิดเอง อื่ออ



    ชายหนุ่มซบหน้าลงบนแผ่นอกอบอุ่นของคุณยาย ร้องไห้ออกมาด้วยความรู้สึกผิดและซาบซึ้งใจ ถ้าที่นี้ไม่มีคุณยายกับเพ่ยฟางเขาจะทำยังไง ที่จีนไม่มีแม่ไม่มีพี่ไม่มีแม้กระทั่งแบคฮยอน เขาคงอยู่ไม่ได้ถ้าไม่มีสองคนนี้



    ถ้ารู้ว่าผิด ก็อย่าทำอีกนะคะ ไม่เอาแล้วค่ะ อย่าร้องไห้ เช็ดน้ำตาออกนะคะ



    คุณยายหลี่เช็ดน้ำตาออกจากใบหน้าของตัวเองก่อนจะผลักร่างโปร่งให้ออกห่าง บรรจงเช็ดหยดน้ำออกจากใบหน้าหวาน บอกกับตัวเองว่าหล่อนต้องเข้มแข็งไม่อย่างนั้นคุณชานยอลก็จะพลอยอ่อนแอไปด้วย



    ทานข้าวเสร็จแล้วก็นอนพักนะคะ พรุ่งนี้หมอก็จะมาถอดเฝือกให้แล้ว นอนพักเยอะๆจะได้แข็งแรง



    ครับ แล้วยายกับเพ่ยฟางละครับ?”



    ไม่ต้องห่วงหรอกค่ะ ยายกับเพ่ยฟางจะนั่งเล่นอยู่แถวนี้ คุณนอนพักเถอะนะคะ



    คุณยายส่งรอยยิ้มอบอุ่นให้คนป่วย ชานยอลเอนหลังลงช้าๆโดยมีคุณยายคอยห่มผ้าให้ หญิงชราเดินกลับมานั่งบนเตียงเมื่อเห้นร่างโปร่งหลับตาลง เพ่ยฟางก็เก็บถาดอาหารให้เรียบร้อยเพื่อรอให้นางพยาบาลมานำมันออกไปเมื่อถึงเวลา ทำทุกอย่างเสร็จแล้วหล่อนจึงเดินมานั่งข้างๆคุณยายที่โซฟา



    คุณชานยอลหลับหรือยังคะยาย



    หลับแล้วจ๊ะ มีอะไรหรือเปล่า เพ่ยฟางจะไปไหน



    เปล่าหรอกค่ะ ยายคะ เพ่ยฟางมีเรื่องจะปรึกษา



    อะไรเหรอ?”



    วันที่คุณชานยอลเข้าโรงพยาบาลเพ่ยฟางไปเก็บของเจอกับพี่อู๋ฟานค่ะ พี่อู๋ฟานบอกว่าจะพาคุณชานยอลไปทำงานด้วย



    อะไรนะ! จะพาไปทำงานด้วย บ้ากันไปใหญ่แล้ว



    คุณยายหลี่ร้องออกมาเมื่อฟังประโยคนั้นจบ นี้ตั้งใจจะไม่ให้คุณชานยอลกระดิกตัวได้เลยใช่ไหมถึงทำแบบนี้



    ก็นั้นน่ะสิคะ พี่อู๋ฟานบอกว่าจะไม่ยอมให้คุณชานยอลคลาดสายตาไปไหน แค่อยู่บ้านคุณชานยอลก็อ่วมหมดแล้ว ถ้าพี่อู๋ฟานพาไปทำงานด้วยถ้าเกิดพี่เขาโมโหขึ้นมาคุณชานยอลจะทำยังไง ที่นั้นเพ่ยฟางก็ไปไม่ได้ ยายก็ไม่อยู่ เพ่ยฟางเป็นห่วงคุณชานยอลค่ะยาย



    นั้นน่ะสิ โธ่เอ้ย นี้จะไม่ให้คลาดสายตาเลยใช่ไหม



    ค่ะ แกรักแกหวงของแกมาก ยิ่งมาเป็นแบบนี้พี่อู๋ฟานไม่ยอมปล่อยไปง่ายๆหรอกค่ะ



    เพ่ยฟางพูดแล้วก็หันไปมองคนบนเตียงสายตาเป็นกังวล คุณยายหลี่เองก็เหมือนกันถ้าคุณชานยอลรู้เรื่องนี้ต้องร้องไห้อีกแน่ หล่อนคิดในใจ ทุกอย่างกำลังจะดีขึ้นแล้วแท้ๆทำไมถึงกลายเป็นแบนี้ไปได้ จะมีทางไหนช่วยคุณชานยอลได้บ้างนะ คิดทุกหนทาง สุดท้ายก็หมดทางออกหล่อนจึงรำพึงออกมาเบาๆ



    เวรกรรมอะไรของคุณชานยอลนี้ เฮ้ออ แล้วเธอห้ามพี่อู๋ฟานของเธอไม่ได้หรือไง



    ไม่ได้หรอกค่ะ ยายก็รู้ว่าพี่อู๋ฟานเป็นคนยังไง เราเองก็คงจะได้แต่คอยดูอยู่ห่างๆ



    ถึงแม้จะรู้อยู่แล้วว่าผลลัพธ์จะเป็นยังไงคุณยายหลี่ก็ยังถามออกไป แล้วคำตอบของเพ่ยฟางก็เป็นอย่างที่หล่อนคิดคนอย่างอู๋ อี้ฟาน ถ้าคิดจะทำอะไรใครจะขวางได้ถึงจะเป็นคนที่ตัวเองบอกว่ารักมากมายก็เถอะ ดูอย่างคุณชานยอลสิถึงหล่อนจะมั่นใจว่าคุณคริสรักคุณชานยอลแต่เมื่ออีกฝ่ายทำให้คุณคริสโกรธใครก็ห้ามไม่ได้



    อื้มม ก็คงจะต้องทำแบบนี้ อ้อ อี้ชิง เรายังพอมีอี้ชิง อย่างน้อยก็ยังช่วยเหลือคุณชานยอลได้บ้างไม่มากก็น้อยถ้าคุณคริสเกิดบ้าขึ้นมาอีก



    อี้ชิงเองก็เป็นลูกน้องคุณคริสคงจะขัดคำสั่งมากไม่ได้ ถ้าซวยมากจริงๆอาจจะเจอหางเลขไปด้วย



    มันก็จริงแต่เราไม่มีทางเลือกแล้วเพ่ยฟาง หรือเธอมีวิธีที่ดีกว่านี้



    เพ่ยฟางพูดออกมาตามที่เห็น อี้ชิงถึงจะเป็นคนสนิทของพี่อู๋ฟานแต่ก็เป็นลูกน้องอยู่ดีจะทำอะไรก็ไม่ได้ จะห้ามก็ต้องเกรงใจ ขนาดหล่อนกับคุณยายหลี่พี่อู๋ฟานยังไม่คิดจะฟัง แล้วอี้ชิงจะทำอะไรได้ คุณยายหลี่เองก็คิดแบบนั้นเช่นกันแต่อย่างน้อยก็ยังดีกว่าไม่มีใครคอยช่วย



    ไม่มีแล้วค่ะยาย หมดหนทางจริงๆจะบอกคุณน้าก็ไม่ได้ ไม่อย่างนั้นเรื่องมันยิ่งจะใหญ่โตไปกันใหญ่



    ดีแล้วล่ะที่ไม่บอก แล้วก็อย่าเพิ่งพูดเรื่องนี้ให้คุณชานยอลได้ยินนะเพ่ยฟาง ยายกลัวแกจะเครียดจนล้ม

    ป่วยไปอีก



    คุณยายเห็นด้วยกับสิ่งที่เพ่ยฟางพูดก่อนจะไปกำชับหญิงสาวว่าห้ามพูดเรื่องคุณคริสจะพาไปทำงานด้วยให้คนป่วยฟังเพราะกลัวว่าคุณชานยอลจะเครียดจนล้มป่วยลงไปอีก



    ค่ะ ฉันจะไม่พูด แต่ยังไงคุณชานยอลก็ต้องรู้เรื่องนี้อยู่ดีนะคะยาย ถ้าปล่อยให้แกรู้เอง แกจะไม่โกรธเหรอคะ




    อาจจะโกรธ แต่ก็ดีกว่าปล่อยให้แกเครียดจนล้มป่วยไปอีกตอนนี้ร่างกายยังไม่แข็งแรง ไม่ดีหรอก เชื่อยายนะ



    ค่ะยาย งั้นยายนอนพักไหมคะ เดี๋ยวเพ่ยฟางไปนั่งเก้าอี้



    ไม่เป็นไร นั่งเถอะยายไม่ง่วง เธอเองก็ท้องอยู่พักเถอะเดี๋ยวจะไม่สบายไปอีกคน



    สุดท้ายก็ไม่มีใครได้นอนพักเพราะต่างคนต่างนั่งเงียบตกอยู่ในความคิดของตัวเอง ค้นหาทางออกให้ทางออกให้ร่างโปร่งที่นอนหลับอยู่บนเตียงแต่คิดยังไงก็คิดไม่ออกจึงเผลอหลับไปทั้งคู่ รู้สึกตัวขึ้นมาก็ตอนที่พยาบาลยกอาหารเย็นเข้ามาให้จัดการป้อนอาหารคนป่วยเรียบร้อยทั้งสามจึงได้เข้าสู่การพักผ่อนในยามค่ำคืนได้เสียที



    แสงแดดยามเช้าทำให้คนที่ตื่นเช้าอยู่เสมออย่างคุณยายหลี่ตื่นขึ้นมาได้อย่าง่ายดายเพ่ยฟางเองก็เช่นกันหล้อนลุกขึ้นมาจัดการเก็บเสื้อผ้าของใช้ทุกอย่างให้เรียบร้อยเพื่อกลับบ้านหลังจากที่คุณหมอมาเอาเฝือกออกให้คุณชานยอลเรียบร้อยแล้ว แล้วชานยอลก็ตื่นขึ้นมาเมื่อได้ยินเสียงกุกกักชายหนุ่มกระพริบตาสองสามครั้งเพื่อกรับสายตาให้คุ้นกับแสง



    อ้าว ตื่นแล้วเหรอคะ เพ่ยฟางทำให้คุณตื่นหรือเปล่า



    ไม่หรอก เก็บของกันเสร็จแล้วเหรอ



    ค่ะ เดี๋ยวพยาบาลก็มาแล้วนะคะ จะได้ถอดเฝือกออกเสียทีอยู่แบบนี้คงอึดอัดแย่"



    เพ่ยฟางหันไปพูดกับคนที่เพิ่งตื่นด้วยน้ำเสียงสดใสอดดีใจกับคนหายป่วยไม่ได้ แต่ชานยอลกลับไม่ได้รู้สึกอย่างนั้นใบหน้าหวานแต่ซีดเซียวหม่นหมองดูไม่ได้มีความสุขกับข่าวที่ตัวเองจะได้ออกจากโรงพยาบาลเลยสักนิด



    ไม่เป็นไรนะคะคุณชานยอล อ่ะ..พยาบาลมาพอดี



    หญิงสาวกำลังจะพูดปลอบใจให้ร่างโปร่งคลายเศร้าแต่พยาบาลก็เปิดประตูเข้ามาพอดีหล่อนจึงต้องถอยห่างออกไป พยาบาลพาชานยอลนั่งรถเข็นออกไปข้างนอกหลังจากตรวจเช็คอาการเบื้องต้นแล้วเพื่อพาไปพบแพทย์แล้วจะกลับมาอีกครั้งถ้าทุกอย่างเรียบร้อย คุณยายหลี่กับเพ่ยฟางจึงนั่งรอในห้องเพื่อรอให้ทุกอย่างเรียบร้อยจะได้เดินทางกลับบ้านพร้อมกันถึงแม้คุณป่วยจะดูไม่อยากกลับเท่าไหร่ก็ตาม

     

     


















    TBC...................












    สวัสดีค่ะ

    มาอัพแล้วนะคะ ตอนที่แล้วพี่คริสโดนด่าแบบานตะไท ฮ่าๆๆ เพ่ยฟางเริ่มทำให้คนอ่านมีความคิดที่ต่างกัน ได้อ่านคอมเม้นทุกคอนแล้วขอบคุณมากนะคะ สำหรับคอมเม้น ขอ ติ ข้อ ชม ทุกอย่าง

    มาถึงตอนล่าสุด ที่เ่ยฟางบอกว่าบอกคุณน้าก็ไม่ได้เพราะเรื่องจะไปกันใหญ่ คือถ้าบอกแม่พี่คริสว่าชานยอลถูกทำร้ายแม่พี่คริสก็ต้องถามถึงสาเหตุ นางไม่อยากให้เหม่ยหลินรู้ว่าชานยอลมีชู้อ่ะคะ หวังว่าทุกคนคงจะเข้าใจนะคะ


    ทวิตเตอร์ บอทฟิค #DDT นะคะ 
    ใครอยากคุยกับพี่คริส ชานยอล #DDT

    @KrisDDT
    @ChanyeolDDT


    ฟอลเลยจ้า






    ขอบคุณค่ะ












    ร่วมสกรีมในทวิตเตอร์รบกวนติด #DDT
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×